แวะกินปลาน้อย-ใหญ่ รสโดนใจ ที่ “สไบบาง”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มิถุนายน 2547 11:03 น.

นั่งริมน้ำ ลมพัดเย็นๆ หม่ำเมนูปลาๆ ที่ร้าน “สไบบาง”
       ด้วยบรรยากาศของริมแม่น้ำน่าน ที่เงียบสงบ มีสายลมพัดเอื่อยมากระทบร่างกายพาเอาเย็นกาย สบายใจ หายเหนื่อยกับการเดินทางเป็นระยะทางไกลจากกรุงเทพฯ
      
       “ผ่านมาแวะกิน” ถือโอกาสพักเหนื่อยและเติมกำลังให้กับกระเพาะน้อยๆ ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายปลายทางที่จังหวัดพิจิตร ด้วยการแวะหม่ำอาหารที่ร้าน “สไบบาง” ริมแม่น้ำน่านแห่งนี้
ปลาม้านึ่งมะนาวรสเด็ด
       ด้วยความที่ร้านนี้อยู่ติดริมแม่น้ำน่าน ซึ่งยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องทรัพยากรทางน้ำอยู่บ้าง โดยเฉพาะปลาที่เขาว่าที่แม่น้ำน่านแห่งนี้ มีปลาน้ำจืดหลากชนิดที่นำมาปรุงเป็นอาหารแล้วรสชาติเด็ดอย่าบอกใคร
      
       เมนูอาหารของร้าน “สไบบาง” จึงเน้นเมนูปลาๆ เป็นส่วนใหญ่ อย่างเท่าที่ “ผ่านมาแวะกิน”สั่งมาเปิบชิมรสชาติกันก็มี ปลาเนื้ออ่อนตัวเล็กทอดกระเทียมพริกไทย (70 บาท) ปลาเนื้ออ่อนตัวเล็กๆ ทอดกระเทียมพริกไทยหอมกรุ่น กินทั้งตัวกรอบกรุบเคี้ยวมัน
      
       ลูกชิ้นปลากรายลวก (60 บาท) เนื้อปลากรายปั้นเป็นลูกชิ้นกลมแบน แล้วนำไปลวกจนสุกได้เนื้อปลาที่เนื้อเหนียวแน่น ไร้กลิ่นคาว เคี้ยวหนึบหนับ เด้งดึ๋งอยู่ในปาก
      
       ปลาม้านึ่งมะนาว (ขีดละ 50 บาท) เมนูนี้รสจัดจ้านเปรี้ยวถึงใจ ปลาม้าสดๆหั่นเป็นชิ้นพอดีคำนำมานึ่งมะนาว ได้รสชาติปลาสดหวานผสมผสานกับน้ำมะนาวที่แทรกซึมถึงเนื้อปลา
ปลาเค้าผัดเผ็ดถูกลิ้นถึงใจ
       อีกหนึ่งเมนูรสจัดแต่เผ็ดเข้มข้นกว่าเป็น ปลาเค้าผัดเผ็ด (ขีดละ 40 บาท) สีสันจัดจ้าน เพราะนำปลาเค้ามาผัดกับเครื่องแกง ใส่พริกไทยอ่อน ใบมะกรูด รสชาติเข้มข้นถึงใจ กินกับข้าวสวยร้อนๆ ตักปลาใส่ปาก เคี้ยวพริกไทยอ่อนตามเด็ดสะระตี่
      
       และเมนูน้ำๆ หนึ่งเดียวในมื้อนี้เป็น ต้มยำปลากด+พุง+ไข่ (ขีดละ 45 บาท) เสิร์ฟมาแบบควันลอยกรุ่นในหม้อไฟ เป็นต้มยำน้ำจืด รสชาติแซบเผ็ดร้อนครบเครื่องต้มยำ ปลากดเนื้อนุ่มยุ่ย พุงปลา ไข่ปลาเคี้ยวมัน ซดน้ำร้อนๆ คล่องคอนักเชียว
      
