การปลูกกุยช่าย

ที่มา กรมส่งเสริมการเกษตร
กุยช่ายเป็นพืชผักอยู่ในวงศ์ เดียวกับหอม กระเทียม มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน นิยมบริโภคในเอเซียทั่วไป เป็นพืช ข้ามปี มี 2 สายพันธุ์ คือ กุยช่ายใบ และกุยช่ายดอก
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ในสภาพแวดล้อมที่มีช่วงแสงสั้น อุณหภูมิต่ำ กุยช่ายจะพักตัว หยุดชะงักการเจริญ การทำลายระยะพักตัวสามารถทำได้โดยการ เพิ่มช่วงแสง (เปิดไฟในเวลากลางคืน) หรือผ่านอุณหภูมิต่ำเป็นระยะเวลานานในสภาพช่วง แสงยาว จะกระตุ้นให้เกิดการเจริญของดอก ในบางสายพันธุ์ต้องการอุณหภูมิ
ต่ำ สำหรับการเจริญเติบโตของดอก อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโต ของกุยช่าย คือ 20°ซ
สภาพดินที่เหมาะสม
กุยช่ายชอบดินที่ร่วนซุย มีหน้าดินหนา อินทรีย์วัตถุสูง ระบายน้ำ ได้ดี ค่า pH ของดินอยู่ระหว่าง 6.5 – 6.8
วิธีการปลูก
1. การปลูกโดยการเพาะเมล็ด (เมล็ดพันธุ์หนัก 3–4 กรัมมีจำนวน 1,000 เมล็ด ก่อนเพาะควรแช่เมล็ด ในน้ำผสมปุ๋ยโพแทสเซียมไนเตรท ( 13 – 0 – 50 ) เข้มข้น 0.1 % นาน 1 ชั่วโมง แล้วนำออกมาใส่ในผ้าเปียก เก็บในตู้เย็นด้านล่าง (5°ซ )เป็นเวลา 3–5 วัน รักษาความชื้นในวัสดุเพาะ สม่ำเสมอ เพื่อช่วยในการงอกของเมล็ดจึงนำออกมาผึ่งให้ผิวแห้ง การหยอด เมล็ดอาจใช้ถาดเพาะและหยอดเมล็ด 3 – 5 เมล็ด ต่อหลุม อุณหภูมิที่ เหมาะสมสำหรับการงอกของเมล็ดอยู่ระหว่าง 15 – 20°ซ เมล็ดจะงอกภายใน เวลา 7 – 14 วัน อายุกล้า 55 – 60 วัน หลังเพาะเมล็ด ระยะปลูก 12 – 20 ต้นต่อ ตารางเมตรหรือใช้ระยะปลูก30 x 30 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และความ อุดมสมบูรณ์ของดินใช้จำนวนต้นกล้า 3 – 4 ต้นต่อหลุม
2. ปลูกโดยการแยกกอ ใช้ต้นแม่พันธุ์อายุ 6 เดือนขึ้นไป ขุดและ แยกกอปลูก ก่อนปลูกควรตัดใบออกไปบ้าง เพื่อลดการคายน้ำ ตัดรากให้ เหลือยาว 1 – 2 เซนติเมตร ปลูก 3 – 4 ต้นต่อหลุม การปลูกกุยช่ายแต่ละ แปลงใช้เวลา 3 ปี หลังจากนั้นควรทำการแยกกอและเตรียมแปลงปลูกใหม่
การใส่ปุ๋ย
- หลังเตรียมดินควร ใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกอัตรา 2 กิโลกรัมต่อ ตารางเมตร
- หลังย้ายปลูก 7 วัน ควรใส่ ปุ๋ย 21–0 – 0 (แอมโมเนีย ซัลเฟต ) ในดินที่เป็นด่าง อัตรา 10กิโลกรัมต่อไร่ หรือ 13 – 0 – 0 – 26 ( แคลเซียมไน เตรท ) ในดินที่เป็นกรด อัตรา 15 กิโลกรัมต่อไร่
- หลังย้ายปลูกทุก 3 เดือน ใส่ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอก อัตรา 1 กิโลกรัม ปุ๋ย 13 – 13 – 21 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ และ 21 – 0 – 0 ในดิน ที่เป็นด่าง อัตรา 1 กิโลกรัมต่อไร่หรือ 13 – 0 – 26 ในดินที่เป็นกรด อัตรา 15 กิโลกรัม ต่อไร่
