5 อันดับผีตามความเชื่อของคนอีสาน

5 อันดับผีตามความเชื่อของคนอีสาน
อันดับที่ 5 ผีฟ้า

ผี, เรื่องเล่าผี, สยองขวัญ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องผี, เรื่องน่ากลัว, ฆาตกรโหด, ฆาตกรต่อเนื่อง, อันดับผี

ตามความเชื่อของชาวอีสาน ผีฟ้าก็นั้นก็คือเทวดารูปหนึ่งที่มีอำนาจทุกอย่างบนท้องฟ้า อาจจะให้ดีหรือร้ายแก่มนุษย์ก็ได้ ซึ่งหัวหน้าใหญ่ของผีฟ้าก็คือพญาแถน ผีฟ้าจะให้คุณกับบุคคลที่เชื่อและศรัทธากับผีฟ้า ซึ่งมีดังนี้ มาจากการที่ผีฟ้าเลือกเอง จากการมองเห็นนิมิตร มาจากการที่เป็นหนี้บุญคุณผีฟ้า เช่นช่วยในการทำให้หายป่วย มาจากการสืบทอดบรรพบุรุษ คือ มีการสืบทอดในตระกูล แต่หากผู้ใดที่ทำผิดครูจะถูกสาปให้กลายเป็นปอบ

อันดับที่ 4 ผีเป้า
มีลักษณะคล้ายกับผีปอบ แต่จะเป็นในผู้ชาย ผีเป้าเกิดจากการที่คนๆ นั้นเรียนวิชาอาคม แล้วไม่สามารถที่จะรักษาวิชาอาคมนั้นเอาไว้ได้ มีอีกความเชื่อหนึ่งว่าผีเป้าUrban Legendเกิดจากคนที่ชอบกินของสุกๆ ดิบๆ ด้วยเหตุนี้คนอีสานจึงมักสอนลูกๆ ไม่ให้กินของสุกๆ ดิบๆ เพราะจะกลายเป็นผีเป้า ผีเป้านั้นมักจะไม่สู้คน เมื่อออกหากินก็มักจะพกของมีค่าไว้เสมอ เพราะหากไปเจอคนก็จะถูกจับได้ว่าเป็นผีเป้า จึงต้องพกของมีค่าเหล่านี้เอาไว้ติดสินบนหรือเป็นค่าปิดปาก เมื่อโดนจับได้จะไม่โดนขับไล่เหมือนกับผีปอบ แต่จะโดนรังเกียจแทน เพราะผีเป้านั้นไม่ทำร้ายคน ลักษณะองผีเป้านั้นจะมีแสงอยู่ที่ปลายจมูก แต่พอเมื่อเจอคน แสงนั้นจะดับลงไปทันที ในตอนกลางวันผีเป้าจะเป็นเหมือนนปกิทั่วไป แต่พอตกกลางคืนผีเป้าที่สิงอยู่ในร่างนั้นจะมีอาการหิวขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ และจะออกไปหากบกินตามทุ่งนา แต่ถ้าหากบไม่ได้ก็จะไปจับไก่ในเล้าแทน ชาวบ้านจึงมักจะไปดักจับผีเป้าตามทุ่งนาเพื่อหวังะรับเงินสินบนนั่นเอง

ผี, เรื่องเล่าผี, สยองขวัญ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องผี, เรื่องน่ากลัว, ฆาตกรโหด, ฆาตกรต่อเนื่อง, อันดับผี

อันดับที่ 3 ผีแม่ม่าย
ผีแม่ม่ายจัดอยู่ในผีประเภทบังบด หรือเป็นมนุษย์ในอีกมิติหนึ่ง เมืองที่ผีบังบดอยู่นั้นนิยมเรียกว่าเมืองลับแล ว่ากันว่าเมืองนี้มีแต่แม่ม่าย ทุกคนล้วนแล้วแต่สวยงาม ผีตนนี้จะออกเที่ยวในยามค่ำคืนเพื่อหลอกล่ชายหนุ่มให้ไปเป็นสามีทีละหนึ่งคน โดยผีแม่ม่ายจะหลอกล่อจิตวิญญาณของคนๆ นั้นขณะนอนหลับ เมื่อดวงวิญญาณติดตามผีแม่ม่ายไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เมื่อร่างของเรานั้นไม่มีดวงวิญญาณก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หรือพูดง่ายๆ ว่าหากดวงวิญญาณของเราถูกผีแม่ม่ายหลอกล่อไปแล้วจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกคือตายนั่นเอง หากครอบครัวใดมีผู้ชายที่ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อผีแม่ม่าย ให้นำหุ่นรูปผู้ชายไว้ที่หน้าบ้าน เมื่อผีแม่ม่ายจะมาเอาไปเป็นสามี ผีแม่ม่ายจะคิดว่าหุ่นนั้นเป็นชายหนุ่ม และก็จะเอาหุ่นนั้นไปแทน ว่ากันว่าผีแม่ม่ายเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาวจึงมีความ้องการทางเพศสูงมาก หากจะให้ได้ผลดีขึ้นให้นำปลัดขิกทาสีแดงตั้งไว้คู่กับหุ่น

อันดับที่ 2 ผีจ้างหนัง
เรื่องผีจ้างหนังเป็นเรื่องเล่าที่เล่ากันว่า เรื่องเกิดเมื่อตอนปีพุทธศักราช 2532 มีคนว่าจ้างให้หนังเร่ไปฉายที่บ้านวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งอำเภอบ้านดุง ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 100 กิโลเมตร โดยค่าจ้างนั้น ที่ตกลงกันอยู่ที่ 4,000 บาท ฉายหนังสามถึงสี่เรื่อง โดยให้ฉายช่วงเวลาสามทุ่มถึงตีสี่ พอถึงตีสี่ต้องเก็บข้าวของให้หมดก่อนที่จะสว่าง ทางหนังเร่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรเพราะเป็นความ้องการของผู้ว่าจ้าง ถึงเวลาเริ่มฉายหนังตอนสามทุ่มก็มีผู้หญิงชุดขาวนั่งอยู่ข้างหนึ่ง และมีผู้ชายชุดดำนั่งอยู่อีกข้างหนึ่ง ไม่ว่าหนังฉายไปแบบไหน คนเหล้านั้นก็เพียงแต่มองดูไปเฉยๆ นิ่งๆ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เมื่อถึงตอนเวลาตีสี่ ก็มีนมาบอกหนังเร่ว่าให้รีบเก็บข้าวของแล้วให้ออกไปทันทีและห้ามหันหลังกลับมาดู ทางฝ่ายหนังเร่ก็รีบเก็บข้าวเก็บของเตรียมกลับบ้าน ในระหว่างนั้นทางฝ่ายหนังเร่ก็สงสัยกันว่า ทำไมจะต้องห้ามหันหลังกลับมาดูด้วย จึงได้ลองหันหลังกลับไป พวกผู้คนที่มาดูกันหลายคนก็ต่างหายไปหมด เหลือเพียงป่าทึบๆ ให้เห็นเท่านั้น

อันดับที่ 1 ผีปอบ
ปอบเป็นผีที่คนไทยรู้จักมากที่สุด ผีปอบนิสัยจะคล้ายๆ กับผีเป้า แต่จะนิสัยแย่กว่ามากๆ และจะสิงอยู่ในตัวผู้หญิงมากกว่า ของกินของผีปอบก็เหมือนกับผีเป้าคือของสุกๆ ดิบๆ ผีปอบจะแบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

ผี, เรื่องเล่าผี, สยองขวัญ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องผี, เรื่องน่ากลัว, ฆาตกรโหด, ฆาตกรต่อเนื่อง, อันดับผี