       ทั้งหมดนี่เป็นแค่บางส่วนของเมนูปลาๆ ที่ “ผ่านมาแวะกิน” สั่งมาเติมกำลังให้กระเพาะก่อนที่จะออกเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งถ้าใครจะเดินทางไปทางพิจิตรแล้วเกิดหมดแรงกลางทาง ก็ลองแวะเติมพลังที่ร้าน “สไบบาง” ดูบ้างก็แล้วกัน
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
       
ร้าน “สไบบาง” ตั้งอยู่ที่ หมู่ 8 ต.หอไกร อ.บางมูลนาก จ. พิจิตร คือถ้ามาจากนครสวรรค์ พอมาถึงสี่แยกโพไทรงามเลี้ยวขวาเข้าโพทะเล ตรงมาถึงอ.บางมูลนาก พอถึงสี่แยกที่จะเลี้ยวไปพิจิตรให้เลี้ยวขวาที่จะมาต.เนินมะกอก และตรงมาประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นป้ายร้านและมีจุดสังเกตคือจะเห็นปล่องโรงสีข้าวอยู่ด้านหน้า เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. โทรสอบถามเส้นทางไปร้านได้ที่ 0-6930-3974, 0-5663-2013
       

“The Shock ข้าวต้มผี” รสดี กินแล้วไม่ช๊อค

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มิถุนายน 2547 13:48 น.
บรรยากาศชวนนั่ง ดูโล่งโปร่งสบายในร้าน “The Shock ข้าวต้มผี”
       ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกกระหน่ำฟ้าร้องเปรี้ยงปร้าง เป็นบรรยากาศที่พบเห็นได้ทั่วไปในขณะนี้ “ผ่านมาแวะกิน” ไม่ได้จะมาเป็นผู้บรรยายสภาพอากาศหรอกนะ แต่ช่วงนี้ฝนมันตกหนักจริงๆ รถราติดกันให้จอแจ เดินทางไปไหนลำบากจริงๆ
      
       อย่างวันก่อนไปทำธุระแถวลาดพร้าว รถติดยาวเป็นขบวน ตรงถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ รถติดหงุดหงิด หิวจนจะเป็นบ้า ฉับพลันสายตาเราก็ส่ายส่องมองเห็นป้ายร้านอาหารชื่อแปลกตา ชวนขนลุก บวกกับชวนน่ากิน นามว่า“The Shock ข้าวต้มผี” ไม่รอลีเลี้ยวรถขวับเข้าร้านทันที
สามก๊กสยบผี
       เดินเข้ามาในร้านสัมผัสได้กับบรรยากาศชวนนั่ง ดูโล่งโปร่งสบาย เป็นกันเอง ว่าแล้วก็ขอเมนูมาเปิดสั่งอาหาร ตอนแรกนึกว่าจะมีแต่ข้าวต้มขายตามชื่อร้าน ที่ไหนได้ก็มีเมนูอาหารจานหลักทั่วไปตามสั่ง เท่าที่สังเกตชื่อเมนูแต่ละอย่างดูแปลกพิลึกน่ากลัวๆทั้งนั้น
      
       เอาเท่าที่ “ผ่านมาแวะกิน” สั่งมาขึ้นโต๊ะก็มีเมนูแปลกๆ อย่างเมนูแรกชื่อว่าโลงแตก (120 บาท) เสิร์ฟมาในโรงเล็กๆ ที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่ (เก๋เชียว) พอเปิดฝาโรงออกข้างในเป็นกุ้ง หอยแมลงภู่ ปู ลูกชิ้นปลา ฮือก้วยปลา ชุบแป้งทอด ราดด้วยน้ำยำตะไคร้ข้นเหนียว ตักเข้าปากเข้าแรกสมชื่อโลงแตกจริงๆ น้ำยำรสเผ็ดจัดจ้านหอมกลิ่นตะไคร้ น้ำยำซึมเข้าเนื้อกุ้ง หอย ปู ปลา ได้รสชาติกลมกล่อมถูกลิ้น
      
