อาหารสร้างอาชีพ "โกแบ๋น-บางกร่าง" ก๋วยเตี๋ยวเรือดีลิเวอรี่

อาหารสร้างอาชีพ "โกแบ๋น-บางกร่าง" ก๋วยเตี๋ยวเรือดีลิเวอรี่





ภาพ : ภาพประกอบจากบล็อกแก๊ง




อาหารสร้างอาชีพ "โกแบ๋น-บางกร่าง" ก๋วยเตี๋ยวเรือดีลิเวอรี่
"ของผมเอาเส้นเล็กน้ำ 4 ต่อ 1 เหมือนเดิม"

ชาย ร่างใหญ่เดินเข้าไปใกล้เจ้าของร้าน ซึ่งกำลังสาละวนกับการลวกเส้น ลวกผักอยู่หน้าหม้อน้ำซุปใบใหญ่ แล้วร้องสั่งก๋วยเตี๋ยวเรือ ด้วยถ้อยคำซึ่งเป็นที่เข้าใจความหมายกันดีกับเจ้าของร้าน

"เส้นเล็กน้ำ 4 ต่อ 1 หมายถึง เส้นเล็กน้ำ 4 ชาม ทำเสร็จแล้วเอามารวมเป็นชามเดียวเลย"
"คุณพรชัย อ้นอุ่น" หรือ "โกแบ๋น" หนุ่มใหญ่วัย 47 ปี เจ้าของร้าน "ก๋วยเตี๋ยวเรือ โกแบ๋น-บางกร่าง" เฉลยให้ฟัง พร้อมรอยยิ้ม

ไม่ เพียงลูกค้ารายนี้เท่านั้น ที่สั่งด้วยสูตรนี้ หากแต่ยังคล้ายกันกับลูกค้ารายอื่น ที่เดินเข้ามาในร้าน ซึ่งตั้งอยู่ในซอยหมู่บ้านบัวทอง บนถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี

อาจจะต่างกันเพียงแค่รายอื่นสั่งครั้งละชาม แล้วสั่งเพิ่มอีก หรือบางรายก็สั่งพิเศษ 2 ชามในคราวเดียว

จะ เป็นเพราะว่าก๋วยเตี๋ยวเรือร้านนี้ ชามเล็กก็คงไม่ใช่ เพราะดูจากขนาดและปริมาณแล้ว ก็พอเหมาะกับราคาคือ ชามละ 15 บาท ซึ่งดูแล้วออกจะราคาย่อมเยาด้วยซ้ำไปในยุคสมัยปัจจุบัน

"เท่าที่รู้ ลูกค้าเขาบอกว่า รสชาติอร่อยถูกปาก เลยสั่งครั้งละหลายชาม ไม่ใช่เพราะให้น้อยหรอก"

โก แบ๋นตอบยิ้มๆ เมื่อถูกตั้งคำถาม พร้อมกับเล่าต่อว่า ส่วนหนึ่งมาจากสูตรเฉพาะของน้ำซุปที่ได้มาจากเพื่อนรักชาวบ้านแพน อยุธยา ซึ่งทำให้มี "ก๋วยเตี๋ยวเรือ โกแบ๋น-บางกร่าง" มาจนทุกวันนี้

"โก แบ๋นเป็นคนบางกร่าง นนทบุรี เป็นลูกชาวสวนมาแต่เกิดเลยแหละ มีพี่น้องกัน 5 คน เราเป็นคนที่ 4 พอจบ ม.6 ที่โรงเรียนวัดเขมาฯ พ่อแม่ก็ส่งไปเรียนต่อที่เทคนิคกำแพงเพชร จนจบอนุปริญญาช่างไฟ"

โกแบ๋น เริ่มต้นเล่าประวัติตัวเอง ถึงที่มาของชื่อร้าน "บางกร่าง" อันเป็นภูมิลำเนาเดิม

"พอ เรียนจบอนุปริญญาก็พอดีติดทหาร ติด 2 ปีปลดประจำการ ก็คิดแล้วว่า จะหางานทำ แต่ไม่คิดทำสวนแล้วนะ เพราะรู้สึกว่า ถ้าทำสวนต่อไปถ้ามีครอบครัวคงไม่น่าพอกินพอใช้แน่ๆ เพราะเห็นมาตลอดแล้ว"

อาชีพชาวสวนมังคุด สวนทุเรียน ซึ่งเก็บผลผลิตขายปีละครั้ง โกแบ๋นเห็นว่ารายได้น้อยเกินไป

นั่น จึงเป็นสาเหตุให้โกแบ๋นตัดสินใจสมัครทำงาน ในตำแหน่งพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือ รปภ. ที่โรงงานผลิตรถจักรยานยนต์แห่งหนึ่ง แถบเสนานิคม เขตลาดพร้าว

"เป็น รปภ. ได้ไม่กี่เดือน ที่บ้านแฟนที่เขาทำข้าวหมูแดงขาย เขาก็ชวนไปอยู่ด้วย เราก็เลยเริ่มต้นเป็นพ่อค้าตั้งแต่นั้นมา ไปช่วยทำช่วยขายข้าวหมูแดงที่บ้านแฟน จนทำเองได้ถนัด ก็ย้ายออกมาทำขายเอง"

ร้าน ข้าวหมูแดงของโกแบ๋น ในคราวแรกเป็นเพียงรถเข็นที่ช่วยกันขายกับภรรยา บริเวณหน้าตลาดสดนนทบุรี ซึ่งขายอยู่ประมาณ 2 ปี จนกระทั่งมีลูกคนแรก

"พอ มีลูกคนแรกก็เริ่มมีปัญหาเรื่องที่ขายของ สุดท้ายก็ต้องเลิกขาย พอดีกับได้เจอเพื่อนเก่าคนบ้านแพน อยุธยา น้องสาวเขาทำก๋วยเตี๋ยวเรือขายอยู่แถวบางกะปิ เขาก็แนะนำว่า ถ้าอยากทำเขาจะสอนให้"

