จัดจ้านถึงใจไปกับ “ช.ช้างส้มตำยกครก”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2547 10:26 น.
ลีลาการตำส้มตำของเจ้าของร้านช.ช้างส้มตำยกครก
       วันก่อนบังเอิญมีธุระต้องผ่านไปแถววิสุทธกษัตริย์ ขณะที่รถกำลังติดเป็นตังเมอยู่หลังกองทัพบกและในหัวจิตหัวใจกำลังเซ็งสุดๆ อยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นร้าน “ช.ช้างส้มตำยกครก”ฉับพลันคำถามก็เกิดขึ้นในใจว่า เอ..ตั้งแต่เกิดจนโตเคยได้ยินแต่ “โอเลี้ยงยกล้อ”ที่หมายถึงเครื่องดื่มประเภทโอเลี้ยงแต่พิเศษตรงที่ใส่นมลงไปด้วย แต่ยังไม่เค้ย..ไม่เคยได้ยินชื่อ “ส้มตำยกครก”ที่แปลกและโดนใจจน “ผ่านมาแวะกิน”ต้องหาเวลาไปพิสูจน์
ส้มตำไทย+หมี่ขาวลวก
       เดินเข้าร้านมาก็ต้องแปลกใจที่แต่ละโต๊ะก็มีครกเล็กๆเรียงรายอยู่ เต็มพื้นที่ หลังจากที่เมียงมองโต๊ะข้างๆอยู่นานสองนาน ในที่สุด “ผ่านมาแวะกิน”เลือกที่จะสั่ง ส้มตำไทย(25บาท)มา ลองลิ้นดูก่อน แล้วก็ถึงบางอ้อว่าแท้ที่จริงแล้วส้มตำยกครกก็คือส้มตำที่เสิร์ฟมาในครก เล็กๆเพื่อสร้างความแปลกและแตกต่างให้กับสินค้าที่ดูแล้วอดยิ้มกับความช่าง คิดไม่ได้ ส่วนรสชาติส้มตำครกนี้จะออก 3 รสคือเผ็ด เปรี้ยว หวาน แต่ถ้าหากอยากได้รสจัดจ้านก็สามารถสั่งได้
      
       “ผ่านมาแวะกิน”ชื่นชอบปูม้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้โอกาสก็ไม่ลืมที่จะสั่งทุกครั้งไป หลังจากที่เพ่งดูเมนูอยู่นานก็ตัดสินใจที่จะสั่ง ตำโล่งโจ้ง(50บาท)ซึ่ง จะว่าไปแล้วก็คล้ายกับส้มตำปูม้าแต่ที่เรียกว่าโล่งโจ้งนั้นเห็นจะเป็นเพราะ ไม่มีเส้นมะละกออยู่เลย จะเห็นก็แต่ปูม้าสดๆ ที่เนื้อแน่นไม่คาว สัมผัสได้ถึงความหวานของเนื้อปูและรสชาติจัดจ้านเผ็ด เปรี้ยว เค็ม กำลังดี
ตำโล่งโจ้ง+หมี่ขาวลวก
       เหมือนเครื่องร้อนแล้วหยุดไม่ได้ “ผ่านมาแวะกิน”เองก็เช่นกัน ได้กินของถูกปากก็ไม่สามารถหยุดตัวเองได้ จึงสั่ง คอหมูย่าง(40บาท)มา เติมช่องว่างในกระเพาะอีกจาน คอหมูย่างเนื้อหวานนุ่มลิ้นพร้อมน้ำจิ้มแจ่วสูตรพิเศษของทางร้านที่รสชาติ ออกหวานนำเปรี้ยวตาม ทำให้รสชาติที่ได้ไม่แสบทรวงเกินไปนัก เวลากินกับข้าวเหนียวทอด(10บาท)ที่กรอบนอกนุ่มใน ผสมผสานเป็นความหวานมันอยู่ในปาก ชั่วโมงนั้นเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
      
       สำหรับใครที่ยังเหลือที่ว่างในกระเพาะ ทางร้านก็มีเมนูแนะนำอีกหลายหลากที่อ่านชื่อแล้วแปลกตาแต่ชวนกินไม่น้อย อาทิ ตำวุ้นเส้นปูม้า (50 บาท),ตำซั่วกุ้ง (40 บาท),ตำหมูย่างคะน้ากรอบ (35 บาท),ตำปลาสลิด (50 บาท)หรือจะสั่งไปกินที่ทำงานหรือที่บ้านก็ได้ ทางร้านมีบริการส่งจ้า(สั่ง 300บาทขึ้นไปส่งฟรีในรัศมี 1 กิโลเมตร หากเกินกว่านี้ทางร้านรับผิดชอบค่าส่ง 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาอาหาร)
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
      
