“ครัวกรรณิการ์” ไม่เหมือนใคร มีแต่ไก่ อร่อยโดน

เครดิตโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์5 กรกฎาคม 2555 11:14 น.

บรรยากาศภายในร้าน “ครัวกรรณิการ์”
       สำหรับร้านอาหารแต่ละร้าน ที่นำเสนอขายอาหารให้กับเหล่านักกินทั้งหลาย ต่างก็ต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรสชาติอาหาร บรรยากาศร้าน และการบริการที่ประทับใจ เพื่อดึงดูดใจให้ลูกค้ามากินอาหารที่ร้าน
      
       เหมือนเช่นร้านอาหารที่ “ตระเวนกิน” อยากจะพาไปสัมผัสกันใน มื้อนี้ ต้องบอกว่าเป็นร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ นั่นคือร้านนี้จะขายแต่เมนูอาหารที่ทำมาจากไก่เท่านั้น และร้านที่ว่านี้ก็คือ “ครัวกรรณิการ์” ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โต๊ะนั่งมุมสบายๆ
       “ครัวกรรณิการ์” เป็นร้านอาหารที่ถ้าใครมาที่หัวหินและชอบกินไก่ ต่างต้องแวะมาอิ่มท้องกับเมนูไก่สารพัดอย่างของที่ร้านนี้ ซึ่งทางร้านมีแต่อาหารไทยที่ทำมาจากไก่เท่านั้น และทางร้านเน้นเรื่องการคัดสรรแต่วัตถุดิบที่ดี และปรุงอย่างพิถีพิถัน เพื่อได้มาซึ่งเมนูไก่ที่ชวนกินทั้งนั้น
ไก่ทอดโกศล
       อย่างเมนูไก่ชูโรงของที่นี่ มาแล้วต้องสั่งมากินกันให้ได้คือ ไก่ทอดโกศล (ชิ้นละ 50 บาท) เป็นไก่ทอด ที่มีความพิเศษโดดเด่นอยู่ตรงที่ ทางร้านเลือกใช้ไก่ที่มีคุณภาพ คัดขนาดตัวละ 1 กิโลกรัม นำมาหมักกับเครื่องหมักไก่สูตรพิเศษของคุณตาโกศล เปรมศรี แล้วนำไก่ที่หมักจนได้ที่มาทอดกรอบ ไก่ทอดเสิร์ฟมาร้อนๆ มีให้เลือกกินหลายส่วน ทั้งอก สะโพก น่อง ปีก ฉีกไก่กินตอนร้อนๆ หนังไก่กรอบและเนื้อในขาวนุ่ม จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วมะขามสูตรเด็ดของทางร้าน อร่อยโดนใจปากจริงๆ
ปีกไก่ยัดไส้
       ตามมาด้วยเมนูนี้ ปีกไก่ยัดไส้ (ชิ้นละ 60 บาท) ทางร้านนำปีกไก่มาเลาะกระดูกออกแล้วทำไส้ที่มีส่วนผสมของหมู กุ้ง และวุ้นเส้นที่คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงต่างๆ ผัดจนเข้ากันแล้วนำมายัดที่ปีกไก่ และชุบแป้งทอบกรอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ หั่นปีกไก่เห็นไส้ข้างใน ชิมแล้วรสชาติถูกใจ ตรงที่ปีกไก่กรอบๆ ไส้ข้างในรสชาติดีกลมกล่อม มีน้ำจิ้มบ๊วยให้จิ้มกินคู่กัน
ลาบไก่
       แล้วก็มากินเมนูแซบๆ จานนี้ ลาบไก่ (70 บาท) ที่ทางร้านนำเนื้อไก่มาบดและเอามาลวกสุก แล้วคลุกเคล้ากับเครื่องลาบไทยแบบครบเครื่อง ซึ่งทางร้านคั่วข้าวคั่วเองแบบหอมๆ กินแล้วเนื้อไก่นุ่มได้รสชาติลาบครบเครื่องแบบจัดจ้านถูกปากดีแท้ และมีผักพื้นบ้านสดๆ หลายชนิดให้กินแกล้มกับกับลาบ
แกงเขียวหวานไก่
       จากนั้นมาชิมเมนูน้ำๆ แกงเขียวหวานไก่ (70 บาท) เสิร์ฟมาร้อนๆ หอมกลิ่นเครื่องแกงมาก เพราะทางร้านโขลกเอง ชิมแล้วสัมผัสได้ถึงรสชาติแกงเขียวหวานไก่เข้มข้นน้ำกะทิ ใส่เนื้อไก่นุ่มๆ กับเครื่องในไก่อย่างกึ๋นและเลือด แกงใส่มะเขือเปราะกับมะเขือพวงด้วย
ขนมจีนน้ำยาไก่
       แล้วก็ต้องไม่พลาดเมนูนี้ ขนมจีนน้ำยาไก่ (ชดเล็ก 50 บาท ชุดกลาง 100 บาท ชุดใหญ่ 150 บาท) มาแบบครบชุดมีขนมจีน ผักต่างๆ และน้ำยาไก่ที่เป็นน้ำยากะทิคั้นสด ทางร้านโขลกเครื่องแกงเอง และนำเนื้อไก่ป่นมาผสมกับน้ำยา เป็นน้ำยาออกข้นๆ กินย้ำยาไก่กับขนมจีนเส้นนุ่ม อร่อยถูกปากมากกับน้ำยาไก่รสดี เข้มข้นด้วยเนื้อไก่ ออกเผ็ดเครื่องแกงนิดๆ
ลอดช่องน้ำกะทิ
       และก็ต้องล้างปากด้วยของหวานขึ้นชื่ออย่าง ลอดช่องน้ำกะทิ (30 บาท) เป็นลอดช่องไทยใบเตยตัวกลมๆ ใส่มาในน้ำกะทิอบควันเทียนหอมๆ ใส่น้ำแข็งเย็นๆ กินแล้วชื่นใจกับลอดช่องเนื้อนิ่มหอมกลิ่นใบเตยอ่อนๆ ซดน้ำกะทิหอมหวานโดนใจ
      
