homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

ยาพารา ชื่อนี้มีดีที่ตรงไหน


พาราเซตามอล


ยาพารา ชื่อนี้มีดีที่ตรงไหน (Woman's Story)


          คน ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะปวดหัว เป็นไข้ แก้ปวด ฯลฯ ก็มักจะเรียกหาแต่ยาพาราเซตามอล แล้วแบบนี้ทราบหรือไม่ว่า ยาชนิดนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้ายังไม่ทราบวันนี้จะขอนำเสนอเรื่องราวของยาพาราให้ได้ทราบกันค่ะ

          พาราเซตามอล หรือยาพารา ที่พวกเราคุ้นเคยกันดี มีอีกชื่อหนึ่งว่า Acetaminophen ได้ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อศตวรรษที่18 แต่ว่าเริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อปี 1955 และจัดว่ายาพาราเซตามอลเป็นยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งเป็นยาที่ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดไข้ได้อย่างดี และเป็นยาแก้ปวดตัวแรก ๆ ที่แพทย์จะเลือกใช้กับคนไข้ เนื่องจากมีความปลอดภัย และไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร โดยปริมาณการกินที่ถูกต้อง คือ ยาพาราเซตามอล 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม ถ้าใครมีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม ก็ต้องใช้ยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม หรือ 1 เม็ด นั่นเองค่ะ แล้วก็กินห่างกัน 4 – 6 ชั่วโมงต่อครั้ง

          ถึง แม้ว่ายาพาราจะไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย แต่ก็ไม่ควรติดต่อกัน 5 วัน เพราะจะมีผลต่อตับได้ และผู้ป่วยโรคที่เป็นโรคตับก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ และไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ขณะกินตัวยานี้ด้วยนะคะ   


http://health.kapook.com/view17918.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรียนรู้โรคถุงลมโป่งพอง ปัญหาสุขภาพกำลังมาแรง




เรียนรู้โรคถุงลมโป่งพอง ปัญหาสุขภาพกำลังมาแรง
(ไทยโพสต์)

          ศาสตราจารย์กิตติคุณนายแพทย์ชัยเวช นุชประยูร รองประธานมูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคถุงลมโป่งพอง (COPD) เป็นสาเหตุการตายของประชากรทั่วโลกเป็นลำดับที่ 6 ในปี ค.ศ. 1990 และเป็นลำดับที่ 5 ในปี ค.ศ. 2001 โดยมีสาเหตุสำคัญ คือควันบุหรี่และควันจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง

          องค์การ อนามัยโลกประมาณการว่า ทั่วโลกมีผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าวประมาณปีละ 3 ล้านคน และโรคนี้จะเลื่อนขึ้นมาเป็นสาเหตุการตายของประชากรโลกเป็นลำดับที่ 4 ในปี ค.ศ. 2030 ด้วยเหตุนี้ องค์การอนามัยโลกและองค์การโรคถุงลมโป่งพองแห่งโลก (Global Initiative for Chronic Obstructive Lung Disease-GOLD) จึงได้ร่วมกันกำหนดให้มีวันถุงลมโป่งพองโลก (World COPD Day) ขึ้นเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 เป็นต้นมา

          โดยกำหนดให้วันพุธสัปดาห์ที่ 2 หรือ 3 ของเดือนพฤศจิกายนเป็นวันดังกล่าว เพื่อกระตุ้นเตือนให้บุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง ได้ตระหนักว่า โรคนี้เป็นปัญหาทางสาธารณสุขของประเทศที่สำคัญโรคหนึ่ง อันเนื่องมาจากการสูบบุหรี่

          คุณหมอชัยเวชเปิดเผยว่า ผู้ป่วยด้วยโรคนี้ต้องทุกข์ทรมานจากอาการไอเรื้อรัง เหนื่อย และหายใจลำบาก ซึ่งเนื่องจากความเสื่อมของถุงลมและปอด ซึ่งผู้ป่วยควรได้รับ การดูแลรักษาเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคควรได้รับการตรวจสมรรถภาพปอด เพื่อให้พบโรคในระยะแรก ๆ

          โรคถุงลมโป่งพอง เป็นโรคที่มีภาวะของการอุดกั้นอย่างเรื้อรังของหลอดลมทั่วปอดทั้งสองข้าง โดยมีพยาธิสภาพเกิดขึ้นที่หลอดลมขนาดเล็กและที่ถุงลม เนื่องจากการสูบบุหรี่ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาแรมปี สารมลพิษในควันบุหรี่หลายชนิดก่อการระคายเคืองต่อหลอดลม และทำลายผนังถุงลม ทำให้เนื้อเยื่อซึ่งโยงยึดหลอดลมและถุงลมเสื่อมลง

