“Sushicyu & Carnival Yakiniku” อร่อย 2 สไตล์ อาหารญี่ปุ่นรสแท้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์14 มิถุนายน 2555 15:01 น.

บรรยากาศโต๊ะนั่งเคาน์เตอร์ซูชิร้าน Sushicyu & Carnival Yakiniku
       เห็นซูชิหลากหลายหน้าก็อยากกิน!! ส่วนยากินิกุปิ้งย่างร้อนๆ ก็อยากกิน!!
      
       หากว่าแฟนๆ นักกินคนไหนกำลังเกิดอาการอยากกินอาหารญี่ปุ่นทั้ง 2 อย่างพร้อมๆ กันในมื้อเดียวขึ้นมาแบบ “ตระเวนกิน” แล้วล่ะก็ อยากจะขอจูงมือพามาอิ่มอร่อยให้สมใจปรารถนากันที่ร้าน “Sushicyu & Carnival Yakiniku” ตั้งอยู่ที่โครงการ Ei8ht Thonglor
      
       มาที่นี่ที่เดียวจะได้ลิ้มรสทั้งซูชิสารพัดหน้าแบบญี่ปุ่นแท้ๆ รวมถึงยังมีอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ อีกด้วย ส่วนยากินิกุก็เป็นแบบสไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้เช่นกัน ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ต้องสั่งตรงมาจากญี่ปุ่นโดยเฉพาะ และเน้นคัดสรรแต่วัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ
บรรยากาศโต๊ะนั่งกินยากินิกุ
       เมื่อมาถึงร้านก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศร้านที่แบ่งโซนเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน ในส่วนของซูชิจะมีเคาน์เตอร์ซูชิให้ได้เลือกนั่ง และมีห้องส่วนตัวบริการ ส่วนอีกด้านเป็นส่วนของยากินิกุที่มีโต๊ะให้เลือกนั่งแบบสบายๆ และที่โต๊ะจะมีเตาที่เลือกใช้ถ่านและมีระบบดูดควันไว้ด้วย แต่ก็ยังพอให้ได้กลิ่นของเนื้อเวลาย่างหอมๆ ชวนกินเสียจริง
      
