10 อันดับอาหารหม้อไฟของญี่ปุ่น


เข้าหน้าหนาวอาหารหม้อไฟเป็นที่นิยมอย่างสูง รายการโกโกริโกะเกมกึ๋ยส์ได้ทำการสำรวจความเห็นจากนักเขียนนิตยสารด้านหม้อไฟของญี่ปุ่น จนได้ออกมาเป็น 10 อันดับหม้อไฟประจำท้องถิ่น โดยให้ดาราที่เป็นแขกประจำของรายการทำภารกิจทาน 10 หม้อไฟนี้ให้หมด มาดูกันว่ามีหม้อไฟอะไรกันบ้าง

อันดับที่ 10 หม้อไฟเครื่องในกับมะเขือเทศ


หม้อไฟที่เป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ร้านหม้อไฟสไตล์ฟุกุโอกะที่หาทานได้ในชิบุย่า มีเมนูหม้อไฟให้เลือกถึง 8 ชนิด สำหรับหม้อไฟมะเขือเทศที่ร้านนี้แนะนำนั้นในปี 2009 เป็นที่นิยมในหมู่คุณผู้หญิงสุดๆ จนกลายเป็นเมนูใหม่ของร้านหม้อไฟทั่วไป นี่คือหม้อไฟเพื่อความงามอย่างแท้จริง เพราะมะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซีและสารไลโคปีนที่ช่วยป้องกันการทำงานของสมองไม่ให้เสื่อมเร็วด้วย นอกจากนี้ยังใส่เครื่องในที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนและมีโปรตีนสูง แถมยังมีไขมันต่ำไม่ทำให้อ้วนอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหม้อไฟเพื่อสุขภาพและความงามที่สาวๆ ชื่นชอบ และเมื่อทานหมดแล้วเหลือน้ำซุปก็จะใส่ชีสและเครื่องเทศและข้าวลงไปกลายเป็นรีซ็อตโต้ข้าวที่ชุ่มไปด้วยน้ำซุปมะเขือเทศรสเข้มข้น

อันดับที่ 9 หม้อไฟมิโสะเผ็ดหมูดำ


หม้อไฟแบบเผ็ดสุดฮิตที่ใช้หมูดำชั้นดีจากจังหวัดคาโกชิม่าเป็นส่วนผสม หม้อไฟจากร้านนาเบะชิมะอิจิโร่เป็นร้านที่ขายหม้อไฟโดยเฉพาะและมีหม้อไฟให้เลือกถึง 10 ชนิดด้วยกัน ส่วนเมนูหม้อไฟที่อยู่ในอันดับที่ 9 นี้ดัดแปลงมาจากชาบูชาบูหม้อดำในท้องถิ่น น้ำซุปที่ใช้ก็ผสมมิโสะสี่ชนิด

อันดับที่ 8 หม้อไฟนกเป็ดน้ำ


หม้อไฟแสนอร่อยชื่อดังที่มีคิวยาวสุดๆ จากจังหวัดไซตามะ หม้อไฟนกเป็ดน้ำโคชิกายะกับต้นหอม ช่วงที่สามารถทานนกเป็ดน้ำได้คือช่วงจัดงานผลผลิตแห่งเมืองโคชิกายะ นกเป็ดน้ำมีรสสัมผัสที่เหนียวนุ่ม ไม่มีกลิ่นคาว ต้นหอมก็อวบ อร่อย และช่วยให้น้ำซุปมีรสหวาน และเมื่อทานหมดแล้วเหลือน้ำซุป ก็สามารถสั่งเส้นอุด้งมาทานต่อกับน้ำซุป ซึ่งเส้นก็จะซึมซับน้ำซุปที่มีความเข้มข้น

อันดับที่ 7 หม้อไฟเกี๊ยวซ่าอุซุโนะมิยะ


เรามากันที่จังหวัดโทชิกิกับหม้อไฟแสนอร่อยราคาถูกที่ใครๆก็ยอมรับ ใช้เกี๊ยวซ่าจากร้านคิอะรันเสะซึ่งเป็นร้านเกี๊ยวซ่าชื่อดังของอุซุโนะมิยะ ร้านนี้ตั้งอยู่ที่นะมุโกะนันจะทาวน์ในอิเคะบุกุโระเกี๊ยวซ่าสเตเดี้ยมที่รวมเอาเกี๊ยวซ่าจากทั่วประเทศมาขาย นี่เป็นหม้อไฟยอดฮิตจากร้านอุซุโนะมิยะคิระเซะ ใช้เกี๊ยวซ่าโกราคุ ซึ่งเป็นเกี๊ยวซ่าที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในการจัดประกวดที่อิเคะบุกุโระเกี๊ยวซ่าสเตเดี้ยมแห่งนี้ เกี๊ยวซ่าโกราคุทานกับอาหารทะเลตามฤดูกาลในน้ำซุปคอมบุในหม้อไฟนี้เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ

อันดับที่ 6 หม้อไฟคิริทัมโปะคอลลาเจน


หม้อไฟจากจังหวัดอาคิตะที่เชื่อกันว่าทานแล้วผิวจะนุ่มลื่น จากร้านกินซ่าฮินายะ ซึ่งจะใส่คอลลาเจนก้อนที่ได้จากไก่ฮิไน คิริทัมโปะ(ข้าวสวยอัดเป็นก้อนเสียบไม้ย่าง)  และใส่เนื้อไก่ฮิไนแบบเป็นชิ้นและแบบสับเป็นก้อนลูกชื้นบะช่อ เนื้อไก่ฮิไนเคยได้รับเลือกในการแข่งขันโอลิมปิคอาหารที่เยอรมันอีกด้วย น้ำซุปที่ใช้ก็เป็นน้ำซุปไก่ใส่ซอสโชยุแถมยังมีความเข้มข้นจากคอลลาเจนอีกด้วย คิริทัมโปะก็ซึมซับน้ำซุปได้เป็นอย่างดี

อันดับที่ 5 หม้อไฟผักนึ่งเพื่อสุขภาพ


เราไปกันที่โตเกียวเพื่อสุขภาพแบบสุดๆ กับสไตล์ที่เปลี่ยนไป ร้านที่ว่านี้ตั้งอยู่ที่เมกุโระ ร้านทาเรโนะฮิ เป็นผักหลายชนิดนึ่งอยู่ในหม้อนึ่งทำให้สารอาหารและวิตามินยังอยู่เกือบครบ แถมความอร่อยยังอยู่เต็มเปี่ยม จุดเด่นอีกอย่างคือซอสทั้งสิบชนิดที่ทำจากวัตถุดิบต่างๆ ที่สามารถเลือกนำมาทานได้ และน้ำซุปที่ได้จากการนึ่งยังเอามาทานต่อด้วยการใส่พาสต้าแบบเส้นเล็กกับไข่ปลาเมนไตโกะลงไป

