homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

คุณปัสสาวะถี่เกินไปหรือเปล่า


เตือนภัยสุขภาพ

คุณปัสสาวะถี่เกินไปหรือเปล่า (Lisa)

          คุณมีอาการอย่างนี้หรือเปล่า ปวดปัสสาวะบ่อย แม้จะมีน้ำปัสสาวะไม่เต็มกระเพาะปัสสาวะก็ตาม หรือต้องเข้าส้วมมากกว่า 20 ครั้งต่อวัน

          ทั้งนี้ มีคนประมาณ 5-7 ล้านคนในประเทศเยอรมนีที่ต้องเก็บตัวไม่ไปไหนไกล ๆ ตกตอนกลางคืนก็นอนหลับไม่สบาย เพราะต้องเข้าห้องน้ำทุกชั่วโมง ซึ่ง ดร.ไฮซ์ โคลบ์ จากคลินิกสตรีในมหาวิทยาลัยไมนซ์ได้อธิบายว่า ส่วนใหญ่เกิดจากจิตใจ จึงควรไปพบแพทย์ เพราะมียารักษา หรือควรฝึกพฤติกรรมต่าง ๆ

          อย่างเช่น การจดบันทึกและการฝึกเข้าห้องน้ำ  โดยจดปริมาณน้ำที่ดื่ม และความถึ่ในการเข้าห้องน้ำ เพื่อจะได้เปลี่ยนแผนการดื่มน้ำ เช่น ดื่มในช่วงกลางคืนให้น้อยลง เพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าส้วมบ่อย นอกจากนี้ ก็ควรควบคู่กับการฝึกเข้าห้องน้ำ โดยการเข้าให้น้อยลง โดยถ้าหากไม่ปวดก็ไม่ต้องเข้าและไม่เบ่ง ปล่อยให้ปัสสาวะเองตามธรรมชาติ

          ดื่มน้ำอย่างเหมาะสม จะได้ไม่เข้าห้องน้ำบ่อย


http://health.kapook.com/view20305.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

มะเร็งเต้านม คร่าหญิงไทยปีละ 5 พันคน


มะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านม คุกคามหญิงไทยปีละ 1.2 หมื่น ตาย 5 พัน (ไทยโพสต์)

         "จุรินทร์" เผยสตรีไทยเป็นมะเร็งเต้านมปีละ 12,000 ราย เสียชีวิตปีละ 5,000 ราย จัดอบรมตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองแก่ อสม.ทั่วประเทศ

         นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และคณะ เปิดโครงการรวมพลัง อสม.ทั่วไทยต้านภัยมะเร็งเต้านม พร้อมมอบประกาศนียบัตรให้ อสม.จังหวัดเพชรบุรีที่ผ่านการอบรมการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง จำนวน 5,000 คน

         นายจุรินทร์กล่าวว่า สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์อบรมให้ความรู้ อสม.ในเรื่องการรณรงค์ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง ที่ผ่านมา สธ.ได้จัดอบรม อสม.ไปแล้ว 5 แสนคน จากทั้งหมด 1 ล้านคนในสัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 12-16 ม.ค.2554 จะอบรม อสม.อีก 5 แสนคนที่เหลือ ให้มีความรู้ความเข้าใจในการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง เพื่อนำไปสอนสตรีในชุมชนหมู่บ้านต่าง ๆ โดยการอบรมจะดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ

         รม ว.สธ.กล่าวว่า การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง จะเน้นการเริ่มต้นตรวจตั้งแต่ในสตรีอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยขณะนี้มะเร็งที่คุกคามสตรีไทยมากที่สุดคือ มะเร็งเต้านม รองลงมาคือมะเร็งปากมดลูก สำหรับมะเร็งเต้านมมีผู้ป่วยรายใหม่ปีละ 12,000 ราย เสียชีวิตปีละ 5,000 ราย ซึ่ง สธ.ตั้งเป้าลดตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตลงให้มากที่สุด