ในที่สุด โกแบ๋นจึงตัดสินใจเปลี่ยนจากขายข้าวหมูแดง มาเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ นับแต่นั้น

โก แบ๋น เล่าว่า หลังจากได้สูตรมาจากน้องสาวของเพื่อนแล้ว ก็เริ่มต้นโดยการเช่าที่แถวบ้านเกิด เปิดเป็นร้านเล็กๆ ประมาณ 5-6 โต๊ะ และใช้ชื่อว่า "ก๋วยเตี๋ยวเรือบางกร่าง"

หลังจากนั้นก็ย้ายที่ขายอีก 2-3 ครั้ง จนกระทั่งในที่สุด ตัดสินใจปักหลักด้วยการซื้อตึกแถวแถบถนนบางกรวย-ไทรน้อย เปิดเป็นร้าน "ก๋วยเตี๋ยวเรือบางกร่าง" อย่างเป็นทางการ

"10 กว่าปีก่อนถนนยังไม่ตัดผ่านขนาดนี้ ตอนนั้นที่ตั้งร้านเป็นเส้นที่รถต้องวิ่งผ่าน เป็นทำเลทองเลยแหละ ตอนเที่ยงๆ หรือวันเสาร์-อาทิตย์ รถลูกค้าที่ร้านจอดยาวเป็นกิโลเลยนะ"

โก แบ๋น ย้อนรำลึกอดีตให้ฟังด้วยความภูมิใจ พร้อมกับเล่าต่อว่า ที่ร้านนี่เองที่ทำให้พบลูกค้าคนสำคัญนั่นคือ "อี๊ด ฟุตบาท" ศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดัง

"ไม่รู้เหมือนกันว่า บ้านพี่อี๊ดอยู่ที่ไหน แต่แกไปกินที่ร้านบ่อยมาก เป็นลูกค้าประจำ จนกระทั่ง โกแบ๋นแยกทางกับแฟน ก็ยกร้านให้แฟน แล้วตัวเราก็ย้ายไปอยู่โคราชพักหนึ่ง"

หลังจากแยกทาง กับภรรยา เขาไปเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่จังหวัดนครราชสีมาอยู่ระยะหนึ่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยเหตุผลของรสชาติ ที่โกแบ๋นสันนิษฐานว่า น่าจะไม่ถูกปากคนโคราช

ในที่สุดจึงตัดสินใจกลับมาเปิดร้านที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑลอีกครั้ง แถบสะพานพระนั่งเกล้า และย้ายร้านอยู่ 2-3 ครั้ง จนในที่สุดจึงมาปักหลักอยู่ที่ซอยหมู่บ้านบัวทอง ที่ตั้งร้านในปัจจุบัน

"ร้าน นี้ ก็ลูกค้าคนหนึ่งแหละ เขาอยู่แถวนี้ ตอนจะย้ายร้านครั้งล่าสุดเมื่อ 10 ปีก่อน เขาบอกว่า มีที่แถวบ้านให้เช่า เรามาดูก็ถูกใจ เพราะหันไปทางทิศตะวันออก ตอนบ่ายไม่ร้อน เช่าครั้งแรกก็ 3,500"

โก แบ๋น ยังเล่าว่า ลูกค้าเคยสัพยอกว่า ที่อยากให้มาขายแถวนี้เพราะจะได้กินได้ทุกวัน โดยไม่ต้องขับรถไปไกล และลูกค้าประจำเก่าๆ หลายราย เมื่อทราบว่า มาขายอยู่แถวนี้ ก็ยังตามมาเป็นลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

"พี่อี๊ด ก็มาเจอเราที่นี่ด้วยความบังเอิญอีกรอบ แล้วก็เลยแนะนำให้เราลองไปออกร้านบ้าง แรกๆ ก็ยังไม่ค่อยรู้ว่า ต้องทำยังไง อย่างชาม ช้อน ก็เอาของที่ร้านไปเลย ไปร้อยกลับมาไม่ครบร้อย (หัวเราะ)"

นั่น คือที่มาของการเป็น "ก๋วยเตี๋ยวเรือดีลิเวอรี่" ที่ได้รับคำแนะนำมาจาก "อี๊ด ฟุตบาท" โดยโกแบ๋นเริ่มออกร้านครั้งแรก ในงานของโรงเรียนสอนศิลปะแห่งหนึ่ง และหลังจากนั้น ก็มีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

"พอไปออกร้านก็มีคนบอกกันปากต่อปาก ก็โทรศัพท์มาให้ไปอยู่เรื่อยๆ ช่วงฮอตๆ บางเดือนรับ 20 งานเลยก็มี แต่ก่อน 200 ชาม 3,500 ใช้ชาม ช้อน ตะเกียบ สำเร็จรูป ใช้แล้วทิ้งเลย ไม่ต้องขนกลับอีก (ยิ้ม)"

โกแบ๋น ยอมรับว่า "ก๋วยเตี๋ยวเรือดีลิเวอรี่" เป็นช่องทางที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ นอกเหนือไปจากการขายที่ร้าน เพราะหมายถึงจำนวนที่แน่นอนของรายได้ เมื่อรับงานในแต่ละครั้ง

นอกจากนั้นแล้ว ยังทำให้ชื่อ "ก๋วยเตี๋ยวเรือ โกแบ๋น-บางกร่าง" เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่ออร์แกไนเซอร์ที่จัดงานอีเว้นต์ต่างๆ และต้องจัดซุ้มอาหาร ซึ่งโกแบ๋นเป็นหนึ่งตัวเลือกที่สะดวก-ประหยัด