อันดับที่ 4 หม้อไฟฮอกไกโดจังโกะ


หม้อไฟจากฮอกไกโดมากันที่ร้านอิชิการิกาวะย่านชินจูกุ จุดเด่นของร้านคือสามารถลิ้มรสความอร่อยของสัตว์ทะเลท้องถิ่นในฤดูกาลของฮอกไกโดซึ่งเป็นร้านที่ว่ากันว่าปลาอร่อยมากเป็นหม้อไฟที่รวบรวมของอร่อยของฮอกไกโดเอาไว้ เป็นเมนูที่ดัดแปลงจากอาหารของชาวประมงท้องถิ่น หม้อไฟนี้รวบรวมเอาวัตถุดิบอาหารทะเลที่สุดยอดเอาไว้ปลายอย่าง มีความโดดเด่นของน้ำซุปที่ได้ความหวานจากเนื้อปู เมื่อทานหมดแล้วก็ปิดท้ายด้วยข้าวต้มแบบเรียบง่ายที่ใส่ข้าวกับไข่ที่ตีแล้วลงไป

อันดับที่ 3 หม้อไฟแกงกะหรี่จิโดริเนียว


หม้อไฟแสนอร่อยจากจังหวัดมิยาซากิ จากร้านจิโดริเนียวที่มีหม้อไฟให้ลองมากกว่าสิบชนิด ส่วนหม้อไฟที่แนะนำนี้เป็นหม้อไฟที่ใช้น้ำซุปที่ทำจากปลาคัตสึโอะ โชยุ มิโสะข้าวสาลี มิโสะเผ็ด และเครื่องเทศแกงกะหรี่ ได้รสชาติที่นุ่มนวลแต่เข้มข้นด้วยความหอมจากเครื่องเทศแกงกะหรี่ ส่วนวัตถุดิบในหม้อไฟก็มีทั้งเนื้อหมู ไก่ และผักหลากหลายชนิดเช่นผักกาดขาว ต้นหอม หน่อไม้ เห็ด เมื่อกินหมดก็ปิดท้ายด้วยรีซ็อตโต้ที่ใส่ข้าวกับชีสลงในน้ำซุป

อันดับที่ 2 หม้อไฟกิมจิหอยนางรม


หม้อไฟที่ใส่หอยนางรมสดๆ จากร้านกินซ่าคานาวะที่มีสาขาใหญ่อยู่ที่จังหวัดฮิโรชิม่า สามารถลิ้มรสหอยนางรมที่สดใหม่จากหอยนางรมที่เพาะเลี้ยงไว้ได้ทุกวัน ส่วนหม้อไฟที่แนะนำนี้เป็นหม้อไฟรสเผ็ดที่มีรสชาติแบบเกาหลีเพราะใส่กิมจิลงไปด้วย แถมยังสามารถลิ้มลองหอยนางรมดิบแบบสดๆ ก่อนทานแบบหม้อไฟได้ด้วย

อันดับที่ 1 หม้อไฟไก่ชาโมร็อกคุเซมเบ้


หม้อไฟต้นตำรับจากจังหวัดอาโอโมริ หม้อไฟพื้นเมืองแสนอร่อยในประวัติศาสตร์ จากร้านองจิกิทาจิกาวายะ หม้อไฟที่ถือกำเนิดจากอาโอโมริเป็นที่แรก และยังเป็นของพื้นเมืองของที่นั่นอีกด้วย เป็นหม้อไฟที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบและเครื่องปรุงรสที่พิเศษที่สุด แปลกตรงที่ใส่น้ำซุปชาโมร็อกคุเซมเบ้ เวลาทานก็หักขนมเซมเบ้ (ข้าวเกรียบแบบญี่ปุ่น) ลงไปในหม้อ ส่วนชาโมร็อกคุเป็นชื่อของเนื้อไก่ในท้องถิ่นของอาโอโมริที่มีมาตรฐานระดับเดียวกับไก่นาโกย่าโคจิน การใส่เซมเบ้ลงไปในหม้อไฟของที่นี่ทานกันมานานตั้งแต่สมัยเอโดะ และหม้อไฟนี้ยังได้รับรางวัลชนะเลิศอาหารท้องถิ่นเกรดบีมาสามปีซ้อน ส่วนน้ำซุปที่เหลือก็ใช้ทำข้าวต้มเครื่องที่ตีแล้วใส่ลงไปพร้อมต้นหอมนิดหน่อย

ที่มา รายการโกโกริโกะเกมกึ๋ยส์
แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://megatopic.blogspot.com

10 อันดับอาหารหม้อไฟของญี่ปุ่น


เข้าหน้าหนาวอาหารหม้อไฟเป็นที่นิยมอย่างสูง รายการโกโกริโกะเกมกึ๋ยส์ได้ทำการสำรวจความเห็นจากนักเขียนนิตยสารด้านหม้อไฟของญี่ปุ่น จนได้ออกมาเป็น 10 อันดับหม้อไฟประจำท้องถิ่น โดยให้ดาราที่เป็นแขกประจำของรายการทำภารกิจทาน 10 หม้อไฟนี้ให้หมด มาดูกันว่ามีหม้อไฟอะไรกันบ้าง

อันดับที่ 10 หม้อไฟเครื่องในกับมะเขือเทศ


หม้อไฟที่เป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ร้านหม้อไฟสไตล์ฟุกุโอกะที่หาทานได้ในชิบุย่า มีเมนูหม้อไฟให้เลือกถึง 8 ชนิด สำหรับหม้อไฟมะเขือเทศที่ร้านนี้แนะนำนั้นในปี 2009 เป็นที่นิยมในหมู่คุณผู้หญิงสุดๆ จนกลายเป็นเมนูใหม่ของร้านหม้อไฟทั่วไป นี่คือหม้อไฟเพื่อความงามอย่างแท้จริง เพราะมะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซีและสารไลโคปีนที่ช่วยป้องกันการทำงานของสมองไม่ให้เสื่อมเร็วด้วย นอกจากนี้ยังใส่เครื่องในที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนและมีโปรตีนสูง แถมยังมีไขมันต่ำไม่ทำให้อ้วนอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหม้อไฟเพื่อสุขภาพและความงามที่สาวๆ ชื่นชอบ และเมื่อทานหมดแล้วเหลือน้ำซุปก็จะใส่ชีสและเครื่องเทศและข้าวลงไปกลายเป็นรีซ็อตโต้ข้าวที่ชุ่มไปด้วยน้ำซุปมะเขือเทศรสเข้มข้น

