homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

ภัยร้ายความเค็มสะสมจากพริกน้ำปลา

ภัยร้ายความเค็มสะสมจากพริกน้ำปลา (Woman's Story)
ทราบหรือไม่ว่าพริกน้ำปลา นอกจากไม่ได้จัดให้อยู่ในชุดอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุแล้ว ยังอาจเป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุโดยไม่รู้ตัว เพื่อไม่เสียเวลา เราไปติดตามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวกันเลยค่ะ...

          องค์การอนามัยโลกให้รับประทานอาหารที่มีโซเดียมได้ไม่เกินวัน 1,400 มิลลิกรัม ซึ่งอาหารไทยส่วนมากจะมีรสจัดโซเดียมเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดมาก และโซเดียมที่ใกล้ตัวมากที่สุดและคนมักมองข้ามคือพริกน้ำปลา ที่แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทยไปแล้ว เพราะจะเห็นว่าคนที่จะรับประทานอาหารมักจะคลุกเคล้าข้าวกับพริกน้ำปลา และเติมพริกน้ำปลาในอาหาร นอกจากนี้แล้วก่อนที่จะกินก๋วยเตี๋ยวก็มักจะเติมน้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มสายชูลงไปด้วย

          อย่าง ไรก็ตาม การรับประทานอาหารรสเค็มมาก ๆ และบ่อย ๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองแตก โรคหัวใจ และไตวาย รวมทั้งโรคกระดูกพรุน ซึ่งผู้ที่เป็นโรคดังกล่าวอยู่แล้วจะต้องระมัดระวังอาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในโรคที่เป็นอยู่ เนื่องจากโรคดังกล่าวนี้เหมือนกับภัยเงียบที่ไม่บ่งบอกอาหารให้ผู้ป่วยได้ รู้

          คนที่เป็นก็จะไม่รู้สึกว่าเป็นอะไร แต่เมื่อเป็นความดันสูงอยู่เรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น ความยืดหยุ่นเส้นเลือดน้อยลง เส้นเลือดแข็งก็จะเปราะบาง เมื่อมีความดันสูงเรื่อย ๆ ไม่สามารถคุมได้แล้วเกิดเส้นเลือดแตกตามจุดสำคัญต่าง ๆ ก็จะทำให้เป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ กลายเป็นคนพิการ และที่ร้ายแรงที่สุดคือเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้






          ฉะนั้นแล้ว คนวัยหนุ่มสาวที่ยังแข็งแรง ก็ต้องระมัดระวังและควบคุมการรับประทานอาหารรสเค็ม เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้เกิดการสะสมโซเดียมไว้ในร่างกายมากเกินไป อีกทั้งควรเลือกใช้เกลือหรือน้ำปลาโลว์โซเดียมที่มีจำหน่ายตามร้านค้าต่าง ๆ มาปรุงรสเค็มให้อาหารแทนน้ำปลาทั่ว ๆ ไป ซึ่งน้ำปลาโลว์โซเดียมนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

          ได้ ความรู้กันไปแบบนี้แล้ว ต่อไปคงต้องหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสุขภาพที่ดีของคนที่คุณรักและตัวคุณเองค่ะ...



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

20 อาหารล้างพิษ-ฟื้นฟูร่างกายคุณสาว ๆ

ที่มา : http://health.kapook.com/view35443.html
 
อาหารเพื่อสุขภาพ



วัน เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ ค่ะ นี่ถึงเวลาสิ้นปีแล้ว เชื่อว่าคงมีหลายอย่างที่คุณผู้หญิงทั้งหลายตั้งใจจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ เดาว่าเรื่องสุขภาพก็เป็นอีกเรื่องที่คุณผู้หญิงหลายท่านปล่อยปละละเลยไม่ ได้ดูแลมาเสียนาน แต่ยังอย่าเพิ่งรู้สึกผิดไปค่ะ ยังทัน เพียงแค่เริ่มลงมือ วันนี้เราขอนำเสนอ 20 อาหารที่จะช่วยล้างพิษในร่างกายที่สะสมมานาน เริ่มดูแลเสียแต่วันนี้จะช่วยให้คุณผู้หญิงมีร่างกายที่สดใสพร้อมรับกับปี ใหม่ที่จะมาถึงนี้นะคะ
 1. สาหร่าย