       
ร้านช.ช้างส้มตกยกครก ตั้งอยู่ใกล้กับแยกวิสุทธกษัตริย์ หลังกองทัพบก สอบถามโทร.0-6569-5129

มื้อนี้อิ่มสบายท้องกับ “ราดหน้ายอดผัก (40 ปี)”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 สิงหาคม 2547 10:07 น.

“ราดหน้ายอดผัก (40 ปี)” ร้านนี้ขายมานาน
       เมื่อสมัยยังเยาว์วัย “ผ่านมาแวะกิน” จำได้ว่า เวลาไปกินอาหารตามสั่งร้านทั่วๆ ไป นอกจากเมนู “กระเพราหมูสับไข่ดาว” ที่เป็นเมนูสิ้นคิดสั่งกินเป็นประจำแล้วนั้น ยังมีอีกหนึ่งเมนูที่ไม่พลาดสั่งเสียทุกครั้งไปเวลานึกไม่ออกว่าจะกินอะไรดี เป็นต้องสั่ง “เส้นใหญ่ราดหน้า” มากินเสียทุกทีสิเอา
      
       ก็แหมอย่างว่า “ราดหน้า” มันกินง่ายและได้เร็วกว่าเมนูอื่นๆ แถมกินกี่ครั้งกี่หนก็ไม่เบื่อไม่รู้เป็นอะไร บางครั้งนึกไปนึกมาคล้ายๆ ว่าเราอาจจะโดนแม่ค้าแอบใส่ยาเสน่ห์ลงไปในราดหน้าก็เป็นได้
เส้นใหญ่ราดหน้ารวมมิตรทะเล
       ที่พูดถึงนึกย้อนไปเมื่ออดีตใช่ว่าจะมาบอกว่าตัวเราเองนั้นแก่แล้ว แต่ว่าภาพของราดหน้ามันผุดขึ้นมาในความทรงจำ ก็เมื่อ “ผ่านมาแวะกิน” ได้แวะไปกินราดหน้าเพื่อรำลึกอดีตมาอีกครั้ง ที่ร้าน “ราดหน้ายอดผัก (40 ปี)” ราด หน้าร้านนี้มีความเด็ดตรงที่เป็นราดหน้ายอดผักสูตรโบร่ำโบราณตั้งแต่สมัย รุ่นคุณพ่อที่ขายกันมานมนานกว่า 40 ปี ส่วนจะเด็ดสะระตี่แต่ไหน เห็นทีต้องตามมาพิสูจน์กัน
      
       เริ่มกันที่จานแรกเป็น เส้นใหญ่ราดหน้ารวมมิตรทะเล (50 บาท) เสิร์ฟมาในกระทะร้อนสแตนเลสหน้าตาดูน่ากินเอามากๆ มีทั้งกุ้งแชบ๊วยตัวโต ปลาหมึกสดๆ และหมูหมักชิ้นโตเอามากๆ และเส้นใหญ่ที่ผัดจนเส้นเกรียม (แต่ไม่ไหม้)หอมได้ที่ และผักคะน้ายอดอวบๆ ขาวๆ แค่ตักเส้นใหญ่เข้าปากสัมผัสได้ถึงความหอมนุ่มของเส้นใหญ่ ที่เข้ากันกับน้ำราดหน้าเหนียวข้นหนืดกำลังดี รสชาติกลมกล่อมโดยไม่ได้ปรุง
      
