homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

ตรวจ DNA คำตอบสุดท้ายของการพิสูจน์พ่อลูก


DNA

DNA

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก dnaattorney.com

          เรา คงได้ยินข่าวเรื่องการตรวจ DNA เพื่อหาตัวผู้กระทำผิด หรือพิสูจน์เอกลักษณ์เฉพาะของบุคคลอยู่บ่อยครั้ง แต่อีกหนึ่งความสามารถของ DNA ก็คือ การตรวจ DNA เพื่อรับรองบุตรว่า เด็กที่เกิดมาเป็นสายเลือดของใคร

          ว่าแต่ DNA สามารถเป็นตัวชี้วัดสายสัมพันธ์ของแต่ละชีวิตได้อย่างไร วันนี้กระปุกดอทคอม มีข้อมูลที่น่าสนใจเรื่องการตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ความเป็นสายเลือดเดียวกันมาอธิบายกันค่ะ

          DNA หรือ Deoxyribo Nucleic Acid (ดีออกซิไรโบ นิวคลีอิค เอซิด) เป็นสารพันธุกรรมในนิวเคลียส ที่ทำหน้าที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต ดังนั้น DNA จึงเปรียบเสมือนประวัติส่วนตัวของแต่ละบุคคลที่ถูกกำหนดขึ้น นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดการปฏิสนธิในครรภ์มารดา เพราะ DNA ในแต่ละบุคคลจะไม่เหมือนกัน เนื่องจากจะได้รับลักษณะทางพันธุกรรมมาจากพ่อแม่อย่างละครึ่ง แล้วมารวมกันเป็น DNA เฉพาะตัวของลูกนั่นเอง แต่ก็ยังมีลักษณะบางอย่างที่เหมือนพ่อแม่ปรากฎให้เห็นอยู่

          เช่นนั้นแล้ว เมื่อลูกได้รับ DNA ของพ่อและแม่มาอย่างละครึ่ง จึงเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชั้นดีในการพิสูจน์บุคคลว่า มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันหรือไม่ เพื่อจะได้หมดข้อสงสัยใด ๆ โดยการตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ความเป็นบิดา เรียกว่า "DNA Paternity Testing"

          อย่างไรก็ตาม การตรวจ DNA นั้น ต้องเป็นการยินยอมพร้อมใจทั้งฝ่ายตัวเอง และคู่กรณี หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมให้ตรวจ DNA ก็จะไม่สามารถตรวจได้ โดยทั้งสองฝ่ายต้องเขียนใบยินยอมให้ทำการตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางมารดา บิดา และบุตร เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

หลักฐานที่ต้องใช้ในการขอตรวจ DNA

          1.ใบยินยอมให้ทำการตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางมารดา บิดา และบุตร

          2.สำเนาทะเบียนบ้านพร้อมตัวจริง  ทั้งชายและหญิง รวมไปถึงบุตร (2 ชุด)

          3.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมตัวจริง ทั้งชายและหญิง (2 ชุด)

          4.สูติบัตร (บุตร)

          5.หมายศาล (หากมีคำสั่งของศาลให้ดำเนินการตรวจ)

          6.หนังสือส่งตรวจ DNA จากทางราชการ กรณีขอมีถิ่นที่อยู่ หรือนำไปใช้ยืนยันทางราชการ


โรคทางพันธุกรรม โรคติดต่อทางพันธุกรรม

สามารถตรวจ DNA ได้ที่ไหน และต้องทำอย่างไรบ้าง

สถานที่รับตรวจ DNA ในกรุงเทพฯ คือ

          1.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม

          2.สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานแพทย์ใหญ่ สำนักงานกรมตำรวจแห่งชาติ

          3.ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล

          4.หน่วยมนุษย์พันธุศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

          5.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

          ส่วนที่โรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง ก็สามารถรับตรวจ DNA ได้ แต่โรงพยาบาลเอกชนจะส่งตัวอย่าง DNA มาให้แล็บของรัฐตรวจสอบอยู่ดี

          ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือ ผู้จะขอรับการตรวจต้องเดินทางไปตรวจพิสูจน์ ณ สถานที่แห่งนั้นเท่านั้น ไม่สามารถส่งตัวอย่างตรวจผ่านทางไปรษณีย์ได้ เพื่อป้องการผลที่ผิดพลาด และการฟ้องร้องภายหลัง โดยทั่วไปใช้เวลาการตรวจ DNA นาน 5-7 วัน

          ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจ DNA นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลจะกำหนดไว้ ค่าใช้จ่ายโดยประมาณอยู่ที่ 6,000-8,000 บาทต่อการตรวจ 1 คน และขึ้นอยู่กับตรวจเพื่อพิสูจน์อะไร แต่หากบางกรณีที่มีการขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิ ทางมูลนิธิจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้

การเก็บตัวอย่างที่ใช้ในการตรวจ DNA

การตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ความเป็นบิดา สามารถเก็บตัวอย่างที่จะนำมาพิสูจน์ได้จาก

          1. เจาะเลือดตรวจ

          2.ตรวจจากเซลล์เยื่อบุกระพุ้งแก้ม โดย นำเครื่องมือขูดเยื่อบุสกัดผิวเซลล์ที่เป็นเปลือกให้แตกออกมา โดยวิธีนี้เหมาะจะใช้กับผู้ที่เพิ่งได้รับเลือดมา หรือในกรณีผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ


DNA

ขั้นตอนการตรวจ DNA

          เมื่อได้ตัวอย่างมากแล้ว จะนำตัวอย่าง DNA ของผู้ขอรับการตรวจ DNA ไปสกัด DNA ออกมาเป็นเส้น แล้วใช้น้ำยาตรวจ DNA ดูว่า DNA มีลำดับการเรียงตัวของอนุพันธ์อย่างไร ก่อนจะแปรผลออกมาเป็นกราฟ โดยมนุษย์จะมี DNA 2 ชุดเหมือนกับโครโมโซมที่มี 2 ชุด โดย DNA 1 ชุดจะมีตัวเลขที่สามารถอธิบายได้ว่ามาจากแม่ ส่วนอีก 1 ชุดจะมาจากพ่อ

          ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจ DNA ทั้งหมด 16 ตำแหน่ง เพื่อเปรียบเทียบอธิบายว่า ตัวเลขในแต่ละตำแหน่งมาจากพ่อ หรือแม่ โดยใช้การวิเคราะห์ทางสถิติ คำนวณความน่าจะเป็นที่เรียกว่า "Probability of Paternity"

วิธีการตรวจ DNA

การตรวจ DNA สามารถทำได้ 2 วิธีคือ

          1. เทคนิคดั้งเดิม RFLP (Restriction Enzyme Fragment Length Polymorphism) วิธีการตรวจ DNA แบบนี้คนพบโดยเอ็ดเวิร์ด เซาท์เทิร์น นักเคมีชีวภาพชาวสก็อตแลนด์ เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970

          2.เทคนิค PCR (Polymerase Chain Reaction) เป็นเทคนิคที่ได้รับการพัฒนาเมื่อทศวรรษ 1980 สามารถเพิ่มปริมาณ DNA ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น และมีขั้นตอนการทำงานน้อย

          ข้อแตกต่างระหว่าง RFLP กับ PCR คือ การตรวจแบบ RFLP จะใช้จำนวนตัวอย่างมากกว่าแบบ PCR คือใช้ตัวอย่างถึง 20-50 นาโนกรัม และใช้ระยะเวลาหลายวัน ขณะที่แบบ PCR ใช้เพียง 2 นาโนกรัม และใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่เทคนิค RFLP จะแสดงผลชัดเจนกว่า โดยจะให้แผนที่ DNA ขึ้นมาคล้ายบาร์โค้ด ส่วนแบบ PCR จะสามารถทำเป็นเครื่องตรวจวิเคราะห์ DNA อัตโนมัติได้ ซึ่งการจะเลือกใช้เทคนิคใดตรวจพิสูจน์ ก็ขึ้นอยู่กับตัวอย่างที่ได้มา หากเป็นตัวย่างที่คุณภาพดีและใหม่ ก็มักจะใช้เทคนิค RFLP ในการทดสอบ เพราะให้ผลชัดเจนกว่า

