โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 5 กรกฎาคม 2548 16:56 น. |
|
|
ขนมไทยของเรานั้น นอกจากจะหอมหวาน กินได้อร่อยแล้ว ก็ยังมีความหมายที่เป็นมงคลอีกด้วย วันนี้ “108 เคล็ดกิน” จึงได้นำเอาขนมไทยที่มีชื่อเป็นมงคล 9 อย่าง และความหมายดีๆ ของแต่ละอย่างมาเล่าสู่กันฟัง
เริ่มจากขนมไทยที่คุ้นเคยกันดีอย่าง ทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทอง ซึ่งคำว่าทองในชื่อก็เป็นความหมายว่าให้มีทองไหลมาเทมาเหมือนชื่อ โดยเฉพาะฝอยทองที่มักจะใช้ในงานมงคลสมรสนั้น มีเคล็ดว่าห้ามตัด แต่ต้องปล่อยให้เป็นเส้นยาวๆ เพื่อที่ชีวิตสมรสจะได้ยืนยาวต่อไป
ส่วนเม็ดขนุน ก็มีชื่อเป็นสิริมงคลที่หมายความว่าจะช่วยให้มีคนสนับสนุน หนุนหลังให้กิจการงานต่างๆ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และขนมชั้นก็เหมาะสำหรับคำอวยพรที่ว่า ขอให้ได้เลื่อนขั้นเลื่อนชั้น เลื่อนตำแหน่ง และถ้าจะให้ดี ขนมชั้นนี้ก็ต้องมี 9 ชั้น จะได้ก้าวหน้า เลื่อนขั้นเร็วๆ
ขนมทองเอก นอกจากชื่อจะเป็นทองแล้ว ก็ยังมีทองคำเปลวติดอยู่บนขนมด้วย ซึ่งคำว่าเอกนั้นแปลว่าที่หนึ่ง การให้ขนมทองเอกนั้นก็เหมือนว่าอวยพรให้เป็นที่หนึ่ง และขนมจ่ามงกุฎ ซึ่งหมายถึงการมีเกียรติสูงสุด เป็นเจ้าคนนายคน ขนมทั้งสองอย่างนี้ก็จะใช้เป็นการแสดงความยินดีที่ได้เลื่อนตำแหน่ง
และขนมสองอย่างสุดท้ายก็คือ ขนมถ้วยฟู ซึ่งหมายถึงการอวยพรให้มีความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟู และขนมเสน่ห์จันทน์ ซึ่งใช้ผลจันทน์ จากต้นจันทน์มาเป็นส่วนผสมให้มีกลิ่นหอม และเชื่อว่าจะทำให้มีเสน่ห์ มีคนรักใคร่ มักจะใช้ในงานมงคลสมรส
ทั้งอร่อยทั้งมีความหมายดีๆ แบบนี้ จะเอาไว้กินเองหรือมอบให้เป็นของขวัญในโอกาสต่างๆ ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 30 สิงหาคม 2548 16:58 น. |
|
|
ใครที่วันๆ ดื่มน้ำแค่นิดเดียว แถมยังชอบกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ รับรองได้ว่าไม่ช้าไม่นานโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจะถามหา และขืนทำบ่อยๆ เข้าอาการก็จะหนักจนกลายเป็นโรคนิ่วได้
แต่รู้ไหมว่ามีสมุนไพรไทยอยู่ตัวหนึ่ง ที่มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ นั่นก็คือ “หญ้าหนวดแมว” พืชล้มลุกที่หน้าตาคล้ายกับกะเพราหรือโหระพา มีดอกสีขาวหรือสีม่วง และเกสรตัวผู้จะมีลักษณะเป็นเส้นยาวออกมาคล้ายหนวดแมว จนเป็นที่มาของชื่อมันนั่นเอง
ในหญ้าหนวดแมวนั้น จะมีธาตุโพแทสเซียมมาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มการขับกรดยูริค หรือช่วยขับปัสสาวะ และช่วยให้เกลือยูเรตไม่จับตัวกันเป็นก้อนนิ่ว รวมทั้งหญ้าหนวดแมวยังช่วยป้องกันไม่ให้แคลเซียมตกค้างในไต ลดการเกิดนิ่วได้ แถมยังช่วยขยายท่อไตทำให้อาการปวดลดลง นอกจากนั้นการที่เราปัสสาวะถี่ขึ้น ก็จะทำให้นิ่วก้อนเล็กๆเคลื่อนลงมาได้ ส่วนวิธีบริโภคหญ้าหนวดแมวก็คือ นำใบและดอกที่ตากแห้งประมาณหยิบมือหนึ่งมาต้มกับน้ำ 1 ขวด ต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่หญ้าหนวดแมวลงไป ปิดฝาหม้อไว้สัก 20 นาทีเป็นอันใช้ได้