       แต่ก่อนที่จะไปกินยากินิกุ เราสั่งซูชิของที่นี่มาลิ้มรสกันก่อนดีกว่า ซึ่งที่นี่เน้นซูชิที่มีสารพัดหน้า และมีความหลากหลายตามแต่เชฟจะรังสรรค์ขึ้นมา และเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลทุกเดือนเพื่อจะได้ไม่จำเจ
Nigiri Omakase
       สำหรับซูชิที่สั่งมากินจนติดใจและอยากแนะนำให้ชิมกันก็คือ Nigiri Omakase (1,460 บาท++) มาแบบจัดเต็ม มีซูชิหลายหลากหน้ากว่า 10 อย่างในจานเดียว ที่วัตถุดิบสั่งตรงมาจากญี่ปุ่นทั้งหมด มีหน้าปลาไหลทะเล หน้าไข่ปลาแซลมอนห่อสาหร่าย หน้าไข่หอยเม่นห่อสาหร่าย หน้าโทโร่ หน้าปลาฮามาจิ หน้าเนื้อก้ามปู หน้าหอยปีกนก แล้วมีมากิหน้าโทโร่สับ และไข่หวานด้วย เรียกว่ากินเมนูนี้แล้วอิ่มท้องกับซูชิรสชาติดี มีความสดอร่อยของวัตถุดิบชั้นยอด
Ayu Shioyaki
       เมนูต่อมาเป็นอาหารจานพิเศษมีให้ลิ้มรสถึงแค่เดือนมิ.ย. นี้ Ayu Shioyaki (320 บาท++) เป็นปลาอายุจากญี่ปุ่นนำมาคลุกเคล้ากับเกลือแล้วย่างจนปลาสุกหอม ลิ้มรสเนื้อปลาแน่นนุ่มหวานและได้รสชาติเค็มนิดๆ จากเกลือ มาพร้อมกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษ และมีมะนาวมาให้บีบเพิ่มรสชาติ
Tokujyo Karubi
       จากนั้นมากินเมนูยากินิกุกัน ซึ่งมีเนื้อหลากหลายให้เลือกสั่งมาย่างกิน แต่ที่เราสั่งมาลิ้มลองก็มี Tokujyo Karubi (760 บาท++) เป็นเนื้อวัวส่วนสันคอที่คัดมาแบบดีที่สุด สไลด์มาเป็นชิ้นราดด้วยน้ำซอสหมักเนื้อสูตรเฉพาะ ย่างเนื้อบนเตาถ่านร้อนๆ เนื้อสุกได้ที่ส่งเข้าปากเคี้ยวนุ่มละลายในปาก จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มโชยุรสเด็ด หรือถ้าใครชอบเผ็ดก็มีพริก กระเทียมให้ใส่เพิ่ม
Toku Tan Shio
       Toku Tan Shio (390 บาท++) เป็นลิ้นวัวคัดมาเป็นพิเศษสไลด์มาแบบชิ้นใหญ่หมักกับเกลือ แล้วโรยหน้าด้วยพริกไทยกับเกลืออีกที นำมาย่างพอสุกแล้วจะได้ลิ้มรสลิ้นวัวเนื้อนุ่มเด้งกรึบ
Tontoro
       แล้วถ้าใครอยากกินเนื้อหมูแนะนำ Tontoro (250 บาท++) เป็นเนื้อหมูส่วนสันคอคัดมาอย่างดีสไลด์มาเป็นชื้นราดด้วยน้ำหมักหมูสูตร เฉพาะ นำมาย่างบนเตาร้อนๆ เนื้อหมูสุกได้ที่หอมน่ากิน ชิมแล้วเนื้อหมูนุ่มมีมันแทรกกำลังดี
อร่อยกับเมนูยากินิกุร้อนๆ
       มื้อนี้ทำเอาเราอิ่มท้องทั้งกับซูชิและยากินิกุอร่อยๆ แต่อย่างที่บอกว่าที่นี่ยังมีอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ ที่ชวนลิ้มรสอีกมากมาย อาทิ Gindara Saikyo Yaki (390 บาท++) Syabu Syabu Wagyu (1,800 บาท++) Kimuchi Soup (180 บาท++) Yukke (280 บาท++ ) เรียกว่าหากใครเป็นแฟนอาหารญี่ปุ่นมาที่ร้าน “Sushicyu & Carnival Yakiniku” ไม่มีคำว่าผิดหวังเป็นได้อิ่มอร่อยกลับบ้านกันไป
บรรยากาศโต๊ะนั่งแบบห้องส่วนตัว
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Sushicyu & Carnival Yakiniku” (ซูชิชูแอนด์ คาร์นิวัล) ตั้งอยู่ที่ โครงการ Ei8ht Thonglor (เอท ทองหล่อ) 88/1 ถ.สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ซ.ทองหล่อ 8 คลองตันเหนือ วัฒนา กทม. การเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อ เลี้ยวเข้าถ.สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ตรงมาที่ ซ.ทองหล่อ 8 จะเห็นโครงการ Ei8ht Thonglor ให้เข้ามาในโครงการฯ แล้วขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเห็นร้าน Sushicyu & Carnival Yakiniku มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.30-14.00 น. และ 18.00-22.30 น. เสาร์-อาทิตย์ 11.00-22.00 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร.จองโต๊ะก่อน โทร. 0-2713-8312 และยังมีอีก 1 สาขาอยู่ที่ All Seasons Place โทร. 0-2251-1995 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sushicyu.com

“Mellow” อร่อยดีฟรีสไตล์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์21 มิถุนายน 2555 16:58 น.

บรรยากาศโต๊ะนั่งมีให้เลือกหลายสไตล์ที่ร้าน “Mellow”
       ไลฟ์สไตล์ในวันหยุดของ “ตระเวนกิน” การที่ได้ชวนพรรคพวกคนชอบกินด้วยกัน ออกไปตระเวนหาร้านอาหารชวนนั่ง มีอาหารอร่อยๆ ที่ชวนกิน มันช่างเป็นไลฟ์สไตล์ที่มีความสุขเป็นยิ่งนัก
      