ลายพิมพ์ DNA

ตัวอย่าง ลายพิมพ์ DNA

การสรุปผลการตรวจ DNA

          การสรุปผลการตรวจพิสูจน์ DNA พ่อ แม่ ลูก ต้องไม่มีข้อขัดแย้งตามเกณฑ์มาตรฐานสากล คือ จะต้องตรงกันทั้งสิบตำแหน่ง นั่นคือข้อสรุปที่จะบอกว่าเป็นลูกแน่นอนนั้น ต้องตรวจพบลายพิมพ์ DNA ของลูกมาจาก พ่อ และแม่ อย่างละ 50% ทั้งสิบตำแหน่ง

ความแม่นยำในการตรวจ DNA

          การตรวจ DNA ในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานทุกแห่ง มีความแม่นยำถึง 100% โดยนอกจากจะใช้ความแม่นยำของการทดสอบแล้ว ยังพิจารณาปัจจัยทางชีวภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้อง และทฤษฎีความน่าจะเป็นด้วย ผลที่ออกมาจึงมีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก และเป็นหลักฐานชั้นดีในการพิสูจน์ความเป็นบิดา มารดา และบุตร

http://health.kapook.com/view17162.html

สมาร์ทโฟนกับสุขภาพ


โทรศัพท์มือถือ


สมาร์ทโฟนกับสุขภาพ (หมอชาวบ้าน)

          ฉบับนี้ขอเขียนถึงเรื่องที่กำลังฮิต นั่นคือเรื่อง สมาร์ทโฟน เนื่องจากแนวโน้มของการใช้งานโทรศัพท์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โทรศัพท์ที่เดิมมีการใช้งานเพียงแค่โทร.เข้า โทร.ออก มาเป็นรูปแบบของสมาร์ทโฟน ที่มีความทันสมัยมากขึ้น

          ในความเป็นจริงสมาร์ทโฟนก็คือ โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถมากกว่าโทรศัพท์มือถือธรรมดา ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาก็ได้ สามารถเชื่อมต่อ รับส่งข้อมูลได้ รองรับการใช้โปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเฉพาะงานต่าง ๆ โดยอาศัยระบบปฏิบัติการคล้าย ๆ กับวินโดว์ที่เราคุ้นเคยกัน

          ปัจจุบันนี้ ปริมาณการขายสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีหลากหลายยี่ห้อและระบบปฏิบัติการ ดังเห็นได้จากยอดขาย iPhone 4 ของบริษัทแอปเปิล ซึ่งสามารถขายได้ถึง 1.7 ล้านเครื่องหลังจากเปิดขายได้เพียงแค่ 3 วัน ขณะที่สมาร์ทโฟนของบริษัทอื่นก็มียอดขายมากเช่นกัน ในปี พ.ศ.2552 พบว่ายอดขายสมาร์ทโฟนมีมากกว่า 170 ล้านเครื่อง ข้อมูลนี้เป็นตัวยืนยันว่ามีการใช้สมาร์ทโฟนกันมากจริง

สมาร์ทโฟนกับการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น

          การใช้งานสมาร์ทโฟนมีความจำเพาะแตกต่างจากการใช้โทรศัพท์ธรรมดา เนื่องจากต้องใช้นิ้วกดตัวอักษรมากขึ้น เช่น การตอบอีเมล์ การส่ง SMS และการแชต