อันดับที่ 9 หม้อไฟมิโสะเผ็ดหมูดำ


หม้อไฟแบบเผ็ดสุดฮิตที่ใช้หมูดำชั้นดีจากจังหวัดคาโกชิม่าเป็นส่วนผสม หม้อไฟจากร้านนาเบะชิมะอิจิโร่เป็นร้านที่ขายหม้อไฟโดยเฉพาะและมีหม้อไฟให้เลือกถึง 10 ชนิดด้วยกัน ส่วนเมนูหม้อไฟที่อยู่ในอันดับที่ 9 นี้ดัดแปลงมาจากชาบูชาบูหม้อดำในท้องถิ่น น้ำซุปที่ใช้ก็ผสมมิโสะสี่ชนิด

อันดับที่ 8 หม้อไฟนกเป็ดน้ำ


หม้อไฟแสนอร่อยชื่อดังที่มีคิวยาวสุดๆ จากจังหวัดไซตามะ หม้อไฟนกเป็ดน้ำโคชิกายะกับต้นหอม ช่วงที่สามารถทานนกเป็ดน้ำได้คือช่วงจัดงานผลผลิตแห่งเมืองโคชิกายะ นกเป็ดน้ำมีรสสัมผัสที่เหนียวนุ่ม ไม่มีกลิ่นคาว ต้นหอมก็อวบ อร่อย และช่วยให้น้ำซุปมีรสหวาน และเมื่อทานหมดแล้วเหลือน้ำซุป ก็สามารถสั่งเส้นอุด้งมาทานต่อกับน้ำซุป ซึ่งเส้นก็จะซึมซับน้ำซุปที่มีความเข้มข้น

อันดับที่ 7 หม้อไฟเกี๊ยวซ่าอุซุโนะมิยะ


เรามากันที่จังหวัดโทชิกิกับหม้อไฟแสนอร่อยราคาถูกที่ใครๆก็ยอมรับ ใช้เกี๊ยวซ่าจากร้านคิอะรันเสะซึ่งเป็นร้านเกี๊ยวซ่าชื่อดังของอุซุโนะมิยะ ร้านนี้ตั้งอยู่ที่นะมุโกะนันจะทาวน์ในอิเคะบุกุโระเกี๊ยวซ่าสเตเดี้ยมที่รวมเอาเกี๊ยวซ่าจากทั่วประเทศมาขาย นี่เป็นหม้อไฟยอดฮิตจากร้านอุซุโนะมิยะคิระเซะ ใช้เกี๊ยวซ่าโกราคุ ซึ่งเป็นเกี๊ยวซ่าที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในการจัดประกวดที่อิเคะบุกุโระเกี๊ยวซ่าสเตเดี้ยมแห่งนี้ เกี๊ยวซ่าโกราคุทานกับอาหารทะเลตามฤดูกาลในน้ำซุปคอมบุในหม้อไฟนี้เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ

อันดับที่ 6 หม้อไฟคิริทัมโปะคอลลาเจน


หม้อไฟจากจังหวัดอาคิตะที่เชื่อกันว่าทานแล้วผิวจะนุ่มลื่น จากร้านกินซ่าฮินายะ ซึ่งจะใส่คอลลาเจนก้อนที่ได้จากไก่ฮิไน คิริทัมโปะ(ข้าวสวยอัดเป็นก้อนเสียบไม้ย่าง)  และใส่เนื้อไก่ฮิไนแบบเป็นชิ้นและแบบสับเป็นก้อนลูกชื้นบะช่อ เนื้อไก่ฮิไนเคยได้รับเลือกในการแข่งขันโอลิมปิคอาหารที่เยอรมันอีกด้วย น้ำซุปที่ใช้ก็เป็นน้ำซุปไก่ใส่ซอสโชยุแถมยังมีความเข้มข้นจากคอลลาเจนอีกด้วย คิริทัมโปะก็ซึมซับน้ำซุปได้เป็นอย่างดี

อันดับที่ 5 หม้อไฟผักนึ่งเพื่อสุขภาพ


เราไปกันที่โตเกียวเพื่อสุขภาพแบบสุดๆ กับสไตล์ที่เปลี่ยนไป ร้านที่ว่านี้ตั้งอยู่ที่เมกุโระ ร้านทาเรโนะฮิ เป็นผักหลายชนิดนึ่งอยู่ในหม้อนึ่งทำให้สารอาหารและวิตามินยังอยู่เกือบครบ แถมความอร่อยยังอยู่เต็มเปี่ยม จุดเด่นอีกอย่างคือซอสทั้งสิบชนิดที่ทำจากวัตถุดิบต่างๆ ที่สามารถเลือกนำมาทานได้ และน้ำซุปที่ได้จากการนึ่งยังเอามาทานต่อด้วยการใส่พาสต้าแบบเส้นเล็กกับไข่ปลาเมนไตโกะลงไป

อันดับที่ 4 หม้อไฟฮอกไกโดจังโกะ


หม้อไฟจากฮอกไกโดมากันที่ร้านอิชิการิกาวะย่านชินจูกุ จุดเด่นของร้านคือสามารถลิ้มรสความอร่อยของสัตว์ทะเลท้องถิ่นในฤดูกาลของฮอกไกโดซึ่งเป็นร้านที่ว่ากันว่าปลาอร่อยมากเป็นหม้อไฟที่รวบรวมของอร่อยของฮอกไกโดเอาไว้ เป็นเมนูที่ดัดแปลงจากอาหารของชาวประมงท้องถิ่น หม้อไฟนี้รวบรวมเอาวัตถุดิบอาหารทะเลที่สุดยอดเอาไว้ปลายอย่าง มีความโดดเด่นของน้ำซุปที่ได้ความหวานจากเนื้อปู เมื่อทานหมดแล้วก็ปิดท้ายด้วยข้าวต้มแบบเรียบง่ายที่ใส่ข้าวกับไข่ที่ตีแล้วลงไป