ประเภทที่ 1 ปอบที่สืบทอดมาเป็นวงศ์ระกูล ซึ่งจะสืบทอดกันทางเลือดและน้ำลาย ชาวอีสานจะชอบเคี้ยวข้าวแล้วป้อนให้ลูกกินที่เรียกกันว่าข้าวย้ำ จึงทำให้เด็กที่กินนั้นติดเชื้อปอบไปโดยปริยาย ปอบที่ติดต่อกันทางสายเลือดนั้นะมีนิสัยดุร้ายไม่มาก หลบๆ ซ่อนๆ ไม่สุงสิงกับใคร

ประเภทที่ 2 ปอบเวทย์ ปอบประเภทนี้เกิดจากผู้ที่มีวิชาอาคมแล้วผิดคำสั่งห้ามของครูอาจารย์ ทำให้กลายเป็นปอบ โดยส่วนมากจะเกิดกับคนที่โลภมากแล้วเก็บค่าครูเกินที่กำหนด เพราะในอดีตคนโบราณะเห็นน้ำใจนั้นดีกว่าเงิน เมื่อเรียกเก็บค่าครูจะเรียกพอประมาณ ไม่ละโมบเรียกเก็บมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ปอบที่ผิดครูจะมีนิสัยดุร้ายมากและเป็นปอบที่มีคนรู้จักกันมากที่สุด

ประเภทที่ 3 ปอบเลี้ยง ปอบประเภทนี้เกิดจากวิชาอาคมของหมอผี ที่อัญเชิญผีห่า ดวงวิญญาณผีมาสิงอยู่ในกรวยดอกไม้หรือหุ่นอาคมที่ทำขึ้น เกิดเป็นปอบที่มีแต่สิ่งชั่วร้ายมารวมเป็นตัวเดียวกัน ส่วนมากปอบประเภทนี้จะถูกนำมาเลี้ยงไว้ใช้งานแต่ต้องมีของเซ่นไหว้ด้วย หากไม่ทำการเซ่นไหว้ วิชาอาคมจะเข้าแทรกซ้อนตัวจนทำให้เป็นบ้าและเสียชีวิตได้ ปอบชนิดนี้จะมีความดุร้ายมากและฉลาดอีกด้วย พวกมันจะไม่กินของสุกๆดิบๆ เหมือนปอบประเภทอื่น และจะบำเพ็ญจนวิชาอาคมแก่กล้าอีกด้วย

ผี, เรื่องเล่าผี, สยองขวัญ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องผี, เรื่องน่ากลัว, ฆาตกรโหด, ฆาตกรต่อเนื่อง, อันดับผี

ประเภทที่ 4 ปอบเจ้า เป็นราชาของปอบทั้งมวล คือเป็นผีปอบที่ผ่านการขับไล่ของหมอผีมาแล้ว ปอบประเภทนี้คือปอบหนึ่งในสามประเภทข้างต้นที่ถูกทำร้ายกักขังจนเกิดการอาฆาตแค้น เมื่อถูกปลดปล่อยจะเข้าสิงสัตว์และมนุษย์และะกินทกอย่างที่ขวางหน้ารวมทั้งตับไตไส้พุง เมื่อปอบตัวนี้เข้าไปอยู่ที่บ้านใด บรรดาไก่เป็ดที่เลี้ยงไว้จะหมดเล้าภายในคืนเดียว เมื่อบ้านใดที่ไก่ถูกกินนหมดเล้าจะเรียกว่าห่าลง

ที่มา ยำสยอง Youtube Channel


สยองขวัญ
จัดอันดับ


ที่มา ยำสยอง Youtube Channel

บทความแนะนำ

10 อันดับฆาตกรเด็ก ประวัติศาสตร์กำแพงเมืองจีน ย้อนรอยคดีพิศวาสฆาตกรรม นวลฉวีและศยามล ไขปริศนาใครคือแจ๊คเดอะริปเปอร์ (Jack The Ripper) คดีโหดแห่งเขาแอลป์ ปริศนามรณะตระกูลเคนเนดี้ ย้อนรอยคดีซีอุยฆ่ากินเครื่องในเด็ก ปริศนาฆาตกรรม ใครฆ่านางงามเด็กแห่งโคโลราโด้


อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย ภัยอันตราย, ภัยยาเสพติด, ภัยจากสัตว์มีพิษ, ภัยธรรมชาติ, ภัยอาชญากรรม สุขภาพ, สุขภาพดี, อาหารสุขภาพ, สมุนไพร, ประโยชน์ของสมุนไพร วิทยาศาสตร์น่ารู้, จักรวาล, ความรู้วิทยาศาสตร์, นักวิทยาศาสตร์ ผี, เรื่องเล่าผี, สยองขวัญ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องผี, เรื่องน่ากลัว, ฆาตกรโหด, ฆาตกรต่อเนื่อง, อันดับผี อันดับสัตว์, สิบอันดับสัตว์, สารคดีสัตว์โลก, ชีวิตสัตว์โลก ประวัติศาสตร์, บทความประวัติศาสตร์, เรื่องราวในประวัติศาสตร์ จัดอันดับ, 10 อันดับ, สิบอันดับ, ที่สุดในโลก, 10 อันดับสัตว์, 10 อันดับผี, 10 อันดับฆาตกร, 10 อันดับอาหาร, 10 อันดับเรื่องสยองขวัญ จัดอันดับ, 10 อันดับ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องเล่าสยองขวัญ, ดูดวง, นิทาน, ภัยอันตราย, สมุนไพร, สุขภาพ

สรรพคุณของตะลิงปลิง

สรรพคุณของตะลิงปลิง

ตะลิงปลิงเป็นไม้ที่มีพื้นถิ่นกำเนิดในประเทศอินโดนีเซีย และพบตามชายทะเลในประเทศบราซิล มีการปลูกในประเทศไทยมานานแล้ว พบได้ในทั่วไปตามสวนและตามบ้าน ออกผลตามกิ่งก้านและลำต้นเป็นพวงแน่นและสวยงาม จึงเป็นที่นิยมปลูกโดยทั่วไป ผลมีรสเปรี้ยวใช้ในการบริโภค ตะลิงปลิงอยู่ในตระกูลเดียวกับมะเฟือง มีลักษณะตรงกลางระหว่างมะเฟืองกับมะดัน เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เปราะหักง่าย เปลือกต้นมีสีชมพูผิวเรียบมีขนนุ่มปกคลุมตามกิ่ง ส่วนประกอบของใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ก้านใบหนึ่งประกอบไปด้วยใบย่อย 11-37 ใบ มีสีเขียวอ่อนและมีขนนุ่มๆปกคลุมอยู่

การปลูกตะลิงปลิงนั้นปลูกง่าย ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำได้ดี และไม่ทนน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือตอนกิ่ง ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะมีทรงพุ่มสูงใหญ่และแข็งแกร่งกว่าต้นที่ได้จากการตอนกิ่ง แต่ต้องใช้เวลา 2-3 ปี ถึงจะมีดอกมีผล ขณะที่ต้นที่ได้จากการตอนกิ่งจะออกดอกผลหลังจากปลูกลงดินประมาณ 5-8 เดือน หลังจากปลูกได้นาน 3-4 เดือน ควรหมั่นตัดแต่งกิ่งให้เป็นพุ่ม และถ้าเราไม่ต้องการให้ต้นสูงมากก็ตัดส่วนยอดออก ให้ต้นตะลิงปลิงแตกกิ่งออกในบริเวณข้างๆ เพื่อให้เก็บผลได้ง่ายยิ่งขึ้น