       เหมือนที่ในมื้อนี้เมื่อเราได้ชวนผองมิตรนักกิน ออกมาตระเวนกินกันที่ร้าน “Mellow” ตรง Crystal Park ซึ่งเหตุผลที่พวกเราเลือกมาที่ร้านเมลโล่แห่งนี้ ก็เพราะว่าที่นี่เป็นร้านอาหารที่มีคอนเซปต์ว่า “ฟรีสไตล์” ที่สามารถตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของเหล่านักกินได้เป็นอย่างดี
บรรยากาศโต๊ะนั่งด้านนอกรับลมเย็นๆ
       ไม่ว่าจะด้วยบรรยากาศร้านที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ มีหลายโซนให้เลือกนั่งตามใจชอบ หากใครชอบแบบนั่งสบายๆ ได้อารมณ์เหมือนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน ก็มีโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาหลายหลากรูปแบบให้เลือกนั่งตามใจปรารถนา หรือจะนั่งโซนโต๊ะนั่งสบายๆ ใกล้มุมเคาน์เตอร์บาร์ที่มีเครื่องดื่มบริการแบบหลากหลายถูกใจนักดื่มกัน เป็นแน่ แต่ถ้าใครชอบนั่งแบบรับลมธรรมชาติก็มีโซนโต๊ะนั่งตรงโซนระเบียงให้ได้รับลม เย็นสบาย
      
       อีกทั้งถ้าใครชื่นชอบการฟังเพลงมาที่นี่ก็จะได้เคลิบเคลิ้มไปกับบท เพลงเพราะๆ จากวงดนตรีที่จะมาบรรเลงเพลงแจ๊สให้ฟังอย่างเพลิดเพลิน วันศุกร์-เสาร์ เวลา 20.00-22.00 น. วันอาทิตย์ เวลา 12.30-14.00 น. และในทุกวันจะมีดีเจมาเปิดแผ่นตั้งแต่ 21.00 น. เป็นต้นไป เรียกว่าการได้ฟังเพลงอันไพเราะช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการกินอาหารได้อย่างดี เยี่ยม
      
       มาถึงเรื่องอาหารของที่นี่ก็ต้องบอกว่าเป็นอาหารแนวฟิวชั่นแบบฟรี สไตล์ คือทางร้านได้คิดค้นสูตรอาหารขึ้นมาเองโดยเฉพาะ สร้างสรรค์ให้อาหารมีความแปลกใหม่ แต่ก็ยังใส่ความเป็นไทย และในการปรุงอาหารแต่ละเมนูก็เน้นคัดสรรวัตถุดิบที่มีความสดใหม่ มีคุณภาพ และยังเลือกใช้วัตถุดิบออร์แกนิค นำมาปรุงเป็นเมนูจานเด่นที่ชวนกินมากมาย
Mellow Wings
       และมื้อนี้พวกเราก็ได้เลือกสั่งเมนูเด่นๆ มากินกันหลายอย่าง จานแรก คือ Mellow Wings (150 บาท++) สั่งมากินแล้วไม่ผิดหวังกับปีกไก่บนและกลางที่กรอบนุ่มซึมลึกถึงรสชาติของ ซอสพริกสูตรเด็ดของทางร้านอันจัดจ้าน ช่างเผ็ดได้ใจถึงพริกถึงเครื่องจริงๆ
Crab Cake
       เมนูถัดมา Crab Cake (180 บาท++) เป็นเมนูใหม่ที่ชวนกิน ทางร้านนำปูทะเลก้อนเกรดเอมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงตามสูตรเด็ดและคลุก เกล็ดขนมปังทอด เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสพีชสูตรพิเศษ กินทอดมันปูกรอบนอกนุ่มในเต็มปากเต็มคำกับเนื้อปู จิ้มซอสพีชที่หอมหวานลงตัวเข้ากันดีแท้
Pizza Truffle with Parma Ham
       ถ้าชอบพิซซ่าขอบอกว่าไม่ควรพลาดเมนูนี้ Pizza Truffle with Parma Ham (280 บาท++) เป็นพิซซ่าโฮมเมดสไตล์อิตาเลียน ทางร้านตีแป้งพิซซ่าเอง ทาด้วยซอสมะเขือเทศปรุงเอง แต่งหน้าด้วยพาร์มาแฮมนำเข้าจากอิตาลี และพิเศษตรงที่ใช้ชีสนมควายที่มีความเข้มข้น หอมมัน และหวานนิดๆ นำมาคลุกเคล้ากับเห็ดทรัฟเฟิลดำโรยหน้าพิซซ่า และราดด้วยน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลเพิ่มความหอมอีกที เสิร์ฟมาร้อนๆ พิซซ่าแป้งบางกรอบชีสนุ่มยืดหอมกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลขึ้นจมูกเวลากัดพิซซ่าเข้า ปาก ได้รสชาติพาร์ม่าแฮมนุ่มอร่อย
Calzone Larb Clam Cheese
       ตามติดมาชิม Calzone Larb Clam Cheese (180 บาท++) คล้ายพิซซ่าแต่ว่ามาแบบพับครึ่ง และข้างในสอดไส้ด้วยหอยลายรมควันที่นำมาปรุงแบบครบเครื่องลาบของไทย อบเสิร์ฟมาร้อนๆ กินแล้วรสชาติแปลกใหม่ตรงที่แป้งนุ่มๆ ชุ่มด้วยหอยลายรสลาบจัดจ้านแบบไทยๆ
Stuffed Pork Chop Mustard Sauce
       จากนั้นมาลิ้มรส Stuffed Pork Chop Mustard Sauce (300 บาท++) เป็นพอร์คชอพเกรดเอไซด์ใหญ่ ข้างในยัดไส้ด้วยแฮมเห็ดหอมสด และมอสซาเรลลาชีส เข้าอบจนสุกได้ที่แล้วราดด้วยเกรวี่มัสตร์าดครีมซอสสูตรพิเศษ หั่นพอร์คชอพเจอไส้ข้างในกินแล้วอร่อยได้ใจ เนื้อหมูนุ่มกำลังดี ฉ่ำไส้ข้างในรสกลมกล่อม เข้ากับน้ำเกรวี่รสนุ่มละมุน กินเคียงกับสลัดและมันฝรั่งทอดถูกปากโดนใจกันไป
Black Sesame Panna Cotta & Mix Fruits
       ปิดท้ายด้วยของหวาน Black Sesame Panna Cotta & Mix Fruits (120 บาท++) เป็นพานาคอตต้าสูตรทางร้านที่ใช้หัวกะทิสด ใส่เจลาตินและงาดำเคี่ยวไฟจนได้ที่ ใส่พานาคอตต้าเสิร์ฟมาในแก้ว แต่งหน้าด้วยผลไม้สดนานาชนิด ลิ้มรสพานาคอตต้าเนื้อเนียนนุ่ม ได้กลิ่นงาดำอ่อนๆ หอมกะทิหวานมันรสชาติลงตัวเข้ากับผลไม้สด
      