       อีกหนึ่งเมนู สามก๊กสยบผี (150 บาท) เมนูนี้อิ่มแบบทรีอินวัน เป็นปลากะพงสามรสสามแบบ ทั้งทอดกระเทียม ราดพริก และทรงเครื่องแบบยำๆ แต่ละรสชาติเด็ดดวงทั้งนั้น ทอดกระเทียมก็กรอบกรุบเคี้ยวมัน ราดพริกก็เข้มข้นเปรี้ยวหวาน ทรงเครื่องแบบยำๆ ก็แซบกลมกล่อม เรียกคุ้มกันละสั่งจานนี้
ซี่โครงหมูหม้อไฟนรก
       อย่างสุดท้ายเป็นเมนูน้ำๆ สั่งมาซดให้คล่องคอ ซี่โครงหมูหม้อไฟนรก (120 บาท) จัดเสิร์ฟแบบควันลอยหอมกรุ่นมาแต่ไกล ในหม้อไฟใบโต ข้างในเป็นซี่โครงหมูกระดูกอ่อนตุ๋นเครื่องยาจีนจนเปื่อยนุ่ม และใส่พริกขี้หนูทุบโรยมาในน้ำซุปเพิ่มความเผ็ดร้อน ซดน้ำซุปร้อนๆ หอมหวานชุ่มคำ ซี่โครงหมูเนื้อเปื่อยยุ่ยเคี้ยวกรุบเนื้อนุ่ม ซดน้ำซุปตามอีกหลายคำรสชาติเริ่มออกเผ็ดร้อนจัดจ้านถึงใจจากพริกขี้หนูสม ชื่อหม้อไฟนรก
      
       นอกเหนือจากนี้ ยังมีเมนูชื่อแปลกๆ ชวนสยองอีกหลายเมนู อาทิ มัมมี่แห่งอียิปต์ (120 บาท) เป็นปลาหมึกยัดไส้หมูสับชุบไข่ทอด ผีหัวขาด(80 บาท) เป็นหัวกุ้งทอดกรอบ หม้อดินแวมไพร์ (150 บาท) เป็นกุ้งและปูนึ่งกับเครื่องต้มยำ และอีกหลากหลายเมนูจานเด็ดมากมาย
      
       มื้อนี้เล่นเอา “ผ่านมาแวะกิน” อิ่มสบายท้องหายหงุดหงิด หายบ้าจากรถติด กินจนพุงกางก็บึ่งรถกลับบ้านนอน แต่ไม่รู้ว่าชื่อเมนูสยองๆ ที่กินไปเหล่านี้จะมาตามหลอกตามหลอนเราหรือเปล่านะ
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 
       

       “The Shock ข้าวต้มผี” ตั้งอยู่ที่ 9 หมู่ 6 ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม ลาดพร้าว กทม. มาทางเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เลยโลตัสลาดพร้าวมาไม่ไกล มีป้ายร้านเป็นจุดสังเกต เปิดทุกวันเวลา 18.00-04.00 น. พิเศษสุดทุกวันพระลด 20 % (เฉพาะค่าอาหาร) โทร. 0-2970-3738, 0-9542-5282

10 อันดับของฝากยอดนิยมในญี่ปุ่น

credit  sitcomthai bloggang.com



อันดับ 10 Tako Yaki (たこ焼き) จากจังหวัด Osaka ถ้าพูดถึง Tako Yaki แล้วก็ต้องที่ Osaka เท่านั้น





อันดับ 9 Haginotsuki (萩の月) แห่ง จังหวัด Miyagi(宮城)เป็นเค้กฟองน้ำคุณภาพเยี่ยม (カステラ:Kasutera)
ที่สอดไส้ครีมคัสตาร์ดรสหวานกำลังพอเหมาะ เป็นของฝากที่พลาดไม่ได้ของเซนได เลยทีเดียว





อันดับ 8 Marusei Butter Sando (マルセイバターサンド) ของจังหวัด Hokkaido (北海道)
เป็นบิสกิต สอดไส้ครีม White Chocolate และลูกเกด