ในการปลูกตะลิงปลิงเมื่อผ่านระยะเวลาที่จะให้ผลนั้น ตามบริเวณลำต้นจะมีการแตกตาโผล่ออกมา แล้วปลายจะเป็นช่อดอก เมื่อช่อดอกผุดออกจะกลายเป็นผล เป็นพวงห้อยระย้าสวยงาม การเก็บเกี่ยวก็มีหลายวิธีตามแต่ถนัด ในส่วนของดอกตะลิงปลิงนั้นจะมีความสวยงาม ออกดอกเป็นช่อหลายช่อตามลำต้นหรือกิ่ง ในแต่ละช่อจะมีความยาวไม่เกิน 6 นิ้ว ในหนึ่งดอกมีกลีบ 5 กลีบ สีแดงเข้ม กลีบเลี้ยง 5 กลีบเช่นกันสีเขียวอมชมพู และที่สำคัญเห็นสวยๆงามๆ อย่างนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยาดีอีกด้วย ดอกของตะลิงปลิงนั้นเราจะนำมาชงเป็นยาสมุนไพร มีสรรพคุณแก้ไอ ละลายไขมันในเลือด ขับเสมหะ และยังช่วยในการขับเมือกมันในลำไส้ได้ดีอีกด้วย

ในส่วนของผลตะลิงปลิงนั้นจะเป็นผลกลมยาวปลายมน ผลยาวประมาณ 4-6 เซ็นติเมตร กว้างประมาณ 2 เซ็นติเมตร เป็นพูตามยาว ผิวเรียบมีสีเขียว เมื่อสุกจะมีสีเหลือง เมื่อตัดตามขวางจะมี 5 แฉกเหมือนมะเฟืองแต่เป็นลักษณะแฉกมน ออกผลเป็นช่อห้อย ผลตะลิงปลิงมีรสเปรี้ยว ในส่วนสรรพคุณของผลนั้นช่วยในการเจริญอาหาร บำรุงกระเพาะอาหาร เป็นยาฝาดสมาน แก้เสมหะเหนียว ฟอกโลหิต เป็นยาบำรุงกำลัง แก้ปวดมดลูก แก้ไอ แก้โรคริดสีดวงทวาร ลักปิดลักเปิด ใช้กินเล่นเป็นผลไม้ก็ได้สำหรับผู้ที่ชอบรสเปรี้ยว ใช้ทำน้ำผลไม้ ทำไวน์ ทำแยม หรือว่าจะนำมาถนอมอาหารโดยการดอง เชื่อม แช่อิ่ม กวน นำไปประกอบอาหารที่มีรสเปรี้ยวเช่น ต้มส้ม แกงส้ม ยำ ที่นิยมคือนำมาทานเป็นผักเคียงอาหารอย่างแหนมเนือง หรือน้ำพริก

ผลมีรสเปรี้ยวจัดมีวิตามินซีสูงมาก นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง ไนอาซิน และโปแตสเซียมออกซาเลต รสเปรี้ยวของตะลิงปลิงใช้แทนมะนาวหรือมะขาม แต่รสชาติจะออกคล้ายมะดัน จะทานคู่กับน้ำปลาหวาน หรือกะปิหวานแทนมะม่วงก็อร่อยได้ประโยชน์ เป็นของทานเล่นที่ไม่อ้วน เนื่องจากผลมีรสเปรี้ยวจึงใช้แก้ไอขับเสมหะ บำรุงเลือด นอกจากนี้ยังใช้แก้ข้ออักเสบ แก้คางทูม ตะลิงปลิงนั้นจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีวิตามินเอสูง แต่เหมือนทุกอย่างบนโลกนี้ที่ไม่ควรทานติดต่อกันจำนวนมากเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เลือดตกตะกอนได้

ในส่วนของใบสดนั้นเราสามารถนำมาตำคั้นน้ำทาพอกแก้อาการคัน ใช้ทำความสะอาดผ้าลินิน ใช้ล้างมือแทนสบู่ได้ดี ตะลิงปลิงเหมาะที่จะปลุกบริเวณบ้านเพราะปลูกง่าย สวยงาม ดอกมีกลิ่นหอม ในงานวิจัยประเทศสิงคโปร์พบว่าสารสกัดเอทานอลที่ได้จากน้ำใบตะลิงปลิงมีคุณสมบัติลดน้ำตาลในเลือดและไขมันในเลือด ดังนั้นการกินน้ำใบตะลิงปลิงก็น่าจะเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และผู้ที่มีไตรกลีเซอไรด์สูง ในประเทศฟิลิปปินส์มีการวิจัยสารสกัดจากใบตะลิงปลิงในเอทานอล 10% มาทาผื่นคัน ปรากฏว่าได้ผลดี ทำให้ผื่นคันหายดีเร็วกว่าการใช้ยาแก้คันถึงหนึ่งเท่าตัว


อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย ภัยอันตราย, ภัยยาเสพติด, ภัยจากสัตว์มีพิษ, ภัยธรรมชาติ, ภัยอาชญากรรม สุขภาพ, สุขภาพดี, อาหารสุขภาพ, สมุนไพร, ประโยชน์ของสมุนไพร วิทยาศาสตร์น่ารู้, จักรวาล, ความรู้วิทยาศาสตร์, นักวิทยาศาสตร์ ผี, เรื่องเล่าผี, สยองขวัญ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องผี, เรื่องน่ากลัว, ฆาตกรโหด, ฆาตกรต่อเนื่อง, อันดับผี อันดับสัตว์, สิบอันดับสัตว์, สารคดีสัตว์โลก, ชีวิตสัตว์โลก ประวัติศาสตร์, บทความประวัติศาสตร์, เรื่องราวในประวัติศาสตร์ จัดอันดับ, 10 อันดับ, สิบอันดับ, ที่สุดในโลก, 10 อันดับสัตว์, 10 อันดับผี, 10 อันดับฆาตกร, 10 อันดับอาหาร, 10 อันดับเรื่องสยองขวัญ จัดอันดับ, 10 อันดับ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องเล่าสยองขวัญ, ดูดวง, นิทาน, ภัยอันตราย, สมุนไพร, สุขภาพ

อาการของมะเร็งที่คนคิดไม่ถึง

อาการของมะเร็งที่คนคิดไม่ถึง
ที่มา นิตยสารชีวจิต คอลัมน์ประสบการณ์จากวิชาชีพ โดย ใบเหมียง
การทำสงครามถ้าจะให้ชนะอีกฝ่ายหนึ่ง คู่ต่อสู้จะต้องใช้กลวิธีโจมตีชนิดที่ไม่ให้ข้าศึกได้ทันรู้ตัว และต้องโจมตีฐานที่มั่นที่สำคัญให้ได้จึงจะชนะเด็ดขาด


เรื่องการต่อสู้กับมะเร็งขณะนี้ก็เหมือนกัน คล้ายๆ กับการทำสงคราม มะเร็งคือตัวข้าศึก เวลานี้ที่ทั้งหมอและคนไข้ต่อสู้กับมะเร็งแล้วไม่ค่อยชนะ ก็เพราะว่าไปสู้ในขณะที่มะเร็งโจมตีถึงฐานสำคัญของชีวิต เช่น โจมตีถึงระบบสมอง ก็ทำให้คนเจ็บหัว คิดไม่ออก ปากเบี้ยว พูดไม่ได้ กินไม่ได้ โจมตีถึงระบบกระดูก ก็ทำให้คนเดินไม่ได้ เพราะเจ็บหลัง เจ็บขา โจมตีถึงระบบทางเดินหายใจ ก็ทำให้คนหายใจไม่ออก ขาดอากาศ ตาย เป็นต้น