"อย่างมูลนิธิอมตะ เป็นขาประจำ แทบทุกครั้งที่มีงานก็ให้ไปตลอด หลายคนเป็นแขกประจำมูลนิธิด้วย เจอกันเราจำได้ว่า เขาชอบอะไร เลยยิ่งทำให้เขาถูกใจ เพราะเราจำลูกค้าได้ ซึ่งก็ดูแลแบบนี้กับลูกค้าที่ร้านด้วย"

ถึงแม้จะรับออกงานต่างๆ แต่โกแบ๋นก็ยังคงให้ความสำคัญกับที่ร้านเป็นหลัก โดยที่ร้านจะมีคนปรุงอยู่ 2-3 คน ซึ่งจะถูกส่งไปตามงานต่างๆ พร้อมลูกมือ ในขณะที่โกแบ๋นมักจะอยู่ที่ร้านเองทุกวัน

"ถ้าออกงาน เราจะไปก่อนเริ่มเสิร์ฟประมาณ 1 ชั่วโมง เตรียมตั้งเตา พวกหมู เนื้อ เครื่องใน ก็ลวกรอใส่ชามตั้งเรียงไว้ จากนั้นก็ค่อยลวกเส้น ลวกผัก ตามแต่เวลาลูกค้าสั่ง ก็จะทำให้เสิร์ฟได้เร็วขึ้น"

"ถ้าเป็นที่ร้าน ส่วนใหญ่ โกแบ๋นยืนหน้าเตาเอง ร้านเปิดทุกวัน 8 โมงเช้า ปิดประมาณ 4 โมงเย็น บางวันยืนตั้งแต่เช้าถึงบ่าย 2 แล้วค่อยสลับให้คนอื่นมายืนแทน อยากทำเองไปเสียทุกชาม (ยิ้ม)"

ด้วยรสชาติน้ำซุปที่เป็นสูตรเฉพาะ และรสมือของโกแบ๋น ที่เรียกได้ว่า ไม่ต้องปรุงเพิ่ม ทำให้ร้านปัจจุบันขายได้ไม่ต่ำกว่า 600-700 ชาม ต่อวัน และยิ่งเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะขายได้มากเป็นพิเศษ

"น้ำซุปหมู เนื้อ แยกหม้อ เคี่ยวสูตรเฉพาะของเราเอง ส่วนหมูกับเนื้อก็ต้องหมักก่อน ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แต่ละวันใช้หมูกับเนื้ออย่างละประมาณ 10 กิโลกรัม"

นอก จากหมู เนื้อ เครื่องใน และลูกชิ้นแล้ว ยังมีถั่วงอกอีกราว 15 กิโลกรัม ผักบุ้งไทยอีก 3 มัดใหญ่ๆ รวมไปถึงเส้นต่างๆ ตั้งแต่เส้นเล็ก 15 กิโลกรัม เส้นใหญ่ เส้นหมี่ บะหมี่ อย่างละ 3 กิโลกรัม และวุ้นเส้น 2 กิโลกรัม ในแต่ละวัน

"ตอนนี้ของแพงขึ้น ราคาที่ร้านจากชามละ 10 บาท ขึ้นมาเป็น 15 บาท พิเศษ 25 บาท ใส่ถุง 30 บาท ถ้าออกงานก็ครั้งละขั้นต่ำ 200 ชาม 6,000 บาท พร้อมอุปกรณ์ ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็ขอค่าน้ำมันต่างหาก"

"ขาย ได้เท่าไหร่เป็นต้นทุนกว่าครึ่งเลยนะ กำไรต่อชามน้อย เพราะงั้นต้องขายให้ได้เยอะ พอมีออกร้านมาบ่อยๆ ก็เลยเป็นกอบเป็นกำขึ้น ต้องขอบคุณพี่อี๊ดเลยล่ะ ที่เป็นคนเริ่มแนะนำให้ไปออกร้าน"

ยิ่งไป กว่านั้น โกแบ๋นยังยินดีที่จะให้สูตร สำหรับคนที่อยากจะประกอบอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวเรืออีกด้วย แต่มีข้อแม้ว่า ต้องมาเรียนรู้เองที่ร้าน ซึ่งโกแบ๋นยินดีจะสอนกรรมวิธีต่างๆ ให้ด้วยตัวเอง

"เรา เคยได้รับโอกาสมาก่อน ทำให้มีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้จนถึงทุกวันนี้ ถ้ามีคนอยากทำจริงๆ ก็ยินดีจะสอนให้นะ แต่ต้องบอกกันก่อนว่า อาชีพนี้เหนื่อยมาก แต่ก็จะหายเหนื่อยตอนลูกค้าบอกว่า เราทำอร่อยนี่ล่ะ

ถ้า มีคนมาให้สอนที่ร้าน ก็ต้องให้เริ่มจากล้างจานก่อน เพราะเราก็เริ่มมาอย่างนี้ จากนั้นก็ค่อยเก็บโต๊ะ เสิร์ฟ เรียนรู้ว่า มีเส้นอะไรบ้าง ใส่อะไรบ้าง ลูกค้าคนไหนกินแบบไหน ค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งครบทุกอย่าง"

รสชาติ "ก๋วยเตี๋ยวเรือ โกแบ๋น-บางกร่าง" นั้น แนะนำให้ไปทดลองชิมรสมือที่ร้าน หรือหากจะให้ "ก๋วยเตี๋ยวเรือดีลิเวอรี่" ขนไปให้ชิมที่ไหน โกแบ๋นก็ยินดีให้บริการถึงที่

ส่วนจะถูกปากหรือไม่ และสูตรเด็ดเคล็ดลับเป็นอย่างไร คงต้องไปพิสูจน์กันด้วยตัวเองครับ...