       จานต่อมา บะหมี่กรอบราดหน้าหมู (30 บาท) บะหมี่เหลืองที่นำไปทอดกรอบทำเป็นเส้นแทนเส้นใหญ่หรือเส้นหมี่ ราดหน้าจานนี้ที่ดูเหมือนธรรมดา แต่ว่ามีความพิเศษอยู่ตรงที่เนื้อหมูที่ใส่มานั้น เป็นหมูหมักสูตรพิเศษของทางร้านและจะต้องมีขนาดชิ้นใหญ่ๆ บวกกับคะน้ายอดอ่อน ก้านขาวอวบ ตักเส้นบะหมี่ที่พอโดนน้ำราดหน้าแล้วก็ยังหอมนุ่ม เส้นเหนียว เคี้ยวหมูหมักได้รสชาติหวานนุ่ม ส่วนผักคะน้าก็กรุบกรอบเคี้ยวเพลินถูกใจคนชอบผัก
ผัดซีอิ้วเส้นใหญ่
       อีกหนึ่งเมนูเด็ดที่เหมือนเป็นของคู่กันเมื่อมีราดหน้าก็ต้องมี ผัดซีอิ้วเส้นใหญ่ (30 บาท) เป็นเส้นใหญ่ที่นำมาผัดกับไข่และหมูหมัก ใส่ซีอิ้วดำและปรุงรสนิดหน่อย อ้อ!และที่ขาดเสียไม่ได้ก็ต้องคะน้าก้านอวบๆ นี่ละ กินผัดซีอิ้วจานนี้ออกแห้งๆ สักนิดแต่เรื่องรสชาติความกลมกล่อมกำลังดีออกหวานนำนิดๆ ชนิดที่ว่าคนชอบกินหวานไม่ต้องปรุงเครื่องเลย
      
       นอกจาก 3 เมนูเด็ดที่ “ผ่านมาแวะกิน” เลือกสั่งมากินแล้วนั้น ก็ยังมีเมนูราดหน้าอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะสั่งเป็นราดหน้าเส้นหมี่(ขาว)หมู (25 บาท) เส้นใหญ่ราดหน้าใส่ไข่ดาว หรือไข่เจียว (30 บาท) หรือจะสั่งเป็นราดหน้าอื่นๆ ใส่หมูหรือทะเลก็ได้แล้วแต่จะเลือกสั่ง เอาเป็นว่าแวะมากินราดหน้าที่ร้าน “ราดหน้ายอดผัก (40 ปี)” นี้ก็แล้วกัน บอกได้คำเดียวสั้นๆ ว่าอิ่มท้องสบายจริงๆ
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
      
       ราดหน้ายอดผัก (40 ปี) ตั้งอยู่ที่ถนนตะนาว ใกล้ๆกับซุ้มประตูแพร่งสรรพศาตร์ สังเกตง่ายๆ เลยศาลเจ้าพ่อเสือมาไม่ไกลมากนัก ร้านอยู่ติดริมถนน เปิดขายทุกวันเวลา 09.00-21.00 น. และทางร้านรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ โทรสอบถามได้ที่เบอร์ 0-2622-1910 กด 0 และ 0-6316-2179

“เรือนพี่ เรือนน้องฯ” ร้านอร่อยแห่ง อุตรดิตถ์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 สิงหาคม 2547 11:01 น.
บรรยากาศของร้าน “เรือนพี่ เรือนน้อง น้ำยาปลาตะโกก”
       มื้อนี้ “ผ่านมาแวะกิน” มีโอกาสผ่านไปแวะกินไกลถึงจังหวัดอุตรดิตถ์ และไปเจอร้านอาหารน่าสนใจเข้าร้านหนึ่งชื่อว่า “เรือนพี่ เรือนน้อง น้ำยาปลาตะโกก” ซึ่งเป็นร้านขายขนมจีนที่ขึ้นชื่อร้านหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์
      
       ร้านนี้เปิดขายมานานอายุอานามกว่า 7 ปีแล้ว เมนูจานเด็ดของร้าน “เรือนพี่ เรือนน้อง น้ำยาปลาตะโกก” เห็นจะเป็น
น้ำยากะทิปลาตะโกก ซึ่งทำจากเนื้อปลาตะโกก ปลาน้ำจืดขึ้นชื่อของเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ กินคู่กับขนมจีน ซึ่งก็มีทั้งแป้งหมักและแป้งสด ให้คนช่างเลือกได้เลือกสั่งกินกัน
ขนมจีนน้ำยากะทิปลาตะโกก
       ขนมจีนน้ำยาปลาตะโกกของที่นี่รสชาติจะออกหวานเล็กน้อยถูกปากคนไทย ส่วนใหญ่ มีเนื้อปลาตะโกกข้นๆ ละลายอยู่ในน้ำยากะทิ เวลากินต้องกินคู่กับผักสดๆ ที่ทางร้านจะมีให้ในจานใบโตๆ ผักก็มีหลายชนิดให้เลือก ทั้ง ถั่วงอก แตงกวา ยอดกระถิน ใบโหระพา ผักชีลาว ผักหอมแย้ ซึ่งเป็นผักหายากชนิดหนึ่งที่ไม่ได้มีให้กินตลอด และผักดอง เพื่อเพิ่มรสชาติให้ขนมจีนคำนี้ให้อร่อยมากยิ่งขึ้น
      