       เรียกว่าเมนูไก่ที่นำเสนอมานี้ หากมาที่ร้านนี้แล้วต้องสั่งมากินกันให้ได้ และก็ยังมีเมนูไก่อื่นๆ ที่น่ากินอีก อาทิ กระเพราไก่ (70 บาท) แกงป่าไก่ (70 บาท) ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (70 บาท) ต้มยำไก่ (70 บาท) ไก่สามรส (70 บาท) น้ำมะพร้าวน้ำหอม (40 บาท) ที่ชวนให้นั่งในกินในบรรยากาศร้านที่ชวนนั่งสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติแมกไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนมานั่งกินข้าวอยู่ที่บ้าน ได้ทั้งความผ่อนคลายและอิ่มท้องไปในคราวเดียวกันเพียงแค่พากันมาที่ร้าน “ครัวกรรณิการ์”
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “ครัวกรรณิการ์” ตั้งอยู่ที่ 190/7 ซ.ชูพงษ์ ถ.เพชรเกษม อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ การเดินทางจากกรุงเทพฯ ตรงไปจ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้ถ.เพชรเกษมถึงสี่แยก.ดำเนินเกษม เลี้ยวเข้ามาตรงทางรถไฟ พอเห็นแยกรถไฟแล้วให้เลี้ยวซ้ายตรงมาประมาณ 200 ม. จะเห็นครัวกรรณิการ์อยู่ซ้ายมือ จุดสังเกตุมีต้นไม้ใหญ่ สามารถจอดรถเลียบทางรถไฟฝั่งใต้ หรือ ริมถนนหน้าร้านครัวกรรณิการ์ เปิดทุกวัน (ทุกอาทิตย์จะหยุด 1 วันเป็นวันธรรมดา) เวลา 10.30-15.30 น. โทร. 0-3251-2069 (ไม่รับจองโต๊ะ)

“Aree Alley” อาหารรสดี บรรยากาศรื่นรมย์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์12 กรกฎาคม 2555 16:08 น.