อันดับ 7 Momiji Manju (もみじまんじゅう) ของ ฝากจากจังหวัด Hiroshima (広島)
เป็นขนม Manju ไส้ถั่วแดงที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกับน้ำชา นอกจากความหวานอร่อยของขนมแล้ว
ความน่ารับประทานของขนมที่เป็นที่ออกแบบเป็นรูปใบเมเปิ้ล ก็ทำให้ Momijimanju เป็นของฝากขึ้นชื่อของ Hiroshima ไปเลย





อันดับ 6 Shiroikoibito (白い恋人) ของ ฝากจาก Hokkaido (北海道) ที่คนไทยรู้จักกันดี
เป็นคุ้กกี้สอดไส้ White Chocolate ซี่งเนื้อคุ้กกี้จะถูกอบด้วยความเกรียมที่กำลังพอดี บวกกับ White Chocolate
ที่ทำจากน้ำนมอันเลื่องชื่อของ Hokkaido ทำให้ Shiroi Koibito เป็นที่ติดอกติดใจทั้งของคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามสนามบินแทบจะทุกแห่งในประเทศญี่ปุ่น





อันดับ 5 Uirou (ういろう) ของ ฝากจากจังหวัด Aichi (愛知) เป็นขนมขึ้นชื่อของเมือง Nagoya (名古屋)
ที่เป็นที่รู้จักกันดีของคนญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยแรกในยุคเอโดะ (江戸時代) ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าที่นำไปนึ่ง
รสหวานอ่อน ๆ นุ่ม ๆ มีทั้งรสน้ำตาลขาว น้ำตาลดำ ถั่วแดง และชาเขียว เป็นขนมที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกับน้ำชาเป็นลำดับต้นๆ เลยทีเดียว





อันดับ 4 Jagapokkuru (じゃがポックル) ของ ฝากจากจังหวัด Hokkaido รูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นแค่มันฝรั่งแท่งทอดกรอบทั่วไป
แต่รสชาตินั้นสุดยอด ผลิตโดยคาลบี้ ที่พวกเรารู้จักกันดี ภายใต้แบรนด์ Potato Farm ออกวางขายตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2006
ในช่วงแรกๆ ก็ไม่ได้มีการโฆษณาแต่อย่างใด ด้วยความอร่อย และเสียงปากต่อปากจากผู้ชิมทั้งหลาย
ทำให้ขายดีถึงขนาดที่จะต้องจำกัดจำนวนซื้อต่อคนต่อครั้งกันเลยทีเดียว ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น
ทำให้สามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น ตามสนามบินและร้านตัวแทนจำหน่ายบางแห่ง





อันดับ 3 Akafuku (赤福) ของ ฝากจากเมือง Ise (伊勢) จังหวัด Mie (三重)
เป็นขนมดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่สมัย Houei (宝永) ประมาณปี 1707 คือขนมโมจิไส้ถั่วแดง
ที่มีรสชาติแสนอร่อย และถือว่าเป็นขนมมงคลที่แสดงถึงความจริงใจของผู้ให้ที่จะมอบความสุขให้แก่ ผู้รับ
ขนมนี้จึงนิยมเป็นของฝากของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก





อันดับที่ 2 Gougouichi no Butaman (551の豚まん) ของฝากขึ้นชื่อของจังหวัด Osaka
เป็นซาลาเปาไส้หมูบดรวมกับหอมหัวใหญ่ ผลิตโดยร้านอาหารจีนขึ้นชื่อของ Osaka ที่มีชื่อว่าร้าน 551 Horai (551蓬莱)
ซึ่งมียอดขายเฉลี่ยถึงวันละ 140,000 ลูก





