บทความสุขภาพ สุขภาพดี

บทความสุขภาพ สุขภาพดี

สรรพคุณของดอกอัญชัน 5 วิธีใช้ยาพาราเซตามอลอย่างปลอดภัย 6 ดอกไม้ช่วยบำบัดสุขภาพ 11 ข้อชะลอและป้องกันสมองเสื่อม 5 อาการผิดปกติเตือนภัยโรคร้ายของผู้หญิง 7 เครื่องดื่มสมุนไพรต้านมะเร็งโดยเฉพาะ งา เมล็ดเล็กมากคุณค่า 4 สิ่งต้องรู้ห้ามใช้กับน้องหนูของคุณผู้หญิง

6 ดอกไม้บำบัดสุขภาพ

4 สิ่งห้ามใช้กับน้องหนูคุณผู้หญิง

วาซาบิไม่ได้ช่วยให้หายใจโล่ง

วิถีแห่งชาญี่ปุ่น

ผักกับมะเร็ง

งาเมล็ดเล็กมากคุณค่า

6 เครื่องดื่มสลายพุง

5 อาการผิดปกติของผู้หญิง

8 ฮอร์โมนสำคัญในร่างกาย

7 เครื่องดื่มสมุนไพรต้านมะเร็ง

สารปรอทอาจก่อให้เกิดโรค

4 ประโยชน์ของมะระ

8 วิธีแก้ปากเหม็นขั้นเทพ

ป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

9 วิธีเพิ่มพลังสมอง

5 ผักสวนครัวสยบกลิ่นตัวได้

อันตรายระยะยาวหมูทอดหมูปิ้ง

25 เมนูอาหารสุขภาพคูณสอง

โรคหอบหืด (Asthma)

ฟื้นชีวิตหลังคืนดื่มหนัก

ตะลุยเมนูบุฟเฟต์แบบมีชั้นเชิง

8 กีฬาช่วยเพิ่มความสูง

รวมพลคนกล้ามใหญ่

อยากสุขภาพดีต้องกินพริก

ถามตอบปัญหากลิ่นปาก

แก้ปัญหาตาเขียวช?้ำ

ผื่นจากด้วงก้นกระดก

20 พืชผักพันธุ์แปลกเก่าแก่ ทำไมท่อน้ำดีจึงอุดตัน ประโยชน์ของมะเฟือง

ฝังเข็มสลายไขมัน

4 โรคทางประสาทน่ารู้

สวยใสด้วยใบบัวบก

กระชาย โสมเมืองไทย

เสริมคอลลาเจนเพื่อผิวสวย

วิธีสระผมให้สะอาดหอม

หัวเข่ามักจะมีเสียงดัง

ยก Weight ดีอย่างไร

วิธีสร้างกล้ามดาราฮอลลีวู้ด

ข้าวโอสถข้าวกล้องอินทรีย์

กินอยู่แบบนาฬิกาชีวิต

โรคไตวายที่ไม่ควรมองข้าม

อาการของมะเร็งที่คิดไม่ถึง

อาการชาปลายประสาทอักเสบ

อาหารเช้าของชาวโลก

สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

9 วิธีบำรุงตับ

ประโยชน์จากใบเตย

ทานอาหารล้างพิษ

นิ่วในถุงน้ำดี

มะเร็งตับอ่อน

ข้อควรระวังฉีดโบท็อกซ์

โรคกระดูกพรุนป้องกันได้

ประโยชน์จากดอกอัญชัน

ประโยชน์ของมะเฟือง

ทำไมท่อน้ำดีจึงอุดตัน

เห็ดมีพิษ

สรรพคุณของตะลิงปลิง

ประโยชน์อะเซอโรลาเชอรี่



ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

ชีวิตสัตว์ 10 อันดับสัตว์ สัตว์โลกน่ารู้

ชีวิตสัตว์ 10 อันดับสัตว์ สัตว์โลกน่ารู้

5 อันดับเพชรฆาตใต้ทะเลลึก 10 อันดับการคิดค้นของสัตว์ ตัวอ่อนปลาฉลามสุดโหด เป็นนักฆ่าตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ 10 อันดับสัตว์มีพิษ 15 สายพันธุ์สัตว์โลกสวยงามที่ใกล้สูญพันธุ์ 10 อันดับสัตว์สุดยอดคุณพ่อ 10 อันดับสัตว์ยอดแหยะ 25 สัตว์น้ำรูปร่างหน้าตาประหลาด



