The Chocolate Tales คาเฟ่โฮมเมดเล็กๆ ที่ตกแต่งร้านได้น่ารักสดใส ใครมา ก็สะดุดตากับวอลเปเปอร์ลายการ์ตูนน่ารัก จากไอเดียเจ้าของร้านที่ชวนเพื่อนๆ มาช่วยกันเพ้นท์


บรรยากาศดูสบายๆ มีมุมของที่ระลึกจากเมืองภูฏาน นำมาแต่งร้าน ให้เราเลือกนั่งชิลล์ได้ที่โต๊ะเก้าอีไม้กับหมอนอิงลายสวย มุมเก้าอี้บาร์กับหนังสือน่าอ่าน หรือจะเป็นโซฟานุ่มโซนด้านในสุด สำหรับหนุ่มสาวไอที จะพก Notebook มานั่ง เช็คเมล์อัพเดทข่าวสารก็ยังได้ ที่นี่มีบริการ Wi-Fi ให้ใช้ฟรีด้วย
มาคุยกันเรื่องของอร่อยๆ กันต่อ แต่ละวันทางร้านจะอบขนมเค้กใหม่ๆ และทำแบบ ไม่ค่อยซ้ำ ซึ่งจะมีเค้กรสใหม่มาให้ชิมเสมอ
ขอเริ่มชิ้นแรกด้วย Strawberry & Lemon Cheesecake (120 บาท) ชีสเลมอนเค้กรสเปรี้ยว ทานกับซอสสตรอเบอร์รี่เข้มข้น หรือชิ้นนี้ Banana Cheese (90 บาท) แป้งเค้กกล้วยหอมนุ่ม หน้าครีมชีสหวานมัน มาที่นี่ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยค่ะ Chocolate Lava with Ice Cream (150 บาท) เค้กช็อกโกแลตเนื้อแน่นรสเข้ม ทานกับไอครีมวานิลลา
นอกจากเค้กโฮมเมด ยังมีเมนูอิ่มท้องแบบจานเดียวทานง่ายๆ ให้คุณเลือกอร่อย เช่น Spaghetti with Garlic Butter Cream (140 บาท) สปาเก็ตตี้หอยลาย ผัดเนยกระเทียม อินเทรนด์อย่างเราขอลอง Korean Style Beef with Rice (200 บาท) ข้าวเนื้อย่างเกาหลี มาเป็นเซตพร้อมกิมจิ
ใครอยากจะอร่อยกับช็อกโกแลตรสเข้มสไตล์ The Chocolate Tales มาที่ สีลม ซอย 7 ตรงมาสุดซอยแล้วเลี้ยวซ้าย หรือรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี เดินย้อนกลับมา ฝั่งถนนสีลม สังเกตร้าน 7-11 ที่ 2 ตรงเข้ามาประมาณ 20 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือค่ะ
ที่ตั้ง : 399/4 สีลม ซอย 7 เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทร : 0-2234-0210
เปิดบริการ : จันทร์-ศุกร์ 09.00-18.00 น. เสาร์ 09.00-16.00 น. ปิดทุกวันอาทิตย์
ราคาต่อท่าน: (โดยประมาณ) : 150 บาท
ข้อมูล bkkmenu

"โลฟ" เบเกอรี่มีสไตล์
"เค้ก ปุญญมันต์" หรือเค้ก บีไฟว์ (B5) มาพบกับเจ้าตัวอีกครั้งที่งาน Health Cuisine & Beauty Festival ครั้งที่ 7 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 กรกฎาคม 10:00-20:00 น. ภายในโซนอาหารพร้อมกับร้านของตัวเองในชื่อ "โลฟ เบเกอรี่ แอนด์ คาเฟ่" (Loaf)
เจ้าตัว บอกว่า Loaf On Tour ของเราตั้งอยู่ที่ โซน C2 บูธหมายเลข D128 โดยนำเอาขนมเลื่องชื่อของทางร้านมาให้คนกรุงเทพฯได้ลิ้มลอง เช่น สติ๊คกี้บันส์ 6 ไส้ 6 รสชาติที่ชุ่มฉ่ำซึมแทรกไปทั่วเนื้อขนมปังหอมนุ่มสูตรลับเฉพาะ
"ผมเปิดร้านนี้มาได้ประมาณครึ่งปีแล้ว มีสาขาเดียวอยู่ที่พัทยา วันนี้จึงขอมาทดลองตลาดที่ กทม.บ้าง"