ที่มา : เส้นทางเศรษฐี


"ก๋วยเตี๋ยว เรือ โกแบ๋น-บางกร่าง" ซอยหมู่บ้านบัวทอง ใกล้บิ๊กคิงบางใหญ่ (เข้าซอย 200 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามร้านแว่นตาบัวทอง) ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี บริการก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ด พร้อมรับออกร้านตามงานต่างๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม "คุณพรชัย อ้นอุ่น" หรือ "โกแบ๋น" โทรศัพท์ (089) 061-8865 หรือ (082) 424-9495 ล้อมกรอบ 2


ส่วนผสม

หมู หมัก-เนื้อหมัก หมู/เนื้อ หมักกับ ซอสถั่วเหลือง แป้งข้าวโพด พริกไทย ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง

ส่วนผสมน้ำซุป

กระดูกหมู/เนื้อ ต้มกับ ใบเตย เต้าหู้ยี้ เต้าเจี้ยว น้ำตาลทรายแดง ขิง ข่า กระเทียมทอง และกะทิ


ขอบคุณ
ข่าวสดออนไลน์
เส้นทางเศรษฐี

แฮกึ้นทอด - เป๋าฮื้อแผ่นเจี๋ยนคะน้าฮ่องกง - เป็ดปักกิ่ง - หูฉลามน้ำแดงทรงเครื่อง

ผู้จัดการออนไลน์
“ตระเวนกิน”
ออเดิร์ฟร้อน 3 อย่าง
       เริ่มด้วยเมนูแรก ออเดิร์ฟร้อน 3 อย่าง ในจานมีไก่แช่เหล้า ที่ทางร้านเลือกใช้ไก่สาวมาต้มแล่เอาแต่เนื้อ แล้วมีเหล้าจีนที่ผสมปรุงรสชาติตามสูตรเฉพาะราดบนเนื้อไก่ กินแล้วเนื้อไก่นุ่มชุ่มรสเหล้าจีนหอมๆ ยังมีแมงกะพรุนน้ำมันงา ที่ใช้แมงกะพรุนอย่างดีคัดมาเป็นพิเศษ นำมาปรุงรสคลุกเคล้ากับน้ำมันงา ชิมแล้วแมงกะพรุนเคี้ยวเด้งกรึบกรับปากได้รสชาติน้ำมันงาหอมกลมกล่อม และมีปอเปี๊ยะทอดกรอบที่ข้างในเป็นไส้เป็ดรสดี

แฮกึ้นทอด
       จานต่อมาเป็น แฮกึ้นทอด เสิร์ฟมาร้อนๆ กินแล้วกรอบนอกนุ่มในได้รสชาติกุ้งล้วนๆ รสดี เพราะทางร้านเลือกใช้กุ้งทะเลตัวใหญ่เอามาคลุกปรุงรสชาติแล้วห่อกับแผ่นแป้ง ปอเปี๊ยะทอดจนเหลืองกรอบ หั่นมาเป็นชิ้นๆ กินกับน้ำจิ้มบ๊วยเพิ่มรสชาติหวานๆ

เป๋าฮื้อแผ่นเจี๋ยนคะน้าฮ่องกง
       ตามมาด้วยเมนูนี้ เป๋าฮื้อแผ่นเจี๋ยนคะน้าฮ่องกง เป็นเป๋าฮื้อแผ่นนำเข้าจากไต้หวันเอามาผัดปรุงรสชาติกับน้ำมันหอย น้ำซุปที่ปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษ ใส่ต้นหอมและเห็ดหอมด้วย และมีคะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอยมาให้กินเคียงด้วย ลิ้มรสเป๋าฮื้อเนื้อแน่นนุ่มเด้งอร่อยปาก กินกับคะน้าฮ่องกงเคี้ยวกรุบกรอบเข้ากันดี

เป็ดปักกิ่ง
       ถัดมาเป็นเมนูเด็ด เป็ดปักกิ่ง เป็นเป็ดเชอรี่ที่ผ่านกระบวนการทำตามสูตรเฉพาะของทางร้าน แล่เอาแต่หนังเป็ดบางๆ ไม่มีมันติดมาเลย มาพร้อมกับแผ่นแป้งโรตีร้อนๆ ซอส และผัก กินเป็ดปักกิ่งห่อม้วนเคี้ยวเข้าปากหนังเป็ดกรอบแป้งนุ่มชุ่มซอสรสหวาน หอมอร่อยถูกปาก แถมเนื้อเป็ดที่เหลือยังนำมาทำอีกหนึ่งเมนูได้ ที่อยากแนะนำก็มีเนื้อเป็ดผัดพริกไทยดำรสเข้มข้นเนื้อเป็ดนุ่มลิ้น

หูฉลามน้ำแดงทรงเครื่อง
       และมาซดน้ำซุปร้อนๆ กับ หูฉลามน้ำแดงทรงเครื่อง ทางร้านใช้หูฉลามขนาดพอประมาณนำมาปรุงกับน้ำสต็อกที่เคี่ยวจากโครงไก่ กระดูกหมู แฮมเมืองจีน เคี่ยวนานกว่า 6 ชม.ได้น้ำซุปที่เข้มข้นปรุงรสกับหูฉลาม ใส่เห็ดหอม เนื้อไก่ และเนื้อปู ลิ้มรสซุปหูฉลามซดน้ำซุปร้อนๆ รสกลมกล่อมลิ้น ส่วนหูฉลามเนื้อนุ่มกำลังดี

ปลากะพงนึ่งซีอิ้ว
       จากนั้นมาชิมเมนู ปลากะพงนึ่งซีอิ้ว เป็นปลากะพงสดๆ หนักประมาณ 8 ขีด - 1 กก. ล้างทำความสะอาดและเอามานึ่งประมาณ 6 นาที จนเนื้อปลาสุกได้ที่ ก็นำน้ำซีอิ้วฮ่องกงที่ปรุงรสขึ้นมาเป็นพิเศษมาราดบนตัวปลา โรยหน้าด้วยต้มหอม ขิง และพริกแดง ชิมปลาเนื้อนิ่มไม่คาว หอมกลิ่นซีอิ้วออกรสเค็มๆ หวานๆ