       นอกจากขนมจีนน้ำยากะทิปลาตะโกกซึ่งเป็นเมนูดาราของร้านนี้แล้ว ที่นี่ก็ยังมีน้ำยาขนมจีนให้เลือกชิมอีกถึง 5 ชนิดด้วยกัน คือ น้ำเงี้ยว น้ำยาป่าปลาช่อน แกงเขียวหวาน แกงปลากราย และน้ำพริก ให้เลือกสั่งกันได้หลายรสชาติ
      
       ส่วนราคาของแต่ละจานก็ไม่แพงเลย ถ้าสั่งเป็นชุดคือขนมจีน 1 กระจาด และน้ำยา 1 ถ้วย ก็ราคา 35 บาท (ขนมจีนกระจาดละ 20บาท น้ำยาถ้วยละ 15 บาท) ถ้าสั่งแบบขนมจีนราดน้ำยา ก็จานละ 15 บาท หรือถ้าสั่งขนมจีน 1 จาน น้ำยา 1 ถ้วยเล็กก็ราคา 20 บาทเท่านั้นเอง ส่วนผักจานโตๆ นั้นแถมฟรีไม่มีอั้น ตบท้ายด้วยน้ำตะไคร้หอมๆ อีกสักแก้ว (10 บาท) ก็อิ่มได้กำลังดี
ขนมจีนน้ำยาป่าปลาช่อน
       หากใครมาที่ร้านนี้แล้วไม่อยากกินขนมจีนเพียงอย่างเดียว ขอแนะนำเมนูน่าอร่อยอื่นๆ ให้ลองเลือกชิม ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำหัวพุงไข่ (60 บาท) ซึ่งใช้ปลาช่อนนาตัวโตๆ ที่มีครบตามชื่อเมนูก็คือ หัว พุง และไข่ มารวมไว้เป็นต้มยำหม้อไฟ หรือถ้าอยากกินอาหารรสชาติจัดหน่อยขอแนะนำ ยำแคบหมู (40 บาท) ที่นำเอาแคบหมูชิ้นขนาดกำลังดีมาคลุกกับน้ำยำรสชาติเปรี้ยวถูกใจ จะกินกับข้าวสวยหรือขนมจีนก็ได้ตามใจชอบ
      
       ใครที่ผ่านไปแถวจังหวัดอุตรดิตถ์ก็อย่าลืมแวะชิมขนมจีนน้ำยาปลาตะโกกของร้าน “เรือนพี่ เรือนน้อง น้ำยาปลาตะโกก” ร้านเด็ดของเมืองลับแลแห่งนี้ หลังจากที่ “ผ่านมาแวะกิน” ได้ไปชิมขนมจีนร้านนี้มาแล้ว ก็รู้สึกเหมือนจะหลงทางหาทางออกจากร้านไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้นเครือเขาหลงที่ปลูกไว้หน้าร้าน หรือว่าหลงในรสชาติอาหารกันแน่ สิบตัวอักษรย่อมไม่เท่าหนึ่งคำชิม ดังนั้นถ้าใครอยากจะรู้ก็ต้องลองไปกินกันเองแล้วกัน
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
      
       
ร้าน "เรือนพี่ เรือนน้อง น้ำยาปลาตะโกก" เปิดทุกวัน ยกเว้นวันที่ 25-26 ของทุกเดือน เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 18.00 น. อยู่ที่ ถนนเด่นชัย พิษณุโลก (ถนนสายเอเชีย) ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ตรงข้ามกับร้านฮั้วศูนย์ล้อ โทร. 0-5544-2397

เติมเต็มพื้นที่ในกระเพาะกับ “ข้าวต้มเป็ดนายเนี้ยว”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 สิงหาคม 2547 17:08 น.