          การใช้นิ้วมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับออกแบบการใส่ตัวอักษรของแต่ละเครื่อง เช่น iPhone ใช้การใส่ตัวอักษรด้วยการใช้นิ้วชี้จิ้ม ต้องใช้มือข้างหนึ่งถือตัวเครื่องไว้ และใช้นิ้วชี้ของอีกข้างกดที่แป้นอักษรการกรอบใส่ตัวอักษรแบบนี้ จะทำได้ช้ากว่าเครื่องอื่นที่ใช้รูปแบบการกดแป้นพิมพ์ตัวอักษร โดยใช้นิ้วโป้งของทั้งสองมือเป็นนิ้วคอยป้อนตัวอักษร ส่วนนิ้วอื่นใช้ถือประคองเครื่อง ดังเช่นเครื่อง BlackBerry

          เครื่อง สมาร์ทโฟนปกติจะมีขนาดเล็ก หากต้องกดตัวอักษรด้วยนิ้วโป้ง จะต้องงอและเกร็งนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้าง การกดลักษณะนี้บ่อย ๆ จะส่งผลทำให้เป็นโรคกลุ่มอาการอักเสบของเอ็นข้อมือโคนนิ้วโป้ง (De Quervain syndrome) และการอักเสบของเอ็นที่นิ้วมือจนทำให้เกิดอาการนิ้วโป้งล็อก (Trigger thumb)

          กลุ่มอาการทั้ง 2 ชนิดนี้พบได้บ่อย ถึงขนาดมีการให้ชื่อนิ้วโป้งล็อกว่าเป็น Blackberry Thumb ซึ่งหากทำการเสิร์ชในกูเกิลจะพบเว็บไซต์ที่กล่าวถึงคำนี้มากกว่า 280,000 เว็บ

          นอกจากกลุ่มอาการทั้ง 2 แล้ว การถือสมาร์ทโฟนนาน ๆ ขณะใช้งาน ยังอาจส่งผลทำให้เกิดอาการปวดบ่าและคอ เนื่องจากกล้ามเนื้อบ่าจะทำงานในลักษณะเกร็งคงค้าง ทำให้มีการสะสมของเสียในกล้ามเนื้อ จนกระทั่งกล้ามเนื้อเกร็งตัวมากขึ้น

          ขณะ เดียวกันตัวเครื่องสมาร์ทโฟนมีขนาดเล็ก ตัวอักษรก็มีขนาดเล็กด้วย ทำให้มองหน้าจอลำบาก หลายคนจึงต้องก้มคอ เพื่อให้มองดูตัวอักษรหรือหน้าจอได้ถนัดขึ้น ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อคอและสายตาต้องทำงานหนักทำให้ปวดคอและตาได้

ความเครียดกับการใช้สมาร์ทโฟน

          สมาร์ท โฟนอาจเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดความสะดวกสบาย ใช้งานได้รวดเร็ว รับข่าวสารได้ทันใจหลาย ๆ คนอาจมองว่าเป็นอุปกรณ์ที่ลดภาระการทำงานของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องติดต่อกับคนเป็นจำนวนมาก การเปิดออนไลน์ไว้ตลอดเวลา สามารถทำให้เราติดต่อกับคนอื่นที่ใช้เครื่องลักษณะเดียวกันได้ทุกเวลา และยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายโดยรวมด้วย

          อย่างไรก็ตาม ลักษณะเช่นนี้อาจเป็นดาบ 2 คมได้ เนื่องจากการที่มีข้อมูลส่งมาบ่อย ๆ อาจส่งผลต่อสมาธิในการทำงาน และทุกครั้งที่มีข้อมูลเข้ามา ย่อมสงสัยว่าข้อมูลนั้นคืออะไร เป็นเรื่องสำคัญหรือไม่ ทำให้ต้องเปิดดูและตอบสนองกับข้อมูลนั้น ถ้าไม่บ่อยครั้งนักก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าบ่อยมากขึ้น อาจเป็นการรบกวนสมาธิการทำงาน จนก่อให้เกิดความเครียดและการตึงตัวของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้ามเนื้อบ่าไหล่ และคอ