          หลอดลมเล็ก ๆ ขาดการยึดโยงที่ดีจึงแฟบตัวได้ง่าย เกิดการอุดกั้นของอากาศที่ผ่านหลอดลม โดยเฉพาะในจังหวะของการหายใจออก ทำให้มีลมค้างอยู่ในถุงลมมากขึ้น (ถุงลมโป่งพอง) การมีลมค้างในถุงลมทำให้ผู้ป่วยสูดหายใจเข้าได้ไม่เต็มที่ และเกิดอาการ เหนื่อย นอกจากนี้ ควันบุหรี่ที่ระคายเคืองหลอดลมอยู่นาน ๆ ทำให้ผนังหลอดลมอักเสบและหนาขึ้น มีเสมหะมากขึ้น

          อาการสำคัญของผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองก็คือ อาการไอเรื้อรังมีเสมหะและอาการเหนื่อย ซึ่งจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นตามการเสื่อมของถุงลมในปอด และในที่สุดจะมีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำและหัวใจวายตามมา ผู้ป่วยเหล่านี้จะเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนซึ่งได้แก่ ปอดบวม ภาวการณ์หายใจวาย และภาวะหัวใจวาย

          อย่าง ไรก็ตาม แม้ว่าโรคถุงลมโป่งพองจะเป็นปัญหาที่สำคัญทางสาธารณสุขโรค หนึ่งทั้งในปัจจุบันและอนาคต แต่ความตระหนักและการรับรู้ของประชาชนในโรคนี้ ยังมีไม่มากเท่าที่ควร ในการรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ และความตระหนักต่ออันตรายของโรคนี้ที่มีต่อ คุณภาพชีวิต จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ซึ่งได้แก่บุคลากรทางการ แพทย์ ผู้ป่วย สื่อมวลชน และประชาชน

          ดังนั้นชมรมถุงลมโป่งพองจึงได้ร่วมกับ มูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย กำหนดจัดงานวันถุงลมโป่งพองโลก (World COPD Day) ขึ้นในวันที่ 14 พ.ย. 53 เวลา 12.00-16.00 น. ณ ห้องศรี สุริยวงศ์ ชั้น 11 โรงแรมตวันนา ถนนสุรวงศ์

          ภายในงานมีการจัดนิทรรศการ ให้บริการตรวจสมรรถภาพการทำงานของปอด วัดปริมาณน้ำตาลในกระแสเลือด วัดความดันของโลหิต การแสดงบนเวที พร้อมเล่นเกมรับของที่ระลึกในงาน และร่วมออกกำลังกายกับทีมกายภาพบำบัด นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมการ อภิปรายให้ความรู้เรื่องอาหารและยาสำหรับผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง สิ่งแวดล้อมในอาชีพ และในบ้านที่มีผลเสียสำหรับถุงลมโป่งพองให้กับผู้สนใจ ฟรี! ตลอดงาน จึงขอเชิญชวนสมาชิกหรือผู้สนใจเข้าร่วมงาน โปรดแจ้งได้ที่ มูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย โทร. 0-2617-0649, 08-6535-0872


http://health.kapook.com/view18668.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

หัวใจพิการคร่าเด็กไทย พบป่วยปีละ 8 พันคน


หัวใจพิการคร่าเด็กไทย พบป่วยปีละ 8 พันคน

หัวใจพิการคร่าเด็กไทย พบป่วยปีละ 8 พันคนส่วนหนึ่งเสียโอกาสรักษาเพราะจน (ไทยโพสต์)


          มูลนิธิเด็กโรคหัวใจฯ เผยสภาพปัญหาเด็กไทยป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด 8,000 คนต่อปี กว่าครึ่งหนึ่งมีอาการขั้นวิกฤติต้องผ่าตัดด่วน แต่ยังพบทุกปีมีเด็กป่วยประมาณ 1,500 คนสูญเสียโอกาสรักษาพยาบาล เสี่ยงเสียชีวิตเร็วขึ้น วอนผู้มีจิตเมตตาช่วยเหลือ

          เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน มีการแถลงข่าวจัดงานประกวดซานต้าคิดส์ ทูตน้อยเพื่อเพื่อนด้อยโอกาส ปี 4 ภายใต้แนวคิดทูตน้อยสุขภาพดี เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดงานมอบให้ศูนย์โรคหัวใจสิรินธร โรงพยาบาล พระมงกุฎเกล้า เพื่อช่วยเหลือเด็กป่วยโรคหัวใจ

          พล โทหญิงสุรีย์พร คุณาไทย เลขาธิการมูลนิธิเด็กโรคหัวใจ ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวง นราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวถึงสถานการณ์เด็กป่วยโรคหัวใจว่า เด็กแรกเกิด 1 ใน 1,000 คนจะป่วยเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ในแต่ละปีมีเด็กไทยทั่วประเทศป่วยโรค นี้ประมาณ 8,000 คน ในจำนวนนี้มีเด็ก 4,000 คนป่วยไม่หนักและหายเป็นปกติได้เอง แต่เด็กอีก 4,000 คนป่วยรุนแรงและต้องเข้ารับการรักษาผ่าตัดด่วน

          จากการสำรวจตัวเลขพบว่า มีเด็กเข้ารับการรักษาผ่าตัดประมาณ 2,500 คนต่อปี แต่ยังมีเด็กอีก 1,500 คนที่ไม่ได้รักษาผ่าตัด เพราะอยู่นอกเหนือขีดความสามารถของโรงพยาบาลในประเทศไทย ที่มีศักยภาพในการรักษาผ่าตัดเด็กโรคหัวใจ หากมีอายุน้อยและมีอาการพิการซับซ้อนก็จะทำให้เสียชีวิตเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์

          เลขาธิการมูลนิธิเด็กโรคหัวใจฯ ระบุว่า ปัจจุบันการรักษาผ่าตัดเด็กโรคหัวใจยังมีข้อจำกัดคือ ขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางโรคหัวใจเด็ก ห้องผู้ป่วยวิกฤติและเครื่องมืออุปกรณ์ดูแลรักษามีจำนวนไม่เพียงพอ และต้องนำเข้าจากต่างประเทศในราคาแพง ทำให้การรักษาผ่าตัดมีอุปสรรค และไม่ทันการณ์ต่อจำนวนเด็กที่รอผ่าตัดเร่งด่วน

          ทั้งนี้มีเด็กป่วยหนักประมาณ 400 คนต่อปี และต้องรักษาผ่าตัดภายในอายุ 1 ขวบ ส่วนผู้ป่วยเด็กที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงการรักษา มักจะอยู่ในครอบครัวมีรายได้น้อยและอาศัยในเขตชนบท หรืออยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการรักษา

          "ค่าใช้จ่ายการรักษาผ่าตัดเด็กป่วยโรคหัวใจ ภาครัฐออกให้ตามสิทธิหลักประกันสุขภาพ เนื่องจากโรคหัวใจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสนบาทขึ้นไป และนับวันจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็มีค่ารักษาบางส่วนที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเอง ซึ่งเป็นปัญหาของผู้ป่วยยากจน ดังนั้นมูลนิธิจึงขอรับบริจาคเงินจากผู้มีจิตเมตตา เพื่อช่วยรักษาชีวิตเด็กโรคหัวใจให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมีความหวัง และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยไม่ต้องเป็นภาระสังคม" พลโทหญิงสุรีย์พรกล่าว

          พ.อ.นพ.เฉลิมเกียรติ ตันตระกูล หัวหน้าหน่วยโรคหัวใจเด็ก ศูนย์โรคหัวใจสิรินธร โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า บอกว่า ที่ผ่านมามีจำนวนเด็กป่วยโรคหัวใจเข้ารักษาผ่าตัดที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าประมาณ 100 คนต่อปี และตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มการผ่าตัดเด็กโรคหัวใจให้ได้จำนวน 200 คนต่อปี โดยมีแนวทางขยายเวลาใช้งานห้องผ่าตัด ซึ่งต้องให้แพทย์ทำงานนอกเวลามากขึ้น เพื่อลดระยะเวลาการรอรักษาให้เร็วขึ้น แต่เวลานี้ยังขาดแคลนงบประมาณต่าง ๆ โดยเฉพาะการจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น เครื่องปอดหัวใจเทียม ทำหน้าที่แทนหัวใจและปอดในขณะที่ผ่าตัด และเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจเพื่อดูแลผู้ป่วยเด็กหลังผ่าตัด