          พืชสีเขียวจากทะเลที่หลายคนอาจมองข้ามคุณประโยชน์ที่มากมายไป อุดมไปด้วยแคลซียมและธาตุเหล็ก ที่มีส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูกและโลหิต ยังช่วยดูดซึมรังสีต่าง ๆ จากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นไมโครเวฟ และสามารถจับพวกโลหะหนักและขับออกจากร่างกายได้ด้วย
 2. หัวหอมใหญ่

          พืชหัวสวนครัวที่อยู่ติดครัวคนไทยมาช้านาน มีสารฟลาโวนอยด์เควอเซทิน ซึ่งช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส และฟอสฟอรัสช่วยทำให้ความจำดีขึ้น นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระช่วยล้างพิษในกระแสเลือดและ ลดระดับคอเลสเตอรอล LDL ซึ่งเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคทางเดินหายใจ และที่สำคัญคือช่วยรักษาให้ระดับน้ำตาลคงที่ เป็นผลดีกับผู้ป่วยโรคเบาหวานนะคะ


มะนาว



 3. มะนาว

          อาหารที่มีรสชาติเปรี้ยวจี๊ด ช่วยเพิ่มความจัดจ้านให้กับมื้ออาหารคุณได้ค่ะ หลังตื่นนอนนำน้ำมะนาวผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มจะช่วยล้างพิษ มีส่วนช่วยทำให้เลือดสะอาดขึ้น หากผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งก็จะช่วยล้างพิษในลำไส้ และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย
 4. เมล็ดแฟลกซ์ หรือเมล็ดป่านลินิน

          รู้จักกันดีในวงการผู้รักสุขภาพ ลักษณะคล้ายเมล็ดงา มีกรดไขมันโอเมกา-3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมอง ช่วยบำรุงความจำ และมีผลดีต่อหัวใจ รวมถึงมีสารที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างการแข็งแรงขึ้น
 5. กระเจี๊ยบ

          น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดิน ปัสสาวะ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของโรคกระเพราะอักเสบของบรรดาสาวออฟฟิศ ในกระเจี๊ยบมีสารที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้


ทับทิม



6. ทับทิม

          ในผลทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยาแก้ปวด ช่วยล้างพิษ ลดการติดเชื้อ และลดอาการอักเสบ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบ ปวดบวม ช้ำ แนะนำให้กินทับทิม เพราะช่วยลดอาการปวดลงได้ ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
 7. พืชตระกูลถั่ว

          เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ช่วยลดคอเลสเตอรอล และลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วย พืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟเบอร์สูง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย
 8.ขึ้นฉ่าย

          สุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลือด และช่วยลดความดันโลหิต ถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้า ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง และสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย




แครอท



9.แครอท

          อุดมไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน ถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมในการช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษใน สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาท สายตา ผิวหนัง ที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำ และเป็นที่ทราบกันดีว่าแครอตช่วยลดการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย
 10. มะเขือพวง

          อาหารนิยมของคนไทยที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัวและขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย อีกทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย
 11. ส้มโอ

          มีสารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่ง สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด นอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักทำอันตรายต่อร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งตับอ่อน เพราะสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย


กระเทียม



 12. กระเทียม

          สุดยอดเครื่องเทศของไทยที่มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และฆ่าพยาธิในทางเดินอาหารและระบบลำไส้ ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิต นอกจากนี้ยังช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น
 13. บลูเบอร์รี่

          ผลไม้ที่มีแอนติออกซิแดนต์สูงมากและถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารรักษาโรค เนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพรินตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดการระคายเคืองในระบบทางเดินปัสาสาวะ เนื่องจากสามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะส่งผลให้ลดการติด เชื้อในทางเดินปัสสาวะ
 14. กะหล่ำ

          เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ ยังช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ และช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น ของเสียจากควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย


น้ำบีทรูท



 15. บีทรูต

          ผักสีแดงมหัศจรรย์นี้ ประกอบไปด้วยไฟโรเคมีคอล วิตามินและเกลือแร่หลายชนิด มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อโรค ทำความสะอาดเลือด ตับและระบบน้ำเหลือง อีกทั้งมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น จึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้น ยังช่วยปรับระดับกรด-ด่างในเลือดให้สมดุลด้วย
 16. อะโวคาโด

