บรูสเกต้า (Bruschetta)

บรูสเกต้า (Bruschetta)

ส่วนประกอบ

- มะเขือเทศลูกใหญ่สีแดง 6 ขีด - น้ำตาลทรายแดง 5 ช้อนโต๊ะ - เกลือ 3 ช้อนชา - น้ำส้มสายชู 4 ช้อนโต๊ะ - กระเทียมซอยบางๆ 1/2 ถ้วย - ใบโหระพา 1 ถ้วย - ขนมปังฝรั่งเศส 2 แท่ง - ออริกาโน 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. นำมะเขือเทศไปต้มจนเปลือกแตก (ไม่ต้องเละมาก) นำขึ้นมาลอกปอกเปลือกออก สับให้ละเอียด ใส่ชามพักไว้ 2. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดในมะเขือเทศที่สับแล้ว ยกเว้นกระเทียม แบ่งใส่ลงไปเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งเหลือไว้โรยหน้า คนให้เข้ากันจนน้ำตาลและเกลือละลาย 3. โรยหน้าด้วยกระเทียมที่เหลือพร้อมกับใบโหระพา ตกแต่งให้สวยน่ารับประทาน 4. ขนมปังหั่นแฉลบเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 เซนติเมตร อบไฟปานกลาง (350 องศาฟาเรนไฮต์) พอให้กรอบนอกนุ่มใน ยกออกไปเสิร์ฟ 5. ก่อนรับประทานนำบรูสเกต้าไปแช่ในช่องฟรีสหนึ่งชั่วโมงหรือช่องธรรมดา 2-3 ชั่วโมงให้เย็น วิธีรับประทาน - ตักบรูสเกต้าบนขนมปังแต่ละคำที่จะรับประทาน ควรมีกระเทียมอย่างน้อย 1-2 ชิ้น โหระพา 1 ใบ จึงจะได้รสชาติอิตาลีแท้ - ถ้าใช้ขนมปังฝรั่งเศส (bugette) ต้องหั่นให้บางกว่าในรูปประมาณครึ่งเซนติเมตร และอบให้กรอบ หรือใช้ขนมปังแครกเกอร์ก็อร่อยและสะดวกดี

ญามา (YAMA) “อาหารโฮมเมด” ... ถูกและอร่อย / แม่ช้อยนางรำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

22 พฤษภาคม 2548 15:49 น.