บะหมี่ฮกเกี้ยน
       ต่อด้วยเมนูนี้ บะหมี่ฮกเกี้ยน เป็นบะหมี่สไตล์ฮ่องกงแท้ๆ บะหมี่ไข่สีเหลืองสวยเอามาผัดใส่กุ้งแชบ๊วย ถั่วงอก ต้มหอม เห็ดหอมและไข่ ผัดออกแห้งนิดๆ ลิ้มรสบะหมี่เส้นเหนียวนุ่มรสละมุนกลมกล่อมโดนใจ
     
       แล้วก็ต้องไม่พลาดเมนูของหวาน โอวหนี่แปะก๊วย ของหวานสไตล์จีนๆ มีข้าวเหนียวมูน เผือกกวน เอาไปนึ่งรวมกัน แล้วราดด้วยแปะก๊วยในน้ำเชื่อม กินแล้วข้าวเหนียวนุ่มเข้ากับเผือกกวนเนื้อเนียนหอม แปะก๊วยในน้ำเชื่อมออกรสหวานละมุนอร่อยถูกปากดีจริง

โอวหนี่แป๊ะก๊วย
       อีกทั้งเซ็ทโต๊ะจีนนี้ยังแถม กุ้งทอดครีมสลัด มาให้อีกหนึ่งเมนูให้ได้ลิ้มรสกุ้งแชบ๊วยที่นำมาชุบแป้งทอดกรอบ และมีกระทงแป้งทอดกรอบใส่ผักสลัดหลายอย่าง ราดด้วยครีมสลัดโรยหน้าด้วยลูกเกด กินกุ้งกรอบนอกนุ่มใน เคียงกับสลัดผักสดกรอบน้ำสลัดรสดี
     
       เรียกว่าเมนูโต๊ะ จีนเซ็ทนี้เล่นเอากินจนอิ่มแน่นท้องกันไปเลย แต่ก็ยังมีเซ็ทเมนูโต๊ะจีนอื่นๆ ให้เลือกอีก มีราคาตั้งแต่ 1,500 - 4,500 บาท
และถ้าใครไม่อยากเลือกเป็นโต๊ะจีน ก็ยังมีเมนูอาหารจีนแบบ a la carte และเมนูซีฟู้ดอื่นๆ อีกมากมายให้เลือกชิม อาทิ ไก่เบตง (ตัวละ 500 บาท) เป็ดปักกิ่ง (ตัวละ 300 บาท) ลิ้นเป็ดทอดพริกเกลือ (200 บาท) หอยเชลล์เจี๋ยนยอดคะน้า (300 บาท) กุ้งแม่น้ำเผา (400 บาท) ฯลฯ ซึ่งหากแฟนๆ นักกินทั้งหลายอยากจะลิ้มรสอาหารจีนหอเจี๊ยะ ในราคาย่อมเยา แบบอิ่มหนำกันอย่างเต็มที่ ร้าน “รวย รวย ริเวอร์ เฮ้าส์” นี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

กุ้งทอดครีมสลัด
            
       “รวย รวย ริเวอร์ เฮ้าส์” 662/69-70 ถ.พระราม 3 ตรงข้ามซอยพระรามสาม 33 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม. เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. 17.00-22.00 น. ทางร้านรับจัดงานเลี้ยงในสถานที่ด้วย โทร. 0-2358-0066-7

กินปลาแซลมอนเพื่อสุขภาพ .. ที่ห้องอาหารโกล์ดทีค - ยำส้มโอกุ้งลายเสือ .. ดูนน์ บาร์ แอนด์ เรสเตอรอง

กินปลาแซลมอนเพื่อสุขภาพ .. ที่ห้องอาหารโกล์ดทีค - ยำส้มโอกุ้งลายเสือ .. ดูนน์ บาร์ แอนด์ เรสเตอรอง


       มากินปลาแซลมอนเพื่อสุขภาพที่ดีร่างกายกันเถอะ ซึ่งที่ห้องอาหารโกล์ดทีค โรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ จัด เมนูแซลมอนให้นักชิมมาลิ้มลอง อาทิ แซลมอนรมควันม้วนหน่อไม้ฝรั่ง แซลมอนสเต็กย่างซอสเบบี้ออยส์เตอร์ไวน์ขาว แซลมอนทอดซัฟฟรอนซอส และแซลมอนและกุ้งย่างซอสมะเขือเทศใส่เครื่องเทศ ตลอดเดือน เม.ย. นี้ โทร. 0-2216-9555 ต่อ 11449

       จากนั้นมาอิ่มสบายคลายร้อนกันที่ ดูนน์ บาร์ แอนด์ เรสเตอรอง โรงแรมดูนน์ หัวหิน แนะนำเมนูคลายร้อน ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายอย่าง ยำแอปเปิ้ลเขียวและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมนูผลไม้ไทย ได้แก่ ยำส้มโอกุ้งลายเสือ และสลัดแตงโม ผักร็อกเกต และเฟตาชีส นอกจากนี้ยังมีเมนูปลาเนื้อหวานสดปรุงอร่อยสไตล์ตะวันตกผสมเอเชีย และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย ลิ้มรสได้ ตลอดเดือน เม.ย. นี้ โทร. 0-3251-5051 ถึง 3