5 อันดับเพชรฆาตใต้ทะเลลึก

รักติดหนึบของปลาแองเกลอร์

เสียงประหลาดของสัตว์ปริศนา

10 อันดับการคิดค้นของสัตว์

ตัวอ่อนปลาฉลามสุดโหด เป็นนักฆ่าตั้งแต่อยู่ในท้องแม่

แมลงชีปะขาว ตายเพื่อรัก

10 อันดับสัตว์ยอดแหยะ

10 อันดับสัตว์สุดยอดคุณพ่อ

10 อันดับสัตว์ผีดูดเลือด

10 อันดับสัตว์มีพิษ

25 สัตว์น้ำรูปร่างหน้าตาประหลาด

10 สายพันธุ์งูที่น่าทึ่ง

15 สายพันธุ์สัตว์โลกสวยงามที่ใกล้สูญพันธุ์ 

10 อันดับสัตว์สถาปนิก

อนาคอนด้า งูยักษ์แห่งอเมซอน

ปูม้า


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

10 อันดับสัตว์มีพิษ

10 อันดับสัตว์มีพิษ
อันดับที่ 10 ทากทะเล



ทะเลเป็นบ้านของสัตว์ต่างๆ ที่มีสารเคมีเป็นอาวุธ บางชนิดใช้มันเพื่อฆ่าเหยื่อ แต่บางชนิดใช้มันเพื่อขับไล่นักล่า สัตว์ชนิดนี้ไม่ได้สร้างพิษของมันเอง แต่มันใช้สารพิษจากดอกไม้ทะเล ดอกไม้ทะลมีสารพิษนิวโรท็อกซิน (Neurotoxin) อันทรงพลัง ซึ่งเก็บอยู่ในเซลล์เข็มจิ๋วจำนวนมาก เข็มพิษเหล่านี้สามารถเผยโฉมในเสี้ยววินาที แต่มีสัตว์ชนิดหนึ่งที่สามารถปลดอาวุธดอกไม้ทะเลนั่นก็คือทากทะเล ทากทะเลก็เหมือนหอยทากทะเล แต่ไม่มีเปลือกมาปกป้องตนเอง ดังนั้นสัตว์ชนิดนี้จึงต้องหาวิธีอื่นในการระวังตนเอง ทากทะเลไม่เพียงแค่กินดอกไม้ทะเล พวกมันยังขโมยเซลล์เข็มของดอกไม้ทะเลและเก็บเอาไว้ในปลายอวัยวะที่ยื่นออกมาจากปลายหลังของมัน นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้จริงๆ ว่าทากทะเลสามารถกลืนเซลล์เข็มของดอกไม้ทะเลโดยไม่เป็นอันตรายได้อย่างไร มีข้อสันนิษฐานว่า ในระบบการย่อยของมันทำให้สารพิษมีความเป็นกลางเมื่อย่อยแล้วเซลล์เข็มเหล่านี้ก็เดินทางไปสู่ส่วนปลายที่หลังของมัน ทากทะเลไม่สนเรื่องการพรางตัว มันแสดงความเป็นพิษของมันด้วยสีที่ฉูดฉาดและลวดลายที่เด่นชัด

อันดับที่ 9 กิ้งกือ ( Millipede)


มันเป็นสัตว์ที่รู้เรื่องแก๊สพิษเป็นอย่างดี ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่ากิ้งกือเป็นสัตว์กินพืชทีไม่มีอันตราย แต่ถ้ามันถูกคุกคามมันสามารถปล่อยกลิ่นที่แม้แต่นักล่าที่หิวโหยที่สุดยังต้องอุดจมูก ระบบป้องกันทางเคมีของกิ้งกือไม่ได้มาจากเท้าของมัน และทั้งๆที่มันมีเท้าถึง 750 ข้าง กิ้งกือก็ไม่สามารถวิ่งได้เร็วนัก ถ้ามันถูกคุกคามมันจะขดตัวม้วนเป็นก้อนกลม และปล่อยแก๊สพิษออกมาจากช่องข้างลำตัว กิ้งกือหนึ่งตัวสามารถผลิตแก๊สพิษที่เป็นสารไฮโดรเจนไซยาไนด์ได้เกือบ 1 ออนซ์ นั่นมากพอที่จะฆ่าสัตว์ที่มีขนาดเท่าๆกับหนูได้อย่างสบาย ที่แปลกก็คือตัวแบล็ก ลีเมอร์ (Black Lemur) แห่งมาดากัสการ์ พัฒนาจมูกให้สามารถป้องกันพิษของกิ้งกือ ก่อนอื่นมันจะแหย่กิ้งกือให้ปล่อยพิษออกมา จากนั้นก็จะจับกิ้งกือถูเข้ากับตัวเองไปมา มันค้นพบว่ากลิ่นของกิ้งกือช่วยป้องกันยุงได้ดี และพิษของกิ้งกือมีผลเพียงเล็กน้อยกับตัวแบล็ก ลีเมอร์หรือมนุษย์


อย่างไรก็ตามมนุษย์คนนึงค้นพบวิธีประหลาดที่ใช้สารเคมีจากแมลงชนิดหนึ่ง นับหลายร้อยปีมาแล้ว มนุษย์เคยได้ยินเรื่องพลังของยาโป๊วที่ชื่อว่า แมลงวันสเปน ตัวยาเกิดจากแมลงปีกแข็งก่อกวนแมลงวันสเปนแล้วมันจะหลั่งของเหลวมีพิษคล้ายกับเนย ซึ่งถ้ากินเข้าไปจะเพิ่มการหมุนเวียนของโลหิต และกระตุ้นความต้องการทางเพศ นั่นเป็นสาเหตุที่มาคีส์ เด เซด (Marquis De Sade) ผสมแมลงวันสเปนไปในของหวานให้กับแขกของเขา โชคร้ายที่พวกเขาทานมากเกินไป ดังนั้นแทนที่จะรู้สึกถึงอารมณ์แห่งรัก พวกเขากลับล้มป่วย มาคีส์ถูกจองจำและถูกตัดสินในฐานะนักโทษอุกฉกรรจ์ ไม่มีใครใช้สารเคมีจากกิ้งกือในการทำเสน่ห์ อาจเป็นเพราะการดมไฮโดรเจนไซยาไนด์อาจทำลายอารมณ์โรแมนติกใดๆ ก็ได้

อันดับที่ 8 ผีเสื้อโมนาร์ช (Monarch Butterfly)



เมื่อคุณมีพิษเต็มตัวก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่สัตว์ในอันดับที่ 8 มีสีส้มดำฉูดฉาด นี่คือผีเสื้อโมนาร์ช (Monarch) ทุกฤดูหนาวของภูเขาใน Central Mexico คุณสามารถพบเห็นผีเสื้อโมนาร์ช 20,000 ตัวบนกิ่งไม้ และออกันอยู่ในบริเวณนี้กว่า 220 ล้านตัว พวกมันปลอดภัยอย่างแท้จริง เพราะไม่มีสัตว์ตัวไหนกล้าแตะต้องพวกมัน ก็เพราะต้นไม้ที่ชื่อ มิลค์วีด (Milkweed) มีสารพิษที่ชื่ออัลคาลอยด์ที่มีพิษร้ายแรงขนาดปริมาณแค่ 1 ออนซ์ ก็สามารถฆ่าแกะได้ ผีเสื้อโมนาร์ชตัวเมียอาศัยต้นมิลค์วีดเหล่านี้เพื่อเลี้ยงดูลูกของมัน ดักแด้ของโมนาร์ชกินมิลค์วีดกันอย่างเดียว พวกมันจำเป็นต้องเพิ่มน้ำหนักจากแรกเกิดอีก 15 เท่า พวกมันถึงจะพร้อมกลายเป็นผีเสื้อ พวกมันจะสะสมอัลคาลอยด์ในเนื้อเยื่อให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันต้องกินยาพิษที่ช่วยปกป้องพวกมันจากนักล่าในช่วงที่พวกมันมีชีวิต ผีเสื้อโมนาร์ชเป็นสัตว์พิษในอันดับที่ 8 เพราะการกลืนอัลคาลอยด์จะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน และหัวใจหยุดเต้นได้