          ปัจจุบันคุณผู้หญิงสามารถหาซื้ออะโวคาโดได้ทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอนที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือด อุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก
 17. ตำลึง

          ผักใบเขียวที่ขึ้นง่ายและราคาไม่แพง แต่ประโยชน์นั้นมหาศาลเชียวค่ะ เพราะตำลึงมีคุณสมบัติ ช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย


แอปเปิ้ล



 18. แอปเปิ้ล

          ประกอบไปด้วยเพกติน ไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ปะปนมากับ อาหาร ซึ่งจะทำลายเซลล์สมอง นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส
 19. อัลมอนด์

          มีใยอาหารสูง มีแคลเซียมและโปรตีน แม้จะมีไขมันอยู่บ้างแต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกายใน นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่ปกติ


กล้วย



 20. กล้วย

          มีเกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงแก่กระเพาะอาหาร ช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
          20 สารอาหาร ดูเหมือนเยอะ แต่ไม่ได้แนะนำให้กินในคราวเดียวกัน เลือกกินตามโอกาส แต่รับรองค่ะว่าอาหารแต่ละชนิดนั้นให้ผลในเร็ววัน ร่างกายสดใสพร้อมรับปีใหม่แน่นอน แต่อย่ากินเฉพาะปีนี้นะคะ ควรกินตลอดไปจะดีที่สุดค่ะ

จักษุแพทย์เตือนระวังโรคจอตา พบป่วยเฉลี่ยปีละแสนราย

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์
เผย คนไทยเป็นโรคเกี่ยวกับจอประสาทตานับแสนคนต่อปี สาเหตุหลักมาจากสายตาสั้นมาก-เกิดอุบัติเหตุ แนะหากรู้อาการตั้งแต่แรกควรพบจักษุแพทย์เพื่อรักษาให้หาย

รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงโรคตาที่ประชาชนต้องให้ความสำคัญ ว่า โรคตาอีกโรคที่ไม่ควรมองข้าม คือ โรคเกี่ยวกับจอประสาทตา

เช่น จอประสาทตาลอก จอตาเสื่อม โดยโรคเกี่ยวกับจอประสาทตา ถือเป็นโรคที่เป็นกันจำนวนมาก ในประเทศไทยคาดว่าจะมีจำนวนตั้งแต่หลักหมื่นถึงแสนคนต่อปี แต่ถ้าทราบอาการและมารักษาตั้งแต่เริ่มแรกจะไม่อันตรายและรักษาให้หายได้

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคนี้ คือเคยประสบอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนกับดวงตา หรือคนที่มีสายตาสั้นมากๆ ตั้งแต่ 500-600 ขึ้นไป

รศ.นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า จอประสาทตานั้น ทำงานเหมือนกับฟิล์มในกล้องถ่ายภาพ คอยรับแสงรับภาพส่งไปยังประสาทแล้วประมวลผลออกมา อาการเตือนของโรค คือ มองเห็นเหมือนจุด หรือหยากไย่ลอยไปมา หรือเห็นเป็นแสงเหมือนฟ้าผ่า

หาก พบว่ามีอาการเช่นนี้แสดงว่า น้ำวุ้นลูกตาแห้ง จากนั้นวุ้นลูกตาจะเสื่อมสภาพ หากมีบริเวณที่วุ้นติดกับจอประสาทตามากกว่าปกติ จะส่งผลทำให้เกิดการดึงรั้งจอประสาทตาเวลาที่วุ้นตาหดตัวและดึงรั้งจอประสาท ตา เมื่อมีอาการเช่นนี้ควรไปพบจักษุแพทย์

เพราะถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ ประสิทธิภาพในการมองเห็นจะลดลง เพราะจะเริ่มมีม่านดำเป็นบางบริเวณและจะเริ่มมองไม่เห็นในที่สุด ส่วนการรักษาหากอาการยังอยู่ในช่วงเตือน รักษาได้โดยการฉายแสงเลเซอร์ แต่หากอาการถือขั้นมองไม่เห็น ก็รักษาด้วยการผ่าตัดให้กลับมามองเห็นเหมือนเดิมได้

“สำหรับการป้องกันที่สามารถทำได้ เลี่ยงการใช้แสงน้อย พักสายตาระหว่างการใช้คอมพิวเตอร์ และเวลาออกแดดก็ควรมีการสวมแว่นกันแดดเพื่อรักถนอมมสายตา” รศ.นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