          นอกจากกล้ามเนื้อแล้วสมาร์ทโฟนอาจส่งผลต่อการหายใจ ทำให้หายใจติดขัด เพราะเวลาเครียดคนเรามักหายใจด้วยการใช้กล้ามเนื้ออกส่วนบนและคอ มากกว่าการใช้กล้ามเนื้อกะบังลมผลจากการหายใจลักษณะนี้บ่อย ๆ อาจส่งผลต่ออาการเหนื่อยง่ายและกล้ามเนื้ออักเสบได้

          และเนื่องจากสมาร์ทโฟนมีขนาดเล็ก ส่งผลให้เป็นโรคกลุ่มอาการอักเสบของเอ็นข้อมือโคนนิ้วโป้งและการอักเสบของเอ็นที่นิ้วมือได้

ภาวะความเครียดกับสมาร์ทโฟนนี้ สามารถสังเกตได้ชัดว่าเราเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่เครียด

          กรณีที่ 1 ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน มักจะกังวลว่าอาจมีคนติดต่อมา บางครั้งกังวลขนาดต้องกลับบ้านเพื่อไปเอาโทรศัพท์มา

          กรณีที่ 2 ไป เที่ยวไกล ๆ นอกเขตเมืองและไม่มีสัญญาณของโทรศัพท์เลย นั่นคือจะโทร.ออกหรือรับสายเข้าไม่ได้ กลับไม่รู้สึกถึงความกังวลเท่าไหร่ และอาจจะลืมเรื่องโทรศัพท์ไปเลย

          ถ้าผู้อ่านมีลักษณะดังกรณีที่ 1 ถือว่าค่อนข้างเครียดกับการใช้โทรศัพท์

ใช้สมาร์ทโฟนอย่างปลอดภัย

          คง เป็นเรื่องยากถ้าจะหลีกเลี่ยงการใช้สมาร์ทโฟน เพราะสังคมมีการใช้กันมากขึ้น ดังนั้น ควรรู้จักใช้เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและห่างไกล จากการบาดเจ็บมากที่สุด ผู้เขียนขอแนะนำการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างปลอดภัย ดังนี้

          1.ใช้งานพิมพ์ด้วยนิ้วมือเท่าที่จำเป็น หากจำเป็นต้องพิมพ์มาก ให้พิมพ์โดยใช้แป้นพิมพ์ผ่านทางคอมพิวเตอร์

          2.ใช้การพูดผ่านทางโทรศัพท์ หรือข้อความเสียง แทนการพิมพ์

          3.หลีกเลี่ยงการใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ อาจทำการพักบ้างเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ

          4.ให้ยกสมาร์ทโฟนให้สูงขึ้น เพื่อลดการก้มคอและศีรษะ โดยอาจใช้หมอนหรือกระเป๋าคอยรองแขนเพื่อลดการเกร็งตัวของบ่า

          5.หาก ต้องการใช้สมาธิในการทำงาน ควรปิดการสื่อสารชั่วคราวหรืออาจให้เหลือแค่การรับสายโทรศัพท์ เพื่อลดการดึงความสนใจเมื่อมีข้อความเข้ามา

          6.ขณะ พัก ให้ทำการยืดเหยียดนิ้ว และแขนให้สุด สลับกับการกำมือแน่น ๆ ช้า ๆ สัก ๑๐ ครั้ง หรืออาจทำการนวดคลายกล้ามเนื้อและเอ็นด้วยตนเองบ้าง


http://health.kapook.com/view17168.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ลาบปลาดุก





ส่วนผสม
ปลาดุกหนัก 300 กรัม 1 ตัว
ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 1 ช้อนชา
ข่าโขลกละเอียด 1 ช้อนชา
หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ช้อนชา
ต้นหอมซอย 2 ต้น
ใบสะระแหน่ 1/2 ถ้วย
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
ผักสด กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ใบโหระพา