ส่วนในเวลาที่มะเร็งยังโจมตีมาไม่ถึง เราก็ไม่ได้ไปสู้ เหตุที่ไม่สู้ก็เพราะไม่รู้และไหวตัวไม่ทันว่านั่นคืออาการของมะเร็ง คนคิดไปไม่ถึงว่ามะเร็งจะมีเล่ห์เหลี่ยมที่แยบยลยิ่งกว่ากองโจร หลายคนคงเคยเห็นโฆษณาของแผนกมะเร็ง หรือแผนกสุขศึกษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่แจกเป็นแผ่นพับ และที่เขียนไว้ตามบอร์ดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชนเรื่องมะเร็งว่าอาการและอาการแสดงของมะเร็งเป็นดังนี้

มะเร็งปอด จะไอเรื้อรัง หรือไอเป็นเลือด มีอาการหอบเหนื่อย
มะเร็งลำไส้และทวารหนัก ถ่ายปนเลือด มีการเปลี่ยนแปลงของการขับถ่าย เช่น ท้องผูก ท้องเสีย
มะเร็งตับ มีอาการแน่น อึดอัดท้อง
มะเร็งเต้านม มีก้อนที่เต้านม หรือมีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลออกจากหัวนม เป็นต้น

อยากจะบอกว่า อาการที่แสดงออกลักษณะอย่างนี้ ไอเป็นเลือด ถ่ายปนเลือด แน่นอึดอัดท้อง มีน้ำเหลืองไหลออกจากหัวนม คืออาการของมะเร็งเต็มขั้นแล้ว หรือเกือบระยะสุดท้ายแล้วทั้งนั้น ซึ่งตัวอย่างก็คงไม่ต้องยกมาให้ดูกันอีกแล้ว เพราะตรงไปตรงมา ถ้าใครมีอาการอย่างนี้มาโรงพยาบาล ส่วนใหญ่หมอก็วินิจฉัยไม่ยากนัก แต่ที่ยากและสร้างความเวียนหัวอยู่ คืออาการที่ไม่ตรงไปตรงมา และมีอาการเพียงเล็กๆ น้อยๆ และยิ่งกว่านั้นยังแสดงออกมาภายนอกอย่างคลุมเครืออีกต่างหาก

อาการเหล่านี้ล่ะที่คนคิดไม่ถึงว่ามันคืออาการอย่างหนึ่งของมะเร็ง แต่ความจริงในทางทฤษฎีนั้น ผู้รักษาก็รู้แบะจำได้ขึ้นใจกันทุกคนว่านี่คืออาการของมะเร็ง แต่ในภาคสนามกลับลังเลและสับสน เครื่องมือก็จับไม่ค่อยได้ เพราะไม่ไวพอ และอายุการใช้งานก็เกือบปลดเกษียณแล้ว งานนี้อย่าไปโทษใครเลยให้ศึกษาไว้เป็นบทเรียนก็แล้วกัน เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการสังเกตตัวเอง และเพื่อเปลี่ยนกลยุทธ์ในการต่อสู้กับมะเร็งกันเสียใหม่

ต่อไปนี้คือตัวอย่างจริงของอาการมะเร็งบางอย่างที่คนทั่วไปไม่ค่อยคิดถึงกัน ตัวอย่างที่ได้มาส่วนใหญ่เป็นคนไข้ที่คลินิกและคนไข้มะเร็งที่มาปรึกษาเป็นการส่วนตัว ซึ่งมีจำนวนมาก แต่จะขอยกตัวอย่างที่สำคัญๆ มาเท่านั้น

รายที่ 1 มาด้วยอาการปวดหลัง แต่เป็นมะเร็งปอดขั้นสุดท้าย
เป็นชายวัย 49 ปี อาชีพรับราชการ มาที่ห้องฉุกเฉินด้วยอาการปวดหลังมากสองอาทิตย์ โดยความปวดมีความรุนแรงเป็นลำดับดังนี้ เมื่อห้าเดือนก่อนมาโรงพยาบาลเริ่มปวดหลังที่ด้านซ้าย ร้าวไปทั่วเอว อาการเป็นไม่มาก ก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หมอบอกเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ ก็ได้ยาไปกิน แต่อาการปวดก็ยังไม่ดีขึ้น เวลาสามเดือนผ่านไป ทีนี้ปวดลุกลามไปทั้งสองข้าง ถ้ายืนนานๆ จะปวดมากขึ้น เวลาเดินต้องพยุง ช่วงนี้รู้สึกเบื่ออาหาร น้ำหนักลดไป 10 กิโลกรัมต่อเดือน ก็ไปนอนโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งอยู่สองอาทิตย์ อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ทางโรงพยาบาลจึงส่งมาที่คลินิก ด้วยเหตุผลว่าไม่มีเครื่องเอ็กซ์เรย์ จึงไม่สามารถรักษาได้มากกว่านี้แล้ว

มาถึงโรงพยาบาลก็ไปอยู่ตึกกระดูกและข้อ ผลเอ็กซ์เรย์พบว่าบางส่วนของกระดูกสันหลังบริเวณทรวงอกหายไปและกระดูกซี่โครงก็หายไป 2 ซี่ ส่วนเอ็กซ์เรย์ปอดก็มีเนื้องอกอยู่ พอเอาชิ้นเนื้อนี้ไปตรวจก็พบว่าเป็นมะเร็ง นอกจากนี้ที่ตับก็มีเนื้องอกอีกด้วย หมอวินิจฉัยว่าคนไข้รายนี้เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย เพราะกระจายไปกระดูก ไปตับแล้ว ฉันเจอคนไข้บนเปลนอน นอนอยู่นิ่งๆ แทบไม่ขยับเลย ได้แต่พูดกับยกมือดูดน้ำหวานเท่านั้น คนไข้บอกว่า "ไม่ได้เหนื่อยอะไร มีแต่ปวดหลังมากเท่านั้น"

รายที่ 2 พบเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายจากอุบัติเหตุขาหัก
เป็นชายวัย 58 ปี อาชีพค้าขาย มาที่แผนกฉุกเฉินเช่นกัน ด้วยประวัติว่าเพียงแค่เอาขาซ้ายไปยันรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น ขาก็ดังกร๊อบ จึงรู้ว่าขาหัก ไปรักษากับหมอบ้านอยู่หนึ่งเดือน โดยเข้าเฝือกและนวด แต่ก็ยังยืนไม่ได้ บวมและปวดมากขึ้นจึงมาโรงพยาบาล หมอได้ผ่าตัดต่อกระดูก และเอาชิ้นเนื้อไปพิสูจน์ก็พบว่าเป็นมะเร็งที่กระจายมาจากที่อื่น จึงไปเอ็กซ์เรย์ปอด และคีบชิ้นเนื้อมาตรวจ ก็พบแหล่งจากปอดนี่เอง หมอก็สรุปการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดขั้นสุดท้าย เพราะกระจายไปกระดูกแล้ว