บรรยากาศโต๊ะนั่งด้านในห้องแอร์ของร้าน Aree Alley
       หน้าฝนอย่างนี้ หากได้มานั่งสังสรรค์กินข้าวกับผองเพื่อนร่วมก๊วน ท่ามกลางบรรยากาศร้านที่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ มีสายฝนตกพรำสร้างความชุ่มฉ่ำ นับเป็นการผ่อนคลายที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งถ้าหากใครชอบนั่งกินข้าวในบรรยากาศสวนสวยๆ รื่นรมย์ด้วยต้นไม้สีเขียวดูสดชื่น แล้วล่ะก็ อยากจะชวนให้พากันมาที่ร้านนี้ “Aree Alley Cafe’ & Wine Garden” (อารีย์อัลลี่คาเฟ่แอนด์ไวน์การ์เด้น ) ที่ตั้งอยู่ตรง ซ. อารีย์สัมพันธ์ 4
โต๊ะนั่งด้านนอกบรรยากาศสวนสวยนั่งรับลมเย็นสบาย
       อารีย์อัลลี่ เป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศชวนนั่ง ทางร้านจัดพื้นที่ของร้านให้เป็นสวนสไตล์ยุโรป มีต้นไม้น้อย-ใหญ่ดูเขียวขจี โดยจัดโต๊ะให้เลือกนั่งในหลากหลายมุมของสวนที่จัดตกแต่งเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อีกทั้งยังมีโซนโต๊ะนั่งด้านในห้องแอร์ ที่จัดมุมนั่งแบบสบายๆ มีตู้โชว์เค้กซึ่งจะมีเค้กโฮมเมดให้ได้เลือกสั่งมากินกัน และก็ยังมีมุมไวน์ที่มีจากทั่วโลกให้นักดื่มไวน์ได้เลือกมาดื่มกันตามใจชอบ
      
       สำหรับเรื่องอาหาร ร้านนี้บริการอาหารแนวฟิวชั่น มีทั้งอาหารไทยและอาหารยุโรป ที่ทางร้านคิดสูตรอาหารขึ้นมาโดยเฉพาะ และมีเมนูหลายหลากให้ได้เลือกสั่งมาชิมกัน ซึ่งในมื้อนี้เราขอแนะนำเมนูจานเด่นๆ ที่ถ้ามาแล้วต้องสั่งมากินกัน
Aree Alley Chip
       เริ่มด้วยจานแรก Aree Alley Chip (120 บาท+) เป็นเมนูซิกเนเจอร์เมนูใหม่ของที่นี่ ทางร้านนำมันฝรั่งมาสไลด์เป็นแผ่นแล้วคลุกเคล้ากับเครื่องเทศไทยต่างๆ ทอดจนเหลืองกรอบ ส่งชิ้นมันฝรั่งเข้าปากเคี้ยวกรอบกรุบหอมมันปากได้รสชาติเครื่องเทศกลมกล่อม และจิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษออกเปรี้ยวๆ หวานๆ เผ็ดนิดๆ ถูกปากดีจริง
สปาเก็ตตี้ไส้กรอกอิตาเลี่ยน
       เมนูต่อมาเป็น สปาเก็ตตี้ไส้กรอกอิตาเลี่ยน (190 บาท+) เป็นสปาเก็ตตี้ผัดกับน้ำมันมะกอก ใส่พริกแห้ง ใบโหระพา และไส้กรอกหมูอิตาเลียน ผัดมาแบบแห้งๆ ชิมแล้วเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มหอมกลิ่นโหระพาอ่อนๆ ออกเผ็ดนิดๆ และเข้ากันดีกับไส้กรอกหมูเนื้อนุ่มรสดี
มัจฉาลุยตะไคร้
       มากินเมนูปลากันบ้างกับ มัจฉาลุยตะไคร้ (230 บาท+) เป็นปลาดอรี่หั่นมาเป็นชิ้นๆ ชุบแป้งทอด แล้วก็มีตะไคร้กับเครื่องสมุนไพรไทยๆ ที่ปรุงรสทำแบบน้ำยำ แล้วนำมาราดบนเนื้อปลา โรยหน้าด้วยมะม่วงหิมพานต์ และก็ยังมีตะไคร้กับสมุนไพรทอดกรอบมาให้กินเคียงอีกด้วย กินแล้วเนื้อปลานุ่มแน่นชุ่มน้ำยำรสเปรี้ยวแซบกลมกล่อม เข้ากันกับสมุนไพรที่กินดีต่อสุขภาพ
ปลาดอรี่ย่างมันบด
       ตามด้วยอีกหนึ่งเมนูปลา คือ ปลาดอรี่ย่างมันบด (280 บาท+) ทางร้านเลือกปลาดอรี่ชิ้นใหญ่เอาไปกริลล์ให้เนื้อปลาสุกได้ที่ แล้วก็มีน้ำเกรวี่ปรุงพิเศษที่ทำจากซอสมิโซะมาให้ราด มีมันบดและผักโขมมาให้กินเคียงกัน แล่เนื้อปลาส่งเข้าปากเคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงความนุ่มหวานของเนื้อปลาสดกิน เข้ากันดีกับน้ำเกรวี่หอมๆ รสกลมกล่อม และมันบดก็เนื้อเนียน
ไวท์ชอคชีสเค้ก
       ล้างปากด้วยเมนูของหวานคือ ไวท์ชอคชีสเค้ก(95 บาท+) เค้กโฮมเมดที่ทางร้านทำเอง เป็นไวท์ชอคชีสเค้กที่ดฐานล่างเป็นโอริโอ และข้างในสอดไส้ด้วยบลูเบอร์รี่ ราดตกแต่งด้วยซอสสตรอเบอร์รี่ ชิมแล้วเนื้อเค้กนุ่มแน่นหวานหอมชอคโกแลตและหวานอมเปรี้ยนิดๆ จากบลูเบอร์รี่
Magic Drink
       จากนั้นปิดท้ายกันด้วย เครื่องดื่มเย็นๆ อย่าง Magic Drink (59 บาท+) มาดื่มให้ชื่นใจกันก่อน เป็นเครื่องดื่มสีสวย ทำมาจากอัญชันแห้งนำไปต้มแล้วใส่ไซรัป ดื่มแล้วหอมหวานชื่นใจ
      