         "โรค มะเร็งเต้านม หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้ โดยการสอนให้สตรีไทยตรวจเต้านมด้วยตนเองได้ หากพบผิดปกติจะได้รับการตรวจยืนยันด้วยเครื่องแมมโมแกรมต่อไป หากรีบเข้าสู่กระบวนการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก็จะสามารถรักษาให้หายขาดและจำนวนผู้เสียชีวิตให้ลดลง"


http://health.kapook.com/view20510.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

“ยำมะเขือยาว” อร่อยเบาๆ แต่จัดจ้าน

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 สิงหาคม 2554 16:01 น.
โดย : กุ๊กเล็ก


       มื้อนี้ “กุ๊กเล็ก” อยากจะทำเมนูอร่อยจัดจ้านแต่อิ่มเบาๆ สบายท้องดูบ้าง แต่ตำรับของ “กุ๊กเล็ก” นั้นต้องทำง่ายอยู่แล้ว ก็เลยเลือกเมนู “ยำมะเขือยาว” มานำเสนอกันให้ลองชิม
     
       ส่วนผสมมีดังนี้
       มะเขือยาว 2-3 ลูก
       ไข่ไก่ต้ม 2 ฟอง
       หอมแดง 2 หัว
       หมูสับ 50 กรัม
       พริกขี้หนู 4 เม็ด
       น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
       น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
       น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
     
       วิธีทำเริ่มจากนำมะเขือยาวมาตัดขั้วออก แล้วนำไปเผาจนสุก (ระวังอย่าให้ไหม้) แล้วลอกเปลือกออก หั่นมะเขือยาวเป็นท่อนๆ พักใส่จานไว้ นำหมูสับไปลวกจนสุก นำพริกขี้หนูมาซอย และนำหอมแดงมาซอยบางๆ ทำน้ำยำโดยผสมน้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน (เพิ่มเติมรสชาติได้ตามชอบ) ใส่พริกขี้หนูและหอมแดงที่เตรียมไว้ ใส่หมูสับที่ลวกสุกแล้ว ตักใส่ถ้วยเล็กๆ เสิร์ฟพร้อมกับมะเขือยาวในจาน และไข่ต้มเพิ่มโปรตีนให้กับเมนูอร่อยในมื้อนี้
 

ครีมหน้าขาวก่อมะเร็ง สธ. พบวัยรุ่น-สาวเทียมนิยมใช้


ครีม


ครีมหน้าขาวก่อ "มะเร็ง" สธ. พบ วัยรุ่น-สาวเทียมนิยมใช้ (ไทยโพสต์)

         เตือนวัยรุ่น สาวประเภทสอง ใช้ครีมกัดผิว เปลี่ยนสีผิวให้ขาวใสทันใจเป็นเหมือนเกาหลี เสี่ยงเนื้องอก - มะเร็งผิวหนัง
         นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังนิยมการมีสีผิวขาวใส เพราะเชื่อว่าสามารถทำให้ดูดีขึ้น ดูสดใสเหมือนชาวเกาหลี โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นชาย-หญิง และเริ่มแพร่หลายในกลุ่มนักเรียนมัธยมต้น โดยเฉพาะสาวประเภทสองจะนิยมใช้มาก เนื่องจากเข้าใจว่าทำให้ผิวขาวเนียนเหมือนผู้หญิง และทำให้ขนตามแขนขาเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีทอง ดูไม่น่าเกลียดเมื่อใส่ชุดโชว์เรือนร่าง จึงหันมาใช้ครีมเปลี่ยนสีผิว เนื่องจากราคาถูก ใช้แล้วเห็นผลเร็ว หาซื้อง่ายตามตลาดนัด ร้านเสริมความงาม และมีขายทางอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก

         "ครีมเปลี่ยนสีผิวนั้นจะมีส่วนผสมหลักก็คือ สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogenperoxide) สารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนระคายเคืองสูง อาจทำให้เกิดระคายเคือง แสบ คัน และเป็นผื่น จะมีลักษณะเป็นน้ำ ในทางการแพทย์นำมาใช้ในการทำความสะอาดแผลที่ทำความสะอาดได้ยาก เช่น แผลลึก ปากแผลแคบ จากตะปูตำ ถูกแทง เป็นต้น" นพ.สุพรรณกล่าว

         โฆษกสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อถูกบาดแผล ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จะกลายเป็นฟอง สามารถชำระสิ่งสกปรก เชื้อโรค เศษดินต่างๆ ที่อยู่ในแผลออกมา โดยในการใช้จะนำมาผสมกับน้ำในสัดส่วนไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ส่วนต่อน้ำ 20 หรือ 30 ส่วน เป็นต้น นอกจากนี้ สารดังกล่าวยังมีการนำมาใช้กัดสีผม ย้อมผม ผสมในยาสีฟัน กัดสีขน และใช้ในอุตสาหกรรมบางประเภท  ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทุกชนิดจัดเป็นเครื่องสำอางควบคุมตามประกาศกระทรวง สาธารณสุข เรื่องการกำหนดเครื่องสำอางควบคุม ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ดังนั้นผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ ออกไซด์ต้องมาขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ก่อนผลิตหรือนำเข้าเครื่องสำอางนั้น ๆ โดยอนุญาตให้ผสมในผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมในอัตราส่วนไม่เกิน 12 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยในช่องปากไม่เกิน 0.1 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันไม่เกิน 6 เปอร์เซ็นต์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหนังไม่เกิน 4 เปอร์เซ็นต์ หากเกินอัตราส่วนที่กำหนดถือว่าเป็นเครื่องสำอางผิดกฎหมาย

         ด้านนายแพทย์จิโรจ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า การนำสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มาใช้กับผิวโดยตรง ถือว่าเป็นการนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพราะไม่ได้มีข้อบ่งชี้กำหนดว่าให้ใช้สารนี้ในการฟอกสีผิว แต่เพราะค่านิยมในปัจจุบันจึงมีการนำมาใช้ผสมในครีมกัดผิวในเปอร์เซ็นต์ที่ มีความเข้มข้นสูง เมื่อนำสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือครีมที่ส่วนผสมของสารนี้มาใช้กับผิวหนัง เพื่อหวังให้ผิวขาว สารนี้จะไปกัดผิวชั้นนอกออก จึงทำให้ผิวดูขาวขึ้นจริง แต่จะขาวได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น และหากใช้ตั้งแต่อายุยังน้อยและใช้บ่อยๆ จะทำให้ผิวหนังซึ่งเป็นเกราะป้องกันโดยธรรมชาติเสื่อมหรือบางลง เมื่อทาครีมหรือสารชนิดอื่นที่ผิวหนังก็จะเกิดการซึมซับของสารได้ง่ายกว่า ปกติ ทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
    
         ประการสำคัญ ผิวหนังที่ผ่านการใช้สารกัดผิวมาแล้วจะมีความทนทานต่อแสงแดดน้อยลง เนื่องจากสารเม็ดสีในผิวหนังที่เรียกว่าสารเมลานิน (Melanin) จะโดนฟอกออกไปด้วย ทำให้สารเม็ดสีน้อยลง หากใช้เป็นเวลานานจะเกิดอาการผิวแพ้ง่าย เมื่อโดนแสงแดด เหงื่อออกหรืออยู่ในที่ร้อน ๆ ผิวหนังจะตึงและมีอาการแสบ คัน หากโดนแสงแดดซ้ำบ่อยๆ อาจทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นที่ผิวก่อนวัยอันควรได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญเซลล์ผิวหนังที่มีเม็ดสีน้อย เมื่อโดนแสงแดดมากๆ หรือเป็นเวลานานๆ จะถูกทำลายลึกไปถึงระดับโมเลกุลและระดับดีเอ็นเอด้วย จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดเป็นตุ่ม เป็นเม็ดแข็ง เป็นเนื้องอกผิวหนัง มีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้มากกว่าผิวธรรมดา

         นพ.จิโรจ กล่าวว่า อยากจะทำความเข้าใจกับวัยรุ่นว่าผิวคนเรานั้นเกิดจากพันธุกรรม สายพันธุ์แตกต่างกันไป ซึ่งผิวทุกสีทุกลักษณะจะดูดีในแบบของตัวเอง บางคนที่ผิวเข้มก็สามารถทำให้ผิวเนียน สวย ดูดีได้ ซึ่งมีหลายวิธี เช่น การอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ คาร์โบไฮเดรต วิตามินอีและวิตามินซี หรืออาหารที่มีแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น ผักผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ฟักทอง แครอต เพื่อดักของเสียออกจากร่างกายหรือผิวหนัง ทาครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหลังอาบน้ำเช้า เย็น หรือทาบ่อยๆ เท่าที่ต้องการ และควรหลีกเลี่ยงแสงแดด