ด้วย ความผูกพันกับขนมอบมาเกือบ 30 ปี ตระเวนชิมกว่า 20 ประเทศทั่วโลก จึงนำสูตรที่ดีที่สุดมารวมไว้ที่นี่ ตั้งแต่อาหารเช้าที่รับประทานคู่กับกาแฟคั่วเข้มทว่ากลมกล่อม ขนมปังสูตรปารีเซียงแท้ๆ ขนมอบโฮมเมด ชานำเข้าจากยุโรป
และยังมีทา ปาสสูตรเฉพาะ สลัดสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมี"กัวร์เมต์พิซซ่า"ที่ความอร่อยได้รับโหวตให้เป็นร้านพิซซ่าอันดับหนึ่ง โดยสมาคม Pattaya City Expatd Club (Freddy Frugal group)
Loaf Bakery & Cafe พัฒนาสูตรมากว่า 9 ปี จนได้ Gourmet Pizza ในสไตล์ของ Loaf จนได้แป้งกรอบและนุ่มหยุ่นลิ้นอย่างลงตัว คัดสรรจับคู่วัตถุดิบแปลกใหม่ให้เข้ากันกว่า 25 หน้า สำหรับ"สติ๊คกี้บันส์" เนื้อขนมชุ่มฉ่ำนมเนย ของอร่อยที่ใครๆ ต้องบอกต่อ
นอกจากไส้ซินนาม่อนโรยพีแคนแบบดั้งเดิมแล้ว ยังมีไส้อื่นอีกมากให้เลือก ทั้งแอลมอนด์บด เนยถั่ว ช็อกโกแลต กล้วยหอม หรือมะพร้าว
ถ้า ต้องการสัมผัสบรรยากาศสวยๆ นั่งสบายๆ ที่ร้าน "โลฟ เบเกอรี่ แอนด์ คาเฟ่" สามารถโทรศัพท์ไปสอบถามได้ที่ 038-427615 และ 038-427-616 หรือเยี่ยมชมเฟซบุ๊ค Loaf Bakery & Cafe
ขอขอบคุณ มติชนออนไลน์
Platform 1 ร้านอาหารที่คงบรรยากาศของบ้านเก่า เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นขนาดกะทัดรัด รายล้อมด้วยร่มไม้สีเขียวครื้ม ภายในตกแต่งด้วยสีขาวสไตล์วิกตอเลี่ยนที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายน่านั่งไปทุก มุม


การตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และของสะสมของครอบครัวอย่าง เครื่องเสียงโบราณ ชามกระเบื้อง และโมเดลรถไฟ ซึ่งได้มาจากแหล่งต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและยุโรป ทั้งยังมีส่วนระเบียงรับลมที่บริเวณชั้น 2 ด้วยค่ะ
นั่งเพลินสบายตากับบรรยากาศแล้ว เชิญสบายท้องกับเมนูสไตล์ International Cuisine อันดับแรกเป็นจานเรียกน้ำย่อย Provencal Seafood Soup (250 บาท) ซุปซีฟู้ดส์สไตล์ฝรั่งเศสแคว้นโพรวองซ์ ทานกับขนมปังบาร์แก็ตต์อบกระเทียมกับเนย
ถัดมาคือ Zesty Roasted Seabass n’ Creamy Grilled Salmon (380 บาท) ปลากระพงขาวอบซอสส้มและปลาแซลม่อนย่างครีมซอสรสละมุน ต่อด้วยเมนู Main Course อย่าง Rib-Eye Steak with Pepper Sauce (750 บาท) เนื้อริบอายสเต็กพร้อมซอสพริกไทย เสิร์ฟกับมันฝรั่งอบไส้ชีสโรยแฮมทอดกรอบ และผักโขมอบเนย
Australian Ossa Buco in Red Wine Sauce (480 บาท) สตูว์เนื้อน่องลูกวัวในซอสไวน์แดงจานโต น้ำซอสเข้มข้นเข้ากับเนื้อนุ่ม เคียงด้วยมันบดเนียนนุ่ม มาลองเมนูพาสต้าบ้างดีกว่า Spaghetti Light Cream Red Pesto with Soft Shell Crab (240 บาท) เส้นสปาเก็ตตี้คลุกกับเนยสดและมายองเนส พร้อมปูนิ่มทอดกรอบราดซอสเพสโต้แดง แถมโรยหน้าด้วยไข่กุ้งสีส้มสด