รู้ไว้ใช่ว่า........กับโรคตาบอดสี

ที่มา : คลังปัญญาไทย ดอทคอม
โรคตาบอดสี
โรคตาบอดสี

อะไรคือโรคตาบอดสี ?????ตาบอดสี
หรือที่เรียกว่า colour blindness
เป็นอาการที่ตาของผู้ป่วยแปรผลแปรภาพสีผิดไปจากผู้อื่นที่เป็นตาปกติ
ตาเป็นอวัยวะจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขในสังคม
หากเกิดความผิดปกติไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดที่มีผลกระทบต่อการมองเห็น
บุคคลนั้นๆ ย่อมได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ภาวะตาบอดสีเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในสังคมมากพอสมควร



โดยปกติแล้วตาคนเราจะมีเซลรับแสงอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เรียกว่า rods
เป็นเซลรับแสงที่รับรู้ถึงความมืด หรือสว่าง
ไม่สามารถแยกสีออกได้และจะมีความไวต่อการกระตุ้น
แม้ในที่ที่มีแสงเพียงเล็กน้อย เช่น เวลากลางคืน
เซลกลุ่มที่สองเป็นเซลทีทำหน้าที่มองเห็นสีต่างๆ เรียกว่า cones
โดยจะแยกได้เป็นเซลอีก 3 ชนิด ตามระดับคลื่นแสงหรือสีที่กระตุ้น คือ
เซลรับแสงสีแดง เซลรับแสงสีน้ำเงิน และเซลรับแสงสีเขียว





สำหรับแสงสีอื่นๆ เกิดจากการกระตุ้นเซลดังกล่าวนี้มากกว่าหนึ่งชนิด
แล้วให้สมองเราแปลภาพออกมาเป็นสีที่ต้องการ เช่น สีม่วง
เกิดจากแสงที่กระตุ้นทั้งเซลรับแสงสีแดง และเซลรับแสงสีน้ำเงิน
ในระดับที่พอๆ กัน การเกิดสีต่าง ๆ ที่มองเห็นเหล่านี้
ก็เช่นเดียวกับหลอดภาพของเครื่องรับโทรทัศน์นั่นเอง
ซึ่งเซลกลุ่มที่สองนี้จะทำงานได้ดีต้องมีแสงสว่างเพียงพอ





ดังนั้นในที่สลัวๆ เราจึงไม่สามารถแยกสีของวัตถุได้แต่ยังพอบอกรูปร่างได้
เนื่องจากมีการทำงานของเซลในกลุ่มแรกอยู่ ต่อเมื่อเพิ่มแสงสว่างขึ้น
เราจึงมองเห็นสีต่างๆ ขึ้นมา



ตาบอดสีมีหลายชนิด ชนิดที่พบบ่อยที่สุด เรียกว่า red/green colour
blindness โดยจะแยกสีแดงและสีเขียวค่อนข้างลำบาก
โดยเฉพาะเวลาที่แสงไม่สว่างนัก ส่วนน้อยลงมาของคนที่มีตาบอดสี
คือพวกที่ไม่สามารถแยกสีน้ำเงินกับสีเหลือง
จะมีบ้างเหมือนกันที่เป็นโรคตาบอดสีทุกสีเลย แต่เป็นส่วนน้อยมาก คนที่บอดสี
แดง-เขียวมักจะบอดสี น้ำเงิน-เหลืองด้วย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นตาบอดสีชนิดใด
ล้วนจะมีสายตาหรือการมองเห็น (vision) ที่เป็นปกติ
เพียงแต่ความสามารถในการแยกสีไม่ปกติเท่านั้นเอง



กลุ่มที่มีความผิดปกติที่เกิดขึ้นมาภายหลัง
มักเกิดจากการถูกทำลายของจอประสาทตา เส้นประสาทตา หรือส่วนรับรู้ในสมอง
จากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การอักเสบ ภาวะขาดเลือด อุบัติเหตุ เนื้องอก
การเสื่อมลงของจอประสาทตา หรือผลข้างเคียงจากยาหรือสารเคมี