อันดับที่ 3 หม้อไฟแกงกะหรี่จิโดริเนียว


หม้อไฟแสนอร่อยจากจังหวัดมิยาซากิ จากร้านจิโดริเนียวที่มีหม้อไฟให้ลองมากกว่าสิบชนิด ส่วนหม้อไฟที่แนะนำนี้เป็นหม้อไฟที่ใช้น้ำซุปที่ทำจากปลาคัตสึโอะ โชยุ มิโสะข้าวสาลี มิโสะเผ็ด และเครื่องเทศแกงกะหรี่ ได้รสชาติที่นุ่มนวลแต่เข้มข้นด้วยความหอมจากเครื่องเทศแกงกะหรี่ ส่วนวัตถุดิบในหม้อไฟก็มีทั้งเนื้อหมู ไก่ และผักหลากหลายชนิดเช่นผักกาดขาว ต้นหอม หน่อไม้ เห็ด เมื่อกินหมดก็ปิดท้ายด้วยรีซ็อตโต้ที่ใส่ข้าวกับชีสลงในน้ำซุป

อันดับที่ 2 หม้อไฟกิมจิหอยนางรม


หม้อไฟที่ใส่หอยนางรมสดๆ จากร้านกินซ่าคานาวะที่มีสาขาใหญ่อยู่ที่จังหวัดฮิโรชิม่า สามารถลิ้มรสหอยนางรมที่สดใหม่จากหอยนางรมที่เพาะเลี้ยงไว้ได้ทุกวัน ส่วนหม้อไฟที่แนะนำนี้เป็นหม้อไฟรสเผ็ดที่มีรสชาติแบบเกาหลีเพราะใส่กิมจิลงไปด้วย แถมยังสามารถลิ้มลองหอยนางรมดิบแบบสดๆ ก่อนทานแบบหม้อไฟได้ด้วย

อันดับที่ 1 หม้อไฟไก่ชาโมร็อกคุเซมเบ้


หม้อไฟต้นตำรับจากจังหวัดอาโอโมริ หม้อไฟพื้นเมืองแสนอร่อยในประวัติศาสตร์ จากร้านองจิกิทาจิกาวายะ หม้อไฟที่ถือกำเนิดจากอาโอโมริเป็นที่แรก และยังเป็นของพื้นเมืองของที่นั่นอีกด้วย เป็นหม้อไฟที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบและเครื่องปรุงรสที่พิเศษที่สุด แปลกตรงที่ใส่น้ำซุปชาโมร็อกคุเซมเบ้ เวลาทานก็หักขนมเซมเบ้ (ข้าวเกรียบแบบญี่ปุ่น) ลงไปในหม้อ ส่วนชาโมร็อกคุเป็นชื่อของเนื้อไก่ในท้องถิ่นของอาโอโมริที่มีมาตรฐานระดับเดียวกับไก่นาโกย่าโคจิน การใส่เซมเบ้ลงไปในหม้อไฟของที่นี่ทานกันมานานตั้งแต่สมัยเอโดะ และหม้อไฟนี้ยังได้รับรางวัลชนะเลิศอาหารท้องถิ่นเกรดบีมาสามปีซ้อน ส่วนน้ำซุปที่เหลือก็ใช้ทำข้าวต้มเครื่องที่ตีแล้วใส่ลงไปพร้อมต้นหอมนิดหน่อย

ที่มา รายการโกโกริโกะเกมกึ๋ยส์
แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://megatopic.blogspot.com

10 อันดับสัตว์แปลกที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากที่สุด


อันดับที่ 10 แมลง


แมลงที่เป็นที่นิยมสุดๆ ของคนไทยนั้นต้องยกให้แมลงตระกูลด้วง เช่น ด้วงกว่าง ด้วงดอกไม้ และด้วงคีบ สนนราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดนั้นอยู่ที่ 400 บาท - 3,000 บาท

อันดับที่ 9 สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ


ที่คนไทยนิยมคือกบนานาชนิดจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้ากบที่คนเลี้ยงสัตว์แปลกส่วนใหญ่ให้ฉายามันว่า Pacman เนื่องจากปากที่มีขนาดใหญ่กว้างของมันและสามารถกินทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ามัน สนนราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดนั้นอยู่ที่ 500 บาท - 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและสีสัน

อันดับที่ 8 แมงมุม


โดยเฉพาะเจ้าแมงมุมดึกดำบรรพ์อย่างทารันทูล่า แมงมุมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และมีสีสันสวยงามหลากหลายให้เลือก จึงทำให้พวกมันมีราคาสูงถึงตัวละ 500 บาทไปจนถึงหลายพันบาทเลยทีเดียว

อันดับที่ 7 ตะกวดและสัตว์ในตระกูลตะกวด


ตัวที่กำลังฮิตติดลมบนต้องยกให้เจ้า Black Throat Monitors เจ้าตะกวดคอดำตัวอ้วนจากแอฟริกา ที่ประเทศไทยมีไม่ถึง 20 ตัว จึงนับเป็นสัตว์หายาก ราคาเริ่มต้นที่หลักหมื่นบาทไปจนถึงหลักแสน

อันดับที่ 6 สัตว์ฟันแทะ


ในตระกูลสัตว์ฟันแทะที่มาแรงแซงกระต่ายและหนูแฮมสเตอร์ ต้องยกให้กับเจ้าแพรี่ด็อก ราคาเริ่มต้นตัวละไม่ต่ำกว่า 6,500 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้ากลายพันธุ์เป็นสีขาวราคาจะพุ่งไปถึงตัวละ 50,000 บาทเลยทีเดียว นอกจากแพรี่ด็อกก็มีเจ้าหนูชินชิล่าที่มีหางเป็นพู่ ชอบยืนสองขา ตัวอ้วนกลมน่าเอ็นดู สนนราคาอยู่ที่ตัวละ 5,000 บาท ไปจนถึง 20,000 บาทเลยทีเดียว

อันดับที่ 5 เต่าชายน้ำและเต่าน้ำ


สัตว์ในตระกูลนี้นอกจากจะขึ้นชื่อว่ามีอายุยืนที่สุดแล้ว มันยังมีความงามที่เป็นเอกลักษณ์อีกด้วย จุดเด่นก็คือที่กระดองมีรูปร่างและสีสันแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด ซึ่งพระเอกของตระกูลเต่าน้ำที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ Aligator Snapping เต่าน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยตัวที่ใหญ่ที่สุดนั้นมีน้ำหนักถึง 107 กิโลกรัม และผู้ที่สนใจจะเลี้ยงต้องเรียนรู้ทักษะและวิธีจับมัน เพราะถ้าพลาดท่าเพียงนิดเดียว นิ้วของคุณอาจถูกมันกัดขาดได้ง่ายๆ เนื่องจากมันมีแรงกัดมหาศาล สนนราคาของมันอยู่ที่ความยาวโดยเริ่มต้นประมาณนิ้วละ 500 บาท ดังนั้นยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งแพงมากขึ้น