รายที่ 3 รู้ว่าเป็นมะเร็งปอดก็เพราะจะผ่าตัดเนื้องอกที่มดลูก
เป็นหญิงวัย 38 ปี อาชีพนับเงินของบริษัทตัวเอง เธอเล่าให้ฟังว่า "พี่ไม่ได้มีอาการทางปอดเลยนะ พี่ยังออกกำลังกายได้ แต่ที่รู้เพราะว่าพี่จะมาผ่าตัดเนื้องอกที่มดลูกซึ่งเป็นมาตั้งแต่ตอนตั้งท้อง ตอนนี้ลูกพี่คลอดแล้วได้ 8 เดือน ก็เลยว่าจะมาผ่าให้เสร็จๆ ไป แต่พอจะผ่า พี่ก็ต้องไปเอ็กซเรย์ปอดก่อน หมอบอกว่ามีเนื้องอกอยู่ พอคีบชิ้นเนื้อมาดูก็เป็นเนื้อไม่ดี หมอจึงงดผ่าทางโน้น แล้วให้มารักษาทางปอดก่อน"

รายนี้ปรากฏว่าเมื่อไปเอ็กซเรย์กระดูกก็พบว่ากระจายไปกระดูกไหล่ กระดูกไหปลาร้า กระดูกหน้าอกแล้ว สรุปคือ เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายอีกเช่นกัน และสิ่งที่น่าสนใจในรายนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เคยมีประวัติมาโรงพยาบาลด้วยอาการไอมากเมื่อสองปีที่ผ่านมา แต่รักษาเพียงแค่ได้ยาแก้ไอ ยาแก้ปวด อาการก็หายไป และเมื่อสองเดือนก่อนจะรู้ว่าเป็นมะเร็งปอดก็เคยมาที่แผนกฉุกเฉินด้วยอาการเจ็บหน้าอกข้างขวา โดยก่อนหน้านี้สามวันมีอาการปวดไหล่ซ้ายมาก่อน ปวดเวลาเอี้ยวตัว พออาการปวดไหล่ซ้ายหายไปก็มาปวดหน้าอกขวาแทน ปวดจี๊ดจนทนไม่ไหว

คนไข้เล่าว่า "นึกจะปวดก็ปวด ถ้าเวลาไม่ปวด แม้ไปกดไปทำอะไร มันก็ไม่ปวด ก็ได้ยามาทาน อาการก็หายไป จนถึงตอนนี้ อาการปวดไหล่ ปวดหน้าอก ไม่มีเลย"

รายที่ 4 มะเร็งหลังโพรงจมูกระยะสุดท้าย มาด้วยต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตสามารถบ่งบอกถึงโรคได้เป็นสิบโรค ตั้งแต่โรคธรรมดาๆ จนถึงโรคร้าย มีสิทธิ์เป็นได้ทั้งนั้น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ วัณโรค เอดส์ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งโพรงจมูก ดังกรณีรายนี้

เป็นชายวัย 47 ปี อาชีพนักธุรกิจโรงแรมและเล่นหุ้น เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกไปหาหมอที่คลินิกเพราะว่ามีก้อนที่คอด้านซ้ายโต มันมีหนึ่งเม็ดก่อน หมอก็ให้ยาฆ่าเชื้อมากิน หมอบอกผมว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ กินอยู่สองเดือน ก้อนก็ยังไม่ยุบ หมอก็ให้ยาขนานเดิมมาอีก ก็ยังยืนยันกับผมว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบนั่นแหละ ผมก็กินยาต่ออีกสองเดือน ยิ่งกินยิ่งมีก้อนโผล่ออกมาอีกเม็ดหนึ่ง แต่อยู่ต่ำลงมา ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิทีนี้ ก็เลยเปลี่ยนหมอไปที่โรงพยาบาล หมอคนนี้จับผมส่องกล้องคีบชิ้นเนื้อมาดู ทีเดียวแค่นั้นก็รู้เลยว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก และเป็นขั้นสุดท้ายด้วย

"แกไม่ซักประวัติอะไรผมมากมาย และผมก็ไม่มีอาการอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับมะเร็งชนิดนี้ด้วย ไม่ว่าหูอื้แ หน้าชา ตาเข เลือดกำเดาออก ผมไม่มี จะมีก็คัดจมูกนิดๆ หน่อยๆ ผมว่าก็เป็นเรื่องธรรมดา"

คนไข้คิดว่าคัดจมูกเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ตอนนี้ไม่ธรรมดาซะแล้ว มันกลายเป็นมะเร็งไปเรียบร้อยแล้ว

รายที่ 5 แค่ไอแห้งๆ ก็เป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายได้
ปัญหาเรื่องไอก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่ผู้รักษาวินิจฉัยยากว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ บางครั้งแค่รักษาตามอาการ ให้ยาแก้ไอ อาการก็หายดี แต่บางครั้งรักษากันจนเกือบครบโรคของระบบทางเดินหายใจและระบบทางหู คอ จมูกแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตั้งแต่หวัด คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม วัณโรค ถุงลมโป่งพอง และสุดท้ายไปจบที่มะเร็งปอด ซึ่งบางรายก็ใช้เวลาหลายปี ส่วนบางรายก็โชคดีเจอเร็วหน่อย ดังกรณีรายนี้

เป็นแม่บ้านวัย 39 ปี ไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนด้วยอาการไอแห้งๆ มา 4 เดือน มีไข้หวัดร่วมด้วย รักษาแล้วอาการไอแห้งๆ ก็ยังมีอยู่ ไม่หายขาด ก็ไปอีกรอบหนึ่ง หลังจากรักษาอยู่ 2 เดือน ด้วยอาการเดิม ได้ยามากินอีก อาการก็ยังมีอยู่ ทีนี้จึงเปลี่ยนโรงพยาบาล คนไข้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นปอดบวม ก็ได้ยาฆ่าเชื้อ อาการดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายขาด และผลเอกซเรย์ยังคงผิดปกติอยู่ หมอจึงส่องกล้องคีบชิ้นเนื้อมาดู ผลเป็นมะเร็งปอด และไปเอกซเรย์กระดูกก็ปรากฏว่ากระจายไปกระดูกหลายชิ้นแล้ว หมอจึงสรุปว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย

รายที่ 6 มะเร็งต่อมน้ำเหลืองขั้นสุดท้าย แต่มาด้วยอาการแน่นหน้าอก
เป็นนักศึกษาหญิง ปวส.ปีสุดท้าย เธอเล่าให้ฟังว่า "ความจริงตอนแรกที่มีอาการเป็นตั้งแต่เรียนอยู่ปี 1 มันเจ็บแปล๊บๆ น่ะ ไม่ใช่แน่นหน้าอก หนูคิดว่าเป็นโรคหัวใจก็ไปตรวจ แต่ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ อาการก็หายไปเอง พออยู่ๆ ก็มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เพิ่งเป็นปีนี้นี่เอง พี่ดูสิ มาเป็นเอาปีสุดท้ายเสียด้วย ตอนนี้หนูก็กำลังสอบ หนังสือก็ทิ้งไปเลย ไม่ได้เรียนแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องมาเป็นกับหนูด้วย"

รายนี้ได้เจาะไขกระดูก และในที่สุดหมอสรุปว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย

รายที่ 7 แค่คลำได้ก้อนที่หน้าท้องก็เป็นมะเร็งรังไข่ระยะที่สามแล้ว
เป็นนักเรียนหญิง อายุ 14 ปี เธอเล่าให้ฟังว่า "หนูรู้สึกแน่นๆ ท้องมาเดือนหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นไม่ได้มีก้อนอะไร เพิ่งมาคลำได้ก้อนเมื่อห้าวันก่อนมาโรงพยาบาลนี่เอง และหนูรู้สึกว่าแน่นท้องมากขึ้นในอาทิตย์นี้ ก็ไปหาหมอ หมอก็ผ่าตัดเลยและบอกว่ามันเป็นเนื้อร้าย"