       เหล่านี้ถือว่าเป็นเมนูเด่นของทางร้านที่พวกเราได้เลือกสั่งมากินกัน จนอิ่มหนำ แต่ก็ยังเห็นว่ามีเมนูเด็ดอื่นๆ ที่น่าลองลิ้มอีกอาทิ New York Cheese Cake (140 บาท++) Linguine Tom Yum River Prawn (280 บาท++) Pear & Blue Cheese Pizza (200 บาท++) Duck Pomelo Salad (180 บาท++) 24-Hour Marinated B.B.Q. Pork Spareribs (300 บาท++) และอีกสารพัดเมนูที่หมุนเวียนเปลี่ยนใหม่อยู่เรื่อยๆ ซึ่งหากมิตรรักนักกินคนไหน มีไลฟสไตล์ที่ชอบกินเหมือนอย่าง “ตระเวนกิน” ขอแนะนำว่าให้ลองมาที่ร้าน “Mellow” แห่งนี้ เพราะที่นี่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างสบายๆ
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
      
       
“Mellow” (เมลโล่) ตั้งอยู่ที่ The Crystal Park  เฟส2  201, 203 ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แขวง/เขตลาดพร้าว กทม. การเดินทาง จากทางถนนพระราม 9 เลี้ยวซ้ายเข้าถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แล้วตรงไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานข้ามถ.ลาดพร้าว ตรงไปเจอเทสโก้โลตัสแล้วชิดซ้ายไว้ จะเห็นคริสตัล พาร์ค อยู่ซ้ายมือ ตรงเข้ามาด้านในคริสตัล พาร์ค เฟส2 จะเห็นร้านเมลโล่อยู่ด้านลานจอดรถ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.00-01.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-01.00 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร. มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2515-0748 และมีอีกสาขาอยู่ที่ ซ.ทองหล่อ 16 โทร. 0-2382-0065

“น้ำ”เลิศล้ำอาหารไทย 1 ใน 50 ร้านอาหารดีที่สุดในโลก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์28 มิถุนายน 2555 15:47 น.