ผีเสื้อโมนาร์ชไม่ใช่สัตว์ชนิดเดียวที่ใช้สารพิษจากพืช มนุษย์ก็เช่นกัน ผู้ปกครองของโรมโบราณทราบดีถึงการใช้ต้นไม้มีพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้นเบลลาดอนนา (Belladonna) หรือ เดธลี่ ไนท์เชด (Deathly Nightshade) ที่เต็มไปด้วยอัลคาลอยด์ที่เต็มไปด้วยอะโทรปิน (Atropine) ซึ่งเป็นสารพิษ ในปริมาณที่พอเพียงสิ่งนี้อาจทำให้หัวใจล้มเหลว หนึ่งในนักโทษที่อื้อฉาวในประวัติศาสตร์ ลิเวียพระชายาของจักรพรรดิ ออกุสตัส (Augustus) บางคนเชื่อว่าพระนางใช้เบลลาดอนนา เพื่อวางยาพิษเหยื่อที่ไม่ได้คาดคิดรวมถึงพระสวามีของพระนาง

เมื่อตัวเต็มวัยของผีเสื้อโมนาร์ชออกจากดักแด้ของมัน พิษของตัวเต็มวัยก็พอๆ กับในตัวดักแด้เพราะมันสะสมอัลคาลอยด์อยู่ในเกล็ดบนปีกของมัน อย่างไรก็ตามมีการศึกษาว่าพิษของผีเสื้อโมนาร์ชนั้นลดลงตามอายุของมัน ก็เพราะเวลาที่ล่วงเลยเกล็ดบนปีกของมันก็เริ่มจะร่วงหล่น

อันดับที่ 7 แมลงปีกแข็งบอมบาร์ดิเออ (Bombardier)


บางครั้งคุณไม่ต้องการห้องทดลองที่ใช้ผสมยาพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก สัตว์ในอันดับ 7 ของเราสามารถผลิตระเบิดในบั้นท้ายของมันเอง มันคือแมลงปีกแข็งบอมบาร์ดิเออ (Bombardier) มันไม่รอให้นักล่ามาลิ้มรสเรือนร่างที่มีพิษของมัน เมื่อแมลงบอมบาร์ดิเออเจอปัญหา มันปกป้องตัวเองด้วยการพ่นสารเคมีที่แสบร้อนจากด้านหลังของมันเอง ต่อมที่อยู่ด้านหลังของแมลงบอมบาร์ดิเออ ผลิตไฮโดรควิโนน สารเคมีมีพิษที่เราใช้เหมือนกับน้ำยาล้างฟิล์ม ต่อมอีกต่อมหนึ่งสร้างสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สารเคมีแบบเดียวกับที่เราใช้เป็นเชื้อเพลิงจรวด เมื่อสารเคมีทั้งสองอย่างถูกรวมเข้าไว้ด้วยกัน ปฏิกิริยาความร้อนมีมากถึง 212 องศาเซลเซียส ละอองพิษที่แสบร้อนถูกดันออกไปจากหัวฉีดเล็กๆ ด้วยแรงระเบิดที่รวดเร็วสุดๆ มันสามารถฉีดพิษได้ถึง 700 ครั้งต่อวินาที

อันดับที่ 6 คางคกเคน (Cane Toad)


สัตว์ตัวนี้ผลิตพิษที่ทรงพลังพอที่จะทำให้หัวใจหยุดเต้น คางคกเคนอาจดูอ่อนแอแต่มันเต็มไปด้วยพิษ ต่อมที่ผลิตสารพิษอยู่ในผิวหนัง แต่พวกมันมารวมตัวกันอยู่ในบริเวณตรงหัวไหล่ ต่อมพวกนี้อยู่ในตำแหน่งที่ดีเยี่ยมเพื่อให้พิษเข้าไปในปากของนักล่าได้รวดเร็ว มันเป็นสัตว์ที่รักสงบและปล่อยสารพิษเมื่อรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในอันตรายเท่านั้น ไม่เคยมีใครตายเพราะคางคกเคนในออสเตรเลีย แต่มีครั้งหนึ่งที่คางคกมีส่วนในการฆาตกรรม เมื่อนักโบราณคดีขุดพบที่ตั้งมายันโบราณในอเมริกากลาง เขาพบกระดูกของคางคกหลายพันตัว มีข้อสันนิษฐานว่า นักบวชมายันรีดพิษของคางคกเพื่อใช้มันในพิธีบูชายัญ มันคือยาวิเศษในพิธีบวงสรวงของพวกเขา เมื่อเสพยาพิษนี้เข้าไป เหยื่อบูชายัญจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และถูกสังเวยให้กับเทพเจ้าที่น่ากลัว

อันดับที่ 5 งูเห่า (Cobra)



สัตว์ชนิดนี้พบวิธีพิเศษเพื่อใช้พิษในการหลบหนีปัญหา เลื้อยมาสู่อันดับที่ 5 นั่นก็คืองูเห่า พิษงูเห่าน้อยกว่า 1/10 ช้อนชา ก็สามารถฆ่ามนุษย์ได้แล้ว และมันสามารถใช้พิษของมันโดยไม่ต้องกัดเหยื่อ ในการขู่ของมัน มันสามารถพ่นพิษออกไปได้ไกล 11 ฟุต อย่างแม่นยำ การวิจัยระบุว่างูเห่าจะเล็งไปที่เนื้อเยื่อดวงตาที่มีความรู้สึกไว ที่ซึ่งพิษดูดซึมอย่างรวดเร็วและสามารถทำให้ตาบอดถาวร ได้มีการจำลองติดดวงตาไว้ที่หุ่น และแม้ว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งไปที่ไหน งูเห่าก็จะพ่นพิษไปที่ดวงตาทุกครั้ง ความลับในความแม่นยำของงูเห่าอยู่ในโครงสร้างของเขี้ยว ในงูส่วนใหญ่พิษเดินทางผ่านช่องโพรงภายในฟันด้วยแรงดันต่ำ แต่ในงูเห่าพ่นพิษ ช่องทางเปิดในมุมที่เหมาะสมที่ปลายเขี้ยว พ่นพิษออกไปด้วยแรงดัน ก็เหมือนกับงูทุกชนิดพิษของงูเห่าประกอบด้วยโปรตีนและเอนไซม์ที่แตกต่างกันหลายร้อยชนิด ขณะที่งูเห่าพ่นพิษใช้มันเพื่อให้นักล่าถอยห่าง