- หลังการเก็บเกี่ยว ใส่ปุ๋ย 21 – 0 – 0 ในดินที่เป็นด่าง อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ หรือ 13 – 0 – 26 ในดินที่เป็นกรดอัตรา 15กิโลกรัมต่อไร่ - วิธีการใส่ปุ๋ยหลังย้ายปลูก เจาะหลุมห่างจากต้น 10 เซนติเมตร
ด้านใดด้านหนึ่ง และใส่อีกด้านหนึ่งในครั้งต่อไปสลับด้านกัน - ฉีดพ่นปุ๋ยเกล็ด หรือปุ๋ยน้ำที่มีธาตุอาหารหลักและธาตุอาหาร รอง ในรูป สารละลายทางใบ ทุก ๆ สัปดาห์
การคลุมแปลงปลูก
ควรใช้วัสดุคลุมแปลงปลูก เช่นฟางข้าวเพื่อลดอุณหภูมิดิน รักษา ความชื้นและป้องกันวัชพืช ถ้าไม่คลุมแปลงปลูกควรพรวนดินตื้น ๆ เพื่อกำจัด วัชพืช
การให้น้ำ
ควรให้น้ำสม่ำเสมอ พืชจะชะงักการเจริญในกรณีที่ขาดน้ำ และ การให้น้ำมากเกินไปอาจทำให้รากและเหง้าเน่า ใบเหลืองตาย ระบบการให้น้ำที่เหมาะสมคือแบบน้ำหยด อาจจะใช้ระบบพ่น ฝอยหรือทดน้ำเข้าแปลงแต่ควรระวังในกรณีที่ใบเปียกโรคจะเข้าทำลายได้ง่าย
การผลิตกุยช่ายขาว
ระยะที่เหมาะสมสำหรับการ ผลิตกุยช่ายขาวคือ 3 เดือนหลังย้าย ปลูก (90วัน) เพื่อให้ได้ผลผลิตสูง นิยมปลูกในเดือนกรกฎาคม เริ่มเก็บเกี่ยวใน เดือนตุลาคม – มีนาคม
- ใช้มีดที่คมตัดใบออกให้ชิดดินทั้งกอ ( ขายเป็นกุยช่ายเขียว )
- ใช้กระถางดินเผาครอบต้น โดยใช้กระถางทรงกระบอก ขนาด ปากกว้าง 7 นิ้ว ก้นกระถางกว้าง 8 นิ้ว คลุมสูง 12 นิ้ว ครอบให้ชิดดินและปิด ไม่ให้แสงผ่านเพื่อให้เป็นกุยช่ายขาว ( ในประเทศจีนนิยมใช้อุโมงค์ไม้ไผ่ปิด ด้วยฟางหรือกระดาษหนา )
- ทยอยครอบและเก็บเกี่ยว ในปริมาณตามความต้องการของ ตลาด
- หลังเก็บเกี่ยว 1 เดือน (ปล่อยให้ใบเจริญ ) ตัดใบออกขายเป็น กุยช่ายเขียวและเริ่มครอบใหม่กระถางใหม่ เพื่อผลิตกุยช่ายขาว
การเก็บเกี่ยว
กุยช่ายเขียว สามารถเก็บเกี่ยว 3 – 9 ครั้งต่อปี ขึ้นอยู่กับพันธุ์ สภาพแวดล้อมและการดูแลรักษาระยะเวลาเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมคือเดือน ตุลาคม – มีนาคม
กุยช่ายขาว เก็บเกี่ยวหลังจากใช้กระถางครอบหรือคลุมแปลง ประมาณ 2 อาทิตย์ เก็บเกี่ยวเมื่อใบมรความยาว 20 เซนติเมตร ตัดโคนใบชิดดิน ล้างด้วยน้ำเย็น ตัดแต่งส่วนที่ถูกทำลายโดยโรค
แมลง หรือแผลที่เกิดจากการขนส่ง และเศษวัชพืชอื่นที่ปลอมปนเก็บไว้ในที่ ร่มป้องกันแสงอาทิตย์ในระหว่างเก็บรักษาและขนส่ง
กุยช่ายดอก เก็บเกี่ยวระยะดอกตูม ตัดโคนก้านดอกยาว 30 – 40 เซนติเมตร ใบมีอัตราการหายใจและคายน้ำสูง ควรเก็บรักษาในที่มี อุณหภูมิต่ำ ความชื้นสัมพันท์สูง โดยบรรจุในถุงพลาสติก เก็บในอุณหภูมิ 0° องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพันท์ 95 %