         นอกจากนั้น เรื่องของจิตใจ เช่น ความเครียด การนอนดึก จะกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองมีการกระตุ้นการสร้างสารเมลานินมากขึ้น ทำให้ผิวหมองคล้ำ จึงควรทำจิตใจให้ผ่องใส พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

แปรงสีฟันเก่า อันตราย!!!


แปรงสีฟัน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          รู้ไหมว่า แปรงสีฟันที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน หากใช้ไปนาน ๆ ไม่ยอมเปลี่ยนสักที อันตรายถามหาแน่นอนค่ะ

          โดย เจมส์ ซอง นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเตือนว่า แปรงสีฟันที่ใช้นานเกินไป อาจเป็นหนึ่งในวัตถุอันตรายของบ้านได้อย่างไม่น่าเชื่อ และยังทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่อสุขภาพตามมา เพราะมันสามารถทำให้เกิดโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง โรคไขข้อ และการติดเชื้อเรื้อรัง ซึ่งมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการใช้แปรงสีฟันที่ไม่ถูกสุขอนามัยด้วย

          นั่น ก็เพราะแปรงสีฟันที่ใช้นาน ๆ แล้ว จะเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียหลายชนิด และมันสามารถเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ใช้ผ่านแผลที่เหงือกได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ แบคทีเรียเหล่านี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อต่าง ๆ รวมทั้งการอุดตันของเส้นเลือดด้วย

          สอดคล้องกับงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ที่ระบุว่า พบเชื้อโรคนับสิบล้านตัวในแปรงสฟันทั่ว ๆ ไป และในจำนวนนี้เป็นเชื้อแบคทีเรียที่สามารถทำให้มนุษย์ถึงตายได้ด้วย เช่น สเตรปโตคอกคัส ฯลฯ ขณะที่สมาคมทันตแพทย์อังกฤษ ก็ออกมาเตือนด้วยว่า ความน่ากลัวจะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก หากใช้แปรงสีฟันร่วมกับคนอื่น

          ขณะที่ ดร.ทาริก ไอดริส ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมตกแต่งจากฮาร์เลย์ สตรีท ยังเสริมข้อมูลด้วยว่า เคยตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ในแปรงสีฟัน แถม แปรงสีฟันที่เปียกชื้น ก็ยังเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียชั้นดีด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะบอกว่า "แปรงสีฟัน" คือวัตถุอันตรายในบ้าน และ อีก 10-15 ปีข้างหน้า เราอาจเห็นการฆ่าเชื้อแปรงสีฟันเป็นเรื่องปกติ หรือต่อไปเราอาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้แปรงสีฟันแบบใช้แล้วทิ้งก็เป็นได้

          เห็น ข้อมูลดังนี้ หลายคนอาจกลัว เลยประชดไม่แปรงฟันเสียเลยดีไหม อย่างนี้ไม่ดีแน่ค่ะ เราจึงมีคำแนะนำในการทำความสะอาดแปรงสีฟันมาบอก ดังนี้

          เปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุก ๆ 3 เดือน

          อย่าใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น

          ลองขอคำแนะนำในการใช้แปรง และแปรงฟันให้ถูกวิธี จากทันตแพทย์

          อย่าใช้แปรงที่มีขนแปรงแข็งเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดแผลที่เหงือก และทำให้แบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่าย

          ถ้าเก็บแปรงสีฟันไว้ในห้องน้ำ ควรเก็บในปลอกให้เรียบร้อย ไม่ควรวางทิ้งไว้ หรือเสียบใส่ในแก้วน้ำเฉย ๆ

          ใช้น้ำร้อนทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคให้แปรงสีฟันบ้าง และน้ำร้อนยังทำให้ขนแปรงที่แข็งอ่อนนุ่มลงด้วย


http://health.kapook.com/view20713.html