หิวๆ ก็แวะกินข้าวต้มที่ร้าน “ข้าวต้มเป็ดนายเนี้ยว”
       จ๊อก จ๊อก จ๊อก......... เสียงอะไรสักอย่างดังมาจากกระเพาะน้อยๆ ของ “ผ่านมาแวะกิน”
      
       
หลังจากที่เอียงหูตั้งใจฟัง ก็แน่ใจได้ว่ามันเป็นเสียงท้องร้องที่เรียกหาอาหารใส่ท้องของเรานั่นเอง เป็นอย่างนี้เสียทุกทีเวลาที่ “ผ่านมาแวะกิน” เกิดอาการหิวจัดจนทำให้น้ำย่อยในกระเพาะมันต้องย่อยด้วยตัวองโดยไม่มีอาหารเกิดอาการคำรามเสียงดังออกมาให้ขายหน้าประชาชี
      
       เอาละไหนๆ ท้องก็ร้องเสียงออกจะดังขนาดนี้ เห็นทีเราต้องหาอาหารมาเติมเต็มพื้นที่ในกระเพาะกันสักหน่อย เอาแบบกินแล้วอิ่มท้องเข้าว่ากับข้าวต้มร้อนๆ สักชามสองชาม ที่ร้าน “ข้าวต้มเป็ดนายเนี้ยว” ร้านนี้ก็เข้าท่าดี เพราะข้าวต้มร้านนี้เข้าขึ้นชื่อลือชาว่ารสเด็ด แถมขายมานานแล้วกว่า 30 ปี
ข้าวต้มเป็ด
       ซึ่งข้าวต้มที่เด่นๆ และว่าเด็ดของร้านนี้ก็มีอยู่หลายอย่าง เอาเท่าที่ “ผ่านมาแวะกิน” ได้ลิ้มลองก็มี ข้าวต้มเป็ด (25 บาท) ที่เป็นตัวเอกชูโรงของร้านนี้ตามชื่อร้าน เป็นข้าวต้มเป็ดที่ทางร้านคัดเอาแต่เนื้อตรงส่วนหน้าอกของเป็ด มาหมักกับพริกไทย น้ำตาล น้ำปลา หมักทิ้งไว้นานกว่า 2 ชม. แล้วค่อยนำไปต้มจนได้เนื้อเป็ดที่นุ่มเปื่อยกำลังดี และนำมาผัดรวมกับเลือดเป็ดที่ปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำปลาอีกที ถึงจะได้ข้าวต้มเป็ดร้อนๆ ที่หอมกรุ่นกลิ่นเป็ด แค่ตักเนื้อเป็ดเข้าปากสัมผัสได้ถึงเนื้อเป็นที่นุ่มเคี้ยวหนึบ ไม่มีกลิ่นสาป ส่วนเลือดเป็ดก็เป็นชิ้นแข็งตัวไม่เหลว ข้าวต้มก็เป็นเม็ดไม่แหยะ เพราะเขาใช้ข้าวหอมมะลิเก่า รวมๆ แล้วข้าวต้มเป็ดชามนี้รสเด็ดถูกลิ้นนักเชียว
      
       ข้าวต้มบ๊ะเต็ง (25 บาท) ที่จริงก็คือข้าวต้มหมูสามชั้น ที่ทางร้านนำหมูสามชั้นมาหมักกับพริกไทย น้ำปลา น้ำตาล และซีอิ้วดำ ก่อนนำไปต้มจนหมู่นุ่มได้ที่ แล้งจึงหั่นหมูเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำและนำมาผัดกับน้ำมันกระเทียมเจียว แถมใส่ปลาหมึกแห้งผัดคลุกเคล้ารวมมาด้วย ข้าวต้มบ๊ะเต็งชามนี้รสชาติออกหวานเพราะซีอิ้วดำที่หมักมากับหมู ตักหมูสามชั้นรวมกับข้าวเข้าปากได้รสชาติที่หมูเนื้อนุ่มเคี้ยวมันเข้ากับ ข้าวสวยเป็นเม็ด สลับกับเคี้ยวปลาหมึกที่หนับหนับไม่แพ้กัน ซดน้ำข้าวต้มตามหอมหวานคล่องคอ
ข้าวต้มบ๊ะเต็ง
       ชามสุดท้ายเป็น ข้าวต้มกระเพาะหมู (30 บาท) ถูกใจคนชอบกินเครื่องใน กระเพาะหมูชิ้นโตพอดีคำที่ผ่านการหมักด้วยพริกไทยเม็ด รากผักชี และเกลือ ก่อนนำไปต้มกว่า 2 ชม. จนกระเพาะสุกเปื่อยนุ่มได้ที่ ได้ข้าวต้มกระเพาะหมูที่รสชาติถูกลิ้นไม้แพ้กัน เพราะกระเพาะหมูนั้นไม่เหนียว ไม่เหม็นสาป
      