       นอกจากเมนูต่างๆ ที่ได้นำเสนอมานี้ถือว่าเป็นเมนูเด็ดที่อยากให้ได้ลิ้มลองกันให้ได้ แต่ถ้ามากันหลายคนก็ยังมีเมนูเด่นๆ ที่น่าลองลิ้มอีก อาทิ ลาบสวิงกิ้ง (230 บาท+) หมูหรือเนื้อตุ๋นต้มแซบ (230 บาท+) ไส้กรอกรวม (270 บาท+) สเต็กริบลาย (360 บาท+) เฟตตูชินี่ซีฟู้ดซอสแกงกะหรี่ (230 บาท+) และเมนูอื่นๆ ที่ชวนลิ้มลองอีกมากมาย ซึ่งเมนูของที่นี่จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อที่ว่าลูกค้าจะได้ไม่จำเจกับรสชาติ
      
       เอาเป็นว่ายามที่อากาศเย็นสบายๆ หากใครอยากจะรื่นรมย์กับการนั่งข้าวท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยๆ ก็อยากชวนให้มาที่ร้าน “Aree Alley” แห่งนี้ ซึ่งทุกวันอังคาร - วันศุกร์ ตั้งแต่ 19.30 น. เป็นต้นไป จะมีนักดนตรีมาเล่นเพลงสดๆ แนวอะคูสติกและบอสซ่า ให้ฟังแบบเพลิดเพลินช่วยให้เคลิบเคลิ้มไปกับการกินอาหาร
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Aree Alley Cafe’& Wine Garden” (อารีย์ อัลลี่ คาเฟ่ แอนด์ ไวน์การ์เด้น) ตั้งอยู่ที่ 2/1 ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4 ถ.พหลโยธิน สามเสนใน พญาไท กทม. การเดินทางจากถ.พหลโยธิน ให้ตรงเข้าซ.พหลโยธิน 7 ตรงไปซ.อารีย์สัมพันธ์ 4 จะเห็นร้านอารีย์อัลลี่อยู่ริมถนน มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน มีที่จอดรถและลานจอดรถบริการ เปิดจันทร์-เสาร์ เวลา 11.00-24.00 น. ถ้ามากินอาหารแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2278-5325 ถึง 6 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  www.areealley.com 

“Joe’s Table” โต๊ะแห่งความอร่อย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์19 กรกฎาคม 2555 16:16 น.
       หิวกันแล้วหรือยัง…??
      