อันดับที่ 4 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม


สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกนำเข้ามาและมีความแปลกจนเป็นที่นิยมในไทยนั้นมีอยู่มากมายหลายชนิด แต่ที่ยังมาแรงไม่มีตกความนิยมต้องยกให้ ชูก้า ไกลเดอร์ หรือที่ผู้นิยมสัตว์แปลกรู้จักกันดีในชื่อว่าจิงโจ้บิน เพราะมันเป็นสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องเหมือนกับหมีโคอาล่าและจิงโจ้ ที่สำคัญมันยังร่อนเพื่อลอยตัวอยู่ในอากาศได้อีกด้วย เหนตัวเล็กๆ อย่างนี้สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ตัวละ 8,500 บาท แต่ถ้าเป็นตัวที่สีสวยเป็นพิเศษราคาจะพุ่งไปที่ 70,000 - 200,000 บาทเลยทีเดียว นอกจากชูก้า ไกลเดอร์แล้วยังมี ลิงมาโมเซ็ต ลิงขนาดเล็กที่สุดในโลกโดยมีขนาดลำตัวรวมหางยาวเพียง 15 - 20 เซ็นติเมตรเท่านั้น จึงเหมาะกับผู้ที่นิยมของจิ๋วแต่แจ๋วซึ่งสนนราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 30,000 บาท

อันดับที่ 3 กิ้งก่า


ในอดีตสัตว์ในตระกูลกิ้งก่าที่ประเทศไทยเรานำเข้ามาเลี้ยงและเป็นที่รู้จักกันดีก็คืออีกัวน่า แต่ปัจจุบันกลุ่มคนรักสัตว์แปลกกลับเทคะแนนให้กิ้งก่าไซส์กะทัดรัด สีสันสวยงามที่เลี้ยงง่ายและแสนเชื่องอย่างเจ้า Beard Dragon ซึ่งมีจุดเด่นที่เป็นที่มาชื่อของมันคือถุงใต้คอที่มีหนามแหลมเหมือนกับเคราของคน ราคาของมันมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับสีสันและความแปลกของมัน นอกจากนี้ยังมีเจ้า เตกู กิ้งก่าขนาดใหญ่ที่หน้าตาละม้ายคล้ายตะกวด เมื่อโตเต็มที่ยาวได้ถึงเมตรกว่าเลยทีเดียว ราคาเจ้าเตกูนี้อยู่ที่หลักหมื่น แต่ถ้ามันเป็นสีเผือกราคาจะพุ่งไปที่หลักแสนเลยทีเดียว

อันดับที่ 2 เต่าบก


เต่าบกนั้นไม่สามารถใช้ชีวิตในน้ำได้เพราะกระดองที่ใหญ่และไม่มีพังผืดที่นิ้ว ถ้ามันตกน้ำมันไม่สามารถว่ายน้ำได้และจะจมน้ำตาย

อันดับที่ 1 งูสวยงาม


เจ้าลิ้นสองแฉกที่คนส่วนใหญ่เข็ดขยาดกับพิษของมัน แต่มันเป็นที่นิยมของผู้ที่เริ่มต้นเลี้ยงสัตว์แปลกพวกสัตว์เลื้อยคลานแทบจะทุกคน ด้วยสีสันที่สวยงามกับนิสัยที่เป็นอกลักษณ์ทำให้ผู้เลี้ยงหลงใหล และงูพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในบ้านเราตอนนี้ต้องยกให้กับ Ball Python งูหลามลายสวยจากกาฬทวีป ซึ่งเมื่อมันตกใจมันจะขดตัวเป็นลูกกลมๆ งูที่นิยมอีกชนิดก็คืองูคิงสเนค (King Snake) ที่กินงูด้วยกันเป็นอาหาร และยังมีงูคอร์นสเนค (Corn Snake) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นงูที่เชื่องและไม่ดุ ราคาของงูสวยงามนั้นก็แตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ ลวดลายและสีสัน ที่เริ่มต้นตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้านก็มี

ที่มา รายการ 5 มหานิยม ทางช่อง 5
แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://megatopic.blogspot.com

10 อันดับฆาตกรเด็ก

10 อันดับฆาตกรเด็ก
เนื้อหาบางส่วนมีเรื่องราวโหดร้าย ทารุณ

10. อีริค สมิธ (Eric Smith, January 22, 1980)


อีริค สมิธเป็นเด็กชายอายุ 13 ปี เขามักจะถูกแกล้งอยู่เป็นประจำอันเนื่องมาจากรูปลักษณ์ของเขา เขาสวมแว่นหนา หน้าตกกระ ผมแดง และหูที่ยื่นยาวออกมา เชื่อกันว่ามาจากผลข้างเคียงในการรักษาโรคลมบ้าหมูของแม่ของเขาขณะที่เธอตั้งครรภ์ เขาถูกจับกุมหลังจากที่ฆ่าเด็กชายวัย 4 ขวบที่ชื่อเดอริค โรบี้ (Derrick Robie)  ศพเดอริคถูกรัดคอ และหัวของเขาถูกทุบด้วยหินก้อนใหญ่ และเมื่อตำรวจถามอีริคถึงสาเหตุในการฆ่า อีริคไม่สามารถให้คำตอบที่แท้จริง  จิตแพทย์วินิจฉัยว่าอีริคมีความผิดปกติในการควบคุมอารมณ์ มันเป็นสภาวะที่บุคคลไม่สามารถควบคุมความโกรธเคืองภายในจิตใจ  เขาถูกตัดสินว่ากระทำผิดและถูกจับเข้าคุก จนถึงทุกวันนี้เขาเป็นนักโทษมาแล้ว 8 ปี และถูกปฏิเสธทัณฑ์บน 5 ครั้ง

9. โจชัว ฟิลลิปส์ (Joshua Phillips, March 17, 1984)


ในเช้าวันหนึ่งแม่ของฟิลลิปส์ทำความสะอาดห้องของเขาเมื่อเขาไปโรงเรียนแล้ว แม่ของเขาสังเกตเห็นหยดน้ำใต้เตียงของเขา เธอคิดว่ามันคงจะหยดรั่วลงมาจากเตียงน้ำของลูกชายเธอ เธอก็สำรวจรอยรั่วบนเตียงและเห็นว่ามีเทปพันสายไฟแปะอยู่ที่จุดหนึ่ง เธอพลางคิดว่าฟิลลิปส์คงเห็นรอยรั่วนี้แล้วแปะเทปเอาไว้ เธอคิดจะซ่อมมันใหม่และเมื่อเธอเอาเทปออก เธอเห็นถุงเท้าของลูกเธอในนั้น แต่แล้วเธอก็รู้สึกเย็นยะเยือกกับภาพตรงหน้าเมื่อเธอส่องไฟฉายเข้าไป มันเป็นศพของแมดดี้ คลิฟตัน (Maddie Clifton) ลูกของเพื่อนบ้านวัย 8 ขวบที่หายตัวมาแล้ว 7 วัน