รายนี้ตอนที่ผ่าตัดก็พบว่าเนื้องอกลุกลามไปตามเยื่อหุ้มหลายแห่งแล้ว และมีน้ำในเยื่อบุช่องท้องด้วย ส่วนประวัติอื่นๆ เช่น การมีประจำเดือน ก็มาตามปกติ ไม่ได้ปวดอย่างผิดปกติใดๆ เดี๋ยวนี้นักเรียนหญิงชั้นมัธยมพบมะเร็งรังไข่กันมากขึ้น และส่วนใหญ่อาการที่มาโรงพยาบาลมักเป็นระยะที่สามแล้วเกือบทั้งนั้น ส่วนระยะที่สี่ก็มีคือลุกลามไปปอดแล้ว

รายที่ 8 ทั้งปวดหัวทั้งไอ กลายเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
เป็นชายวัย 47 ปี รับราชการครู มาโรงพยาบาลด้วยอาการปวดหัวและไอ อาการที่ปวดหัวนั้นเริ่มจากที่ท้ายทอย แล้วร้าวมาที่ขมับทั้งสองข้าง ปวดตื้อๆ ตลอดเวลา มีไอร่วมด้วย บางครั้งมีเลือดปน ไปหาหมอก็บอกว่าหลอดเลือดที่หลอดลมแตก ส่วนเอกซเรย์ปอดปกติ ได้แต่ยามากิน อาการก็ไม่ดีขึ้น

หนึ่งเดือนผ่านไป ปวดหัวมีมากขึ้น เริ่มมีอาการตึงๆ ที่คอ กินไม่ค่อยได้ รู้สึกกลืนลำบาก และเริ่มมองเห็นภาพไม่ค่อยชัด ตาพร่าๆ ส่วนอาการไอดสมหะปนเลือดยังมีอยู่ จึงไปโรงพยาบาลอีกครั้ง หมอก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร ได้แต่เอกซเรย์ปอดสองครั้ง ก็บอกว่าปกติ ได้ยามากินอีกเช่นเคย อาการก็ยังไม่ดีขึ้น

หนึ่งเดือนครึ่งผ่านไป อาการไอเสมหะปนเลือดมีมากขึ้นอีก ไอทุกวัน และเริ่มคลำได้ก้อนที่คอด้ายซ้าย ก้อนแข็งๆ เจ็บเล็กน้อย อีกสิบวันครบสองเดือน คนไข้มีอาเจียนตอนเช้า อาการอื่นคงเดิม เป็นอย่างนี้อยู่สี่วันจึงไปโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่เปลี่ยนโรงพยาบาล ก็ทำการตรวจทุกอย่างเอกซเรย์ปอดก็พบผิดปกติ ต่อมน้ำเหลืองที่คอก็จิ้มชิ้นเนื้อไปตรวจ พบเป็นมะเร็ง ส่งเสมหะไปตรวจย้อมดูเซลล์ ก็พบเป็นมะเร็ง เอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง ก็พบเนื้องอก หมอจึงสรุปการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย

รายที่ 9 เค้นๆ หน้าอก ในที่สุดก็พบมะเร็งหลอดอาหาร
เป็นพระภิกษุวัย 56 ปี บวชมาได้หนึ่งพรรษา ก่อนหน้านี้เป็นพนักงานขับรถเมล์ระหว่างจังหวัด ทั้งสูบบุหรี่ ทั้งดื่มเหล้า ท่านเล่าให้ฟังว่า "ที่มาโรงพยาบาลในครั้งนี้เพราะกลืนข้าวต้มไม่ลง ส่วนก่อนหน้านี้อาการช่วงแรกเป็น มันรู้สึกเค้นๆ หน้าอกเวลากินข้าว (เค้นๆ หรือที่คนใต้บอกว่าแค้นๆ คืออาการเดียวกัน เป็นอาการที่เวลากินอาหารแล้วรู้สึกกลืนไม่ค่อยลง จะกระจุกอยู่ที่หน้าอก เหมือนกับเวลาที่กินหัวเผือกหัวมันในอัตราที่เร็วเกินไป ก็รู้สึกอาหารผ่านไปได้ลำบาก ต้องดื่มน้ำตาม แล้วยืดคอให้ยาวๆ ถึงจะกลืนได้ลง) หลังจากนั้นพอกินข้าวสวยก็เริ่มติด ต่อมากินข้าวต้มก็ติดอีก กลืนไม่ลง ก็นึกในใจว่าสงสัยอาการไม่ดีแล้วสิท่า จึงมาโรงพยาบาล หมอก็ให้กลืนแป้งกับส่องกล้องเข้าไปดูในหลอดอาหาร ก็บอกว่ามีเนื้องอกเต็มไปหมดแล้ว หมอนัดจะผ่าวันพุธหน้า" ผลจากชิ้นเนื้อก็เป็นมะเร็งหลอดอาหาร และท่านก็ตัดสินใจกลับวัด ไม่ยอมให้ผ่าตัด

นี่เป็นตัวอย่างพอสังเขปที่ยกมาให้ศึกษากัน ต่างเพศ ต่างวัย ต่างอาชีพ อาการที่พบเหล่านี้ยังคงมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ และมากขึ้นทุกวัน จากตัวอย่างจะเห็นว่าเป็นการยากมากที่จะพบอาการเริ่มแรกของมะเร็งด้วยตาเปล่าหรือเอามือคลำ ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะจุดเริ่มต้นยังอยู่ที่ระดับเซลล์ ต้องคีบชิ้นเนื้อข้างในมาดูกับกล้องขยายจึงจะเห็น ในทางปฏิบัติแล้วทำไม่ค่อยได้ จะได้เฉพาะมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเต้านมเท่านั้น เพราะใช้เครื่องมือง่ายๆ ได้ และเป็นอวัยวะที่ตรวจจากภายนอกได้สะดวก

อย่างไรก็ตาม อยากจะสรุปบทเรียนจากกรณีตัวอย่างนี้ว่า ยิ่งมีข้อจำกัดด้านเครื่องมือและประสบการณ์ของผู้รักษามากเท่าใด เรายิ่งจำเป็นต้องเคร่งครัดในการดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้นเท่านั้น จะผัดวันประกันพรุ่ง หรือมีข้ออ้างโน่นอ้างนี่คงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าอยากจะชนะมะเร็งก็ต้องใช้วิธีของมะเร็งคือโจมตีเสียก่อน ก่อนที่มะเร็งจะไหวตัวทันและสร้างป้อมปราการทุกด่านให้แน่นหนา อย่าให้มะเร็งเจาะทะลุเข้ามาได้ด้วยการสร้างภูมิชีวิตให้เข้มแข็ง การปล่อยให้มีอาการแล้วจึงไปรักษานั้น ไม่ว่าอาการมากหรืออาการน้อยก็ตาม เป็นความประมาทและไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง และที่สำคัญคือไว้ใจไม่ได้เลยสำหรับมะเร็ง ต่อไปนี้เราจะใช้กลยุทธเดิมๆ ที่รอให้พิสูจน์ว่าเป็นมะเร็งแน่ชัดแล้วจึงลุกขึ้นต่อสู้นั้น กลยุทธ์นี้คงไม่ทันกาลแล้ว และหวังว่าอาการของมะเร็งที่คิดไม่ถึงนี้ คงไม่ทำให้เกิดความกังวลจนหวาดระแวงเกินไปนักนะคะ

ทานอาหารล้างพิษ ทำไมท่อน้ำดีจึงอุดตัน สมุนไพรต้นเหงือกปลาหมอ โรคกระดูกพรุนป้องกันได้