อันดับ 1 Karashi Mentaiko (辛子明太子) ของ ฝากจากจังหวัด Fukuoka (福岡)
Mentaiko ก็คือไข่ปลาคอต Karashi คือรสเผ็ด Karashi Mentaiko เป็นการนำไข่ปลาคอตไปหมักกับเกลือแล้วปรุงรสเผ็ดด้วยพริกนั่นเอง
เล่ากันว่า Karashi Mentaiko นั้น เกิดในช่วงสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลี และเนื่องจากเมือง Fukushima
เป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น จึงทำให้ Karashi Mentaiko เป็น อาหารที่ดัดแปลงมาจากการหมักกิมจิ
ของประเทศเกาหลีนั่นเอง และในปี Showa ที่ 50 เมื่อรถไฟ Shinkanzen สาย Sanyo ที่วิ่งระหว่างสถานี Shin Osaka ถึงเมือง Hakata
เริ่มเปิดให้บริการ ทำให้ Karashi Mentaiko เป็นที่รู้จักมากขึ้น ปัจจุบันนิยมนำ Karashi Mentaikoไปทำ Onigiri และสปาเกตตี้
รวมถึงอาหารอื่น ๆ อีกมากมา�

Read more: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sitcom&month=14-12-2011&group=41&gblog=259#ixzz1YVTg7sAR

“Veggie Veggie” มีดีเรื่องผักสด ครบรสความอร่อย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 ธันวาคม 2554 15:19 น.
บรรยากาศภายในร้าน
       หากพูดถึงอาหารของคนรักสุขภาพ ส่วนใหญ่ก็คงจะนึกถึงอาหารจำพวกผัก ผลไม้ต่างๆ แต่ครั้นจะให้ทำเมนูแบบเดิมๆ กินทุกวันก็คงจะน่าเบื่อเป็นอย่างยิ่ง “ผ่านมาแวะกิน” ก็เลยอยากจะชวนมาชิมของอร่อยแบบปลอดสาร ดีต่อสุขภาพและร่างกายของทุกคนกันที่ร้าน “Veggie Veggie” (เวจจี้ เวจจี้)
      