เรียบเรียงโดย : รศ. นิพนธ์ ไชยมงคล
สาชาพืชผัก มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ผลิตและเผยแพร่โดย : กลุ่มสื่อส่งเสริมการเกษตร
สำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี

ข้าวหมกไก่ "บังสุกรี" เจ้าเก่าศรีย่าน





ถ้า นึกถึงอาหารอิสลามแบบเร็ว เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงข้าวหมกไก่มาเป็นอันดับหนึ่ง และอาจจะตามมาด้วยซุปเนื้อ ซุปหางวัว โรตีมะตะบะ สลัดแขก...เป็นต้น

ซึ่ง แต่ละเมนูล้วนมีรสชาติความอร่อยเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง บางอย่างเน้นรสและกลิ่นหอมเครื่องแกงนำ บางอย่างเน้นเครื่องเคียง บางอย่างเน้นกรรมวิธีการปรุงแบบเฉพาะตัวและส่วนมากอาหารอิสลามจะเป็นการสืบ ทอดตำรับจากรุ่นสู่รุ่นกันภายในครอบครัวเท่านั้น

มติชน อคาเดมีได้ค้นพบเจ้าตำรับ "ข้าวหมกไก่" บังสุกรีเจ้าเก่าศรีย่านที่ยอมมาเผยสูตรเด็ดเคล็ดลับเป็นวิทยาทานให้กับผู้ ที่สนใจในวิชาชีพนี้

ครั้งนี้จึงเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญที่หลายคนไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

หลัก สูตรข้าวหมกไก่ของอาจารย์สุกรีที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นพ่อรุ่นปู่ตกทอด กันมา ตัวข้าวหมกก็จะมีลักษณะเด่นตรงที่ความหอมของเครื่องเทศและกลิ่นหอมเจียว รวมถึงเม็ดข้าวที่ให้สีเหลืองนวลชวนรับประทานมาก ส่วนตัวไก่ก็จะเลือกอกไก่นุ่ม ๆ ขนาดพอเหมาะมาคลุกเคล้าเครื่องเทศ

และทีเด็ดความอร่อยขั้นสุดท้ายเลยคือ "น้ำจิ้ม" รสเด็ดจริง ๆ

ใน เดือนมิถุนายนนี้อาจารย์สุกรีจะมาสอนสูตรเด็ด ข้าวหมกไก่พร้อมน้ำจิ้มสูตรลับที่จะมาเปิดเผยกันเป็นครั้งแรก สอนกันแบบหมดเปลือกตั้งแต่กระบวนการเลือกซื้อเนื้อไก่ และการหมักไก่ด้วยเครื่องเทศจากสมุนไพรหลายชนิด

การหุงข้าวอย่างไร ให้ได้ข้าวสวย ๆ การเลือกหั่นไก่และการหมักไก่ ตลอดจนการเสกกลิ่นหอมตามแบบฉบับของอาจารย์สุกรี ด้วยเครื่องเทศที่คัดสรรว่าดีที่สุด พร้อมทั้งเทคนิคในการทำน้ำจิ้มที่อาจารย์สุกรีบอกว่า ต้องจัดจ้าน สีสวย และไม่เหนียวข้น รสต้องเปรี้ยวนิดหวานนำ