ลองของหวานต่อเลยนะคะ Orange Yoghurt Cake (85 บาท) เค้กส้มโยเกิร์ต ชั้นล่างสุดเป็นบัตเตอร์เค้ก คั่นกลางด้วยครีมโยเกิร์ต ชิมรสเปรี้ยวของเยลลี่และเนื้อส้มสด และสุดท้าย Apple Crepe served with Orange Sauce & Vanilla Ice-cream (110 บาท) แป้งเครปแผ่นบางห่อแอปเปิ้ลเชื่อมเปรี้ยวอมหวาน ทานกับซอสส้มไอศครีมวนิลลา
แต่ละเมนูที่เอ่ยแนะนำมา นอกจากรสชาติที่ผ่านการปรุงแต่งอย่างดีแล้ว ยังเน้นคุณภาพของวัตถุดิบรวมถึงปริมาณที่ให้คุณอร่อยแบบคุ้มค่า นอกจากนี้ยังมีอาหารรายการพิเศษที่ปรับเปลี่ยนมาให้ชิมกันทุกๆ เดือนด้วยนะคะ
Platform 1 เป็นอีกร้านน่านั่ง ที่เราคอนเฟิร์มว่าถ้าได้ลองมาแล้ว ที่นี่จะกลายเป็นสถานีหนึ่งที่คุณอยากหยุดพักนานๆ
ที่ตั้ง : 1153/1 ถนนนครไชยศรี (ถนนเลียบทางรถไฟสถานีสามเสน ด้านคลองประปา) สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทร : 0-2617-0181, 0-2617-0188
เปิดบริการ : 11.00 - 22.00 น. ทุกวัน
ราคาต่อท่าน: (โดยประมาณ) : 300 บาท
อาทิตย์นี้มีร้านข้าวแกงรัตนา ที่ขายอยู่ในตลาดนางเลิ้ง ตลาดเก่าแก่ที่เป็นเสน่ห์ของย่านนางเลิ้ง
ตลาด เก่าแก่ของเมืองไทย ริมถนนจะต้องเป็นห้องแถว แล้วมีซอยเล็กๆ เป็นทางเดินเข้าตลาด หลังห้องแถวจึงจะเป็นตลาดที่แบ่งเป็นแผงๆ ขายอาหารสารพัดชนิด ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง
ร้านอาหารที่ไปสั่งกินได้เลย บางร้านก็ไม่มีที่นั่งต้องซื้อกลับไปกินที่บ้านเท่านั้น
ผม เดินเข้าไปในตลาดนางเลิ้ง ก็เห็นร้านข้าวแกงที่มีลูกค้าไปยืนมุงอยู่หน้าร้าน ก็เลยต้องไปร่วมเป็นไทยมุงกับเขาด้วย ร้านข้าวแกงรัตนาเป็นร้านข้าวแกงเก่าแก่ในตลาดนางเลิ้ง มีอาหารสำเร็จรูปวางขายหน้าร้าน ทั้งที่ใส่หม้อ ใส่ถาด ประมาณ 20-30 อย่าง แต่ละอย่างก็น่ากินทั้งนั้น
เห็นเมนูปูต้มกะทิในหม้อใบใหญ่ ทีแรกผมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นปูหลน แต่เห็นปูตัวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ต้มสุกแล้วกระดองสีแดง อดใจไม่ไหวต้องรีบสั่งมา 1 ถ้วย เพื่อเตือนสติตัวเองว่าต่อแต่นี้ ไปนายกรัฐมนตรีไทยเปลี่ยนจากอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นคุณปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปแล้ว
ได้ปูต้มกะทิแล้วก็สั่งข้าวราดปลาทอดกรอบผัดพริกแกง มากินแกล้มกับปูต้มกะทิ เป็นเมนูที่ผมไม่เคยกินมาก่อน ปลาดุกชิ้นใหญ่ๆ ทอดจนกรอบ เมื่อนำมาผัดกับพริกแกงก็อร่อยสิครับ หลังจากนั้นก็ตักปูมาเคี้ยวกร้วมๆ ไม่ได้กินเนื้อปูหรอกครับ แต่ได้เคี้ยวแล้วตามด้วยกะทิมาซด ก็เป็นความอร่อยที่ไม่ได้กินบ่อยนัก