       ร้าน “Veggie Veggie” เริ่มต้นขึ้นจากการทำฟาร์มปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ในชื่อ “นะโมน้ำมนต์ฟาร์ม” ที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม และกลายมาเป็นร้านที่เห็นในทุกวันนี้ ซึ่งเมนูหลักๆ ภายในร้านก็คือ สลัด ที่จะใช้ผักไฮโดรโปนิกส์สดๆ ส่งตรงมาจากฟาร์มของตัวเองทุกวัน ซึ่งผักที่ใช้ภายในร้านจะมีอยู่ 8 ชนิด คือ กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค กรีนคอรัล เรดคอรัล ฟิลเลย์ คอส เรดปัตตาเวีย และบัตเตอร์เฮด
ตอร์ติญ่าไก่ย่าง
       เห็นผักสีสวยๆ สดๆ หน้าตาน่าลองลิ้ม เราเลยสั่งของกินมาลองชิมกันเลย เริ่มที่ ตอร์ติญ่าไก่ย่าง (109 บาท) ประกอบไปด้วยแผ่นแป้งตอร์ติญ่าสไตล์แม็กซิกัน ทางด้วยน้ำพริกเผา ส่วนด้านในมีผักคอส มะเขือเทศ และเนื้ออกไก่ฉีก ห่อม้วนเป็นแท่งกลมๆ กินคู่กับสลัดมิกซ์ ลองชิมตอร์ติญ่าไก่ย่างได้รสกลมกล่อม หอมพริกเผา เนื้อแป้งนุ่ม ผักสดกรอบหวาน และหากใครไม่ชอบไก่ย่าง จะเปลี่ยนเป็นทูน่า ปูอัด หมูย่าง หรือแฮมชีสก็ได้ด้วย
สลัดปูอัด
       เมนูถัดมาขอเน้นที่ผักสดๆ กรอบๆ ของทางร้าน ลองชิม สลัดปูอัด (89 บาท) ที่มีผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ต่างๆ แครอท ฟักทอง กะหล่ำปลีม่วง หอมใหญ่ พริกหวาน ข้าวโพด มะเขือเทศ และปูอัด เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำสลัด 1 ชนิด โดยที่ทางร้านมีน้ำสลัดให้เลือกถึง 15 ชนิด เป็นน้ำสลัดโฮมเมดที่ทางร้านทำเอง สลัดจานนี้มีผักครบทั้ง 5 สี ซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์อย่างหลากหลาย แถมท้ายด้วยน้ำสลัดอร่อยๆ ที่มีให้เลือกกันได้ตามชอบ
ซุปผักโขม
       ต่อจากนั้นมาลองลิ้มเมนู ซุปผักโขม ( 49 บาท) ที่ใช้ผักโขมมาปั่น แล้วนำมาทำเป็นซุปครีมเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังอบกรอบของทางร้าน ลองชิมซุปถ้วยน้ำจะได้รสมันๆ ได้กลิ่นหอมนุ่มของครีม หรือหากจะเลือกเป็นซุปชนิดอื่นก็ยังมี ซุปเห็ด (49 บาท) ซึ่งก็ใช้เห็ดฟางมาทำเป็นซุปครีมข้น ได้รสชาติเห็ดข้นๆ มันๆ กินคู่กันกับขนมปังกรอบก็อร่อยเข้ากันได้ดี
ซุปเห็ด
       ส่วนเมนูสุดท้ายนี้เน้นที่ผักจริงๆ กับเครื่องดื่ม น้ำผักปั่น (49 บาท) ที่จะนำผักสลัดรวมมาปั่นรวมกันแบบไม่ได้แยกกาก ใส่น้ำเชื่อมสูตรของทางร้าน ปั่นใส่น้ำแข็ง แล้วเทใส่แก้วยกมาเสิร์ฟมันที ลองชิมแล้วไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว ไม่ขม ออกรสชาติหวานๆ เล็กน้อย ได้กลิ่นหอมๆ อีกหน่อย เรียกว่าเหมาะกับคนที่อยากได้ประโยชน์จากผักอย่างเต็มที่จริงๆ
น้ำผักปั่น
       ส่วนเมนูน่าลองชิมอื่นๆ ของร้านก็อย่างเช่น แซนด์วิชทูน่า (79 บาท) สลัดแซลมอนรมควัน (119 บาท) และยังมีน้ำแข็งไสสไตล์ไต้หวัน น้ำมนต์ไอซ์ (45 บาท) ซึ่งมีรสชาติให้เลือกทั้งแคนตาลูป ช็อกโกแลต กาแฟ ชาเขียว และนม โดยเลือกท็อปปิ้งได้ 1 อย่างตามใจชอบ และนอกจากนี้ ทางร้านยังมีผักสลัดขายเป็นต้นๆ และมีผักสลัดมิกซ์ใส่ถุงขายให้เลือกไปอร่อยและสุขภาพดีกันต่อที่บ้านได้ด้วย
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “Veggie Veggie (เวจจี้ เวจจี้)” ตั้งอยู่เลขที่ 70 ถ.พระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. การเดินทาง จาก ถ.สามเสน มุ่งหน้ามายังบางลำพู เมื่อถึงแยกบางลำพูให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ ถ.พระสุเมรุ ตรงมาเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือจะเห็นร้านตั้งอยู่ริมถนนเยื้องปั๊มน้ำมัน ปตท. สามารถจอดรถได้บริเวณด้านข้างร้าน ร้านเปิดวันจันทร์-เสาร์ (ปิดวันอาทิตย์) เวลา 10.00-20.00 น. โทร. 0-2282-5770, 08-4916-0987, 08-9921-2839

“Petite Pantry” มีดีอิตาเลียนโฮมเมด




โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 15:48 น.
บรรยากาศภายในร้าน Petite Pantry
       “อาหารอิตาเลียน” ถือว่าเป็นอาหารจากชาติตะวันตกที่มีรสชาติดี และถูกปากนักกินชาวไทยไม่น้อยเลย เห็นได้จากการที่มีร้านอาหารอิตาเลียนเปิดให้บริการอยู่มากมาย มีทั้งร้านตามโรงแรม ร้านอาหารใหญ่ๆ ตกแต่งอย่างหรูหรา ไปจนถึงร้านขนาดกลางและร้านขนาดเล็ก ที่เปิดเชิญชวนให้คออาหารอิตาเลียนทั้งหลายได้เลือกเดินทางไปลิ้มรสชาติกัน ได้ตามใจปรารถนา
      