ผู้ป่วยมักจะมีอาการเรียกชื่อสีหรือเห็นสีผิดไปจากเดิม
โดยมากพบความผิดปกติของการมองสีน้ำเงินเหลืองมากกว่าแดงเขียว
ความผิดปกติของตาทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน อาจเป็นตาเดียวหรือทั้ง 2 ตา
มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นหรือลดลงได้ รวมทั้งมีความผิดปกติของสายตาด้านอื่น ๆ
เช่น การมองเห็นและลานสายตาลดลงได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค



ในรายที่เป็นไม่รุนแรง ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแต่อย่างใด
ส่วนในรายที่เป็นรุนแรง ผู้ปกครองอาจจะสังเกตพบตอนเป็นเด็ก อย่างไรก็ตาม
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเฉพาะ ถ้าเป็นแล้ว จะเป็นตลอดชีวิต
โดยเฉพาะแบบที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ยังไม่พบวิธีรักษาที่ได้ผล



ส่วนประเภทที่เกิดจากโรคต่างๆ ที่มีผลต่อจอประสาทและเส้นประสาทตา
เมื่อเกิดอาการมองเห็นสีผิดปกติไปให้รีบมารับการตรวจรักษา
อาจป้องกันไม่ให้เกิดความผิดปกติถาวรได้

7 อาการกวนใจของแม่ตั้งครรภ์

7 อาการกวนใจของแม่ตั้งครรภ์ (Mother & Care)
อาการระหว่างตั้งครรภ์มีหลากหลาย บางคนเกิดขึ้นไม่กี่อาการ บางคนท้องจนท้อ ซึ่งอาการส่วนใหญ่ มักทำให้รู้สึกไม่สบายตัว พลอยทำให้ไม่สบายใจตามมา ดังนั้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น เรามีมูลเหตุของอาการและการปฏิบัติตัว ช่วยให้คุณสบายกาย สบายใจ มาฝากกันค่ะ

1. แพ้ท้อง : อาการเด่น ๆ เลยคือ คลื่นไส้อาเจียน เหม็น เบื่ออาหารหรือกินไม่ค่อยลง ส่วนใหญ่เป็นช่วง 3 เดือนแรก บางคนเท่านั้นที่จะเป็นถึงช่วงใกล้คลอด

กินครั้งละน้อย ๆ พออิ่ม และเคี้ยวอาหารช้า ๆ ให้ละเอียด เพื่อให้อาหารย่อยง่ายขึ้น หรืออาหารอ่อน ๆ เช่น นม น้ำซุป โจ๊ก ข้าวต้ม

จิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ หรือน้ำขิงอุ่น ๆ จะช่วยบรรเทาอาการและทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสีย จากการคลื่นไส้ได้

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้คุณผ่อนคลายจากอาการ และรู้สึกดีขึ้น

2. ปัสสาวะบ่อย : ช่วงเดือนแรก ๆ มดลูกมีการขยายตัวขึ้นไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะมีความจุน้อยลง จึงเกิดอาการอยากเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ บางครั้งก็มีอาการปัสสาวะเล็ดเวลาจามหรือไอได้ เป็นอาการกวนใจ รู้สึกไม่สบายตัว

เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น มดลูกจะเริ่มพ้นเชิงกรานไป อาการที่เป็นก็น้อยลง และเป็นอีกรอบในช่วงใกล้คลอดเมื่อท้องเริ่มต่ำลง เรื่องที่ต้องใส่ใจให้มาก คือ ความสะอาดค่ะ

ถ้าปัสสาวะบ่อยร่วมกับมีอาการปวด แสบ หรือมีเลือดปนมากับปัสสาวะ ให้รีบพบคุณหมอ เพราะอาจเป็นการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ

3. ท้องผูก : การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน มีผลต่อการยืดขยายตัวของกล้ามเนื้อทางเดินอาหาร ทำให้ระบบการย่อยทำงานช้าลง และเกิดอาการท้องผูก ที่สำคัญ ถ้าปล่อยให้เป็นนาน อาจทำให้เป็นริดสีดวงทวารได้

กินอาหารที่ให้กากใยอย่างผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ถั่ว ธัญพืชชนิดต่าง ๆ ยังเป็นหลักการกินที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยลดอาการท้องผูกได้เสมอ ทุกเพศ ทุกวัยด้วยค่ะ

น้ำ มีส่วนช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานสะดวก การดื่มน้ำมากขึ้น หรือกินน้ำลูกพรุนก็ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น