อันดับที่ 4 นกพิทุย (Pitohui Bird)



นี่คือสัตว์ที่นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้ว่ามีพิษจนกระทั่งปี 1989 ก่อนหน้านั้นไม่มีใครรู้ว่าหนึ่งในนกกว่า 9,000 ชนิดจะมีพิษ จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งใช้ตาข่ายจับนกในปาปัวนิวกินีเพื่อศึกษา หลังการตรวจสอบนกที่มีชื่อว่า พิทุย (Pitohui) นักวิจัยเอานิ้วเข้าไปแหย่ในปาก เขาไม่รู้ว่าเขาถูกวางยาจนกระทั่งริมฝีปากและลิ้นของเขาเริ่มชา เขาเก็บตัวอย่างจากนกเพื่อส่งกลับสู่ห้องทดลอง การทดสอบยืนยันว่าผิวหนังและขนของนกพิทุยมีพิษที่ชื่อว่า เบทรัคโคท็อกซิน (Batrachotoxin) สามารถฆ่าหนูในไม่กี่นาที และยิ่งกว่านั้นยิ่งพิษแรงแค่ไหนนกก็จะยิ่งมีสีสดเท่านั้น มีการค้นพบว่านกพิทุยมีพิษน้อยที่สุดในสามพันธุ์ นกพิทุยสลับสีมีพิษปานกลาง และนกพิทุยที่มีแผงคอสีสดมีพิษมากที่สุด เชื่อกันว่าพิษของนกพิทุยอาจช่วยป้องกันปรสิตและป้องกันตัวจากนักล่า พิาไม่แรงพอที่จะฆ่าคนแต่มันอธิบายได้ว่าทำไมชาวปาปัวนิวกินีถึงตั้งฉายานกพิทุยว่านกสวะ พวกเขารู้ดีว่าถ้ากินนกพิทุย กลิ่นปากของพวกเขาจะเหม็นสุดๆ เมื่อนักวิจัยไปเยี่ยมนักธรรมชาติวิทยาชาวนิวกินี เพื่อค้นหาว่านกมีพิษได้อย่างไร พวกเขาร่วมกันวิจัยค้นพบว่า แมลงปีกแข็งที่นกพิทุยกินเข้าไปนั้นมี เบทรัคโคท็อกซิน (Batrachotoxin) เช่นกัน ดูเหมอืนว่านกพิทุยเป็นดั่งคำฝรั่งที่ว่า You are wat you eat จริงๆ และเป็นเรื่องน่าแปลกที่ไม่เฉพาะนกพิทุยที่มีพิษชนิดนี้เท่านั้น เราจะพบพิษนี้ได้ในสัตว์พิษอันดับต่อไป

อันดับที่ 3 หมึกบลูริงก์ (Blue Ring Octopus) 


มันเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย และขนาดเพียงแค่ลูกกอล์ฟก็สามารถฆ่าคนได้ถึง 10 คน มันก็คือหมึกบลูริงก์ (Blue Ring Octopus) ชื่อของมันมาจากวงแหวนสีฟ้าสดใสของมัน และจะเปล่งแสงเตือนเฉพาะเวลาที่มันถูกคุกคาม มันมีสารพิษที่ชื่อนิวโรท็อกซิน (Neurotoxin) ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าไซยาไนด์ หมึกใช้สารพิษเพื่อป้องกันตัวเองและจู่โจมเหยื่อ หมึกชนิดนี้สร้างพิษของมันโดยต่อมน้ำลายที่ถูกดัดแปลงสองต่อม แต่ละต่อมใหญ่เท่ากับสมองของมัน ขณะที่มันล่าเหยื่อ อาจจะขาดความแม่นยำอย่างงูเห่าพ่นพิษ แต่มันสามารถพ่นน้ำลายพิษหรือฉีดพิษเข้าไปจากการกัดโดยจงอยปากอันทรงพลังของมัน สารพิษจะค้นหาเซลล์ประสาทและปิดกั้นการควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย ในชั่วเวลาแค่ไม่กี่วินาที เหยื่อเป็นอัมพาตทันที ระบบหายใจเริ่มหยุดทำงาน หมึกบลูริงก์ก็จะกินอาหารโดยไม่มีการต่อสู้ มันไม่ได้สร้างพิษของมันเอง นักวิจัยค้นพบว่ามันเป็นพวกแบ็คทีเรียที่ผลิตนิวโรท็อกซินที่ร้ายแรง แบคทีเรียเหล่านี้อาศัยอยู่ในต่อมน้ำลายของหมึก

อันดับที่ 2 ปลาปักเป้า (Puffer Fish)


มันไม่ได้ดูอ่อนแอเหมือนอย่างที่เห็น อาวุธของมันคือสารพิษเตตร้าด็อกซิน (Tetrodotoxin) หนึ่งในสารพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก เหมือนกับหมึกบลูริงค์ปลาปักเป้ามีแบ็คทีเรียในร่างกายที่ผลิตสาร เตตร้าด็อกซิน ว่ากันว่าร้ายแรงกว่าไซยาไนด์ 275 เท่า และทำให้เส้นประสาทของระบบหายใจเป็นอัมพาตไปเลย ปลาปักเป้าสะสมเตตร้าดอกวินไว้ในตัวของพวกมันได้ เพราะมันพัฒนาระบบประสาทให้มีภูมิต้านพิษ อย่างไรก็ตามมนุษย์ไม่มีภูมิต้านทานพิษชนิดนี้อย่างแน่นอน การกลืนชิ้นเนื้อปลาปักเป้าที่มีพิษเพียงขนาดเพียงหัวเข็มหมุด สามารถทำให้ถึงตายได้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้บางคนหยุดยั้งที่จะกินมัน ในญี่ปุ่นปลาปักเป้าเรียกว่า ฟุกุ เนื้อปลาปักเป้าเป็นอาหารชั้นหนึ่งที่ต้องเตรียมโดยผู้เชี่ยวชาญ พิษเตตร้าด็อกซินมีอยู่หนาแน่นในรังไข่ ลำไส้ และตับปลา ดังนั้นอวัยวะเหล่านี้ต้องขจัดออกอย่างระมัดระวัง และเนื้อต้องล้างอย่างทั่วถึงก่อนการเสิร์ฟ