          ด้าน น.ส.ดิศราพร อิศรางกูร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็คเซส เซ็นเตอร์ จำกัด ในฐานะผู้จัดกิจกรรมประกวดซานต้าคิดส์ กล่าวว่า โครงการในปีนี้ใช้ชื่อว่าทูตน้อยสุขภาพดี เพื่อคัดเลือกเด็กที่มีคุณสมบัติเหมาะสมไปร่วมทำประโยชน์ให้สังคม โดยจะนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้ศูนย์โรคหัวใจสิรินธร รพ.พระมงกุฎเกล้า เพื่อสมทบทุนในการซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าหอผู้ป่วย กุมารกึ่งวิกฤติสำหรับเด็กที่ป่วยโรคหัวใจ

          ทั้งนี้การจัดงานใน 3 ปีที่ผ่านมา ทูตน้อยได้เป็นตัวแทนนำรายได้มอบให้มูลนิธิบ้านนกขมิ้น เพื่อสร้างห้องสมุด บ้านดิน เรือนนอนบ้านดิน ที่จังหวัดอุทัยธานี เพื่อช่วยเด็กกำพร้า หรือด้อยโอกาสในสังคมได้มีครอบครัวที่อบอุ่น

          "กิจกรรมนี้จัดเพื่อส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออก และฝึกการเป็นผู้ให้ตั้งแต่วัยเยาว์ โดยคัดเด็กที่น่ารักสมวัยรับตำแหน่งทูตน้อยเพื่อเพื่อนด้อยโอกาส ชิงถ้วยรางวัลนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนไปทำความดีเพื่อสังคม โดยจะมีการจัดประกวดใน วันที่ 10 ธันวาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.08-4971-3887" น.ส.ดิศราพรกล่าว

http://health.kapook.com/view18664.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปวดท้อง อย่างไหนควรไปพบแพทย์


ปวดท้อง

ปวดท้อง (โรงพยาบาลพญาไท)

          อาการปวดท้อง เป็นหนึ่งในอาการยอดฮิตที่หลาย ๆ คนเป็น บางคนปวดท้องอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะมักคิดว่า อาการปวดท้อง เป็นแล้วเดี๋ยวก็คงจะหายไปเอง แต่รู้ไหมว่า อาการปวดท้องบางอย่าง ก็เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ร่างกายกำลังบอกคุณว่า ควรจะไปพบแพทย์ได้แล้ว เช่นนั้นแล้ว มาดูกันดีกว่าว่า อาการปวดท้องบอกโรคอะไรได้บ้าง แล้วคุณควรจะไปพบแพทย์เมื่อไหร่

สาเหตุของอาการปวดท้อง

          ปวดท้องเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาการอาจเป็นแค่ปวดเล็กน้อย หรือปวดมากและรุนแรงมากได้ อาการปวดมักจะไม่จำเพาะเจาะจง อวัยวะในช่องท้องอาจมีหลายอย่าง อาการปวดท้องอาจสัมพันธ์กับอวัยวะโดยตรง เช่น กระเพาะปัสสาวะ รังไข่ โดยทั่วไปอาการปวดท้องเกิดจากอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ไส้ติ่งอักเสบ ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เป็นต้น ลักษณะของอาการปวดท้องและตำแหน่งที่ปวด สามารถช่วยในการวินิจฉัยได้ เช่นเดียวกับความรุนแรงของอาการปวดท้อง และช่วงเวลาที่เกิดอาการปวดท้อง


ลักษณะอาการปวดท้อง

          อาจมีลักษณะปวดเสียด ปวดตื้อ ๆ ปวดบิด บางครั้งปวดไม่กี่วินาทีแล้วก็หายปวด หรือปวดท้องชนิดไม่หายสักที บางครั้งปวดท้องแล้วอาเจียน หลังจากได้อาเจียนอาจรู้สึกดีขึ้นบ้าง

          สาเหตุที่ทำให้ปวดท้อง อาจแบ่งเป็นชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง โรคที่คนส่วนใหญ่กลัว ได้แก่ ไส้ติ่งอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ โรคแผลในกระเพาะอาหาร ภาวะการติดเชื้อ และอาการที่เกิดจากการตั้งครรภ์