       และมาสัมผัสอาหารไทย กับเทศกาลอาหาร 4 ภาค ที่ห้องอาหาร@Cafe โรงแรมริชมอนด์ ถนนรัตนาธิเบศร์ จัด เทศกาลอาหารไทย 4 ภาค 5 ที่มีอาหารมาครบทุกภาคแบบเต็มอิ่มได้ทุกวันด้วยเมนู ที่เชฟมืออาชีพรังสรรค์ขึ้นมา มาสัมผัสความอร่อยได้ ตลอดเดือน เม.ย. นี้ โทร.0-2831-8888 ต่อ 2126

       แล้วก็มากินปลาหิมะสไตล์จีน ที่ห้องอาหารจีนชุยซิน โรงแรมโนโวเทล บางนา กรุงเทพฯ นำ เสนอเมนูปลาหิมะสไตล์จีน ที่มีหลากหลายเมนูให้ลิ้มลอง อาทิ ปลาหิมะนึ่งซีอิ้ว ปลาหิมะทอดน้ำแดงทรงเครื่อง สลัดปลาหิมะทอด ปลาหิมะนึ่งซอสเอ็กซ์ โอ ปลาหิมะนึ่งกระเทียมกระเทียมเปลือกส้มจีนแห้ง และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย เริ่มต้นที่ 900 บาท++ / จาน ตลอดเดือน เม.ย. นี้ โทร. 0-2366-0505 ต่อ 1450 และ 1451

       ส่งท้ายมาลิ้มรสเมนูอาหารไทยชุดมื้อกลางวันสุดพิเศษ ที่ทู โฟร์ตี้ เอท คาเฟ่ แอนด์ บาร์ โรงแรมนอร์ธเกต รัชโยธิน เซอร์วิส เรสสิเดนซ์ เชิญ มาอิ่มอร่อยกับ เมนูอาหารไทยชุดมื้อกลางวันสุดพิเศษสูตรต้นตำรับ อาทิ ชุดเมนูเอ มีน้ำพริกกะปิกับผักทอด แกงส้มกุ้งผักรวม ข้าวสวย ผลไม้หรือไอศกรีม ชุดเมนูบี มีลาบไก่ต้มแซบซี่โครงหมู ข้าวสวย ผลไม้หรือไอศกรีม และอีกหลากหลายเมนูอาหารชุดสุดพิเศษ ราคาชุดละ 149 บาทสุทธิ บริการวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 11.30-14.00 น. ตั้งแต่วันนี้ - 31 พ.ค. นี้ โทร. 0-2939-7949

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

ครัวคุณหญิง .. อยู่ในโครงการบางใหญ่ซิตี้

ครัวคุณหญิง .. อยู่ในโครงการบางใหญ่ซิตี้
“ผ่านมาแวะกิน”


(แถวบน) หมูกรอบ และไข่เยี่ยวม้ากระเพรากรอบ (แถวล่าง) ปลาอินทรีย์ผัดขิง และเป็ดพะโล้กับไส้เป็ด
       มาลองชิมเมนูแรกกันเลย เริ่มที่ หมูกรอบ (15 บาท) ใช้หมูสามชั้นมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้าที่ ก่อนจะนำไปคลุกกับแป้งแล้วทอดให้สุก ชิมแล้วเนื้อหมูนุ่มหอม ออกรสเค็มเล็กน้อย กินกับข้าวต้มแล้วอร่อยดี
ส่วนเมนู ไข่เยี่ยวม้ากระเพราะกรอบ (15 บาท) ก็เลือกใช้ไข่เยี่ยวม้าคุณภาพดี นำไปทอดให้เหลืองสวย จากนั้นก็ทำผัดกระเพราหมูสับมาราดลงไป โรยหน้าด้วยใบกระเพราทอดกรอบ จานนี้รสชาติเข้มข้น หอมกระเพรา
      
       ปลาอินทรีย์ผัดขิง (15 บาท) เมนูนี้เป็นเนื้อปลาอินทรีย์สดหั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วนำมาผัดกับขิงและขึ้นฉ่าย ปรุงรสให้พอดี ลองชิมจะได้กลิ่นและรสของขิงหอมขึ้นจมูก ส่วนเนื้อปลานุ่มแน่นไม่คาว อีกจานเป็น
เป็ดพะโล้กับไส้เป็ด (15 บาท) ทางร้านเลือกใช้เนื้อเป็ดมาตุ๋นกับเครื่องพะโล้พร้อมๆ กับไส้เป็ด ลิ้มรสชาติเป็ดเนื้อนุ่ม ไส้เป็ดเคี้ยวกรุบถูกใจ

(แถวบน) ปูผัดผงกะหรี่ และยอดฟักแม้วผัดน้ำมันหอย (แถวล่าง) ปลาหมึกยัดไส้ทรงเครื่อง และซี่โครงหมูอบ
       ต่อกันด้วย ปูผัดผงกะหรี่ (15 บาท) เมนูนี้ก็อร่อยเด็ดเหมือนกัน จากปูม้าสดๆ ที่นำมาผัดกับเครื่องผงกะหรี่แบบไทยๆ แทะเนื้อปูไปก็หอมผงกะหรี่ รสชาติกลมกล่อมเข้าเนื้อดี
และยังมี ยอดฟักแม้วผัดน้ำมันหอย (15 บาท) ให้ลองชิม ยอดฟักแม้วอ่อนๆ เด็ดให้ยาวพอประมาณ นำมาผัดกับน้ำมันหอย ใส่กระเทียมและพริกลงไปเพิ่มรสชาติเผ็ดน้อยๆ
      
       ส่วนเมนู ปลาหมึกยัดไส้ทรงเครื่อง (15 บาท) ก็เต็มอิ่มกับหมึกกล้วยขนาดกำลังดี ยัดไส้ด้วยหมูสับปรุงรส ก่อนจะนำไปนึ่งให้สุก ราดด้วยน้ำแดงที่ใส่แครอท ข้าวโพดอ่อน และหน่อไม้ฝรั่งลงมาด้วย เคี้ยวปลาหมึกเนื้อแน่นกับไส้ที่ได้รสชาติ แถมด้วยผักเครื่องเคียงที่เข้ากันดี
อีกหนึ่งเมนูที่พลาดไม่ได้คือ ซี่โครงหมูอบ (15 บาท) ใช้ซี่โครงหมูอ่อนมาอบพร้อมกับเครื่องซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ลองชิมแล้วเนื้อหมูนุ่มเปื่อยละลายในปาก รสชาติเค็มๆ หวานๆ

ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง
       และนอกจากเมนูต่างๆ ที่มีอยู่ในถาดให้เลือกกันแล้ว ก็ยังมีเมนูตามสั่งอื่นๆ ให้ลองชิมกันอีก อย่างเช่นเมนู ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง (30 บาท) ใช้ไข่ไก่นำมาปรุงรสเล็กน้อยแล้วตุ๋นให้สุก ก่อนจะใส่กุ้งลวก หมูสับลวก ไข่แดงเค็ม และเห็ดหอม โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว ไข่ตุ๋นถ้วยนี้กลิ่นหอมมาแต่ไกล ลองชิมแล้วเนื้อไข่นุ่มเนียนได้รสชาติ ส่วนเครื่องต่างๆ ก็เข้ากันดี กินกันแบบเต็มปากเต็มคำ
      
       หรือจะเป็น ต้มยำรวมมิตร (50 บาท) ที่เสิร์ฟมาในหม้อไฟร้อนๆ เป็นต้มยำน้ำข้นใส่นมสด ครบเครื่องแบบต้มยำไทยๆ หม้อนี้ใส่มาทั้งกุ้ง ปลาหมึก และเนื้อปลา แล้วยังใส่มะเขือเทศ เห็ดฟาง โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งเพิ่มกลิ่นหอม ลองซดน้ำต้มยำร้อนๆ ได้รสเปรี้ยวเค็มเผ็ดจัดจ้านแบบไทยๆ แต่หากใครไม่ชอบต้มยำรวมก็เลือกสั่งอย่างอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำกุ้ง ต้มยำไก่ ต้มยำปลา เป็นต้น

ต้มยำรวมมิตร
       เมนูตามสั่งอื่นๆ ก็มีให้เลือกชิมอีกหลากหลาย อาทิ ผัดฉ่าทะเล (50 บาท) ผัดเผ็ดซี่โครงเมียน้อย (50 บาท)ปลากะพงนึ่งมะนาว (100 บาท) แปะซะปลาช่อน (120 บาท) เป็นต้น นอกจากนี้ ในวันอาทิตย์ ทางร้านก็มี หมูสะเต๊ะ (ไม้ละ 3 บาท) ปิ้งกันร้อนๆ ให้ลิ้มลองความอร่อยอีกด้วย
      
       และนี่ก็คือหนึ่งในร้านอาหารราคาประหยัดที่เหมาะสมกับยุคแพงทั้งแผ่นดินเป็นอย่างยิ่ง
      
             
       “ครัวคุณหญิง” ตั้งอยู่ในโครงการบางใหญ่ซิตี้ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี การเดินทาง ถ้ามาจากถนนรัตนาธิเบศร์ ให้ตรงมายังถนนกาญจนาภิเษก (ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี) เมื่อถึงสามแยกบางใหญ่ให้ขึ้นสะพานวนขวามายังถนนกาญจนาภิเษก แล้ววิ่งตรงไปเรื่อยๆ สังเกตซ้ายมือจะเห็นห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า ให้เลี้ยวเข้าไป ก่อนจะเข้าอาคารที่จอดรถจะมีทางให้เลี้ยวซ้ายออกนอกห้าง ให้เลี้ยวซ้ายออกมา แล้วตรงไปอีกประมาณ 100 เมตร
จะ เห็นร้านครัวคุณหญิงอยู่ทางซ้ายมือ สามารถจอดรถได้ริมถนน ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ด้วย ร้านเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 17.00-24.00 น. โทร. 08-4108-8686, 08-0993-1149

ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
"ผ่านมาแวะกิน”

ลาบอีสาน .. จังแมนแซบแท่ๆ

ลาบอีสาน .. จังแมนแซบแท่ๆ











เสียงนั้นจำได้แม่น เพราะคุ้นเคยดี
มันคือเสียงมีดกระทบกับเขียง ความดังเป็นจังหวะจะโคน หนัก เร็ว และรัว นี่ละ “การฟักเนื้อ” เพื่อ “ทำลาบ” ของคนอีสาน

เนื้อที่ ถูกฟักเป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำลาบ ลาบทุกอย่างต้องผ่านการฟักทั้งสิ้น (อืมฟักในภาษาอีสานแปลว่า สับ ไม่ได้มีความหยาบโลน เช่น Fuck ในภาษาอังกฤษนะจ๊ะ) วัว ควาย หมู ไก่ เป็ด เก้ง กวาง นก กระทั่งปลา ถ้าจะเอามาทำลาบ ก็ต้องฟักให้ละเอียด จึงจะเป็นลาบที่อร่อย

ในโฆษณา ผงปรุงลาบยี่ห้อหนึ่ง ลูกค้าผู้หญิงเดินยิ้มร่ามาสั่งลาบ ขณะรอเธอก็หลุดปากถามเจ้าของ “พี่มืด ลาบอร่อยดี ทำไงอ่ะ” ฝ่ายเจ้าของก็ยินดีที่จะบอก แต่ดันภาษาที่ส่งออกมา กลายเป็นภาษาอีสานบ้านเฮา แถมยังเร็วแอนด์รัว (ซะงั้น) “เอาซิ้นมาฟักให้มันหมุ่นๆ คั่วให้สุก ใส่เครื่องปรุง หมากพริก หมากนาว ปลาแดก ข้าวคั่ว หัวสิงไค คน แล้วซิมเบิ่ง”