ในหลักสูตรจะสอนทำซุปเนื้อ ด้วยอีกหนึ่งเมนู ที่เน้นว่าต้องร้อน ๆ เปื่อย ๆ ติดมันหน่อย ๆ รสชาติจะออกหวาน ๆ หอมชวนน่ารับประทาน โดยสูตรเด็ดอยู่ที่การใส่ขิงและรากผักชี อีกทั้งอบเชยซึ่งขาดไม่ได้ลงไป เมื่อซุปเนื้ออยู่ในชามแล้วที่ขาดไม่ได้คือหอมเจียววิเศษ โรยให้กลิ่นเตะจมูกหน่อย ๆ เสิร์ฟแพ็กคู่ผนึกกำลังความอร่อยที่ลงตัวที่สุด

"ไม่ ว่าจะทำอาหารอะไร เราขอเน้นที่ความสะอาดเป็นหลัก ตามมาด้วยรสชาติเป็นเอกลักษณ์ อร่อยกลมกล่อมในการหุงข้าว หมักไก่ และก็น้ำจิ้มสูตรเด็ด เราก็จะแถมการทำซุปเนื้อด้วย"

คุณพร้อมหรือยัง ที่จะมาร่วมแลกเปลี่ยนวัฒธรรมการกินด้วยกัน และร่วมฟังสูตรเด็ดเคล็ดลับต่าง ๆ ที่มีแค่ในห้องเรียนเพื่อที่ใครต้องการนำไปประกอบอาชีพจะไม่ผิดหวังแน่นอน


ขอบคุณ
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

พาสต้าและสปาเก็ตตี้อร่อยลิ้นที่ ห้องอาหารโบฑานิกา


       พาสต้าและสปาเก็ตตี้อร่อยลิ้นกันที่ ห้องอาหารโบฑานิกา ชั้น 4 โรงแรม อินทรา รีเจนท์ กรุงเทพ จัด โปรโมชั่นเอาใจคนรักเส้น พาสต้า-สปาเก็ตตี้ ให้เลือกอร่อย อาทิ พาสต้าซีฟู้ด สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล สปาเก็ตตี้เมอร์ริเนียน สปาเก็ตตี้ราดซอสสเปนีส และอีกมากมาย ราคา 285 บาท++เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.30 น.- 22.00 น. ตลอดเดือน มิ.ย.นี้ โทร. 0-2208-0022 ต่อ 344

       อร่อยอย่างไทย สไตล์โบราณ กันต่อที่ห้องฝั่งน้ำ คอฟฟี่ เฮ้าส์ โรงแรมรอยัลริเวอร์ ชวน มาอร่อยลืมอิ่มกับบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อกลางวัน พร้อมซุ้มเมนูพิเศษ ข้าวมันส้มตำ กินคู่แกงเผ็ดไก่สูตรโบราณ และเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย ราคา 380 บาท ++/คน พิเศษ มา 5 คน จ่าย 4 คน อร่อยได้ทุกวัน ตั้งแต่ 11.30 -14.00 น. สังสรรค์ 20 - 50 คน มีห้องส่วนตัวบริการ โทร. 0-2422-9222 ต่อ 1310

       สุดยอดติ๋มซำ ที่ห้องอาหารจีนอาเก่ง อาบาโลน โรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น ศรีนครินทร์ เชิญ มาสัมผัสความอร่อยติ่มซำสไตล์ฮ่องกง ให้ได้เลือกลิ้มลอง อาทิ ขนมจีบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปู กุ้ง หมู ก๋วยเตี๋ยวหลอดสารพัดไส้ เสี่ยวหลงเปา ฮะเก๋ากุ้ง ซาลาเปาไส้ลาวา และอื่นๆ อีกมากมาย มีโปรโมชั่นลด 50% บริการความอร่อยทุกมื้อกลางวันในวันจันทร์ถึงวันวันเสาร์ ตั้งแต่11.30 - 14.30 น. ตลอดเดือน มิ.ย.นี้ โทร. 0-2378-8000 ต่อ 4207