อันดับที่ 1 กบลูกดอกพิษ (Poison Dart Frog)


สัตว์ที่มีพิษมากที่สุดในโลกอยู่ลึกไปในป่าฝนของอเมซอน โชคดีที่หาตัวพวกมันได้ง่าย มันคือกบลูกดอกพิษ พวกมันมีขนาดเพียงแค่ราวหัวแม่มือเท่านั้น และกบเพียงตัวเดียวมีพิษในผิวหนังที่จะฆ่าคนได้ถึง 50 คน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเหล่านี้ได้ชื่อของพวกมันก็เพราะชาวพื้นเมืองทาสารหลั่งจากผิวหนังของกบชนิดนี้ไว้ที่ปลายลูกดอกที่ใช้ล่าสัตว์ พิษรุนแรงกว่าเตตร้าด็อกซินที่พบในปลาปักเป้าถึงสิบเท่า และทำงานโดยการปิดกั้นการส่งผ่านของการกระตุ้นของเส้นประสาท และที่น่าแปลกก็คือพิษที่อยู่ในผิวหนังของพวกมันคือสาร เบทรัคโคท็อกซิน (Batrachotoxin) สารตัวเดียวกับที่พบในนกพิทุย (Pitohui)  ในปาปัวนิวกินีที่อยู่ไกลออกไป แต่สารนี้พบในนกพิทุยในปริมาณที่น้อยกว่ามาก เป็นเรื่องแปลกว่า กบลูกดอกพิษและนกพิทุยเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร จนเมื่อเร็วๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบว่า แมลงปีกแข็งที่นกพิทุยกินในปาปัวนิวกินี ก็พบในโคลัมเบียที่ซึ่งกบอาศัยอยู่เช่นเดียวกัน

*** นิวโรทอกซิน (Neurotoxin)  เป็นกลุ่มสารพิษที่มีผลต่อระบบประสาท ในสัตว์ทะเลที่มีพิษส่วนใหญ่จะเป็นสารพิษในกลุ่มนี้ ยกตัวอย่างเช่นสารพิษ Tetrodotoxin ที่พบในปลาปักเป้าและหมึกบลูริงก์ ***
แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  จัดอันดับ

10 ผีและปีศาจชื่อกระฉ่อน!

10 ผีและปีศาจชื่อกระฉ่อน!

10 ผีและปีศาจชื่อกระฉ่อน
1. กษัตริย์แฮมเล็ต
แม้จะมีผีปรากฏอยู่ในบทละครของ วิลเลียม เช็กสเปียร์ หลายตนจากหลายเรื่อง แต่กษัตริย์แฮมเล็ต เหมือนจะรู้จักกันดีที่สุดในนาม‘ผีของบาร์ด’ และเป็นส่วนประกอบสำคัญใน ‘Hamlet’ เพราะถึงแฮมเล็ตจะเป็นศูนย์กลางของเรื่องเหมือนชื่อเรื่อง แต่ถ้าหากขาดผีพ่อของเขา มันก็คงไม่มีเรื่อง

2. ฟลายอิ้งดัตช์แมน
ฟลายอิ้ง ดัตช์แมน เป็นเรือเมื่อศตวรรษที่ 17 ตามคำกล่าวของนักเดินเรือUrban Legendมักปรากฏเป็นแสงแปลกๆ หากใครเจอนั่นคือลางร้ายหายนะจะมาเยือน ตามตำนานเล่าว่าเรือลำนี้และลูกเรือโดนสาปเพราะกัปตันไม่ยอมรับลูกเรือและผู้โดยสารที่กำลังโดนพายุถล่ม แม้จะร้องขออ้อนวอนอย่างไรก็ตาม
เลยทำให้พระเจ้าไม่พอใจ สาปให้กลายเป็นเรือผี ตามรายงานบอกว่าเคยมีคนพบแถวนอกชายฝั่งแอฟริกาใต้เมื่อปี 1923 และยังเห็นกันจะจะในหนัง ‘Pirates of the Caribbean’ อีกด้วย

3. แม่มดเบลล์
ตำนานผีคลาสสิกของชนอเมริกันที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง แถวฟาร์มของ จอห์น เบลล์ ในเทนเนสซี ระหว่างปี 1817 และ 1821 เมื่อนายเบลล์ได้ยิงสัตว์แปลกๆ ตัวหนึ่งที่เข้ามาในฟาร์มแต่มันก็หายวับไปก่อน หลายสัปดาห์ต่อมาครอบครัวของเขาก็โดนผีสิง มีเสียงประหลาดๆ เขย่าบ้านจนสั่น และทำร้ายลูกสาวของเขา นักเขียนบางรายบอกว่าแม่มดเบลล์ อย่างที่ใครๆ เรียกเป็นเรื่องจริง แต่ก็อีกฟากก็บอกมีพยานน้อยไปจนยากจะเชื่อ

4. แคสเปอร์
เด็กๆ กลัวผีกันทั้งนั้นแต่ผีเด็กนาม ‘แคสเปอร์’ จากหนังสือการ์ตูนของฮาร์วี คอมิก แตกต่างออกไป เพราะเขาก็เป็นผีเหงาๆ ไม่ค่อยจะมีเพื่อน เนื่องจากใครเห็นเป็นเผ่นไปหมดแคสเปอร์เลยต้องหาเพื่อนใหม่ๆ อยู่เสมอเคยถูกสร้างเป็นหนังคนแสดงกับแคสเปอร์ซีจีเมื่อปี 1995 จนโด่งดังและต้องมีภาคต่อตามมาในรูปของหนังวิดีโอ