คนที่อยู่ในละแวกนั้น รวมทั้งพ่อแม่ของแมดดี้แทบไม่อยากจะเชื่อว่าฟิลลิปส์ฆ่าแมดดี้ ฟิลลิปส์เป็นหนึ่งในเพื่อนบ้านที่เป็นอาสาสมัครช่วยกันตามหาแมดดี้ และเพราะฟิลลิปส์อายุต่ำกว่า 16 ปี เขาจึงไม่ได้รับโทษประหารชีวิต เขาถูกจับกุมและถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตและห้ามถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ จนถึงทุกวันนี้อีริคกล่าวว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายแมดดี้ แมดดี้ถูกตีเข้าบริเวณดวงตาด้วยไม้เบสบอลและถูกรัดคอ หลังจากนั้นก็แทงเธอแล้วเก็บศพไว้ในห้องของเขา และแน่นอนว่าคณะลูกขุนไม่เชื่อเรื่องที่ฟิลลิปส์ให้การ

8. จอร์จ สตินนีย์ (George Stinney, October 21, 1929–June 16, 1944)


วันที่ 16 มิถุนายน 1944 สหรัฐได้มีการบันทึกว่ามีตัดสินประหารชีวิตนักโทษเด็ก จอร์จ สตินนีย์ อายุ 14 ปี นักโทษประหารชีวิตที่มีอายุน้อยที่สุดของสหรัฐในช่วงศตวรรษที่ 20 จอร์จฆาตกรรมเด็กผู้หญิงสองคนคือเบ็ตตี้ จูน เบ็นนิคเกอร์ อายุ 11 ปี และ แมรี่ เอ็มม่า เธมส์ อายุ 8 ปี พวกเธอถูกพบว่าเป็นศพอยู่ในบ่อโคลน จอร์จให้การว่าเขาต้องการมีเซ็กซ์กับเบ็ตตี้และฆ่าเธอในภายหลัง คดีของเขาไม่ได้รับการอุทธรณ์เนื่องจากครอบครัวของจอร์จยากจน

7. ไลโอเนล เทต (Lionel Tateม, January 30, 1987)
 
แคทเธอลีน กรอสเสท เทตเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่น่าเชื่อถือ ในเย็นวันหนึ่งเธอพาเด็กหญิงทิฟฟานี่ อูนิค วัยหกขวบมาที่บ้านของเธอ เธอขึ้นไปข้างบนบ้านและปล่อยให้เด็กหญิงดูโทรทัศน์อยู่กับไลโอเนล ลูกชายเธอวัย 14 ปี จนเวลาประมาณ 4 ทุ่ม เธอรู้สึกว่าเสียงของเด็กๆเงียบไป แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเด็กๆ คงจะผลอยหลับไป จนประมาณ 45 นาทีให้หลัง ไลโอเนลเรียกเธอแล้วบอกเธอว่าทิฟฟานี่ไม่หายใจแล้ว ไลโอเนลบอกว่าพวกเขาเล่นมวยปล้ำกัน เขาจับเธอทำท่าเฮดล็อกและจับเธอทุ่มไปบนโต๊ะ จากการชันสูตรทิฟฟานี่พบว่ามีแรงกระแทกอย่างรุนแรงจนทำให้ตับของเธอฉีกขาด กะโหลกศรีษระและกระดูกซี่โครงร้าว สมองบวมจากการถูกตีอย่างรุนแรง ไลโอเนลเปลี่ยนคำให้การภายหลังว่าเขากระโดดไปบนตัวเธอจากขั้นบันได ไลโอเนลถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในปี 2001

6. แบร์รี่ เดล ลูไคทีส (Barry Dale Loukaitis)


2 กุมภาพันธ์ 1996 เกิดเหตุการณ์กราดยิงตัวประกันในห้องเรียนวิชาพีชคณิต โรงเรียนเดอะฟรอนเทียร์ มิดเดิล สคูล มีผู้เสียชีวีตสามคน (ครู 1 คน นักเรียน 2 คน) และหนึ่งคนบาดเจ็บสาหัส ผู้ก่อเหตุคือนักเรียนชายวัย 14 ปีที่ชื่อแบร์รี่ เดล ลูไคทีส
ก่อนเหตุการณ์กราดยิง แบร์รี่มีอาการประสาทหลอนและคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า เขาพกปืนไรเฟิล ปืนพกขนาด.357 และ ปืนพกขนาด.25 ซึ่งปืนทั้งหมดเป็นของพ่อของเขา หลังก่อเหตุเขาจับตัวประกันไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนถูกโค้ชกีฬาหลอกล่อและจับตัวเขาไว้ได้ นอกเหนือจากการป่วยทางจิตใจและปัญหาในครอบครัวของเขา เขายังได้รับแรงบันดาลใจจากมิวสิควีดีโอเพลงเจเรมี่ (Jeremy) ของวงเพิร์ลแจม ที่เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นคนหนึ่งที่ฆ่าตัวตายเพราะมีปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นและครู
และอ้างถึงตัวเอกในนิยายเรื่องเรจ (Rage) ของสตีเฟ่นคิงที่ฆ่าครูและเพื่อนในคลาสเรียนวิชาพีชคณิต แบร์รี่ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตกับจำคุก 205 ปี

5. เครก ไพรซ์ (Craig Price)


4 กุมภาพันธ์ 1989 โจน ฮีทตัน อายุ 39 ปี พร้อมลูกสาวของเธอสองคน เจนนิเฟอร์ 10 ปีและเมลิสซ่า 8 ปี ถูกพบเป็นศพโชกเลือดภายในบ้านของเธอ พวกเขาถูกแทงเป็นแผลฉกรรจ์ และมีดหักคาอยู่ในคอของเมลิสซ่า ในรายงานของตำรวจ โจนถูกแทงประมาณ 60 ครั้ง ขณะที่เด็กหญิงทั้งสองถูกแทงประมาณ 30 ครั้ง เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเหตุจูงใจเป็นการลักทรัพย์ มีดที่ใช้ฆาตกรรมถูกนำมาจากในครัวของบ้าน มีร่องรอยการต่อสู้ของโจนกับคนร้าย และเชื่อว่าคนร้ายอาจเป็นหนึ่งในเพื่อนบ้านของเธอ และคนร้ายอาจจจะมีบาดแผลจากการต่อสู้กับเธอ เครกถูกสนใจโดยตำรวจจากบาดแผลที่มือของเขา เขาอ้างว่ามือกระแทกกับกระจกรถยนต์ แต่ตำรวจไม่เชื่อ พวกเขาตรวจค้นห้องพักของเครกและเข้าชาร์จจับกุมหลังจากที่พบมีด ถุงมือ และสิ่งของต่างๆที่เปื้อนเลือด เขาสารภาพว่าก่อเหตุเหมือนกับคดีนี้เมื่อสองปีก่อน เขาถูกตัดสินก่อนวันเกิดครบรอบ 16 ปี และยังติดคุกอยู่จนถึงปัจจุบัน