“คุณญามา” กับตู้โชว์เค้กนานาชนิด ที่เธอประดิษฐ์ประดอย        “เจ้าของร้านเป็นศิลปินจากศิลปากร        สำเร็จมัณฑนศิลป์แต่มาหากินกับอาหาร        เหตุผลเพราะเป็นคนชอบรับประทาน        ใครทำให้ทานหรือจะอร่อยเท่าเราทำให้คนอื่น”               ขนมเค้ก . . ทั้งเค้กธรรมดาและเค้กหน้าที่เจ้านายเคยชมว่าอร่อยนักอร่อยหนา               เป็นเค้กที่อีชั้นซื้อมาจากร้าน “ญามา” นี่ล่ะเจ้าค่ะ               แต่ก่อนเขาขายอยู่ที่ห้องแถวโบราณ ทางโค้งถนนตรงกันข้ามกับป้อมพระสุเมรุ แล้วจู่...จู่ก็หายไป               อีชั้นก็เลยไม่ได้ซื้อไปฝากเจ้านาย สาเหตุอย่างหนึ่งก็เพราะเจ้านายไม่จ่ายสตางค์               แต่ตอนนี้หวังว่า (ถ้าเจ้านายจ่ายค่าเค้กมาให้บ้าง) เจ้านายคงจะได้กินกันอร่อยอีกแล้ว เพราะร้าน “ญามา” เขาย้ายไปอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เก่า
“ร้านญามา” อยู่ถนนสามเสน ใกล้เขตพระนคร หรือตรงข้ามซอยวรพงษ์        “ญามา” ชื่อที่เก๋ไก๋ แถมสะกดด้วยตัวไม่เหมือนใคร เจ้าของร้านเป็นคนอยู่ในแวดวงอาหารหวาน-คาว โดยเฉพาะอาหารฝรั่งกับอาหารมังสวิรัติมาหลายสิบปี               ทั้งๆ ที่เธอเล่าเรียนวิชามัณฑศิลป์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร               แต่พอจบปั๊บ . . เธอก็เปิดร้านขายขนมปัง ขนมเค้ก อาหารฝรั่งประเภทอะลาคลาสจานเดียวเรื่อยมา เอาวิชาฝากครูบาอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยไว้               ส่วนตัวเองก็ลุยไปหัวเห็ดเจ็ดย่านน้ำ ไปประเทศต่างๆ ทั้งยุโรป อเมริกา ที่เขาเล่าลือกันว่าทำอาหารอร่อย “ญามา” ไปกิน ไปเรียนเขามาเรียบ               เก็บวิชาเขามาแล้วจึงเปิดร้าน “ญามา” อยู่ที่โค้งป้อมพระสุเมรุที่ว่ามาหลายสิบปี แล้วก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ . . . นัยว่าทนค่าเช่าไม่ไหว               **********************               เหตุผลที่อีชั้นเป็นลูกค้าประจำกันมาหลายปีดีดัก ก็เพราะว่าขนมเค้ก หรือไม่เค้กร้านนี้เขาใช้เครื่องปรุงผสมอย่างดี        ประเภทโรงแรมสี่ห้าดาวเขาใช้กันทั้งนั้น               แต่ว่าถึงสนนราคาแล้วถูกกว่าเป็นเท่า . . สองเท่าตัว               ที่ทำเช่นนั้นได้ก็เพราะ “ญามา” เธอทำเองทุกอย่างสารพัด ไม่มีลูกกวนตัวไม่มีผัวกวนใจ อยู่คนเดียวแสนสบาย ทำขนมขายได้ลูกค้าได้อบอุ่นกว่า
อาหารจานเดียว มีทั้งเส้น . . ผัก . . และข้าว แบบตะวันตกพบตะวันออก        **************************                เมนูแนะนำ “ร้านญามา”                อาหารจานเดียว (อะลาคลาส)        -ข้าวหมูอบ 40 บาท        -สลัดผักทอสคาน่าแบบอิตาเลียน 60 บาท        -สปาเกตตี้โบโลเนส 60 บาท               ขนมเค้กราคาตั้งแต่ 35-55 บาท มีมากมายหลายชนิดเชิญเลือกกันเอง                ***************************                ก็แบบฉบับร้าน “โฮมเมด” คือทำด้วยมือ อาหารทุกจานสั่งแล้ว “ญามา” ถึงจะลงมือปรุงเอง ไม่ใช่ทำทิ้งไว้จนรสชาติ เซ็ง . .               ส่วนขนมนมเนยเค้กมีหน้าหรือไม่มีหน้าทั้งหลาย ทำขายวันต่อวัน ไม่มีค้างคืนเด็ดขาด ของร้านนี้ถึงสด สะอาดแล้วก็อร่อย
ใครที่จะสั่งเค้กไปกินที่บ้านเป็นปอนด์ สำหรับวันสำคัญ “ญามา” ก็ทำเค้กแปลกๆ อย่าง “เค้กอินทผาลัม” . . . “เค้กส้ม” . . “เค้กมะตูม” รสชาติจะไม่เหมือนเค้กร้านไหน จะเอาไปเปรียบเทียบกับเค้กโรงงานทั้งหลายไม่ได้ . . ที่นี่ทำใหม่สดด้วยมือทุกวัน               **************************               ความจริงอาหารจานเดียวของ “ญามา” เมนูที่เอามาเขียนนั้นเป็นเมนูประจำวัน แต่ถ้าเมนูพิเศษละก็ไม่มีในเมนูอยากจะกินอะไรก็บอกมา ถ้าถูกใจ ถูกหู ก็จะลงมือทำโชว์ฝีมือทันที               ใครอยากจะดูก็เข้าไปในครัวได้ เพราะสะอาด มีอุปกรณ์แบบโรงแรมใช้ เห็นแล้วยิ่งจะเพิ่มรสชาติความอร่อยขึ้นอีกโข               มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะต้องระวังกันก็คือ . . ถ้าถูกใจก็ทำให้กิน ถ้าไม่ถูกใจ “ศิลปินญามา” ก็พูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ! !               . . . ไม่ยักกะเหมือนอีชั้นนะเจ้านาย ถ้าจ่ายสตางค์ให้มาเป็นต้องได้กิน แต่ขืนไม่จ่าย ไม่มีวันจะได้กินอะไรทั้งนั้น               เชื่ออีชั้นมั้ยละเจ้าค่ะ . . . .               * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *               “แม่ช้อย นางรำ”                ร้านญามา (YAMA) ถนนสามเสน บางลำพู ใกล้เขตพระนคร ฝั่งตรงข้ามซอยวรพงษ์ เปิดขาย 10.00-19.30 น. ทุกวัน โทรศัพท์ 0-2629-9843, 0-1409-4252