       นี่เป็นแค่ข้าวต้ม 3 ตัวเด่นๆ ที่ “ผ่านมาแวะกิน” ได้ลิ้มลอง ส่วนถ้าใครมาที่ร้านนี้แล้วจะลองสั่งเป็นข้าวต้มอย่างอื่นก็มี อาทิ ข้าวต้มทะเลรวมมิตร (50 บาท) ข้าวต้มปลากะพง (30 บาท) หรือเป็นอาหารตามสั่งทั่วไปก็มีขาย ซึ่งถ้าใครอยากจะมาเติมเต็มพื้นที่ในกระเพาะเหมือนอย่าง “ผ่านมาแวะกิน” ก็มาที่ร้าน “ข้าวต้มเป็ดนายเนี้ยว” กันได้เลย
       
       
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 
      
       
ข้าวต้มเป็ดนายเนี้ยว ตั้งอยู่ที่ 95 ถ.ไมตรีจิตร ป้อมปราบ กทม. ใกล้วัดพลับพลาชัย ร้านอยู่ติดริมถนน แถวนั้นมีร้านขายยางรถยนต์จำนวนมาก ร้านเปิด 17.00-22.00 น. หยุดขายทุกวันพฤหัสบดี มีรถเมล์สาย 21 และ 35 วิ่งผ่านหน้าร้าน หรือโทร.สอบถามเส้นทางได้ที่ 0-2623-3916, 0-1929-8055

“ครัวริมสวน” ชวนนั่ง ชวนกิน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 สิงหาคม 2547 18:02 น.
นั่งหม่ำอาหารท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ
       สายลมพัดเอื่อยๆ ปะทะกับร่างกาย พาเอาจิตใจเย็นสบายตามไปด้วย มันช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขเสียจริงๆ หลายคนอาจนึกว่า “ผ่านมาแวะกิน” กำลังนั่งอยู่ที่ชายทะเลหรือน้ำตกที่ไหนสักแห่งเป็นแน่
      
       แต่อันที่จริงแล้ว “ผ่านมาแวะกิน” ไม่ได้นั่งอยู่ที่น้ำตกหรือริมทะเลที่ไหน แต่กลับมานั่งกินอาหารอยู่ที่ “ครัวริมสวน” ตรงอ. กระทุ่มแบนนี้เอง ที่นี่เขาขายอาหารไทยๆ พื้นบ้านทั่วไป เรียกว่ามานั่งกินอาหารง่ายๆ สบายท้อง แถมสบายกายจะนั่งกินนอนกินเอกเขนกได้ตามสบาย เพราะเขาจัดพื้นที่นั่งกินอาหารในร้านเป็นซุ้มๆ ที่รายล้อมไปด้วยบรรยากาศต้นไม้เขียวชอุ่มและบ่อน้ำใส นั่งกินอาหารแล้วเพลินใจเหมือนว่ากำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่สวนหลังบ้านตัวเอง ยังไงยังงั้น
ปลาดุกฟู
       ด้านอาหารของที่นี่เป็นอาหารไทยๆ ที่เป็นเมนูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ละรายการล้วนน่ากินทั้งนั้น และวัตถุดิบของการทำอาหารของที่นี่เขาจะเน้นใช้ของสดๆ ที่มีอยู่ อย่างปลาก็จับจากบ่อ ผักต่างๆ ก็ได้มาจากที่ปลูกขึ้นมาเอง ฉะนั้นเรื่องความสดสะอาด และความปลอดภัยเห็นจะไม่ต้องเป็นห่วงกันละงานนี้
      
       เอาเป็นว่าไปดูดีกว่าว่ามื้อนี้ “ผ่านมาแวะกิน” สั่งอะไรมาขึ้นโต๊ะบ้าง จานแรกนี้เป็นเหมือนออร์เดิร์ฟสั่งมากินเรียกน้ำย่อยให้ตื่นตัว
      