       อิ่มสบายๆ ในวันอาทิตย์ ที่ห้องอาหาร วี ไวน์ แอนด์ กริลล์ (VIE Wine & Grill) โรงแรม วี โฮเต็ล กรุงเทพฯ เชิญ มาใช้วันอาทิตย์เวลาสายๆ สบายๆ สัมผัสประสบการณ์ความอร่อยกับวี เลซี่ ซัน-เดย์บรั้นช์ VIE Lazy Sunday Brunch ที่มาพร้อมอาหารหลากชนิดทั้งไทยและนานาชาติ มาร่วมใช้เวลาสบายๆในวันว่างอย่างวันในการรับประทานอาหารอย่างมีสไตล์ที่ โปรโมชั่นพิเศษมา 4 จ่าย 3 ให้บริการทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่ 11.30 - 15.00 น. ราคา 900 บาท++/คน สำหรับอาหารอย่างเดียว และ 1,300++ บาทสำหรับอาหารพร้อมไวน์รสเลิศแบบไม่อั้น โทร. 0-2309-3939

       โปรโมชั่นพิเศษ High-Tea in the Park ที่ล็อบบี้เลาจน์ โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท 22 ชวนมาจิบน้ำชายามบ่าย กับโปรโมชั่นพิเศษ High-Tea in the Park พรั่งพร้อมไปด้วยกลิ่นอายของดอกไม้และบรรยากาศการตกแต่งที่สวยงาม
พร้อม สุขสดชื่นด้วยกาแฟ Lavazza หรือ ชา Ronnefeldt รสชาติหอมกรุ่นอย่างจุใจ มาพร้อมกับคัพเค็ก แซนวิช ฯลฯ รวมทั้งอาหารคาวและหวานที่ถูกใจนานาชนิด ราคา 499 บาทสุทธิ/คน เวลา 14.00-17.30 น. ตั้งแต่วันนี้ - 31 ต.ค. นี้ โทร. 0-2261-9300 ต่อ 5089