" ชาโต เดส์ บรูมส์ " ไวน์ไทย . . แพงที่สุดในโลก / แม่ช้อย นางรำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2548 16:42 น.

โดย...แม่ช้อย นางรำ

" วิลเลจฟาร์ม-ไวน์เนอรี่ " บ้านเกิดของ " ชาโต เดส์ บรูมส์ " อยู่ที่ " วังน้ำเขียว " โคราช.        " เรื่องนี้เจ้านายจะต้องอ่าน        รำค้าน . . รำคาญ เจ้านายซื้อมาได้        ซื้อไวน์ด้วยหู ไม่ได้ซื้อไวน์ด้วยลิ้น        ไวน์ไทยเจ้านี้ ฝรั่งสั่งซื้อไปดื่มกิน "                อีชั้น . . นะรู้มานานแล้วว่า               มีไวน์ไทยตัวหนึ่ง มีมาตรฐานสูงเท่ากับไวน์ฝรั่งเศส อยู่ในเกรด " กรอง ครู " เสียด้วยซ้ำ               เพื่อนนักดื่มไวน์หลายคนที่อีชั้นรู้จัก เขาบอกกับอีชั้นว่า               " ไวน์ตัวนี้นี่อรหันต์น้อยเชียวนะคุณช้อย "               เจ้านายก็รู้นี่ว่า " อรหันต์ใหญ่ 5 พระองค์ " ที่พวกนักดื่มไวน์เขายกย่องกันมีอะไร เห็นซื้อมาวางโชว์ไว้ครบเซท แต่ไม่เห็นเปิดให้ลูกน้องได้ถองสักกรึ๊บ               เจ้านายรู้อ๊ะปล่าวว่า ไวน์ดีหรือไม่ดีทิ้งไว้นานไม่ดีเหมือนกันทั้งนั้น เพราะสุภาษิตของอีชั้นอยู่ที่ว่า               " ไวน์ดีต้องอยู่ในกระเพาะ ไม่ใช่อยู่บนตู้โชว์ "               *****

" สลากทอง-น้ำไวน์แดง " ที่มาของคำแปลจากฝรั่งเศสเป็นไทยว่า " ปราสาทในสายหมอก "        อีชั้น . . รู้ด้วยว่า ไวน์ไทยที่วงการนักดื่มทั้งหลายยกย่องว่าดีที่สุดในประเทศไทย และกำลังจะก้าวขึ้นไปสู่เวทีนักดื่มไวน์โลก               ไวน์ขวดที่ว่านี้ เป็นของเพื่อนรุ่นพี่ของอีชั้นเอง               แล้วไวน์นารี่ที่ทำไวน์ขวดนั้น ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากกรุงเทพฯ สักเท่าไหร่กัน               ขับรถจากกรุงเทพฯไปอำเภอวังน้ำเขียว นครราชสีมา ซึ่งอยู่ด้านหลังเขาใหญ่ไป ไปร้อยกว่ากิโลแมตรท่านั้น ก็ได้ดื่มไวน์ที่ดีที่สุดในโลกแล้ว               *****               รู้ . . รู้อย่างนั้นมาหลายปีดีดัก แต่ไม่มีโอกาสได้ไปดื่มด่ำกับเขาซะที               " อายเขามั้ยล่ะ " . . ตระเวนชิมไวน์มาหลายประเทศในโลก ทั้งไวน์โลกเก่า ไวน์โลกใหม่ แต่ไวน์เมืองไทยบ้านเรา ยังไม่เคยไปเทสต์เขาซะกะที อย่างนี้ต้องเปิดเพลง " แอ๊ด คาราบาว " ที่ร้องว่า . . . . " คนไทยหรือปล่าว " ?               *****