5. บลัดดี แมรี
หากท่องชื่อนี้ 3 ครั้ง เด็กๆ จะได้เจอผีเพราะตำนานพื้นบ้านบลัดดี แมรี คือหญิงโหดที่ฆ่าลูกตัวเองเมื่อนานมาแล้ว ถ้าอยากเจอเธอก็แค่เข้าไปในห้องน้ำ ปิดไฟ ยืนมองที่หน้ากระจก กล่าวชื่อเธอ 3 ครั้งเท่านั้นเอง ใครอยากลองก็เรียนเชิญ

6. ผีโรงละครดรูรี เลน
มีโรงละครมากมายหลายโรงแถวโคเวนท์ การ์เดน ในเขตเวสต์เอนด์ ของลอนดอน ละครหลายเรื่องเปิดแสดงแถวนี้มากว่า 300 ปี นักแสดงมากมายเกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องผีๆ ด้วย เพราะที่ ดรูรี เลน ลือกันว่ามีผีหลายตนสิงสู่ รวมถึงผีเหล่านักแสดง โด่งดังชวนขนหัวลุกสุดๆ ต้องยกให้ ‘ผู้ชายชุด
เทา’ หรือผีในสภาพของขุนนางติดดาบ

7. ผีนักโบกรถ
มีตำนานมากมายเกี่ยวกับผีที่ชอบมาโบกรถให้รับไปด้วย ก่อนจะหายไป เช่นเรื่องหนึ่งที่มีสองสามีภรรยากำลังขับรถตอนกลางคืน ไม่แถวมอนตานา ก็มินนิโซตา แล้วเจอเด็กหญิงตีนเปล่ากับผ้าคุมไหล่สีเขียวยืนโบกอยู่ข้างทาง แล้วสองคนก็รับเธอขึ้นมา เธอไม่พูดจาอะไร จนใครคนหนึ่งถามถึงบ้านของเธอ เด็กหญิงก็ชี้มือไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปและพอเลี้ยวรถจะไปทางนั้น เด็กหญิงก็หายวับไปเลย

8. ผีคริสต์มาส
ใน ‘A Christmas Carol’ นิยายชื่อดังของ ชาร์ลส์ ดิกเกนส์ ‘เอบีเนเซอร์ สครูจ’ ผู้ใจดำได้เปลี่ยนหัวใจตัวเองเพราะผีคริสต์มาสจากอดีตที่แสดงให้เห็นคริสต์มาสจากช่วงต่างๆ ในชีวิตของเขา และก็เหมือนกับผีอีกหลายตนที่วันๆ ไม่ได้เอาแต่แหกตาหลอกคนแต่ยังให้บทเรียนถึงมิตรภาพกับชีวิตคน
เป็นๆ ได้เหมือนผีในเรื่องนี้

9. ฆ่าพ่อค้าเร่
วันหนึ่งในช่วงต้นยุค1840 ที่ไฮเดสวิลล์ ในนิวยอร์ก มีพ่อค้าเร่มาขายอุปกรณ์ในครัวให้ที่บ้านของนายและนางเบลล์ คนใช้หญิงจึงเชิญเขาเข้ามาในบ้าน และขอให้พักอยู่นั่นสัก 2-3 วัน จากนั้นเธอก็หายไปไม่มาทำงาน จนต่อมาอีกเป็นสัปดาห์ เธอก็กลับมาทำงานที่บ้านผัวเมียเบลล์อีก ก่อนจะโดนผีหลอก เพราะในครัวมีแต่อุปกรณ์ที่พ่อค้าทิ้งเอาไว้ ส่วนตัวเขาหายไปแล้ว โดยหญิงคนใช้ไม่รู้ตัวเลยว่า เธอฆ่าเขาไปแล้วโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกตัวแต่ก่อนจะเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง ขอบอกว่าขี้ฮกทั้งเพ เพราะสองพี่น้อง แม็กกี กับเคที ฟ็อกซ์ ที่อ้างว่าสามารถติดต่อกับวิญญาณได้ ยอมรับในเวลาต่อมาว่าเรื่องทั้งหมดล้วนแหกตารวมถึงเรื่องฆ่าพ่อค้าอะไรนี่ก็ด้วย

10. สลิมเมอร์
ผีสีเขียวตัวป้อมๆ ลอยไปลอยมาอยู่ในหนัง‘Ghostbuster’ ทั้งฉบับคนเป็นๆ และหนังการ์ตูนทีวี แถมยังโด่งดังจนได้เลื่อนขั้นเป็นดารานำในการ์ตูน ‘The Real Ghostbusters’ พิสูจน์อีกครั้งว่าผีกับเด็กเข้ากันได้ดี และโดยไม่ต้องหน้าตาน่ารักแบบแคสเปอร์ด้วย


25 อาหารแปลกจากทั่วโลก

25 อาหารแปลกจากทั่วโลก
25. แซนด์วิชมันสมองทอด


ที่มารูปภาพ Wikimedia
สมัยก่อนเมนูนี้เป็นที่นิยมมากของคนอเมริกันทางตอนกลาง จนกระทั่งโรควัวบ้าระบาดขึ้นมา ก็ลดความนิยมลงไปมาก แต่ก็ยังมีบางคนที่ติดใจยังคงมีการกินกันในสหรัฐอเมริกา

24. เอสคาโมเล่ (Escamole)


Wikimedia
ตัวอ่อนมดที่นิยมกินกันในประเทศเม็กซิโก บางครั้งมันก็ถูกเรียกว่าเป็น "คาร์เวียร์ไข่แมลง" ด้วยรสชาติมันๆ เหมือนเนยแต่รสสัมผัสเหมือนถั่วที่ว่าไปก็คงจะคล้ายกับไข่มดแดงบ้านเรานั่นเอง

23. ฮาคาร์ล (Hakarl)


ที่มารูปภาพ Wikimedia
มันคืออาหารพื้นบ้านในไอซ์แลนด์ เป็นเนื้อปลาฉลามหมักตากแห้ง ที่รสชาติของมันถึงกับทำให้ผู้ที่เคยได้ชิมบอกว่า "เป็นรสชาติที่สุดจะแย่และน่าสะอิดสะเอียนที่สุดที่เขาเคยกิน"