4. เกรแฮม ยัง (Graham Young, September 7, 1947 – August 22, 1990)


เกรแฮม ยังผู้หลงใหลในความรู้เกี่ยวกับยาพิษต่างๆ และผลที่เกิดกับคน เขายังมีความสนใจและเทิดทูนฆาตกรอย่างด็อกเตอร์ฮอว์ลี่ย์ คริพเพ็น, วิลเลี่ยม พาล์มเมอร์, อดอล์ฟ ฮิตเล่อร์ และคนอื่นๆ ยังเริ่มการทดลองเกี่ยวกับยาพิษเมื่ออายุ 14 ปี เขาโกหกอายุเพื่อทำให้สามารถหาซื้อสารเคมีต่างๆเท่าที่ต้องการ ครอบครัวและเพื่อนคือเหยื่อของเขา พวกเขามีไข้ อาเจียน ท้องเสีย กระเพาะอาหารเป็นแผล ยังในวัย 14 มีความรู้ในวิชาเคมีเทียบเท่าระดับปริญญาตรีจาการเรียนรู้ด้วยตนเองในห้องสมุด ในบางครั้งเขาก็เป็นเหยื่อเสียเองเพราะลืมว่าใส่ยาพิษลงในอาหารของเขา ยังถูกจับเพราะครูคนหนึ่งตรวจโต๊ะเรียนของเขาในเย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน เขาพบยาพิษ บันทึกต่างๆ และหลักฐานทั้งหมด และนำไปสู่การแจ้งตำรวจ หลังจากนั้นเขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุด แต่มันก็ไม่อาจหยุดยั้งพฤติกรรมชั่วร้ายของเขา เขาวางยาพิษเจ้าหน้าที่พยาบาลและเพื่อนผู้ต้องขัง มีหนึ่งคนตาย ความรู้ของเขาที่สามารถสกัดไซยาไนด์จากใบลอเรลบุชแพร่หลายไปทั่ว
แต่ถึงกระนั้นเขาได้รับการปล่อยตัวเมื่ออายุ 23 ปี และอาศัยอยู่กับพี่สาวของเขา และกลับมาวางยาพิษเพื่อนร่วมงานอีก เขาถูกจับเป็นนักโทษอีกครั้งและตายที่นั่น

3. เจส โพมรอย (Jesse Pomeroy, November 29, 1859–September 29, 1932)


เจสเกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 1959 ในCharlestown รัฐแมสซาชูเซตส์ และเป็นฆาตกรอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแมสซาชูเซตส์ เจส โพมรอยเริ่มแสดงความโหดร้ายกับเด็กคนอื่นเมื่อเขาอายุ 11 ปี เขาจับเด็กเจ็ดคนไว้ในที่ซ่อน จับพวกเขาแก้ผ้าและทรมานด้วยมีดและแทงด้วยเข็มเข้าไปในเนื้อของเด็กพวกนี้ หลังจากที่ถูกจับได้เขาถูกส่งไปโรงเรียนดัดสันดาน และต้องอยู่ที่นี่จนถึงอายุ 21 ปี แต่แล้วก็ถูกปล่อยตัวออกมาเพราะประพฤติตัวดี หลังจากไปอยู่ได้เพียงปีครึ่ง หลังจากนั้นสามปี เขาทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าเดิม เขาลักพาตัวและฆ่าเด็กหญิงอายุสิบขวบชื่อ Katie Curran และยังต้องสงสัยว่าฆ่าเด็กชายอายุสี่ขวบที่ถูกพบเป็นศพขาดวิ่นในอ่าว Dorchester แม้ว่าจะมีหลักฐานที่แน่ชัดที่จะเชื่อมโยงไปถึงตัวเจสในคดีการตายของเด็กชาย แต่เจสรับสารภาพเฉพาะคดีของ Katie Curran เจสถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตและถูกขังเดี่ยว เขาตายเมื่ออายุ 72 ปีด้วยโรคชรา

2. จอน เวนาเบิลส์ และ โรเบิร์ต ธอมสัน(Jon Venables and Robert Thompson, August 13, 1982, August 23, 1982)


แม่ของเด็กชายวัยสองขวบเจมส์ บัลเกอร์ ปล่อยลูกไว้ที่ประตูหน้าร้าน butcher ด้วยความคิดโง่เขลาที่ว่าใช้เวลาไม่นานในการกลับมารับลูกของเธอ หลังจากนั้นเธอก็ได้รู้ว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ลูกของเธอในสภาพที่มีชีวิต จอนและโรเบิร์ตทั้งคู่อายุสิบปี เด็กเกเรสองคนที่โดดชั้นเรียนมาเที่ยวห้าง และกำลังมองหาอะไรสนุกๆทำ พวกมันเจอเจมส์และพาตัวออกไปข้างนอก เจมส์ถูกเอาหัวกระแทกรถ มีรายงานว่าก่อนที่พวกมันจะทำกับเจมส์ ได้เคยพยายามลักพาตัวเด็กผู้ชายหลงทางคนหนึ่งเพื่อไปทรมาน แต่ไม่สำเร็จเพราะแม่ของเหยื่อรู้ตัวเสียก่อน ระหว่างทางสองไมล์ที่เจมส์ถูกพาตัวออกไป พวกมันทั้งต่อย เตะ ทุบหัวของเด็กน้อย คนที่เดินผ่านไปมาก็ละเลย ไม่สนใจ เพราะคิดว่าเป็นการเล่นกันของเด็กและคิดว่าเป็นพี่น้องกัน จอนและโรเบิร์ตพาตัวเจมส์มาที่รางรถไฟ พวกมันทรมานเขาต่างๆนานา หยอดสีลงในตาซ้ายของเจมส์ ทำให้เกือบบอดในทันที ขว้างหินใส่เขา ตีเขาด้วยก้อนอิฐ และท่อนเหล็ก พวกมันยังทำร้ายทางเพศกับเจมส์อีกด้วย ทั้งหมดนี้แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการกระทำของเด็กสิบขวบ มันโหดร้ายทารุณมากที่มนุษย์ในวัยนี้จะกระทำต่อผู้อื่นได้ พวกมันวางร่างของเจมส์พาดบนรางรถไฟและเอาก้อนอิฐมาปิดหัวที่ชุ่มเลือดของเขา เพราะพวกมันคิดว่าเจมส์ตายแล้วและหวังว่าจะอำพรางคดีให้รถไฟทับศพเจมส์ มีรายงานว่า เจมส์ยังไม่ตายเวลานั้น แต่ตายก่อนที่รถไฟจะทับร่างของเขา