" คุณวีระวัฒน์ ชลวณิช " ผู้ให้กำเนิด " ชาโต เดส์ บรูมส์ "        คนไทยเจ้าค่ะ . . เจ้านาย               เมื่ออาทิตย์ก่อนได้ฤกษ์ ขับรถออกจากบ้านลาดพร้าวตอนเช้า ยังไม่ทันสายก็ถึงไวน์นารี่ที่ว่า เขาชื่อ               " วิลเทจฟาร์ม-ไวน์นารี่ "               อยู่ที่อำเภอวังน้ำเขียว นครราชสีมา จะมาทางถนนมิตรภาพ เลี้ยวเข้าไปทางปักธงชัย-กบินทร์บุรีก็ได้ หรือจะมาทางนครนายกมาถึงปราจีนบุรีก็เลี้ยวขึ้นไปทางกบินทร์บุรี-ปักธงชัยก็ ได้ทั้งนั้น               พอถึงอำเภอวังน้ำเขียว ซึ่งเบื้องหน้าเป็นทิวเขาใหญ่ เบื้องหลังเป็นทิวเขาไม่ใหญ่ แต่สลับซับซ้อนราวกับเนินเขาลูกเล็กๆในฝรั่งเศส ในสวิตเซอร์แลนด์               ทีนี่ล่ะเจ้าค่ะ เป็นบ้านเกิดของไวน์ไทยที่ดีที่สุดในประเทศไทย               *****                      เพื่อไม่ให้เสียเวลาดื่มไวน์               อีชั้นก็บอกเลยได้ว่า ไวน์ดีของไวน์นารี่นี้ชื่อว่า "ชาโต เดส์ บรูมส์ " เป็นไวน์แดงแรงฤทธิ์ มีส่วนผสมของ “ เจ้าซีราส ” กับ “ กาแบร์เนตโซลียอง ” ที่มีรสชาติเข้มข้น แทรนนินหนัก มีกลิ่นโอ๊ค เหมาะสำหรับดื่มเล่นๆหรือดื่มจริงๆก็ได้ทั้งนั้น

*****               ถ้า . . เจ้านายจะถามอีชั้นว่าไวน์ชาโตนี่เจ้านี้เป็นอย่างไร               ลูกน้องก็จะต้องเรียนเจ้านายตรงๆโดยไม่มีผลประโยชน์กับใครทั้งนั้นว่า               . . . เป็นไวน์ไทย(หมายถึงไวน์แดง) เยี่ยมที่สุดเท่าที่เมืองไทยมีมา . . .               ปรกติอีชั้นนะชอบซีราสกับกาแบร์เนตโซลียองอยู่แล้ว เพราะว่ามันหนักอย่างที่สำนวนอีชั้นก็ต้องว่า               " เมื่อจิบรสชาติมันระเบิดปาก เมื่อกลืนรสชาติมันระเบิดในคอ "               สมัยก่อนจึงเป็นแฟนประจำของ " จาคอป กรีค " ของออสเตรเลีย แต่เดี๋ยวนี้เสียใจ ฝรั่งไม่ได้แอ้มเงินอีชั้นต่อไป               เจ้า " ชาโต เดส์ บรูมส์ " จาก "วังน้ำเขียว " ขวดเดียวเท่านั้นก็โอเคแล้ว               เลิกเสียทีซื้อไวน์ด้วยหู ใครเขาหลอก . . เอ้ยใครเขาบอกก็ซื้อมาได้เป็นหมื่นเป็นแสน               . . . ไวน์ไทยของดีสู้ฝรั่งได้ ก็เจ้านี่ไง รายละเอียดยังมีมากมาย อยู่แต่ว่าเมื่อไหร่เราจะไปดื่มด้วยกันล่ะเจ้าค่ะ อีชั้นยังมีเรื่องเขียนเล่าอีกเยอะ               " แม่ช้อย นางรำ "

"ซุง เป่า คู่" กุ๊ก . . ปรุง "หูฉลาม "จากพระราชวังปักกิ่ง / แม่ช้อย นางรำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

6 มิถุนายน 2548 18:50 น.