22. ซุปรังนก (Bird’s Nest Soup)


ที่มารูปภาพ Wikimedia
สำหรับคนไทยก็คงมองว่าแปลกตรงไหน เพราะมีขายกันให้เห็นทั่วไป แต่สำหรับคนตะวันตก เขาก็คงมองว่ามันแปลก เพราะที่มาของมันก็คือน้ำลายของนกนางแอ่นนั่นเองแถมยังมีราคาแพงเว่อร์อีกด้วย

21. กุ้งแช่เหล้า (Drunken Shrimp)


ที่มารูปภาพ weirdworm.com
อีกหนึ่งเมนูที่ทานทั้งที่วัตถุดิบยังมีชีวิต หรือเรียกได้ว่ากินทั้งเป็น แล้วยังเพิ่มความทรมานด้วยการนำกุ้งไปแช่ในเหล้าก่อนอีกด้วย

20. ปลาร้าสวีเดน, เซอรสตอร์มมิ่ง (Surstromming)


ที่มารูปภาพ Wikimedia
เมนูพื้นบ้านแสนอร่อย(หรือ?) จากสวีเดนทางตอนเหนือ เป็นที่นิยมถึงขั้นนำมาบรรจุกระป๋องขายกันเลยทีเดียว มันคือปลาเฮอร์ริ่งจากทะเลบอลติกเอามาหมัก ว่ากันว่ารสชาติและกลิ่นรุนแรงมาก จะเหมือนปลาร้าบ้านเรามั้ยนะ

19. ซันนักจิ (Sannakji)


ที่มารูปภาพ Wikimedia
เหมือนกับอาหารตะวันออกหลายอย่างที่ชอบกินกันสดๆ เมนูของคนเกาหลีนี้ก็เช่นกัน ซันนักจิคือหนวดหมึกยักษ์สดแบบตัวเล็กๆ หน่อย เอาตะเกียบพันๆ ให้มันติดตะเกียบจิ้มซอสน้ำมันงาแล้วก็เอาเข้าปาก หมึกที่ยังไม่ตาย รีบตัดหนวดออกมา หนวดของมันยังดิ้นหยุบหยับอยู่ในปาก ข้อควรระวังในการกินเมนูนี้คือต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนเพราะอาจจะสำลักหรือติดคอได้ และมีข้อมูลว่ามีคนตายเพราะกินซันนักจิทุกปี

18. อัณฑะวัว (Rocky Mountain Oysters)


teamjimmyjoe.com
ดูรูปร่างมันสิ คล้ายๆ หอยนางรมอยู่เหมือนกันนะ ฝรั่งเขาก็เลยตั้งทำนองว่าเป็นหอยที่หาได้จากภูเขาร็อคกี้ไง วิธีการกินก็คือลอกหนังออก ทำเป็นชิ้นแบน แล้วก็เอาไปทอดกรอบ อร่อยเขาล่ะ

17. กาแฟขี้ชะมด (Kopi Luwak)


kcupcoffeesite.com
เป็นอีกหนึ่งของกินที่มีราคาแพงที่อาจจะสูงถึง 150 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปอนด์ ว่ากันว่าเพราะกระบวนการทางเคมีในระบบทางเดินอาหารของตัวชะมดที่กินผลกาแฟเข้าไปนั้นทำให้เมล็ดกาแฟที่ออกมามีกลิ่นหอมไม่เหมือนกาแฟปกติ

16. แมลงสติงบั๊ก (Stinkbugs)


pbs.org
ที่อินโดนีเซียชอบเจ้าแมลงนี้ พวกเขาบอกว่ารสชาติของมันเหมือนกับเมล็ดทานตะวันที่ไม่ได้โรยเกลือ วิธีกินก็คือเอาเจ้าปากแล้วก็เคี้ยวอย่างเร็วไม่งั้นขามันอาจจะตำปากคุณก็เป็นได้

15. ปลาวุ้นลูทฟิสค์ (Lutefisk)


Wikimedia
โดยทั่วไปจะกินกันแถวแถบสแกนดิเนเวีย  ทำมาจากปลาแห้ง (ส่วนใหญ่เป็นปลาค้อด) นำมาแช่น้ำ โซดาไฟ ล้างน้ำอีกที แล้วก็นำไปต้ม เนื่องจากในกระบวนการทำนั้นใช้โซดาไฟ (สารตัวเดียวกับที่ใช้ราดท่อตัน) จึงทำให้มีความเป็นด่างสูง และมีรสสัมผัสเป็นวุ้นๆ แหยะๆ เพราะโดนด่างกัดกร่อน

14. ชีสหนอนคาซูมาซู (Casu Marzu)


Wikimedia
ติดโผอาหารแปลกทุกสำนักกันเลยทีเดียวกับชีสหนอน แค่ชีสมีหนอนก็กระอักแล้ว แต่นี่คือดีงาม ไอ้เจ้าหนอนพวกเนี้ยมันยังกระดึ๊บๆ กันอยู่เลย คือความอร่อยมันอยู่ตรงเนี้ยล่ะนะ ชีสนมแกะที่มีตัวอ่อนแมลงนี้ จะเลี้ยงหนอนจากขนาดประมาณ 8 ม.ม. จนมันตัวอ้วนใหญ่ถึง 1.5 ซ.ม. อวบเชียว ทีนี้ล่ะ ความอร่อยก็บังเกิดเหมาะกับการทานที่ซู้ด

13. โมเปน (Mopane)


Wikimedia
หนอนตัวอ่อนที่หาได้จากต้นโมเปน เป็นที่นิยมมากในอัฟริกา เอามาอบแห้งทำเป็นอาหารทานเล่น

12. ลูกตาปลาทูน่า (Tuna Eyeball)


fleealaska.com
มันมีราคาถูกและอุดมไปด้วย DHA ที่ช่วยบำรุงสมอง รสชาติของมันเหมือนกับปลาหมึก รูปร่างหน้าตามันอาจจะดูน่ากลัวไปบ้าง แต่เป็นอาหารที่ดีที่ไม่ทิ้งของให้เสียเปล่า วิธีการทานก็คือเอาไปต้ม อาจดับคาวด้วยการจิ้มน้ำจิ้มโชยุหรือบีบมะนาว