5 สุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้า

5 สุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้า
ที่มารายการ Top 5 ทางรายการได้จัดนักชิมมาให้คะแนนวัตถุดิบหลักของ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ได้แก่  เส้นใหญ่ น้ำราดหน้า หมูหมัก ผักคะน้า มาดูกันว่าร้านราดหน้าร้านไหนได้คะแนนส่วนประกอบหลักแต่ละอย่างเท่าไหร่ ใครที่ชอบราดหน้าแต่ไม่รู้จะไปกินที่ไหน มีพิกัดร้านราดหน้า อร่อยๆ ให้คุณตามไปลองกินกัน

1. ภัตตาคารจ๊ากกี่
ถ้าพูดถึงราดหน้าดังย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่อยู่คู่ซอยรางน้ำมากว่า 50 ปี เข้ามาทางซอยวัฒนโยธิน ทุกๆ ท่านคงจะเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า "จ๊ากกี่" แน่นอน ก็ภัตตารคารจ๊ากกี่เขาดังในเรื่องราดหน้าเป็นพิเศษ ด้วยน้ำที่ข้นขลุกขลิก รสชาติเข้มข้นและผักคะน้าชั้นยอด ใครๆ ที่มากิน ยังไงก็ต้องติดใจ ถึงแม้ราคาจะแพงถึงจานละร้อย

จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวราดหน้าภัตตาคารจ๊ากกี่
ราดหน้าเส้นใหญ่เหนียวนุ่ม หมูหมักเครื่องรสชาติถึงเนื้อ เสริ์ฟพร้อมยอดผักคะน้ากรุบกรอบ ราดด้วยน้ำราดรสจัดจ้านตามแบบฉบับของทางร้านโดยเฉพาะ

พิกัดภัตตาคารจ๊ากกี่
ซอยรางน้ำอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

2. ร้านตั้งใจอยู่
วิ่งไปทางเส้นพระรามสี่ มุ่งสูถนนสุรวงศ์ มองหาตึกวอลล์สตรีททาวเวอร์ ก็จะพบกับภัตตาคารตั้งใจอยู่ ราดหน้าของที่นี่ผ่านการปรุงจากเชฟผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเสิร์ฟราดหน้าแบบแยกเส้นที่มีให้เลือกถึงสองแบบ นั่นก็คือแบบผัดและแบบทอดกรอบ เรียกได้ว่าเก๋ไก๋ ไม่ซ้ำใครเลย

จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวราดหน้าร้านตั้งใจอยู่
ราดหน้าจานยักษ์ที่แยกเสิร์ฟระหว่างน้ำราดหน้ากับเส้นที่มีให้เลือกถึงสองแบบทั้งแบบผัดและแบบทอดกรอบเรียกได้ว่าอร่อยเด่นไม่เหมือนใคร ผสมผสานกับหมูหมักชิ้นโตและผักคะน้าที่กรอบพอดีคำ

พิกัดร้านตั้งใจอยู่
ถนนสุรวงศ์ตึกวอลล์ สตรีท

3. ร้านเคี้ยงเอ็มไพร์
มุ่งตรงไปที่ซอยจุฬา 20 จะเห็นร้านที่กำลังผัดราดหน้าไฟลุกโชนอยู่ตรงหัวมุมถนน นั่นก็คือราดหน้าเคี้ยงเอ็มไพร์ เปิดขายราดหน้ามากว่า 20 ปี ราดหน้ารสชาติเยี่ยมจนได้รับรางวัลการันตีต่างๆ มากมาย ด้วยหมูหมักแสนนุ่ม ผสานกับกลิ่นหอมของเส้นที่ผัดด้วยไฟแรงๆ ราดด้วยน้ำราดที่แสนกลมกล่อม ที่สำคัญราคาไม่แพง ใครที่ได้กินราดหน้าของที่นี่ขอบอกว่าคุ้มค่าจริงๆ

จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวราดหน้าร้านเคี้ยงเอ็มไพร์
ราดหน้ารสชาติอร่อยล้ำลึกด้วยเส้นที่หอมกลิ่นไฟ หมูหมักที่ใช้เวลาหมักนานถึงสองวันและผักคะน้าที่หวานกรอบ เรียกว่าผสมผสานได้อย่างลงตัวทำให้รสชาติอร่อยโดดเด่น ไม่เหมือนใคร

พิกัดร้านเคี้ยงเอ็มไพร์
ตลาดสวนหลวง ซอยจุฬา 20

4. ร้านอยู่อี่
มากันที่เยาวราช ถนนเจริญกรุงจะเจอร้านราดหน้าเจ้าอร่อยนั่นก็คือร้านอยู่อี่ จุดเด่นของร้านนี้คือผักคะน้าที่ถ้าสั่งจานพิเศษจะคัดเอาแค่เฉพาะแกนอ่อนมาเสิร์ฟ รสชาติอร่อยแตกต่างจากคะน้ายอดผักทั่วไปพร้อมกับน้ำราดหน้าสูตรฮ่องกงแท้ๆ รสชาติหวานมันที่เมื่อได้ทานแล้วพูดได้คำเดียวว่าอร่อยจนหยุดเคี้ยวไม่ได้เลย

จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวราดหน้าร้านอยู่อี่
ราดหน้ารสชาติหวานมัน อร่อยกลมกล่อมด้วยแกนคะน้าอ่อนสีเขียวสดคุณภาพดี ผสมผสานกับหมูหมักเลิศรสและการปรุงน้ำราดหน้าสไตล์ฮ่องกงแท้ๆ ทำให้ราดหน้าร้านอยู่อี่อร่อยจนหยุดไม่ได้

พิกัดร้านอยู่อี่
เยาวราชด้านถนนเจริญกรุง

5. ภัตตาคารแสนยอดโภชนา
และร้านสุดท้ายเดินทางเข้ามาสู่ถนนเจริญกรุง เข้าถนนเจริญเวียง ตรงสุดซอย เลี้ยวขวาเล็กน้อยขะเจอกับภัตตาคารแสนยอดโภชนา ด้วยราดหน้ารสเข้มข้น บวกด้วยเนื้อหมูชั้นเยี่ยมที่คัดสรรมาให้ลูกค้ารับประทาน และที่สำคัญคือผักคะน้าฮ่องกงที่ส่งตรงมาจากเมืองจีนที่มาพร้อมความกรอบและมีเส้นใยน้อย บอกได้คำเดียวว่า คุณภาพ รสชาติ ช่างลงตัวไปหมดทุกอย่างจริงๆ

จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวราดหน้าร้านแสนยอดโภชนา
ราดหน้าสไตล์ภัตตาคารแท้ๆ ด้วยยอดคะน้าฮ่องกงแสนอร่อยที่นำเข้าจากเมืองจีน หมูที่หมักจนได้ที่ผสมผสานกับน้ำราดหน้าสูตรฮ่องกงแท้ๆ ราดลงบนเส้นใหญ่ที่ผัดได้กำลังดี เรียกได้ว่าลงตัวไร้ที่ติ

พิกัดภัตตาคารแสนยอดโภชนา
ในซอยเจริญเวียง เชิงสะพานตากสิน

คะแนนส่วนประกอบต่างๆ ในราดหน้า
คะแนนเฉลี่ยความอร่อยของเส้นใหญ่      ร้านราดหน้าอยู่อี่ได้คะแนนมากที่สุด
คะแนนเฉลี่ยความอร่อยของน้ำราดหน้า  ร้านราดหน้าภัตตาคารแสนยอดโภชนาคะแนนมากที่สุด
คะแนนเฉลี่ยความอร่อยของหมูหมัก       ร้านราดหน้าภัตตาคารจ๊ากกี่ได้คะแนนมากที่สุด
คะแนนเฉลี่ยความอร่อยของผักคะน้า      ร้านราดหน้าภัตตาคารแสนยอดโภชนาคะแนนมากที่สุด