"หูฉลามฮ่องเต้" ที่อีชั้นตั้งชื่อให้ไม่ให้เหมือนผู้แอบอ้างเอาชื่อฮ่องเต้มาใช้ . . ซึ่งไม่ใช่ !! อีชั้นเรียกว่า"หูฉลามหอมหวนมวลดอกไม้"        " หูฉลาม . . กินมาก็นัก        "หูฉลามฮ่องเต้" อย่าคุย        ของแท้ต้องสูตรที่ปักกิ่ง        "ฮ่องเต้จีน" ไม่เคยอยู่ไทย"               เจ้านายขา . . .        "โรงแรมโนโวเทลโลตัส" ในซอยสุขุมวิท 33 (ซอยแดงอุดม) เขาเชิญอีชั้นให้ไปลองฝีมืออาหารจีนสูตรปักกิ่ง จากฝีมือเชฟชื่อ "ซุงเป่าคู่" ที่เดินทางมาเมืองไทยร่วมในงานฉลอง 10 ปี โรงแรมโนโวเทลโลตัส กรุงเทพฯ               "กิ่งจริงหรือกิ่งก้าน" อีชั้นถามประชาสัมพันธ์เพื่อความมั่นใจ เธอก็ยืนยันว่าเป็นเชฟปักกิ่ง เท่านั้นยังไม่พอ แต่เป็นเชฟที่รัฐบาลจีนที่ปักกิ่งเลือกเป็นพ่อครัวทำอาหารจีนต้อนรับแขกบ้าน แขกเมืองด้วย               อู้ฮู !! วางหูโทรศัพท์ปั๊บ อีชั้นก็ทิ้งจานก๋วยเตี๋ยวราดหน้า "อาถิ่น นาทอง" ร้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นอาหารจีนเหมือนกัน แล้วไปกินอาหารจีนปักกิ่งดีกว่า               *****

"โรงแรมโนโวเทลปักกิ่ง" ของจริง . . ที่จัดเลี้ยงของรัฐบาลจีน        "โรงแรมโนโวเทลโลตัส" . . เชื่อถือได้เจ้าค่ะเจ้านาย               อีชั้นเป็นแฟนประจำบุฟเฟ่ต์เขามาหลายปีดีดัก ชอบอาหารอินตะระเดียที่นี่ อร่อยเงียบๆเฉียบขาด               เพราฉะนั้น ถ้าเขาบอกมาเช่นนั้นมันก็จะต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดา               ไปคราวนี้ก็เลยยิ่งรู้ว่าไม่ธรรมดา . . . (ถ้าไม่มาคงจะเสียดาย)               พ่อกุ๊กหนุ่มแต่อายุปาเข้าไปใกล้สี่สิบชื่อ "อาซุง เป่าคู่ " (เป่าเดี่ยวคงไม่ได้) เป็นพ่อครัวประจำคณะรัฐบาลจีนที่ปักกิ่ง เวลามีงานเลี้ยงรับรองแขกบ้านแขกเมือง อาซุงจะต้องไปเป่าคู่เป็นประจำ               แล้วก็เลยเป็นพ่อครัวติดอันดับของเมืองนี้ และเป็นพ่อครัวจีนใหญ่ของโรงแรม "โนโวเทลปักกิ่ง" ระดับสี่ . . ห้าดาวด้วย เจ้าค่ะ               *****