โรคบางอย่างที่อาจต้องคำนึงถึงด้วย

          ได้แก่ โรคของหลอดเลือดขนาดใหญ่ในช่องท้อง อาการหัวใจวายเฉียบพลันและตับอักเสบ นิ่วในไต รวมทั้งโรคของลำไส้บางชนิด อาการปวดท้องอาจจะไม่ได้เกิดจากอวัยวะในช่องท้องเท่านั้น โรคหัวใจและปอดอักเสบอาจก่อให้เกิดอาการปวดท้องที่รุนแรงได้เช่นกัน ในเพศหญิงต้องนึกถึงสาเหตุจากอวัยวะในอุ้งเชิงกรานด้วย ผู้ป่วยที่เป็นโรคงูสวัดที่บริเวณท้องจะมีอาการปวดท้องที่รุนแรง โดยที่อวัยวะภายในไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด และประสบการณ์สุดท้ายอาการเป็นพิษบางอย่างทำให้เกิดอาการปวดท้องได้ เช่น แมลงกัด สัตว์ต่อย

          โดยเฉลี่ยแล้วประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้อง จะตรวจพบสาเหตุที่ชัดเจน ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งที่มักจะตรวจไม่พบสาเหตุ และอาการอาจทุเลาน้อยลงไป โดยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าปวดท้องจากสาเหตุอะไร แต่ถ้ายังคงมีอาการปวดท้องอยู่ ส่วนใหญ่จะพบสาเหตุในเวลาอีกไม่นานต่อมา


อาการปวดท้องที่ควรไปพบแพทย์

          1.ปวดนานมากกว่า 6 ชั่วโมงแล้วอาการเป็นมากขึ้น

          2.ปวดจนทานอาหารไม่ได้

          3.ปวดท้องและอาเจียนอย่างมาก มากกว่า 3-4 ครั้ง

          4.อาการปวดท้องเป็นมากขึ้นเมื่อขยับตัว

          5.ปวดท้องที่บริเวณท้องน้อยด้านขวา

          6.อาการปวดท้องรุนแรงจนทำให้นอนไม่ได้

          7.อาการปวดร่วมกับเลือดออกจากช่องคลอด

          8.มีไข้ร่วมด้วย


คำแนะนำสำหรับการปฏิบัติตัวของผู้ปวดท้อง

          1.รับประทานยาตามแพทย์สั่ง

          2.รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย งดนม อาหารรสจัด น้ำผลไม้

          3.ถ้ายังมีอาการต่อไปนี้ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องน้อยด้านขวามากขึ้น หลังทานยาแก้ปวดไปแล้ว 2 ชม. ให้รีบกลับมาพบแพทย์ทันที

          4.โปรดกลับไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจตามที่แพทย์นัด



http://health.kapook.com/view18560.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ระวัง!!! ดื่มสุราแก้หนาว อาจถึงขั้นเสียชีวิต


ดื่มสุรา

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เมื่อ อากาศหนาวมาถึง หลายคนพยายามหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น และเชื่อว่า หลายคนมีความเข้าใจว่า การดื่มสุราจะช่วยให้หายหนาวได้ เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น แต่จริง ๆ แล้วเป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์เลยค่ะ เพราะนอกจากแอลกอฮอล์จะช่วยให้หายหนาวไม่ได้แล้ว ที่สำคัญคือ ยังสามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้อีกด้วย

          สาเหตุก็เพราะสุราโดยทั่วไป จะมีเอทิลแอลกอฮอล์ที่ทานได้ผสมอยู่ประมาณไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นหากดื่มมากหรือนาน ๆ เข้า แอลกอฮอล์จะไปกดประสาทส่วนกลาง ทำให้มีอาการง่วง งง ซึม และหมดสติ และ ยิ่งหากนั่งดื่มสุราในสภาพอากาศเย็น จะยิ่งเสี่ยงอันตรายมากขึ้น เพราะความเย็นจะทำให้ร่างกายมีความหนืดมากขึ้น การไหลเวียนของโลหิตเป็นไปด้วยความลำบาก ส่งผลอวัยวะขาดออกซิเจน และเมื่ออวัยวะขาดออกซิเจน หัวใจก็ยิ่งต้องทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดให้ไปเลี้ยงทั่วร่างกาย นี่จึงเป็นสาเหตุทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

          นอกจากนี้การดื่มสุราจะทำให้ปัสสาวะมาก ร่างกายจึงสูญเสียน้ำมาก และภูมิต้านทานร่างกายจะลดลง เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้เช่นกัน  

          ดังนั้นแล้วใครที่เข้าใจผิด ๆ มาตลอดว่า การดื่มสุราจะช่วยคลายหนาวได้ ก็เปลี่ยนความคิดเสียใหม่นะคะ 

http://health.kapook.com/view18642.html