มีข้อควรระวังอย่างหนึ่งคือ ในหญ้าหนวดแมวนั้นมีโพแทสเซียมมาก จึงไม่ควรให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจดื่ม เพราะจะทำให้กระตุ้นหัวใจ เป็นอันตรายได้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กันยายน 2548 17:00 น. เดี๋ยวนี้เวลามองไปทางไหนก็เห็นแต่คนอ้วนอยากผอม ดูโฆษณาทางทีวีทีไรก็เห็นมีแต่ผลิตภัณฑ์ขายความผอม แต่ "108 เคล็ดกิน" ก็รู้นะว่ายังมีคนผอมอีกหลายคนที่อยากจะเพิ่มน้ำหนักให้ตัวเองดูมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้าง แต่กินยังไง้...ยังไงน้ำหนักก็ไม่ขึ้นเสียที
ผู้ที่มีปัญหาเช่นนี้อาจเพราะว่าเป็นคนที่ใช้พลังงานมาก แต่พักผ่อนน้อย กินน้อย แถมเลือกกินอีกต่างหาก หรือสำหรับบางคนอาจเกิดจากปัญหาทางร่างกาย เช่นต่อมธัยรอยด์ทำงานมากเกินไป ทำให้อาหารถูกเผาผลาญมาก หรือลำไส้ดูดซึมอาหารไม่ดี เป็นโรคกระเพาะ โรคลำไส้ เป็นต้น อันนี้ก็ต้องปรึกษาแพทย์กันไปตามอาการ
แต่ถ้าอยากอ้วนขึ้นด้วยการกินละก็ กองโภชนาการ กรมอนามัย เขาแนะนำมาว่า จะต้องกินอาหารให้ได้แคลอรี่วันละ 3,000-3,500 โดยกินอาหารที่ให้พลังงานสูงอย่าง เนย ไอศกรีม ขนมหวาน ผลไม้ที่ให้พลังงานสูงๆ และต้องกินอาหารจำพวกโปรตีน เช่น นม ไข่ ถั่ว เนื้อสัตว์ให้มากกว่าปกติ อย่ากินอาหารที่มันจัด หรือหวานจัด เพราะจะทำให้กินได้น้อยลง แล้วถ้าใครยังเบื่ออาหารอยู่อีกละก็ ต้องออกกำลังกายให้มากขึ้น และพักผ่อนให้เพียงพอ ทำให้ได้อย่างนี้แล้วน้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นได้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กันยายน 2548 15:35 น. |
|
ปากของเราเป็นด่านแรกที่อาหารจะต้องผ่านเข้าไป แต่ลองคิดดูสิว่า หากในปากเราไม่มีเหงือกและฟัน การกินอาหารคงจะหมดรสชาติไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ฟันถือเป็นอวัยวะที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกาย แต่ก็ยังผุกร่อนได้เพราะการกินอาหารไม่ถูกต้อง และไม่ได้รับการดูแลรักษา แต่เหงือกนั้นสำคัญยิ่งกว่าฟันเสียอีก เพราะเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อน มีหน้าที่หุ้มรากฟัน ทันตแพทย์มักจะบอกเสมอว่า รักษาโรคเหงือกยากกว่ารักษาโรคฟันเสียอีก วันนี้ "108 เคล็ดกิน" จึงมีวิธีบำรุงรักษาฟันและเหงือกด้วยการกินมาฝาก
สำหรับฟันของเรานั้น ต้องการสารอาหารประเภทแคลเซียมและฟอสฟอรัส รวมทั้งวิตามิน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นตัวประกอบให้ฟันเราแข็งแรง โดยปกติแล้ว ถ้าเรากินอาหารครบ 5 หมู่ เราก็จะได้ฟอสฟอรัสเพียงพอจากการกินอาหาร แต่อาหารส่วนใหญ่ไม่ได้มีแคลเซียมเสมอไป ร่างกายเราจึงมักขาด ดังนั้นจึงต้องเสริมด้วยอาหารจำพวกน้ำนม เนยแข็ง หรือผักประเภทกะหล่ำดอก มะเขือเทศ ฟักทอง ผักโขม ตำลึง ใบมะกรูด ใบกระเพาขาว ใบแค ใบบัวบก ใบยอ ใบ ไข่แดง ปลา ปลาตัวเล็กที่กินได้ทั้งกระดูก และสำหรับน้ำอัดลมนั้นถือเป็นศัตรูของฟันเลยทีเดียว เพราะมีฤทธิ์กัดกร่อนมาก
ส่วนเหงือกนั้น ก็ควรบำรุงด้วยการกินผลไม้สด ผักสด ที่ให้วิตามินซี เช่น ส้มต่างๆ มะนาว มะเขือเทศ มะละกอ ฝรั่ง สับปะรด กะหล่ำปลี ผักกาดหอม หัวหอม ซึ่งอาหารประเภทนี้จะ ให้วิตามินสูง เหงือกของเราจะได้สีสดใส ไม่คล้ำหรือซีด ดูเป็นคนสุขภาพดี ไม่เป็นโรคเลือดออกตามไรฟันด้วย
คนที่เคยเป็นโรคเหงือกหรือโรคฟันคงจะเข้าใจถึงความทรมานได้ดี เพราะฉะนั้นเรามาดูแลอวัยวะสำคัญสองสิ่งนี้ของเราไว้ก่อนจะสายเกินไปดีกว่า