       หากแฟนๆ นักกินคนไหนกำลังหิวแล้วอยากจะหาอาหารอร่อยๆ ใส่ท้องให้คลายหิวแล้วล่ะก็ ไปรอที่โต๊ะอาหารได้เลย แต่ว่าไม่ใช่โต๊ะกินข้าวที่บ้านของทุกคนหรอกนะ
      
       แต่ว่า “ตระเวนกิน” จะพามายังร้าน “Joe’s Table” (โจส์ เทเบิ้ล) ที่เป็นร้านอาหารน่ารักๆ นำเสนออาหารอร่อยๆ ช่วยให้ทุกคนหายหิวได้
       ภายในร้านโจส์ เทเบิ้ลตกแต่งอย่างอบอุ่นให้บรรยากาศคล้ายกับการมานั่งกินข้าวอยู่ที่บ้าน ตัวเอง หรือบ้านเพื่อน มีโต๊ะอาหารให้เลือกนั่งในมุมสบายๆ ได้ตามชอบใจ
      
       สำหรับอาหารของที่นี่ต้องบอกว่ามีความน่าสนใจ เพราะนำเสนออาหารฝรั่งเศสแบบต้นตำรับ รวมถึงยังมีอาหารอิตาเลียน โมร็อกคัล นิวออลีน และยังมีอาหารที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร นั่นคือมีอาหารโคโรเนียล หรืออาหารที่เป็นเมืองอาณานิคมของฝรั่งเศส เช่น อาหารเวียดนาม ที่ใช้เทคนิคการทำแบบฝรั่งเศส ซึ่งอาหารแต่ละเมนูของที่นี่จะคัดสรรแต่วัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ สดใหม่ และเน้นเรื่องความพิถีพิถันในการปรุงแต่ละเมนูให้ออกมาเป็นอาหารจานเด็ดที่ ชวนกินมากมาย
       เอาเป็นว่ามื้อนี้ “ตระเวนกิน” ขอเลือกเมนูเด่นๆ ที่น่าลองลิ้มมาให้ชิมกัน เริ่มด้วยเมนูนี้ Bitter melon salad (160 บาท++) เป็นสลัดมะระสไตล์เวียดนาม แต่ใช้วิธีปรุงแบบฝรั่งเศส ทางร้านนำเอามะระไปต้มกับนมก่อนเพื่อไม่ให้มะระขม แล้วจึงนำมายำกับผักสดต่างๆ อย่างผักแพว สะระแหน่ ผักชีใบเลื่อย หอมแดง พริกขี้หนู ปรุงรสชาติน้ำยำแบบจัดจ้าน โรยด้วยถั่วลิสงและหอมชุบแป้งทอด กินแล้วมะระกรอบนุ่มไม่ขมปาก เข้ากันดีกับผักสดๆ และน้ำยำรสชาติโดนใจ
       ตามมาด้วยอีกหนึ่งเมนูเวียดนาม Grilled beef wrapped with wild betel leaves (160 บาท++) เนื้อห่อใบชะพลูย่าง ที่ทางร้านใช้เนื้อสันนอกติดมันนิดหน่อยเอามาสับและปรุงรสชาติ และนำมาห่อกับใบชะพลูแล้วเอาไปย่างด้วยเตาถ่าน ลิ้มรสเนื้อห่อใบชะพลูย่างถูกปากมากเนื้อนุ่มเคี้ยวนิ่มเข้ากับใบชะพลูหอมๆ ยังมีน้ำจิ้มและซอสสูตรพิเศษให้กินคู่กันเพิ่มรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น
       และมาชิมเมนูปลา Fish fillets marinated with dill and turmeric (250 บาท++) ที่เสิร์ฟมาแบบหม้อไฟ เป็นอาหารเวียดนามที่นำเอาเนื้อปลาเก๋ามาหมักกับผงขมิ้นและผงกะหรี่ แล้วนำมาผัดกับน้ำมันมะกอก ใส่ผักชีลาวและต้นหอม มีขนมจีนและน้ำจิ้มกะปิเวียดนามให้กินคู่กัน ลิ้มรสเนื้อปลานุ่มได้กลิ่นของผงกะหรี่กับขมิ้นอ่อนๆ รสชาติเข้มข้น กินคู่กับขนมจีนและน้ำจิ้มหอมๆ ออกเค็มนิดๆ เข้ากันดีแท้