"กุ๊ก" กับเก๊กกุ๊ก ซุง เป่าคู่ . . อายุแก่เกือบ 40 แต่หน้าเด็กเก๊ก . . คนยืนข้าง หน้าแก่ แต่อายุแค่ 40 (หมายความว่า อีก 40 ก็ครบ 100 พอดี)        พอรู้ว่ามาจากปักกิ่ง               อีชั้นไม่เกรงกริ่งเลยสั่งให้เขาทำ "หูฉลามสูตรปักกิ่ง" มาให้ลองเปิบลองชิม จะได้สิ้นสงสัยว่า ใช่หรือไม่ใช่ ?               เพราะปักกิ่งอีชั้นไปหลายคราว ไปทุกครั้งก็จะต้องไปกินหูฉลามเมืองนี้ เพราะสูตรทำหูฉลามคนปักกิ่งไม่เหมือนที่ไหนๆ               ไอ้ที่คุยกันว่าเป็นหูฉลามฮ่องเต้ โดยเฉพาะในเมืองไทยอย่าไปเชื่อ เต้ . . เต้อที่ไหน จับกังได้ดีละก็ไม่ว่า               ฮ่องเต้ไม่เคยประทับอยู่ที่เมืองไทย ฮ่องเต้อยู่ที่ปักกิ่ง               หูฉลามปักกิ่งจึงไม่เหมือนหูฉลามที่เมืองไทย หรือแม้แต่ฮ่องกงหรือเซี่ยงไฮ้ ต้องเรียกว่าสูตรใครสูตรมัน               ก่อนที่ชั้นจะอธิบายเมนูอาหารอร่อยฝีมือของพ่อเป่าคู่ ขออีชั้นเขียนแสดงความเสียใจที่อาทิตย์ที่แล้วเขียนอะไรผิดพลาดไป

*****               ชาโต้ เดส์ บรูมส์        ไวน์ดินเนอร์               อาหารฝรั่งเศสฝีมือเชฟโรงแรม        "ปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์" ห้อง        "มา เมซอง" ที่จะกินร่วมกับไวน์        ไทยดีที่สุดในโลกชื่อ "ชาโต้ เดส์        บรูมส์ " จากไร่วังน้ำเขียวของ        คุณ "วีระวัฒน์ ชลวณิช" ที่จัดเป็นพิเศษ        คืนนี้ (ศุกร์ที่ 27) ราคาท่านละ 2,000 บาท        (อาทิตย์ก่อนเขียนไป 200 บาท โธ่ !!        เป็นไปได้อย่างไร คืนนี้ใครไปลอง        ขอเชิญถองไวน์ไทยชั้นดีกับอีชั้น        ติดต่อได้ที่ 0-2253-0123 โปรดอำไพ

*****               อาหารเมนูปักกิ่ง ที่อาเป่าคู่ขนเอามาทำโชว์งานฉลอง 10 ปี ของโรงแรมนี้มีมากมายสารพัน ที่แปลกแตกต่างไม่มีขายในบ้านเราก็คือ               "ลูกชิ้นหมูหัวเสือ" . . อาหารพิเศษสำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของปักกิ่ง        "กุ้งมังกรผัดแปะก๊วย" . . อาหารโปรดของนายก "หวุ่นจาเป่า " นายกรัฐมนตรีจีนคนปัจจุบัน        "ปลาคอทอบราดน้ำเห็ด" . . อาหารเด็ดของนาย "เตียวหยูไท" ผู้ว่าราชการปักกิ่ง               แล้วยังมีอีก 7 รายการ เพื่อให้ครบอาหารมงคล 10 อย่าง สำหรับโรงแรมโนโวเทลโลตัสที่ครบ 10 ปี แต่ที่พลาดขาดไม่ได้ก็คือ . . หูฉลาม !!               *****               หูฉลามที่ว่าเป็นสูตรปรุงถวายจักรพรรดิจีน ที่เรียกว่า "หูฉลามฮ่องเต้" ได้แท้จริง อยากจะเขียนอธิบายว่ามันเอร็ดอร่อยและพิสดารอย่างไร แต่เนื้อที่เขียนไม่มี               เอาอย่างนี้ดีกว่า คุณนะลองไปเปิบงานนี้ดูพิสูจน์ได้ งานนี้เขาจะมีแควันอาทิตย์ที่ 29 เดือนนี้เท่านั้น หมดจากนี้ อาเป่าคู่ก็กลับไปเมืองจีน อยากจะกินต้อง บินตามไป . . .               "แม่ช้อย นางรำ"               สอบถามรายละเอียดที่        โรงแรมโนโวเทลโลตัส โทรศัพท์ 0-2261-0111

ไปกินผักป่า (ปลอดสารพิษ) ที่ "บ้านผางาม รีสอร์ท"/แม่ช้อยนางรำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

13 มิถุนายน 2548 17:53 น.