5 ตำนานผีไทย

5 ตำนานผีไทย

เราเห็นเรื่องราวต่างๆมากมายในละคร ในภาพยนตร์เกี่ยวกับผี แต่ไม่เคยรู้จริงๆว่า ผีที่เราได้เห็นนั้น มีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไรบ้าง ฉะนั้นเพื่อเพิ่มความกลมกล่อมเลยจัดหาตำนานผีไทยที่ทุกคนรู้จัก เรามาหลอนกันเลยดีกว่า

ผีพราย
จริงๆแล้วผีพราย คนในอดีตจะบอกว่าเป็นผีที่เป็นผู้หญิงที่ตายเพราะการคลอดลูก หรือว่าตายหลังจากคลอดลูกได้ไม่นาน บางคนก็บอกว่าผีพรายเป็นคนแก่ที่ไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะเดิน พออยู่คนเดียว ก็จะมีแรงไปหาของดิบของคาวกิน พอมีคนมาก็ไร้เรี่ยวแรงอย่างเดิม และก็มีความเชื่อกันอีกว่าผีพรายเป็นผีที่แปลงร่างเป็นสัตว์ต่างๆโดยเฉพาะเป็นนกเค้าแมว แถมว่ากันว่าถ้าบ้านไหนมีคนป่วย แล้วมีนกเค้าแมวมาเกาะบริเวณบ้าน คือผีพรายกำลังมาทำให้คนป่วยนั้นเสียชีวิตโดยเร็ว แต่ในปัจจุบันทุกคนจะรู้จักผีพราย ที่มีรูปร่างเหมือนคนอยู่ในน้ำ มีเนื้อเปื่อย ซีด ตัวเขียวคล้ำ เนื้อตัวเป็นเมือกลื่น เหม็นและเน่า ใครไปบริเวณแหล่งน้ำ ก็ระวังให้ดี หากได้กลิ่นเหม็น แล้วเห็นคนอยู่ในน้ำ นั้นแหละคุณเจอแล้ว ผีพราย!!

ผีกระสือ
หลายคนรู้จักกันดีกับผีประเภทนี้ มักจะอยู่ในร่างของผู้หญิงแก่ ความหลอนอยู่ที่จะมีแค่หัวกับตับไตไส้ เท่านั้น คนในอดีตบอกไว้ว่า กระสือมีทั้งหญิงและชาย ผีกระสือจะชอบมากเมื่อมีคนคลอดลูก ตกดึกก็จะตามหากลิ่นนั้นแล้วกินตับไตไส้พุงของคนคลอด จึงทำให้คนในอดีตต้องมีต้นที่มีหนามไว้รอบบ้าน และใต้ถุนบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้กระสือเข้ามา เพราะกะสือจะกลัวหนามไปเกี่ยวเอาไส้ของตัวไป
ว่ากันอีกว่า กระสือชอบกินของเน่าด้วยรวมถึงอุจจาระ หลังจากอิ่มเรียบร้อย ก็จะลอยไปหาผ้าที่ชาวบ้านตากไว้ แล้วเช็ดทิ้งร่องรอยคราบสกปรก บางทีก็จะหาโอ่งเก็บน้ำที่ชาวบ้านลืมปิดฝา เอาหน้าไปจุ่มแล้วทิ้งน้ำลายลงไป ใครคนไหนโชคร้ายกินน้ำที่มีน้ำลายกระสือไปก็จะกลายเป็นทายาทกระสือคนต่อไปทันที ระวังไว้นะ ใครชอบกินน้ำไม่ดูให้ดีๆ ระวังจะกลายเป็นกระสือ

ผีกระหัง
ว่ากันว่าผีกระหังมีลักษณะคล้ายผีกระสือ จะเรียกกระสือที่เป็นผู้ชายว่า กระหัง เพราะกระหังชอบกินของ คาวๆดิบๆ และพวกอุจจาระด้วย แต่รูปร่างจะไม่คล้ายกระสือตรงที่ว่า กระหังบินได้โดยใช้กระด้งติดกับแขน แล้วก็มีสากตำข้าวเป็นหาง มีกบ เขียด คางคก เป็นอาหารโปรด คนในอดีตบอกว่าคนที่เป็นกระหัง ก่อนจะเป็น จะเป็นคนที่ชอบเล่นไสยศาตร์ พวกอาคมแรงๆ แต่รับมือไม่ไหวของเข้าตัวจึงกลายเป็นกระหัง เห็นแบบนี้แล้วใครที่ชอบหากินกลางคืน กินพวกกบ พวกเขียด คุณอาจจะเป็นกระหังแบบไม่รู้ตัวก็ได้นะเอออ

ผีปอบ
ทุกคนจะรู้จักในบทบาทที่ผีปอบชอบกินของสดคาว ล้วงไส้ของคนมากินสดๆบ้าง กินไก่ดิบบ้าง แต่คนในอดีตบอกว่า ผีปอบเป็นแค่ความเชื่อ เชื่อว่าคนที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม โดยเฉพาะชอบกินของดิบ บ้างก็บอกว่าเป็นพวกที่เล่นคุณไสย จนของเข้าตัว ทำให้ถูกผีสิง เรียกว่าปอบ แล้วผีจะกินตับไตไส้พุงจนตาย เรียกว่านอนไหลตาย บางตำรายังบอกอีกว่าเป็นผีที่เข้ามาสิงคนเพื่ออาศัย และแลกเปลี่ยน หมายถึงคนที่ชอบเล่นคุณไสย ให้ผีมาอาศัยร่างแล้วไปหักคอเป็ด คอไก่ แล้วกินเพื่อเซ่นไหว้ ฮืมมม ได้ยินแบบนี้แล้วก็ขนลุกเนาะ

ผีเปรต
ยกผีเปรตเป็นผีในตำนานเลย เพราะทุกคนจะได้ยินเรื่องราวมากมายของผีเปรต ซึ่งเปรตคนไทยมีความเชื่อว่า ใครที่ชอบทำร้ายพ่อแม่ ตายไปจะกลายเป็นเปรต เปรตจะหิวโหยตลอดเวลา ถ้าไม่มีใครอุทิศของให้ เปรตก็จะกินเนื้อ กินหนองของตัวเองแทน

ปากเปรตจะเท่ารูเข็ม ตัวสูงยาวเท่าต้นไม้ ผอมแห้ง มือเท่าใบตาล เปรตจะแปลว่าผู้ที่ตายไปแล้ว แล้วคนมักจะเปรียบเทียบเปรตกับคนที่ชอบขอคนอื่นกินด้วยความหิวโหย

จบไปแล้วกับ 5 ตำนานที่ชวนขนหัวลุก อาจจะไม่น่ากลัว แต่รู้ไหมว่า ตำนานพวกนี้มีแง่คิดสอนให้เราทำความดีทั้งนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าความจริงเป็นอย่างไร สุดท้ายนี้ ผีไทยไม่ได้มีแค่นี้ คุณอาจจะเจอผีแบบอื่นก็ได้ ตอนนี้ เวลานี้ ใครจะไปรู้ ว่าคุณกำลังอยู่กับใคร…คนนั้น!
ขอบคุณที่มาจาก picnic.ly/2017/01/thai-ghost-stories

จัดอันดับ
สยองขวัญ
ประวัติศาสตร์
เมนูอาหาร
สุขภาพ