       เริ่มด้วย ปลาดุกฟู (80 บาท) ทางร้านนำปลาดุกตัวโตนำมาย่างจนสุกแล้วแกะเอาแต่เนื้อมาสับให้ละเอียดแล้ว ทอดกรอบ ราดด้วยน้ำยำมะม่วงที่ใช้มะม่วงเขียวเสวยไม่แก่จัดหอมอร่อย กลายเป็นปลาดุกฟูที่กรอบกรุบเข้ากับน้ำยำออก 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวาน กำลังดี ยิ่งกินเป็นกับแกล้มกับเครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้วเหมาะเจาะนัก
ไก่ตะไคร้
       ยำหัวปลี+ยำถั่วพู (80 บาท) อันที่จริงจานนี้จะสั่งแยกเป็นแต่ละอย่างก็ได้ แต่พอดี “ผ่านมาแวะกิน” อยากกินแบบรวมมิตร ซึ่งทางร้านก็จัดให้ ยำหัวปลีนั้นเป็นหัวปลีสดๆ นำมาซอยแล้วมายำกับเครื่องปรุง ใส่น้ำพริกเผาใส่กุ้ง ปลาหมึก หมูสับ ส่วนยำถั่วพูก็เหมือนกัน และมีไข่ต้มแบบเป็นยางมะตูมให้กินแกล้มเข้ากันด้วย รสชาติยำออกหวานมันกลมกล่อมลิ้นกำลังดี
      
       ไก่ตะไคร้ (80 บาท) เป็นไก่บ้านที่นำมาหมักกับเครื่องปรุงและเครื่องเทศ อย่างตะไคร้ พริกไทย รากผักชี แล้วนำไปทอดจนไก่สุกกรอบ และมีตะไคร้ซอยทอดกรอบโรยหน้ามาด้วย ส่งไก่เข้าปากหอมกลิ่นตะไคร้เอามากๆ พอเคี้ยวก็สัมผัสได้ถึงความกรอบนอกนุ่มในของเนื้อไก่ จิ้มกินกับซอสพริกเพิ่มความเผ็ดถูกใจนักเชียว
      
       นอกจากเมนูที่ว่านี้ก็ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าสั่งมาลิ้มลอง อาทิ
ต้มยำปลาบึก (100 บาท) ต้มยำไก่ใบมะขามอ่อน (100 บาท) แรด 3 รส (กก. ละ 150 บาท) เรียกว่าที่ร้าน “ครัวริมสวน” แห่งนี้เขามีอาหารไทยพื้นบ้านหน้าตาน่ากิน รสชาติน่าลิ้มลอง และบรรยากาศในร้านก็น่านั่ง ก็ถ้าใครผ่านมาแถวกระทุ่มแบนจะลองแวะมากินที่ร้าน “ครัวริมสวน” กันบ้างก็ไม่ว่ากัน เพราะทางร้านเขายินดีต้อนรับทุกท่านอยู่แล้ว
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       

       “ครัวริมสวน” ตั้งอยู่ที่ ถ.รุ่งสุวรรณ (ทางไปท่าส.จ.) อ. กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ร้านอยู่ห่างจากโรงพยาบาลกระทุ่มแบนประมาณ 2 กิโลเมตร เปิดบริการตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. หยุดทุกวันอังคาร โทร.สอบถามเส้นทางได้ที่ 0-3447-3242, 0-9811-8002

“ยืนพื้น” กวยจั๊บน้ำข้นรสเข้มถึงใจ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2547 14:30 น.
บรรยาการศของร้านยืนพื้นกวยจั๊บน้ำข้น
       จำได้ว่าเมื่อตอนที่ยังเด็กๆวันอาทิตย์ตอนเช้าๆผู้ใหญ่มักจะพาเด็กๆอย่างพวกเราออกไปหาอะไรอร่อยๆกินกันนอกบ้าน
      
       “กวยจั๊บ”เป็นหนึ่งในของโปรดอันดับต้นๆของ “ผ่านมาแวะกิน” กวยจั๊บน้ำข้นร้อนๆใส่เครื่องเยอะๆ ชั่วโมงนั้นเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
      