บรรยากาศภายในห้องอาหารน้ำ ชวนนั่งสบายๆ
       “อาหารไทย” เป็นอาหารประจำชาติของประเทศไทย มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของนานาชาติ เรียกว่าหากใครได้ลองลิ้มอาหารไทย เป็นต้องติดใจและชื่นชอบในเสน่ห์ของอาหารไทย ทั้งหน้าตาของอาหารอันสวยงามประณีต และรสชาติอันครบรสชวนลิ้มลอง
      
       ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้กล่าวอ้างเกินจริง เพราะว่าห้องอาหารที่ชื่อว่า “น้ำ” (nahm) เป็นห้องอาหารของโรงแรมเมโทรโพลิแทน กรุงเทพฯ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งจัดขึ้นโดย The World’s 50 Best Restaurants Academy
เชฟ เดวิด ทอมป์สัน ผู้รังสรรค์เมนูอาหารไทย
       อาหารไทยของที่ห้องอาหารน้ำแห่งนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเชฟเป็นชาวออสเตรเลีย ชื่อว่า เดวิด ทอมป์สัน ผู้ หลงใหลในเสน่ห์ของอาหารไทย และได้ทำการศึกษาค้นคว้าหาสูตรอาหารไทยดั้งเดิม และนำมาปรุงแต่งเป็นอาหารไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ที่ทางเชฟได้รังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษ คัดสรรแต่วัตถุดิบที่มีคุณภาพและสดใหม่ เพื่อให้ได้ลิ้มรสอาหารไทยแบบต้นตำรับ
      
       มื้อนี้ “ตระเวนกิน” เลยขอชวนแฟนๆ อาหารไทยมาสัมผัสรสชาติอาหารไทยของที่ห้องอาหารน้ำนี้กัน เพียงแค่มาถึงก็สัมผัสได้กับบรรยากาศของห้องอาหารที่ตกแต่งแบบโมเดิร์นแฝง ไว้ด้วยกลิ่นอายความเป็นไทยเข้ากับบรรยากาศร่วมสมัยของโรงแรมเมโทรโพลิแทน ได้อย่างลงตัว ชวนนั่งแบบผ่อนคลายมีความเป็นส่วนตัว มีห้องวีไอพีบริการ มีโซนโต๊ะนั่งแบบสบายๆ และโซนนั่งรับลมเย็นๆ ริมสระน้ำ
      