4. จุกเสียด แน่นหน้าอก : อายุครรภ์มากขึ้น มดลูกก็ขยายตาม จึงเบียดกระเพาะอาหารและทำให้ระบบการย่อยอาหารช้าลง น้ำย่อยในกระเพาะอาหารจึงย้อนกลับไปที่หลอดอาหาร เกิดอาการจุกเสียดแน่นหน้าอก เรอเปรี้ยว หลังจากกินอาหารอิ่มนั่นเอง

กินครั้งละน้อย ๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด และไม่กินจนอิ่มมากเกินไป

เครื่องดื่ม เช่น น้ำขิง น้ำมะตูม ที่มีสรรพคุณระบายลมในกระเพาะ ช่วยย่อยอาหาร ก็ลดอาการจุดเสียดได้ดี

เสื้อผ้าที่สวมใส่ ก็ต้องไม่คับแน่นเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง กดทับบริเวณกระเพาะอาหารมากขึ้น

5. ปวดหัว : มีหลาายเหตุผลที่เป็นต้นเหตุ แต่อย่างไรก็ตาม คุณต้องใส่ใจกับอาการปวดหัว ไม่ให้เกิดความเครียดได้ง่าย ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อลูกน้อยในท้อง ดังนั้น การดูแลรักษาสุขภาพกายและใจอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เปลี่ยนอิริยาบถและกิจกรรมที่ทำบ้าง เพื่อให้ระบบไหลเวียนของการร่างกายทำงานดีขึ้น หรือผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบ ๆ ศีรษะ ด้วยการนวดก็ช่วยลดอาการปวดหัวได้

จัดระเบียบสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าที่ห้องนอน, โต๊ะทำงานให้โล่ง โปร่ง เป็นวิธีดี ๆ ที่ช่วยให้คุณรู้สึกสบายตา สบายใจขึ้น

พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สบาย คิดถึงสิ่งดีๆ ก็ช่วยคลายอาการ ปลดล็อกความเครียดในใจด้วยค่ะ

6. ตะคริว : กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ทำให้รู้สึกปวด เช่น น่อง ปลายเท้า ได้บ่อยๆ เพราะเกิดจากภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำหรือการไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก

ถ้าเป็นที่ต้นขา ให้เหยียดหัวเข่าให้ตรง ยกเท้าขึ้นจากพื้นเล็กน้อยและกระดกปลายเท้าลงด้านล่าง ส่วนที่น่อง ใช้ผ้ายาว ๆ คล้องที่ปลายเท้า ดึงผ้าเข้าหาตัวให้ตึง ให้ปลายเท้ากระดกเข้าหาตัว หรือใช้หมอนรองขาเพื่อลดอาการ

ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ไม่อยู่ในท่าเดิมนาน ๆ การกินอาหารที่มีแคลเซียม ก็มีส่วนช่วยนะคะ เช่น นม ปลาตัวเล็ก ผักใบเขียว เป็นต้น

7. อาการบวม / เส้นเลือดขอด : การคั่งของน้ำในเนื้อเยื่อมากกว่าปกติ ทำให้มีอาการบวมหลังเท้า และเรื่องเส้นเลือดขอด ที่เกิดจากมดลูกกดทับเส้นเลือดดำ มักเกิดบริเวณขา ก็เป็นอาการที่ทำให้แม่ตั้งครรภ์รู้สึกอึดอัด จะเดิน นั่ง ไม่คล่องตัวนัก

เวลานั่งหรือนอน ยกเท้าสูงเล็กน้อย จะช่วยลดอาการลงได้

อย่านั่งหรือยืนนาน ไม่ใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าที่รัดแน่นเกินไป จะยิ่งทำให้อาการเป็นมากขึ้น

คุณแม่ท่านใดติดการปรุงอาหารรสเค็มจัด ต้องเลิกค่ะ เพราะเกลือทำให้ปริมาณโซเดียสูงกว่าปกติ ยิ่งทำให้คุณแม่รู้สึกกระหาย ร้อนใน มีความเสี่ยงต่อการมีภาวะความดันโลหิตสูง ทำให้เกิดอาการบวมได้ (และยังมีอาการอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายตามมาอีกเป็นหางว่าว)

ห้ามซื้อยาขับปัสสาวะมากินเด็ดขาด ถ้าหากหน้าหรือแขนบวม ต้องแจ้งคุณหมอให้ทราบ