       นี่ก็ผ่านมาหลายฝนหลายหนาวแล้ว เรายังไม่เคยได้ลองลิ้มชิมรสกวยจั๊บรสชาติถูกปากเหมือนสมัยเด็กเลย
กวยจั๊บน้ำข้น
       แต่วันนั้นมีโอกาสได้ผ่านไปแถวพรานนก เผอิญไปสะดุดตากับร้านกวยจั๊บ “ยืนพื้น”(หรือที่เรียกกันติดปากว่าร้าน จส.100)ที่คนแน่นเหลือเกิน ด้วยความอยากรู้ว่าร้านนี้มีอะไรดี ก็เลยลองสั่ง “กวยจั๊บน้ำข้น” (ธรรมดา 25 พิเศษ 30 บาท)มาลองสักชามก่อน
      
       เห็นควันลอยฉุยมาแต่ไกลพร้อมๆกันนั้นก็ได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศ,ยา จีน ที่ทางร้านได้เคี่ยวพร้อมน้ำซุปทำให้ได้รสชาติเข้มข้น กลมกล่อมถูกใจ “ผ่านมาแวะกิน”เป็นยิ่งนัก แถมในชามยังมีหมูกรอบ ตับ ไข่ เลือดชิ้นโตๆและไส้ที่เวลาเคี้ยวก่อให้เกิดเสียงหนุบหนับขึ้นในปากอย่างพร้อมเพรียง
      
       บางทีความรู้สึกเก่าๆที่เลือนหายไปกับกาลเวลา เพียงแค่มีร่องรอยบางอย่างที่คล้ายคลึงกับอดีตมาสะกิด ก็สามารถทำให้ความทรงจำเก่าๆย้อนคืนมา “ผ่านมาแวะกิน”เองก็รู้สึกเช่นเดียวกับที่ว่านี้ ความสุขยามเมื่อได้กินของโปรดและรสชาติที่คลายคลึงกัน ทำให้เผลอตัวเผลอใจสั่งไปอีก 1 ชาม
เปาะเปี๊ยะสด
       เมียงมองไปหน้าร้านเห็นพนักงานกำลังบรรจงวางแตงกวา กุนเชียง ถั่วงอก ลงบนแผ่นแป้งบางๆ พร้อมหั่นขนาดพอคำ ราดน้ำปรุงรส เสริฟ์พร้อมกับพริกดองและต้นหอม “ผ่านมาแวะกิน”มองแล้วว่าต้องเป็น “เปาะเปี๊ยะสด”(20บาท)แน่ แท้ จึงไม่รอช้าสั่งมาลองชิม เพียงคำแรกที่เข้าปากก็รู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มของเนื้อแป้งผสมผสานกับน้ำ ปรุงรส ทำให้รสชาติที่เกิดขึ้นในปากนั้นกลมกล่อมหวานมัน แถมยังโรยหน้าด้วยปูอัดและไข่หั่นฝอย น่ากินเป็นที่สุด
      
       อิ่มจากอาหารคาวแล้วก็มาถึงคิวของหวานๆกันบ้างกับ “ขนมปลากริม”(ถ้วย 8 บาท/ถุง 10 บาท) เพียงแค่เราเห็นหน้าค่าตาขนมถ้วยนี้ก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา เพราะเป็นขนมปลากริมประยุกต์ โดยใส่เนื้อมะพร้าวและวุ้นมะพร้าวลงไปแล้วราดด้วยน้ำกะทิรสชาติเข้มข้นหวาน มัน อร่อยเพลินเผลอแปปเดียวหมดถ้วยไม่รู้ตัว
      
       เป็นอันว่าอิ่มอกอิ่มใจอิ่มท้องไปอีกหนึ่งมื้อ
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       
ร้านยืนพื้นกวยจั๊บน้ำข้น ตั้งอยู่292/5 ถ.อิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.ร้านอยู่ใกล้สี่แยกพรานนก ตรงข้ามไทยธนาคาร หรือถ้าไปไม่ถูกสามารถโทร.ถามได้ที่0-2411-0301 ร้านเปิดทุกวัน7.00-18.00 น.หยุดทุกวันศุกร์ (คนแถวนั้นรู้จักในนาม กวยจั๊บ จส.100 แต่ที่ใช้ชื่อร้านว่า “ยืนพื้น”นั้นเป็นเพราะคุณป้าเจ้าของร้านกระซิบมาว่า ทุกคนที่มาสั่งต้องยืนที่พื้นเหมือนกันทุกคนและรสชาติของกวยจั๊บร้านนี้เป็น สูตรต้นตำรับดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและไม่มีสาขาที่ไหนด้วย)