       สำหรับอาหารไทยของที่นี่มีทั้งแบบอลาคาสและแบบเซ็ตเมนูให้เลือกสั่ง มากินกันตามใจชอบ และมีเมนูหลากหลายให้ได้เลือกสั่งกัน ซึ่งในมื้อนี้เราขอเลือกสั่งแบบเป็นเซ็ตเมนูกลางวันมากินกัน แต่ก่อนที่จะได้กินอาหารที่สั่งไป ที่นี่จะเสิร์ฟม้าห้อให้ได้ลิ้มรสกันก่อน (ตามจำนวนคน) เป็นม้าห้อแบบไทยๆ รสชาติดี
กอและหอยแมลงภู่
       และเซ็ตแรกที่เราเลือกสั่งมา คือ เซ็ตขนมจีน (800 บาท++/คน) โดยเซ็ตเมนูของที่นี่จะประกอบไปด้วย อาหารว่าง (เลือกได้ 2 อย่าง) อาหารจานหลัก และขนม (เลือกได้ 1 อย่าง) ซึ่งเซ็ตขนมจีนมีหลายน้ำยาให้เลือกหลายอย่าง (เลือกได้ 1 อย่าง) อาหารว่างที่เลือกมามี กอและหอยแมลงภู่ เป็นหอยแมลงภู่หมักน้ำกะทิและเครื่องแกงสูตรพิเศษนานข้ามคืน นำมาเสียบไม้ย่างและรมควันด้วยกากมะพร้าว กินแล้วอร่อยถูกปากกับเนื้อหอยสดนุ่มถึงเครื่องแกงเข้มข้นโดนใจ อีกอย่างคือ
ข้าวทอดแหนมสด
       ข้าวทอดแหนมสด ที่มีข้าวทอดที่กรอบนุ่มและแหนมสดออกเปรี้ยวกำลังดี ที่คลุกเคล้ามากับเครื่องสมุนไพรไทยอย่างขิง หอมซอย ใบสะระแหน่ ห่อกินกับใบชะพลูเคี้ยวกร้วมเข้ากันรสชาติกลมกล่อมลงตัว
ขนมจีนแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลา
       ส่วนขนมจีนเสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อเค็มทอดและปลาสลิดทอด และเลือกน้ำยาเป็นแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลา ที่ กินแล้วขอยกนิ้วให้กับรสชาติอันเข้มข้นของแกงเขียวหวานที่ถึงพริกถึงเครื่อง แกง หอมหวานมันกะทิกำลังดี และลูกชิ้นปลากรายก็เคี้ยวนุ่มหนึบหนับปากข้างในสอดไส้ไข่เค็มแดงด้วย
ยำตะไคร้
       และขนมเลือกเป็น ขนมเบื้องหวานลำไย ที่ กินแล้วได้ใจกับแป้งขนมเบื้องที่บางกรอบ เต็มปากเต็มคำกับไส้ฝอยทองหวานนุ่ม และยังมีเนื้อมะพร้าวอ่อน เนื้อลำไย ลูกเกด เปลือกแตงโมแช่อิ่ม และผิวส้มซ่าแช่อิ่ม
ผัดกระเทียมดองใส่กุ้ง ไก่ และไข่
       แล้วอีกเซ็ตที่สั่งคือ เซ็ตอาหารไทย (1,100 บาท++/คน) ซึ่งก็ให้เลือกอาหารว่าง (เลือกได้ 2 อย่าง) อาหารจานหลัก (เลือกได้ 3 อย่าง) ขนม (เลือกได้ 1 อย่าง) และข้าวสวยเป็นข้าวหอมมะลิหุงพิเศษมีความหอมเสิร์ฟฟรีเติมได้ตลอด
แกงเผ็ดไก่
       เซ็ตนี้เราเลือกอาหารว่างเหมือนเซ็ตเมนูขนมจีน ส่วนอาหารจานหลักที่เลือกมาลองลิ้มก็มี ยำตะไคร้ กินดีต่อสุขภาพเต็มไปด้วยตะไคร้สดซอยละเอียดยำใส่กุ้ง กะทิสดและเครื่องปรุงต่างๆ กินแล้วรสชาติดีถูกปากหอมกลิ่นตะไคร้ อีกอย่างคือ ผัดกระเทียมดองใส่กุ้ง ไก่ และไข่ เป็นกระเทียมโทนดอง เอามาผัดใส่ กุ้ง ไก่ และไข่ กินแล้วรสชาติอร่อยได้ใจ
ลอดช่องทรงเครื่อง
       อย่างสุดท้ายเป็น แกงเผ็ดไก่ ที่เลือกใช้ไก่จากโครงการหลวงนำมาผัดกับเครื่องแกงสูตรพิเศษ และเครื่องเทศต่างๆ ผัดมาแบบมีน้ำขลุกขลิก ชิมแล้วแกงเผ็ดเด็ดได้ใจ เนื้อไก่นุ่มชุ่มเครื่องแกงเผ็ดรสเข้มข้นถึงเครื่องแกง และขนมเลือกเป็น ลอดช่องทรงเครื่อง กิน แล้วหวานชื่นใจกับลอดช่องน้ำกะทิหอมหวานมัน ใส่แตงไทย ลูกชิด เผือก ข้าวโพด ข้าวเหนียวดำ และยังมีลำไยสดกับตะโก้สาคูไส้แห้วให้กินคู่กันอีกด้วย
ขนมเบื้องหวานลำไย
       มื้อกลางวันนี้ทำเอาเราอิ่มท้องกับอาหารไทยเลิศรสนานาเมนู แต่ถ้าอยากจะมากินเป็นมื้อเย็นก็มีเมนูที่ชวนลองลิ้มอีกมากอาทิ แกงกะทิปู (580 บาท++) ปลาร้าปลาช่อนผัด (530 บาท++) ผัดเผ็ดกบ (500 บาท++) แกงจืดเป็ดย่างมะพร้าวอ่อน (260 บาท++) และเมนูอาหารไทยอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้ลิ้มรสอาหารไทยกันแบบหลากหลาย เรียกว่าถูกปากถูกใจแฟนๆ อาหารไทยกันเป็นแน่ ขอเพียงแค่เดินทางมาสัมผัสรสชาติกันด้วยตัวเองที่ห้องอาหาร “น้ำ” โรงแรมเมโทรโพลิแทน กรุงเทพฯ
โต๊ะนั่งด้านนอกรับลมเย็นสบาย
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ห้องอาหาร “น้ำ” (nahm) ตั้งอยู่ที่โรงแรมเมโทรโพลิแทน กรุงเทพฯ 27 ถ.สาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. เปิดบริการทุกวัน มื้อเย็น เวลา 19.00-22.30 น. และมื้อกลางวัน เปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-14.00 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร. มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2625-3388