โดย...แม่ช้อยนางรำ

"บ้านผางาม"รีสอร์ทงาม อาหารอร่อย        "อยู่เมืองเรื่องมาก ไปกินอาหารป่า        ผักหญ้าธรรมชาติปลูกให้ไร้สารพิษ        ขับรถเลยกรุงเทพไป 100 กว่ากิโลนิดเดียว"                เปิบ . . อาหารหวานคาวกันในเมืองเป็นประจำ        ทั้งเมืองไทยและเมืองนอก ไม่เบื่อบ้างหรือเจ้านาย . . . ?               อาทิตย์นี้ไปเปิบอาหารต่างจังหวัดกันดีกว่า               ความจริงเมนูที่อีชั้นเขียนเสนอเจ้านายเป็นประจำ อีชั้นพยายามจะเลือกสรรเมนูสบายๆ ไม่ต้องลุยบุกเข้าตรอกซอกซอย หรือบุกป่าฝ่าภูเขาอย่างที่อีชั้นถนัด               เพราะเจ้านายน่ะเปราะบาง ราวกับไข่ในหิน               ( เป็นอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่เคยเห็นแต่เคยได้ยิน )

"เมนูที่ต้องสั่ง" ผักป่าขึ้นตามธรรมชาติ ปลอดสารพิษ มีผักกูด – ผักหวาน – ผักกระเฉดชะลูดน้ำ ต้มยำทำแกงได้ทั้งนั้น        เจ้านายก็เลยพลาดเมนูอร่อยไปมากมาย               แต่สำหรับรายนี้เจ้านี้ พลาดไม่ได้ ถึงจะอยู่ต่างจังหวัด แต่ก็ไปได้สะดวกสบาย แบบไปเช้าเย็นกลับ หรือจะค้างชมความงามตามธรรมชาติก็ได้               *****               ที่เมืองปราจีน ถิ่นทุเรียนอร่อยของสมัยนี้ มีรีสอร์ทสวยแสนสบาย สร้างอยู่กลางหุบเขาลำเนาไพร ต้นหมากรากไม้เขียวขจี อากาศเย็นทั้งปี ทุกวันมีหมอกลงเหมือนอยู่เมืองเหนือ               รีสอร์ทที่อีชั้นว่านี้ชื่อ "บ้านผางาม" ถ้าถามเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่จะรู้จัก เพราะเป็นรีสอร์ทแห่งแรกที่มีกิจกรรมปีนหน้าผา แบบฝรั่งมังค่าเขานิยมกัน               สำหรับอีชั้นอรชรอ้อนแอ้นอย่างนั้น จะไปปีนป่ายหน้าผากับเขาอย่างไรไหว เพราะฉะนั้นถ้าไปรีสอร์ทแห่งนี้ อีชั้นจะไปกิน . . ไปเปิบรับประทาน               อาหารที่รีสอร์ทผางามอร่อยสมชื่อ โดยเฉพาะเมนูอาหารผักป่าไร้สารพิษ ยังไม่มีรีสอร์ทที่ไหนเน้นแบบ "บ้านผางาม" เจ้านี้               *****