       มาในมื้อนี้ “ตระเวนกิน” เลยขอเอาใจแฟนๆ ที่พิสมัยอาหารอิตาเลียนกันสักหน่อย โดยขอพาเดินทางมาที่ซ.สุขุมวิท 49 เพื่อมายังร้าน “Petite Pantry” (พิติท แพนทรี่ แปลว่า ครัวขนาดมินิ) ซึ่งที่นี้เป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ชวนให้มาลิ้มลองเป็นอย่างมาก เพราะว่าด้วยบรรยากาศของร้านที่ชวนนั่งแบบชิลล์ ชิลล์ ตรงตามคอนเซ็ปของร้านที่ว่า บรรยากาศง่ายๆ สบายๆ เป็นกันเอง ราคาไม่แพง (ในย่านสุขุมวิทนี้)

โต๊ะนั่งด้านนอกรับลมเย็นๆ
       บรรยากาศของร้านร่มรื่นชวนนั่ง มีทั้งส่วนของห้องแอร์กรุกระจกใส มีโต๊ะให้เลือกนั่งในมุมสบายๆ หรือจะเป็นโซนโต๊ะนั่งด้านนอกรับลมธรรมชาติท่ามกลางแมกไม้รื่นรมย์ แล้วยังมีส่วนของโต๊ะนั่งด้านบน และมีห้องวีไอพีไว้คอยให้บริการจัดเลี้ยงได้อีกด้วย
      
       ส่วนเรื่องของอาหารอิตาเลียนของที่ร้านนี้ เน้นว่าเป็นอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด ที่เน้นคัดสรรวัถุดิบที่มีคุณภาพในการนำมาปรุงเป็นอาหารอิตาเลียนจานเด็ดที่ ทางร้านรังสรรค์เมนูคิดมาเป็นสไตล์ของตัวเองโดยเฉพาะ ซึ่งมีเมนูอิตาเลียนอันหลากหลายให้ได้เลือกสั่งมากินกันตามใจชอบ

Calamari Pizza
       และในมื้อนี้เราก็มีเมนูอิตาเลียนจานเด็ดของที่ร้านนี้ ที่ถ้าหากได้มาแล้วแนะนำว่าต้องสั่งมาลิ้มรสกันให้ได้ เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อยด้วยของกินเล่นอย่าง Calamari (200 บาท++) เป็นหมึกที่นำมาชุบกับแป้งที่ทางร้านปรุงรสไว้แล้วทอดจนเหลืองกรอบ กินคู่กับซอสที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษ เคี้ยวหมึกกรอบนอกเนื้อในนุ่มหนึบหนับปากเข้ากับรสชาติซอสรสชาติดี

Caramelized Apple & Walnut Salad
       จานถัดมานำเสนอ Caramelized Apple & Walnut Salad (240 บาท++) เป็นสลัดจานเด่นที่มีแอปเปิ้ลย่างกับเนย มีผักรอคเก็ต มะเขือเทศเชอร์รี่ ราดด้วยน้ำสลัดบาซามิค โรยด้วยวอลนัทและเฟต้าชีส ลิ้มรสสลัดถูกปากกับแอปเปิ้ลหอมหวานเข้ากับผักรอคเก็ต วอลนัท ชีส และน้ำบาซามิครสกลมกล่อมลิ้น

Petite Style Lasagna
       ต่อด้วยเมนู Petite Style Lasagna (320 บาท++) เป็นลาซานญ่าเนื้อหอมๆ ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ทำสดๆ ทุกถ้วย โดยทางร้านจะนำเนื้อออสเตรเลียมาปรุงรสตามสูตรเฉพาะ มาทำไปไส้ลาซานญ่าใส่สลับกับชีสเป็นชั้นๆ 3-4 ชั้น และด้านบนโปะด้วยมอสซาเรลล่าชีสแล้วนำเข้าอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมๆ กินแล้วเนื้อนุ่มรสดีนุ่มหนืดชีสถูกปากจริงๆ