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

ก๋วยเตี๋ยวต้มยำนัว ประชาชื่น แซบ! นัว! อร่อยไม่ต้องปรุง

"ไปกินก๋วยเตี๋ยวและดูเซียมซีกันไหม" เพื่อนในออฟฟิศเอ่ยชักชวน "กันต์เอง' ไปกินมื้อเที่ยง จากนั้นก็หน้างงๆ เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม (?) สัก 10 อัน ว่าชวนไปกินก๋วยเตี๋ยว แล้วจะพาไปเขย่าเซียมซีด้วยได้ยังไง (อ่ะ) ในเมื่อเวลาพักเที่ยงก็ไม่นาน แถมแถวออฟฟิศก็ไม่มีศาลเจ้าให้ไปเสี่ยงทายดูดวงที่ไหน แล้วจะพาเราไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ไหน?
งงๆ ตามเขามา ใช้เวลาเดินทางแป๊บเดียว ก็มาถึงร้าน ก๋วยเตี๋ยวต้มยำนัว สูตรพริกเผา ถั่วคั่วสด  ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ถ.ประชาชื่น มีป้ายบอกชื่อร้านขนาดใหญ่ สังเกตเห็นไม่ยากจากริมถนน มองเข้าไปในร้่าน บรรยากาศร้านช่างน่ารักน่านั่ง ดูอินดีนิดส์ๆ ติสหน่ิอยๆ  มีโต๊ะให้เลือกนั่งทั้งด้านในด้านนอก หรือถ้าเป็นไม่ชอบอากาศร้อนๆ ก็เลือกนั่งในห้องแอร์ได้...
มา ถึงร้านแล้วผมยังไม่หายสงสัยว่ากินก๋วยเตี๋ยวเสร็จจะพาไปดูดวงเสี่ยงเซียมซี ต่อที่ไหนต่อ ถามไปถามมา เพื่อนก็เลยเฉลยให้ฟังว่า ก็ที่ร้านนี้ไง (ว่ะ) แล้วก็ชี้ไปที่ป้ายที่เขียนว่า เซียม C ใต้ชาม 1. กินอิ่มยกใต้ชามดูหมายเลขจ๊ะ 2. เชิญหยิบคำพยากรณ์อ่าน (ขำๆ) อ๋อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุดท้ายผมก็มาถึงบางอ้อ อ๋อ! มันมีที่มาที่ไปอย่างนี้เอง
พอ จับจองที่นั่งได้ พี่เจ้าของร้านก็เดินมารับออเดอร์จากลูกค้า นอกจากจะสั่งเมนูอร่อยๆ ที่เขียนแนะนำไว้มาชิมแล้ว ก็เลยขอถามเขาหน่อยว่า ดวงนี่แม่จริงๆ เหรอ พี่เขาก็ตอบแบบขำๆ ครับว่า มันเป็นไอเดียสร้างสรรค์ครับ เพราะอยากให้คนมาร้านนี้แล้วมีอะไรพูดถึง ซึ่งก็ใช้ได้จริงๆ เพราะคนไทยชอบดูดวง ชอบเสี่ยงทาย ชอบลุ้น พอกินอิ่มเขาก็จะยกก้นชามดูตัวเลข แล้วเอาใบเซียมซีมาอ่าน ว่าแม่นหรือเปล่า โดยเราเป็นคนออกแบบทั้งหมด ซึ่งใบเซียมซีมีทั้งหมด 28 ใบ ทำไห้ลูกค้าที่มาร้านนี้ส่วนใหญ่จะเรียกชื่อร้านว่า "ก๋วยเตี๋ยวเซียมซี" แทนที่จะเรียกชื่อ"ก๋วยเตี๋ยวหมู ต้มยำนัว" ซึ่งคำว่านัว ในภาษาอีสาน มีความหมายว่า อร่อยกลมกล่อม ตามที่เจ้าของร้านตั้งใจ
จากที่สังเกตดูขั้นตอนการทำและก๋วยเตี๋ยวที่สั่งมาชิม ก็พอบอกได้ว่า อร่อยรสชาติดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำนัว ที่ รุงด้วยเครื่องปรุงต้มยำสูตรเข้มข้น รสชาติกลมกล่อยอร่อยได้ใจ ในชามทั้งลูกชิ้น หมูเด้งนุ่มๆ และถั่วที่คั่วมาหอมกรุ่น บดแบบหยาบๆ ให้เราได้เคี้ยวเพลิน กินหมดโดยไม่รู้ตัว
หรือจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวหมกแห้งนัว ที่ ทำแบบแห้งจริงๆ ในชามเต็มไปด้วยเครื่อง และถั่วคั่วสดใหม่ๆ เม็ดโตๆ ที่ทางร้านลงมือทำเอง รสชาติเปรี้ยวนิด หวานๆ หน่อย ๆ กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หรือจะสั่งเกาเหลาตมยำนัว มาชิมสักชามกับข้าวเปล่าสักถ้วย ก็เข้มข้ม กลมกล่อมเข้ากันเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีของกินเล่นๆ เพลินๆ ให้ชิมระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวด้วย เช่น เกี๊ยวหมูเด้ง ที่ทอดมาเหลืองกรอบ กินกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ ที่รสชาติออกหวานนิดๆ เพลินจนลืมเวลาไปเลย หรือจะสั้งขนมหวานเป็นเฉาก้วยอร่อยๆ มาเติมหวานปิดท้ายมื้อก็ได้
หากมีเวลาก็แวะชิมความอร่อย และเติมความสนุกเสี่ยงดวงแบบเราได้ รับรองว่าอร่อยนัวสมคำร่ำลือแน่นอน
คู่มือนักชิม:
ชื่อร้าน: ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำนัว
ที่ตั้ง: ตรงข้ามโรงเรียน การเคหะท่าทราย (ด้านหลัง ม.ธุรกิจบัณฑิตย์)
เวลาเปิดปิด: จันทร์-ศุกร์ 10.00-19.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 9.00-18.00 น.
โทร. 08-6307-7320
การเดินทาง: จาก ถ. ประชาชื่นเข้าซอย Urban square ข้างๆ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เลยสามแยกแรกให้เลี้ยวซ้าย เจอสามแยกที่2 ให้เลี้ยวขวาตรงมาประมาณ 500เมตร อยู่ตรงข้าม โรงเรียนการเคหะท่าทราย ไปไม่ถูกโทร.สอบถามเจ้าของร้านได้
เรื่องและภาพ: กันต์เอง