นั่ง กินไปก็ดูลูกค้าที่มามุงอยู่หน้าร้าน ส่วนใหญ่จะซื้อใส่ถุงไปคนละ 4-5 อย่าง คงเป็นพวกลูกค้าขาประจำจึงชี้โน่นชี้นี่อย่างคล่องแคล่ว ผิดกับผมที่กว่าจะตัดสินใจได้ก็ต้องดูแล้วดูอีก เพราะมันมีมากมายหลายเมนู จนอยากจะสั่งมาสัก 10 อย่าง แต่ไปคนเดียวขืนสั่ง 10 อย่างก็คงกินไม่ไหว
กิน อิ่มแล้วก็ตั้งใจว่าจะชวนเจ้าของร้านคุย เดาว่าเจ้าของร้านนี้ต้องชื่อรัตนา แต่ไม่รู้ว่าคนไหนเป็นคุณรัตนา เพราะมีหลายคนมาช่วยกันขาย ในที่สุดผมก็ได้คุยกับคุณแก้ม-ปวีณา จ่างจำรัส ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณรัตนา
คุณ แก้มเล่าว่าเดิมทีที่บ้านขายอาหารทะเลสดๆ เมื่อมีซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นคู่แข่ง ก็เลยเปลี่ยนไปขายอาหารสำเร็จรูปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยเริ่มต้นแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น เท่าที่จำได้ก็มีผัดหอยลาย ผัดปลาดุก แกงเขียวหวาน
เริ่มต้นขายอาหารก็มีลูกค้าอุดหนุนมากมาย จากกับข้าวแค่ 3-4 อย่างก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนเดี๋ยวนี้ต้องมีอย่างน้อยวันละ 25 เมนู และอาหารร้านนี้ก็ขายไม่เหมือนที่อื่น คือมีบางอย่างเท่านั้นที่มีขายทุกวัน อย่างอื่นขายแค่สัปดาห์ละ 3 วันบ้าง 2 วันบ้าง ขึ้นอยู่กับอาหารสดที่ไปจ่ายตลาดมาได้
เมนูที่มีขายทุกวันคือผัดลูกชิ้นปลากราย แกงเขียวหวานเนื้อ ไข่พะโล้ ขายวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เขียวหวานหมูขายสัปดาห์ละ 2 วัน
ผมให้น้องแก้มลองไล่เมนูอาหารให้ดูว่า แต่ละวันขายอะไรบ้าง น้องแก้มก็ต้องใช้เวลาคิดหลายนาที
อย่าง วันจันทร์ก็มีต้มส้มปลา แกงขี้เหล็ก มัสมั่นไก่ แกงส้มขนมจีนซาวน้ำ มะระยัดไส้ แกงไตปลา หมูดาวเทียมเป็นหมูสับปั้นเป็นลูกกลมๆ แบนๆ ตรงกลางมีไข่แดงเค็ม นำไปนึ่ง
วันอังคารน้ำพริกปลาทู ฉู่ฉี่ปลาช่อน แกงเขียวหวาน แกงคั่วสับปะรด ผัดปลาดุก น้ำพริกปลาย่าง ต้มสายบัว ไข่ลูกเขย หมูทอดกระเทียม ต้มกะทิปู
วันพุธมีปลาร้าทรงเครื่อง ซูเปอร์ขาไก่
วันพฤหัสบดีมีขาหมูต้มถั่ว ต้มกะทิสายบัว ไข่ยัดไส้ แกงกะหรี่ไก่ น้องไก่น้ำแดง
วัน ศุกร์มีแกงคั่วหอยขม ถ้าไม่มีเห็ดโคนก็จะเปลี่ยนเป็นเห็ดโคนญี่ปุ่น ห่อหมก หลนปลาอินทรีย์ ปลานิลทอด ปลาใบขนุน แต่เชื่อเถอะว่าไปกินวันไหนก็อร่อยทุกเมนู
ทุกวันตั้งแต่เวลาตี 5 ครึ่งจะตื่นมาเริ่มทำอาหาร เมนูแรกจะเสร็จเวลา 9 โมง กว่าจะครบ 25 เมนูก็ประมาณ 11 โมง บ่ายโมงกว่าๆ ทุกเมนูก็หมด เพราะขายไม่แพง ข้าวราด 1 อย่างเริ่มต้นที่ 25 บาท กับข้าวก็เริ่มต้นที่ 30 บาท
คุณแก้มบอกว่าถ้าจะให้ไปออกร้านข้างนอกก็ได้ แต่ต้องโทร.ติดต่อที่หมายเลข 0-2282-6250 จะได้ตกลงเรื่องเมนูและราคาให้เป็นที่ถูกใจ.
ขอขอบคุณ
ไทยโพสต์ออนไลน์
คุณอ้วน อรชร