ไม่ใช่คนอีสาน ร้อยทั้งร้อยก็ฟังไม่ทัน หรือจับใจความไม่ถูกหรอก แต่ที่แน่ๆ จะเห็นว่าการทำลาบนั้น ต้องเอาซิ้น (เอาเนื้อ) มาฟัก (มาสับ) ให้หมุ่นๆ (ให้ละเอียดๆ) ปรุงรสด้วยน้ำปลาแดก (น้ำปลาร้า) หมากพริก (พริกป่น) ขาดไม่ได้คือ ข้าวคั่ว เพิ่มความหอมและความข้นให้แก่ลาบ มีความเปรี้ยวจากหมากนาว (มะนาว) และหัวสิงไค (ตะไคร้)

คนอีสานกับ ลาบผูกพันตั้งแต่อ้อนแต่ออก เกิดมาก็รู้จักลาบแล้ว กินลาบเป็นแบบไม่ต้องสอนให้ยาก แต่การจะได้กินลาบ สมัยก่อนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องวาระพิเศษจริงๆ เมนูลาบจึงจะปรากฏกายให้ได้ลิ้มลอง งานแต่ง งานบุญ งานเลี้ยง กระทั่งถูกหวย หรือแขกไปใครมา ญาติสนิทมิตรสหายมาเยี่ยมเยือนถึงบ้าน เป็นต้องมีการล้มวัวล้มควายล้มหมู ไม่ก็ไปไล่จับเป็ดจับไก่ในเล้ามาเชือดคอ นั่นถึงจะได้กินลาบแสนโอชะ

หลายเดือนก่อนไปกินลาบที่ขอนแก่น ร้านครัวโอมเพี้ยง เจ้าของป้าสมร ทำลาบเสิร์ฟลูกค้าหลากหลายเมนู แต่ที่ถูกใจเราคือ “ลาบปลาตอง” กับ “ลาบปลาตะเพียน” ลาบปลาตองห่อใบตองปิ้งไฟ แกะใบตองออก กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ลาบปลาตะเพียนสับเนื้อปลาละเอียด คลุกเคล้ากับเครื่องปรุง เสิร์ฟร้อนๆ คู่ข้าวเหนียวนึ่ง แล้วก็ผักสดจานโตที่ป้าปลูกเอง ผักชีลาว ผักแพรว หอมเป (ผักชีฝรั่ง) ผักกาดต้นจิ๋วรสออกขมนิดๆ มะเขือขื่น (มะเขือสีเหลือง) แกล้มลาบ

ที่หนองคาย ลาบปลาตอง หรือลาบปลาตะเพียน ก็ได้รสชาติที่อร่อยไม่ซ้ำกัน แถบริมโขงแถวๆ อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ คนที่นั่นทำลาบปลาตองลาบปลาตะเพียน ด้วยการนำเนื้อปลามาสับให้ละเอียด ยิ่งละเอียดมากยิ่งดี
เพราะเขาจะทำเป็น “ลาบเหลว” เนื้อปลาละเอียดจะช่วยให้ลาบเนียนนุ่ม ตำเนื้อปลากับน้ำปลาร้า จากนั้นค่อยๆ คนจนเหนียวหนืด เติมเครื่องปรุงและเครื่องปรุงรสอื่นๆ ตาม รสชาติต้องนัวไว้ก่อน เผ็ดเค็ม สีลาบจะออกน้ำตาลเข้ม ใช้ข้าวเหนียวจิ้มกิน โห!!! อร่อยสุดยอด ผักที่กินคู่กัน ก็มีผักคาวปลา นิยมมาก ช่วยดับคาวปลาได้ดีนัก ดอกหรือยอดสะเดาลวก ฝักลิ้นไม้ (ฝักลิ้นฟ้า) เผาไฟ รสขมแต่เข้ากันกับลาบปลา

“ลาบวัว” กับ “ลาบเป็ด” ก็ได้รับความนิยมสูงในหมู่คนอีสาน แต่ส่วนใหญ่ลาบวัวเขามักกินแบบลาบดิบ สับเนื้อวัวไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อจะได้ง่ายๆ ต่อการใช้ข้าวเหนียวจ้ำ (จิ้ม) ลาบแดงๆ เนื้อสดๆ จะเพิ่มความอร่อยด้วยขี้เพลี้ย รสขมปร่าๆ บางคนก็ชอบใส่ดี บอกว่าอร่อยตรงที่ขมสะใจ ขณะที่ลาบเป็ด สูตรใครก็สูตรใคร ลาบเป็ดอุดรฯ ลาบเป็ดอุบลฯ ลาบเป็ดหนองคาย ต่างกัน แต่เท่าที่รู้ ที่หนองคายไม่ค่อยชอบกินลาบเป็ดนัก อาจเพราะกลิ่นสาบเป็ดมันค่อนข้างแรง จึงไม่ค่อยนิยม

ล่าสุดไปกินลาบเป็ดร้านยอด สูตรมาจากอุดรฯ รสชาติไม่จัดจ้านมาก แต่เรื่องเครื่องเครานี่ ต้องบอกว่าครบครันจริง กระเทียมดอง พริกแห้งทอด ใบมะกรูดทอด ถูกใจหลายๆ ไหนจะผักสดๆ ผักแพรว ผักชีลาว ใบโหระพา ถั่วฝักยาว แตงกวา เสิร์ฟคู่ข้าวเหนียวร้อนๆ อิ่มแปล้ไปหนึ่งมื้อ

ร้านโอมเพี้ยง ถนนประชาสโมสร อ.เมือง จ.ขอนแก่น โทร. 08-9713-8913 ร้านยอดลาบเป็ด ถนนพระราม 9 ตัดใหม่ พระราม 9 ซอย 49 โทร. 02-718-3111