103+ แฟคทอรี่ คาเฟ่เล็ก ๆ ในซอยอารีย์

บ่ายแก่ ๆ ในฤดูฝนที่ท้องฟ้าอึมครึมมีสีหม่นมักจะชวนให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายและอยากงีบ หนุ่มสาวออฟฟิศอย่างเราคงต้องมี Tea Break พักจิบชากาแฟแล้วเติมน้ำตาลให้ ร่างกายกระปรี้กระเปร่ากันเสียหน่อย วันนี้ We Recommend จึงขอชวนคุณไปผ่อนคลายกันที่คาเฟ่เล็ก ๆ ในซอยอารีย์ ที่ร้าน 103+ Factory ค่ะ



      Have a Good Day at My Place

      เข้ามาในซอยอารีย์ 4 (ฝั่งเหนือ) เราก็พบที่หมายเด่นสะดุดตา ตัวร้านทาสีดำเท่ ๆ กรุกระจกใสบานใหญ่ทำให้ภายในร้านโปร่งสบาย มีโซฟาเบดสำหรับเอนหลังให้ความ เป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน พร้อมชุดครัวเปิดส่งกลิ่นหอมจากขนมโฮมเมดที่อบเสร็จใหม่ ๆ ทุกวัน หลังจากเลือกมุมนั่งได้แล้วก็สั่ง Twinings Pure Peppermint (80 บาท) ชาร้อนหอมกลิ่นมินท์เหมาะกับเวลาบ่ายครึ้มฟ้าครึ้มฝนอย่างนี้ ยิ่งมี Macarons (ชิ้นละ 42 บาท) สีสดสวยหลากหลายรสชาติให้เลือกยิ่งเพิ่มความรื่นรมย์ในการจิบชาได้ มากขึ้น



      Drinking My Coffee & Having My Bakery

      นอกจากชาแล้วเครื่องดื่มร้อนอื่น ๆ ก็มีเสิร์ฟเช่น Hot Chocolate เพิ่ม Marshmallow นุ่มหนึบ (70 บาท), Hot Latte (60 บาท) กาแฟร้อนพร้อมฟองนมหนานุ่มทานคู่กับ Banana Roll (35 บาท) แยมโรลกล้วยเนื้อละมุน สำหรับช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ต้องไม่พลาด Choc Lava Set (130 บาท) ช็อกโกแลตพุดดิ้งอบร้อน ๆ ซ่อนลาวาช็อกรส เข้มข้น ทานคู่ไอศกรีมวานิลลาและวิปปิ้งครีม, Double Chocolate Crape Cake (120 บาท) เครปเนียนนุ่มราดซอสช็อกโกแลตเต็มรสช็อกโกแลตแบบยกกำลังสอง หรือ จะลองชิม Jelly (30 บาท) เจลลี่นุ่มหนึบเปรี้ยวอมหวานท็อปหน้าด้วยวิปครีมเนื้อเนียน



      ยังมีเมนูจานหลักไว้สำหรับคลายหิว เช่น สปาเกตตี้เบคอนผัดแห้ง+ไข่กุ้ง (180 บาท) สปาเกตตี้รสจัดจ้านโรยไข่กุ้งกรอบกรุบ, 103+ Secret Recipe Salad (80 บาท) สลัดผักสดพร้อมน้ำสลัดโฮมเมดสูตรเฉพาะที่ร้าน, ปอเปี๊ยะห่อชีสราดซอสไข่กุ้ง (120 บาท) เมนูทานเล่นเพลิน ๆ มีทีเด็ดอยู่ที่ซอสไข่กุ้ง และ เฟรนช์ฟรายเนยกระเทียม (90 บาท) พร้อมดิปสองรสสองสไตล์

      พักเติมพลังกันเรียบร้อยเราก็พร้อมกลับมาลุยงานกันต่อ หวังว่าทุกคนคงมีความคิดแล่นฉิวและสะสางงานวันนี้ให้เสร็จทันเวลากันนะคะ

ข้อมูลโดย
Bkkmenu