Spaghetti Shrimp Japanese Shrimp Roe
       แล้วมาชิม Spaghetti Shrimp Japanese Shrimp Roe (280 บาท++) ที่ถ้าใครชอบกินพาสต้าแนะนำเลยว่าต้องสั่งมาชิม เพราะทางร้านนำเส้นสปาเก็ตตี้มาผัดน้ำมันมะกอก ใส่มะเขือเทศเชอร์รี่ กุ้งสด ไข่กุ้ง และใส่พริกขี้หนูสดเล็กน้อยให้มีรสชาติจัดจ้านขึ้น กินแล้วก็ถูกปากกับเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มเด้งเข้ากับกุ้งและไข่กุ้งมัน ปาก อกรสเผ็ดนิดๆ กำลังดี

Home-Style Baked Sole
       ตามมาด้วยเมนูนี้ Home-Style Baked Sole (260 บาท++) เป็นปลาทะเล Baked Sole ลามาเป็นชิ้นแล้วอบกับไวน์ขาว มะกอก เคเปเปอร์ และมะเขือเทศซันดราย มีเครื่องเคียงเป็นผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง กินปลาเนื้อนุ่มหวานและได้รสชาติของไวน์ขาวที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ถูกปากดีแท้

Cantadina
       และก็ต้องไม่พลาดที่จะสั่งพิซซ่ามากินกันให้ได้ เพราะที่นี่ทำพิซซ่าแบบโฮมเมด มีเตาอบพิซซ่าที่สั่งทำมาโดยเฉพาะ แนะนำให้สั่ง Cantadina Pizza (300 บาท++) เป็นพิซซ่าแบบอิตาเลียนแท้ๆ แป้งบางและอบด้วยเตาถ่านแบบพิเศษสำหรับทำพิซซ่าเท่านั้นทำให้แป้งกรอบทั่ว กัน และมีกลิ่นหอมของไม้ที่ใช้อบด้วย หน้าพิซซ่านี้ใส่เห็ดหอมสด ไส้กรอกอิตาเลียน มอซซาเรลล่าชีส และโรยหน้าด้วยผักรอคเก็ต กินพิซซ่าแป้งบางกรอบหอมชีสและเต็มปากเต็มคำกับเครื่องต่างๆ ที่ใส่มา

ลีลาการทำพิซซ่าแบบโฮมเมด
       เมนูต่างๆ ที่นำเสนอมานี้เป็นเมนูเด่นที่ไม่ควรพลาดต้องสั่งมาลิ้มลองกันให้ได้ แล้วก็ยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนกินอีก อาทิ BBQ Chicken Pizza California Style (340 บาท++) Pizza Spicy Clams White Wine Cream Sauce (360 บาท++) Linguini with Crab Meat (320 บาท++) Baked Atichoke Almond Crusted Salmon Trout (600 บาท++) และอีกหลายหลากเมนูอิตเลียนโฮมเมดเลิศรสที่อยากจะชวนให้ผู้ที่ชืนชอบอาหาร อิตาเลียนได้ลองเดินทางมาลองลิ้มกันด้วยตัวเองที่ร้าน “Petite Pantry” แห่งนี้

บรรยากาศโต๊ะนั่งด้านบน
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Petite Pantry” (พิติท แพนทรี่) ตั้งอยู่ที่ 55/1 ซ.สุขุมวิท 49 คลองตันเหนือ วัฒนา กทม. การเดินทางถ้ามาจากถ.สุขุมวิท ให้ตรงที่ซ.สุขุมวิท 49 ตรงเข้ามาในซอยเรื่อยๆ จนมาถึงวิลล่ามาร์เก็ตจะเห็นร้าน Petite Pantryตั้งอยู่ติดกัน จุดสังเกตอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลฟัน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-22.00 น. มีที่จอดรถภายในร้าน ทางร้านรับจัดเลี้ยงและมีบริการ Delivery ด้วย โทร. 0-2662-4547