"คุณนิคม วุฒิกานากร" กับผักกระเฉดชะลูดน้ำ อร่อยตามธรรมชาติ        อาจจะเป็นเพราะท้องที่ของรีสอร์ทอยู่ระหว่าง 3 จังหวัด คือ นครราชสีมา ปราจีนบุรี และสระแก้ว ซึ่งยังเป็นพื้นที่สีเขียว ไม่เหี่ยวแห้งแล้งกันดารเหมือนอีสาน และภาคเหนือที่กำลังคืบคลานตามมา               ผักหญ้าธรรมชาติยังมีมากมาย เป็นต้นหมากรากไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติ เทวดาปลูกให้มนุษย์ไปเก็บกิน               อาหารที่นี่จึงเป็นอาหารไร้สารพิษ โดยเฉพาะกับบรรดาผักทั้งหลายในป่า ซึ่งมีเกิดขึ้นตามฤดูกาล อย่างหน่อไม้ป่าเอาต้มกับกระดูกหมูซดคล่องคอ หวานอร่อยโดยไม่ต้องง้อสารเคมี เหมือนอาหารที่ขายในกรุงเทพ               มีผักธรรมชาติ 3 อย่างที่ "บ้านผางาม" จะมีขายให้ลองรับประทานกันตลอดทั้งปี คือผักกูด ผักหวาน และก็ ผักกระเฉดชะลูดน้ำ               ก่อนที่เจ้านายจะได้รู้ว่า บรรดาผักธรรมชาติไร้สารพิษที่ว่ารี้ ทำอะไรกินดี ลองพิจารณาเส้นเดินทางไป "บ้านผางาม รีสอร์ท" กันก่อน               *****               อันว่า "ผักกูด" นั้นเป็นผักขึ้นเองตามธรรมชาติ ชอบอากาศเย็นน้ำไหลผ่าน เป็นผักสะอาดสะอ้าน ถ้าน้ำไม่ดีดินสกปรกเจ้าผักกูดตาย               ความงามและความหวานอร่อยเพราะมีเมือกลื่นๆพวกขอมเอาลายผักกูดไปสลักไว้บนก้อนหินเมื่อเวลาสร้างปราสาท               "ผักหวาน" ก็เช่นกัน เป็นผักธรรมชาติ ตอนช่วงหน้าร้อนจะออกใบสะพรั่งป่า รสชาติออกจะขมนิดๆแต่เวลากลืนแล้วหวาน โบราณท่านจึงเรียกว่า "ผักหวาน" ทั้งที่มันขมนิดๆ               ส่วน "ผักกระเฉด" ที่ต้องเติมคำว่า "ชะลูดน้ำ" เพราะเป็นผักกระเฉดแตกต่างไปจากที่ซื้อตามตลาด ชะลูดเพราะลำต้นเรียวยาวใบไม่เยอะ และที่สำคัญไม่มี "นม" (หมายถึงฟองขาวๆที่เกาะตามยอดอย่างที่เคยเห็นกัน)               ผักป่าทั้งสามรายการเป็นผักธรรมชาติเทวดาปลูกให้ รดน้ำให้ มนุษย์ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างไร               แต่ชาวบ้านพรานไพรจะเข้าป่าทุกเช้า พอสายๆก็เอามาส่งให้รีสอร์ททำอาหารบริการผู้ที่ต้องการความอร่อยและสุขภาพที่ดี               เจ้านายอยากให้เขาทำอะไรก็สั่งได้ เอาไปผัดน้ำมัน เอาไปแกงส้ม ต้มยำ หรือลวกแล้วมายำก็อร่อยได้ทั้งนั้น               อีชั้นขอรับประกันว่ารสชาติธรรมชาติอย่างนี้ เจ้านายไม่เคยได้กินแน่               เพราะแค่สาวๆเจ้านายยังชอบสาวในเมือง ซึ่งไม่ได้เรื่องเพราะช้างเผือกนั้นเกิดในป่า คนสวยก็อยู่ในป่า อาหารอร่อยก็อยู่ในป่า               . . . อาทิตย์นี้ลองขับรถไปกินอาหารป่า แล้วอย่าหลงใหลจนไม่กลับมาเมือง ประเดี๋ยวจะเป็นเรื่องแบบพ่อเศรษฐีโลก "จิม ทอมสัน" เข้าป่าแล้วไม่กลับมาเมืองอีกเลย . . .               "แม่ช้อย นางรำ"

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *                สอบถามรายละเอียด                "บ้านผางามรีสอร์ท" ติดต่อโทร 0-2424-3476, 0-2433-4884, 0-2435-6923 หรือ 0-3728-2797 (6 คู่สาย)