       จากนั้นก็มากิน Duck confit (350 บาท++) เป็ดอบกรอบสไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ ทางร้านพิถีพิถันในการปรุงเป็ดเป็นอย่างมาก ผ่านกรรมวิธีการทำตามสูตรเฉพาะกว่าจะได้เป็ดที่ต้องนำมาทอดให้หนังกรอบเนื้อ ข้างในนุ่ม แล้วก็นำเข้าเตาอบให้หนังกรอบอีกที กินแล้วต้องขอยกนิ้วให้เลยกับเป็ดที่หนังบางกรอบเนื้อในนุ่มมาก กินคู่กับน้ำจิ้มบาซามิค หรือน้ำพริกหนุ่มกับข้าวเหนียวดำ อร่อยลงตัวดีจริง
       แล้วมาชิมเมนูนี้ Dijonnaise Pork Chop with mustard sauce (380 บาท++) ทางร้านนำพอร์คชอปมาหมักเกลือ พริกไทย เอากระดาษไขมาปิดแล้วนำไปอบและยำไปย่าง ราดด้วยซอสที่มีส่วนผสมของเห็ดแชมปิยองนำมาผัดกับมัสตาร์ดดิจองและครีมสด แล่พอร์คชอปส่งเข้าปากเคี้ยวแน่นนุ่มปากผสานกับรสชาติซอสกลมกล่อมเข้ากัน และมีข้าวผัดสูตรพิเศษมาให้กินคู่กันแบบอิ่มท้องกันไป
       ส่งท้ายนำเสนออาหารอินโดนีเซีย Indonesian Fried rice with salted fish (185 บาท++) เป็นข้าวผัดปลาเค็มสไตล์ชวา ทางร้านนำเนื้อปลาเค็มไปนึ่งและหั่นเป็นชิ้นใหญ่สักหน่อย นำมาผัดกับข้าวหอมมะลิใส่ต้นหอมย่าง กระเทียมย่าง หอมใหญ่ย่าง พริกย่าง และมีน้ำซุปมาให้ด้วย กินข้าวผัดข้าวเม็ดนุ่มไม่แฉะไม่แห้งเกินไป เข้ากับเนื้อปลาเค็มหอมๆ อร่อยโดนใจปากมาก
      
       มื้อนี้เราก็แนะนำเมนูเด่นๆ ไปก็มากแล้ว แต่ว่าก็ยังมีเมนูอื่นๆ ในรายการอาหารที่ชวนชิมอีกมากมาย อาทิ Anchovy salad (160 บาท++) Banana blossom salad (135 บาท++) Pasta duck confit with bird eye chill (200 บาท++) Beef cubes with watercress (280 บาท++) ฯลฯ รวมถึงยังมีเค้กโฮมเมดอร่อยๆ ให้เลือกกินกันด้วย
      
       เรียกว่าถ้าหากใครหิวๆ ขอให้ดิ่งมาที่ร้าน “Joe’s Table” แล้วจะ ได้อิ่มเอมกับอาหารอร่อย ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ซึ่งทุกวันอาทิตย์ เวลา 17.00-20.00 น . ที่ร้านจะมีดนตรีเล่นสด แนวเพลงแจ๊ซให้ได้ฟังกันอย่างเพลิดเพลิน
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Joe’s Table” (โจ ส์ เทเบิ้ล) ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 โครงการ The Promenade (เดอะ พรอมานาด) ถ.รามอินทรา (ติดกับศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์) คันนายาว กทม. เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. โทร. 0-2947-5691 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/joestablebistro