1. แมรี่ เบล (Mary Bell, May 26, 1957)


“Murder isn’t that bad; we all die sometime anyway.” การฆาตกรรมไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ยังไงพวกเราทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี 
Brian Howe ถูกพบเป็นศพถูกปกคลุมด้วยสาหน่ายสีม่วงและต้นหญ้า 1 วันหลังจากการตายของ Martin Brown ซึ่งตายจากการสำลัก ผมของเขาถูกตัด มีรอยเจาะที่ต้นขา อวัยวะเพศของเขาถูกถลกหนังบางส่วน เด็กชายวัยสามขวบเสียชีวิตเนื่องจากถูกรัดคอ จากการสอบสวนแมรี่ เบล อายุ 11 ปี เธออธิบายรายละเอียดการฆาตกรรมที่เป็นความลับที่มีแต่ฆาตกรเท่านั้นที่เป็นคนรู้ เบื้องหลังพฤติกรรมโหดร้ายผิดปกติของแมรี่ เบลนี้บางทีอาจมาจากครอบครัวของเธอ เธอคิดว่าตลอดว่าพ่อของเธอคือ บิลลี่ เบล ผู้วึ่งก่ออาชญากรรมเป็นนิสัย และถูกจับกุมด้วยข้อหาปล้นอาวุธ ไม่มีใครรู้พ่อที่แท้จริงของเธอจนทุกวันนี้ แมรี่อ้างว่าแม่ของเธอเป็นโสเภณีและพยายามที่จะให้เธอหมั้นกับลูกค้าของแม่คนที่กระทำทางเพศกับเธอเมื่อตอนแมรี่อายุสี่ขวบ เธอถูกปล่อยตัวเมื่ออายุ 23 ปี

แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://megatopic.blogspot.com

10 สายพันธุ์งูที่น่าทึ่ง


1. งูเหลือมต้นไม้สีเขียวมรกต  (Emerald Tree Boa)


เจ้างูสีเขียวสวยนี้พบในป่าฝนของอเมริกาใต้ ตัวเต็มวัยมีขนาดความยาวประมาณ 6 ฟุต หรือ 1.8 เมตร พวกมันวิวัฒนาการฟันด้านหน้าได้ใหญ่กว่างูไม่มีพิษสายพันธุ์อื่น

2. งูเห่าแผ่แม่เบี้ย (The Spectacled Cobra)


มันมีลายคล้ายแว่นตาที่ด้านหลังแม่เบี้ย อาศัยอยู่แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กินหนู นก กบ หรือสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ เป็นอาหาร

3. งูตาบอด (Blind Snake)


เป็นหนึ่งในสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่ถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้  มันอาศัยอยู่บนเกาะมาดากัสการ์ ตัวเต็มวัยมีขนาดความยาวประมาณ 1 ฟุต มันมีพฤติกรรมคล้ายกับตัวหนอน มันชอบขุดดินและอาศัยอยู่ในนั้น มันคล้ายหนอนมากเพียงแต่มันเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่าและมีกระดูกสันหลัง

4. งูเหลือมเผือกพม่า (Albino Burmese Pythons)


บางคนนำเอางูนี้มาเป็นสัตว์เลี้ยง มันมักจะค่อนข้างเชื่อง แต่ก็มีจำนวนของงูชนิดนี้ที่ถูกทิ้งโดยเจ้าของที่ไม่สามารถเลี้ยงมันได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

5. ไบรท์พิ้งค์สเนค (Bright Pink Snake)


เจ้าตัวนี้เมื่อโตเต็มวันจะมีขนาดประมาณ 40 เซ็นติเมตร อาหารของมันคือพวกสัตว์ฟันแทะและสัตว์เลื้อยคลานอย่างกิ้งก่า ลายสีชมพูสดทำให้มันเป็นหนึ่งในงูที่มีสีสันมากที่สุดในมาดาร์กัสการ์ มีรายงานว่าถูกพบครั้งแรกในปี 2010 ที่ Masoala อุทยานแห่งชาติในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์

6. เนลสันมิลค์สเนค (Nelson's Milksnake)


งูชนิดนี้เป็นหนึ่งในสายพันธุ์งูคิงสเนคที่พบในเม็กซิโก มันมีความยาว 110 เซ็นติเมตรหรือมากกว่าเมื่อตัวเต็มวัย มันเป็นงูไม่มีพิษมีลายสีแดงสลับกับสีชมพูรอบลำตัว ชื่อของมันตั้งขึ้นเพื่อให้เกียรติ Edward Nelson อดีตหัวหน้าการสำรวจทางชีววิทยาสหรัฐฯ อาศัยอยู่ในที่กึ่งแห้งแล้งและป่าผลัดใบในเขตร้อน เหยื่อของมันมีหนู นก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

7. งูปะการังสีฟ้า (Blue Coral Snake)


งูปะการังเป็นงูมีพิษอยู่ในวงศ์ Elapidae พบในป่าฝนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

8. งูงวงช้าง (Elephant Trunk Snake)


มันมีรูปร่าง สี และขนาดที่คล้ายกับงวงช้างอันเป็นที่มาของชื่อของมัน พบได้ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินโดนีเซียเหนือของประเทศ ออสเตรเลีย นิวกีนี และมีในประเทศไทยด้วย

9. Langaha Nasuta


เจ้าตัวนี้มีนอที่ยื่นแหลมยาวออกมา พบมันที่มาดาร์กัสการ์

10. งูฮอร์นไวเพอร์(Horned Viper)


เป็นงูที่อยู่ในวงศ์ Viperidae หรือวงศ์เดียวกับงูแมวเซา  ออกหากินเวลากลางคืน อาศัยอยู่ในทะเลทราย Negev ประเทศอิสราเอล และทะเลทรายทั่วไป

แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://megatopic.blogspot.com