วิธีทำ
1. ขูดเมือกบนผิวปลาดุกออก นำไปย่างไฟพอสุก แกะเอาแต่เนื้อ สับหยาบๆ
2. เคล้าเนื้อปลาดุกกับข้าวคั่ว พริกป่น ข่าหั่นฝอย หอมแดงซอย ใบมะกรูดหั่นฝอย
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว โรยใบสะระแหน่ ต้นหอมซอย ชิมรสตามชอบ รับประทานกับผักสด กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว
http://www.horapa.com/content.php?Category=Thai&No=1034

น้ำพริกเผากากหมู




ส่วนผสม
กากหมูเจียวใหม่ๆ 1 ถ้วยตวง
พริกขี้หนูแห้งคั่ว 100 กรัม
หอมแดงเผา 10 หัว
กระเทียมเผา 10 หัว
น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มหรือลดตามชอบ)
น้ำมันหมูหรือน้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. โขลกพริกขี้หนูแดงแห้งคั่วให้ละเอียด ถ้าต้องการให้ละเอียดเร็วขึ้นให้ใส่เกลือโขลกพร้อมกัน
2. ใส่หอมเผา กระเทียมเผา โขลกให้เข้ากัน
3. ใส่กากหมูเจียวใหม่ๆ ลงโขลกรวมกันจนเข้ากันดี
4. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำส้มสายชู หรือจะใส่น้ำมะนาวแทนก็ได้
5. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันหมู ถ้ากลัวอ้วนใส่น้ำมันพืชแทน หรือไม่ใส่ก็ได้ เพราะในกากหมูก็มีน้ำมันอยู่แล้ว นำส่วนผสมทั้งหมดลงผัดให้หอม ชิมดู ให้เปรี้ยวนำเล็กน้อย

ใช้คลุกข้าวร้อนๆ รับประทานกับผักต่างๆ จะเป็นผักสดหรือผักต้มก็ได้ นอกจากรับประทานกับข้าวแล้วยังใช้ผัดกับผักต่างๆ หรือเก็บใส่ขวดโหลปิดให้สนิดไว้รับประทานได้นานหรือเก็บในตู้เย็นก็ได้
  

เมี่ยงแซลมอนถ้วยขนมปัง




ส่วนผสมเมี่ยงแซลมอน

เนื้อปลาแซลมอนหั่นลูกเต๋า ลวก 400 กรัม
ขิงอ่อนหั่นลูกเต๋า 1/2 ถ้วย
หอมแดงหั่นลูกเต๋า 1/2 ถ้วย
พริกขี้หนูซอย 1/4 ถ้วย
ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย
มะนาวหั่นลูกเต๋า 1/2 ถ้วย
น้ำเมี่ยง 1

ส่วนผสมตัวแป้ง
ขนมปังแผ่นสำหรับทำแซนวิช 10 แผ่น
เนยสดชนิดจืดเล็กน้อย

วิธีทำ
1. ทำตัวแป้งด้วยการตัดขนมปังแซนวิชเป็นชิ้น วงกลมขนาด 2 นิ้ว รีดขนมปังให้แบนเล็กน้อยด้วยไม้คลึงแป้ง
2. กรุลงในพิมพ์มัฟฟินที่ทาเนยบางๆ อบไฟ 180 องศาเซลเซียสประมาณ 10-15 นาที หรือจนขนมปังกรอบเป็นสีเหลืองทอง
3. ทำน้ำเมี่ยงโดยเคี่ยวน้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย ผสมกับ น้ำปลา 1/2 ถ้วยให้ข้น พักไว้ให้เย็น
4. วิธีรับประทาน ใส่เครื่องเมี่ยงทีละน้อยลงในถ้วยขนมปังอบ ใส่น้ำเมี่ยง แล้วรับประทานเป็นคำ

http://www.horapa.com/content.php?Category=Thai&No=1037