11. ตุ๊กแกตากแห้ง


คนจีนเขากินกัน มีสรรพคุณทางยาด้วยนะ

10. แคช (Khash)


Wikimedia
สตูวัวที่ต้มเคี่ยวอวัยวะทุกส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้า คำว่าแคช (Khash) เป็นภาษาฟาร์ซี (เปอร์เซีย) ที่แปลว่า หัวและเท้า

9. นักจิ (Nakji)


National Geographic
ก็เหมือนกับซันนักจินั่นแหละ แต่นักจินั้นคือกินทั้งตัวเป็นเป็นๆ และก็มีคนตายเพราะกินนักจิทุกปีเหมือนกัน

8. เอปิง ( A-ping)


บึ้งย่าง อาหารฮิตของคนกัมพูชา กินกันจนจะสูญพันธุ์แล้ว

7. แฮกกีส (Haggis) 


Wikimedia
หัวใจ ตับ ปอด แกะ ยัดใส่กระเพาะแกะ ต้มสามชั่วโมง ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย อาหารของคนสก็อตแลนด์เขาล่ะ

6. ปลาปั๊กเป้า (Fugu)


justhungry.com
ต้องให้เชฟที่มีใบรับรองการแล่ปลาปั๊กเป้าโดยเฉพาะ จึงจะทานเมนูนี้ได้ เชฟจะเอาต่อมพิษออกหรือบางทีความพิเศษของมันอยู่ที่จะเหลือพิษอยู่นิดๆ ชาเล็กๆ ที่ปลายลิ้น เป็นรสชาติแปลกใหม่

5. ปลาหยินหยาง (Ying-Yang Fish)


Wikimedia
ปลาจะถูกพันหัวกับเครื่องในเอาไว้เพื่อให้มันยังมีชีวิต แล้วก็เอาไปทอด และอ้าปากพะงาบๆ อยู่กลางโต๊ะอาหารมองดูคนที่กำลังคีบเนื้อบางส่วนของมันเข้าปาก เมนูนี้คนที่ทำและกินมันได้ จิตใจนั้นทำด้วยอะไรเนี่ย พวกเขาอ้างว่าเพื่อให้ได้กินเนื้อปลาที่มีความสดมากถึงมากที่สุด เอาเถอะเอาที่พวกเมริงสบายใจ

4. อิคิซิคูริ (Ikizikuri)


onesentenceoneword.blogspot.com
คือมันจำเป็นมั้ยเนี่ยกับไอ้เมนูแบบเนี้ย อิคิซิคูริ ก็คือซาชิมิปลาดิบแบบทั้งเป็นนั่นเอง สิ่งสำคัญปลาจะต้องไม่ตายจนกระทั่งเสิร์ฟ จนกว่าคนจะกินเนื้อของมันจนหมดจาน บางตัวก็ยังไม่ตายก็มี นั่นแสดงว่าเชฟผู้แล่ปลานี้เก่งสุดๆ แต่ก็เลือดเย็นสุดๆ ด้วย

3.ตัวเดียวอันเดียวจามรี (Yak Penis)


reuters.com
เมนูของคนจีนที่เชื่อกันว่าบำรุงสมรรถภาพทางเพศ

2. ไข่บาลุต (Balut)


Wikimedia
มันคือไข่ข้าวบ้านเรานั่นเอง แต่ไข่บาลุตเนี่ยของคนฟิลิปปินส์เขาล่ะ ไข่ข้าวก็คือไข่ที่มีการปฏิสนธิหลายเป็นลูกไก่อยู่ภายในไข่ ยิ่งมีขนขึ้นอ่อนๆ แล้ว เขาว่ายิ่งอร่อยนักล่ะ

1. หัวใจนกพัฟฟินสด (Puffin Heart)


ไม่รู้อะไรสิงไอ้คนคิดค้นอาหารเมนูนี้ ความโหดอยู่ตรงที่เมื่อใช้ตาข่ายจับนกพัฟฟินมาได้ ให้รีบหักคอ เอาฟันกระชากแหวกกินหัวใจของมันทั้งเป็นจะยิ่งอร่อยที่สุด
National Geographic

บทความแนะนำ

30 อันดับขนมหวานเมืองคามาคูระประเทศญี่ปุ่น 5 สุดยอดร้านโจ๊กในกรุงเทพ 5 สุดยอดร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ปู หมูแดง 5 สุดยอดร้านเกาเหลาเลือดหมู ถามตอบปัญหาผิวหย่อนคล้อย ถามตอบปัญหาริ้วรอยใต้ดวงตากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ฟื้นชีวิตหลังคืนดื่มหนัก ยก Weight ดีอย่างไร


อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย ภัยอันตราย, ภัยยาเสพติด, ภัยจากสัตว์มีพิษ, ภัยธรรมชาติ, ภัยอาชญากรรม สุขภาพ, สุขภาพดี, อาหารสุขภาพ, สมุนไพร, ประโยชน์ของสมุนไพร วิทยาศาสตร์น่ารู้, จักรวาล, ความรู้วิทยาศาสตร์, นักวิทยาศาสตร์ ผี, เรื่องเล่าผี, สยองขวัญ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องผี, เรื่องน่ากลัว, ฆาตกรโหด, ฆาตกรต่อเนื่อง, อันดับผี อันดับสัตว์, สิบอันดับสัตว์, สารคดีสัตว์โลก, ชีวิตสัตว์โลก ประวัติศาสตร์, บทความประวัติศาสตร์, เรื่องราวในประวัติศาสตร์ จัดอันดับ, 10 อันดับ, สิบอันดับ, ที่สุดในโลก, 10 อันดับสัตว์, 10 อันดับผี, 10 อันดับฆาตกร, 10 อันดับอาหาร, 10 อันดับเรื่องสยองขวัญ จัดอันดับ, 10 อันดับ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องเล่าสยองขวัญ, ดูดวง, นิทาน, ภัยอันตราย, สมุนไพร, สุขภาพ