ครัวคุณหญิง .. อยู่ในโครงการบางใหญ่ซิตี้

ครัวคุณหญิง .. อยู่ในโครงการบางใหญ่ซิตี้
“ผ่านมาแวะกิน”


(แถวบน) หมูกรอบ และไข่เยี่ยวม้ากระเพรากรอบ (แถวล่าง) ปลาอินทรีย์ผัดขิง และเป็ดพะโล้กับไส้เป็ด
       มาลองชิมเมนูแรกกันเลย เริ่มที่ หมูกรอบ (15 บาท) ใช้หมูสามชั้นมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้าที่ ก่อนจะนำไปคลุกกับแป้งแล้วทอดให้สุก ชิมแล้วเนื้อหมูนุ่มหอม ออกรสเค็มเล็กน้อย กินกับข้าวต้มแล้วอร่อยดี
ส่วนเมนู ไข่เยี่ยวม้ากระเพราะกรอบ (15 บาท) ก็เลือกใช้ไข่เยี่ยวม้าคุณภาพดี นำไปทอดให้เหลืองสวย จากนั้นก็ทำผัดกระเพราหมูสับมาราดลงไป โรยหน้าด้วยใบกระเพราทอดกรอบ จานนี้รสชาติเข้มข้น หอมกระเพรา
      
       ปลาอินทรีย์ผัดขิง (15 บาท) เมนูนี้เป็นเนื้อปลาอินทรีย์สดหั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วนำมาผัดกับขิงและขึ้นฉ่าย ปรุงรสให้พอดี ลองชิมจะได้กลิ่นและรสของขิงหอมขึ้นจมูก ส่วนเนื้อปลานุ่มแน่นไม่คาว อีกจานเป็น
เป็ดพะโล้กับไส้เป็ด (15 บาท) ทางร้านเลือกใช้เนื้อเป็ดมาตุ๋นกับเครื่องพะโล้พร้อมๆ กับไส้เป็ด ลิ้มรสชาติเป็ดเนื้อนุ่ม ไส้เป็ดเคี้ยวกรุบถูกใจ

(แถวบน) ปูผัดผงกะหรี่ และยอดฟักแม้วผัดน้ำมันหอย (แถวล่าง) ปลาหมึกยัดไส้ทรงเครื่อง และซี่โครงหมูอบ
       ต่อกันด้วย ปูผัดผงกะหรี่ (15 บาท) เมนูนี้ก็อร่อยเด็ดเหมือนกัน จากปูม้าสดๆ ที่นำมาผัดกับเครื่องผงกะหรี่แบบไทยๆ แทะเนื้อปูไปก็หอมผงกะหรี่ รสชาติกลมกล่อมเข้าเนื้อดี
และยังมี ยอดฟักแม้วผัดน้ำมันหอย (15 บาท) ให้ลองชิม ยอดฟักแม้วอ่อนๆ เด็ดให้ยาวพอประมาณ นำมาผัดกับน้ำมันหอย ใส่กระเทียมและพริกลงไปเพิ่มรสชาติเผ็ดน้อยๆ
      
       ส่วนเมนู ปลาหมึกยัดไส้ทรงเครื่อง (15 บาท) ก็เต็มอิ่มกับหมึกกล้วยขนาดกำลังดี ยัดไส้ด้วยหมูสับปรุงรส ก่อนจะนำไปนึ่งให้สุก ราดด้วยน้ำแดงที่ใส่แครอท ข้าวโพดอ่อน และหน่อไม้ฝรั่งลงมาด้วย เคี้ยวปลาหมึกเนื้อแน่นกับไส้ที่ได้รสชาติ แถมด้วยผักเครื่องเคียงที่เข้ากันดี
อีกหนึ่งเมนูที่พลาดไม่ได้คือ ซี่โครงหมูอบ (15 บาท) ใช้ซี่โครงหมูอ่อนมาอบพร้อมกับเครื่องซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ลองชิมแล้วเนื้อหมูนุ่มเปื่อยละลายในปาก รสชาติเค็มๆ หวานๆ

ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง
       และนอกจากเมนูต่างๆ ที่มีอยู่ในถาดให้เลือกกันแล้ว ก็ยังมีเมนูตามสั่งอื่นๆ ให้ลองชิมกันอีก อย่างเช่นเมนู ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง (30 บาท) ใช้ไข่ไก่นำมาปรุงรสเล็กน้อยแล้วตุ๋นให้สุก ก่อนจะใส่กุ้งลวก หมูสับลวก ไข่แดงเค็ม และเห็ดหอม โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว ไข่ตุ๋นถ้วยนี้กลิ่นหอมมาแต่ไกล ลองชิมแล้วเนื้อไข่นุ่มเนียนได้รสชาติ ส่วนเครื่องต่างๆ ก็เข้ากันดี กินกันแบบเต็มปากเต็มคำ
      
       หรือจะเป็น ต้มยำรวมมิตร (50 บาท) ที่เสิร์ฟมาในหม้อไฟร้อนๆ เป็นต้มยำน้ำข้นใส่นมสด ครบเครื่องแบบต้มยำไทยๆ หม้อนี้ใส่มาทั้งกุ้ง ปลาหมึก และเนื้อปลา แล้วยังใส่มะเขือเทศ เห็ดฟาง โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งเพิ่มกลิ่นหอม ลองซดน้ำต้มยำร้อนๆ ได้รสเปรี้ยวเค็มเผ็ดจัดจ้านแบบไทยๆ แต่หากใครไม่ชอบต้มยำรวมก็เลือกสั่งอย่างอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำกุ้ง ต้มยำไก่ ต้มยำปลา เป็นต้น

ต้มยำรวมมิตร
       เมนูตามสั่งอื่นๆ ก็มีให้เลือกชิมอีกหลากหลาย อาทิ ผัดฉ่าทะเล (50 บาท) ผัดเผ็ดซี่โครงเมียน้อย (50 บาท)ปลากะพงนึ่งมะนาว (100 บาท) แปะซะปลาช่อน (120 บาท) เป็นต้น นอกจากนี้ ในวันอาทิตย์ ทางร้านก็มี หมูสะเต๊ะ (ไม้ละ 3 บาท) ปิ้งกันร้อนๆ ให้ลิ้มลองความอร่อยอีกด้วย
      
       และนี่ก็คือหนึ่งในร้านอาหารราคาประหยัดที่เหมาะสมกับยุคแพงทั้งแผ่นดินเป็นอย่างยิ่ง
      
             
       “ครัวคุณหญิง” ตั้งอยู่ในโครงการบางใหญ่ซิตี้ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี การเดินทาง ถ้ามาจากถนนรัตนาธิเบศร์ ให้ตรงมายังถนนกาญจนาภิเษก (ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี) เมื่อถึงสามแยกบางใหญ่ให้ขึ้นสะพานวนขวามายังถนนกาญจนาภิเษก แล้ววิ่งตรงไปเรื่อยๆ สังเกตซ้ายมือจะเห็นห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า ให้เลี้ยวเข้าไป ก่อนจะเข้าอาคารที่จอดรถจะมีทางให้เลี้ยวซ้ายออกนอกห้าง ให้เลี้ยวซ้ายออกมา แล้วตรงไปอีกประมาณ 100 เมตร
จะ เห็นร้านครัวคุณหญิงอยู่ทางซ้ายมือ สามารถจอดรถได้ริมถนน ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ด้วย ร้านเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 17.00-24.00 น. โทร. 08-4108-8686, 08-0993-1149

ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
"ผ่านมาแวะกิน”

ลาบอีสาน .. จังแมนแซบแท่ๆ

ลาบอีสาน .. จังแมนแซบแท่ๆ











เสียงนั้นจำได้แม่น เพราะคุ้นเคยดี
มันคือเสียงมีดกระทบกับเขียง ความดังเป็นจังหวะจะโคน หนัก เร็ว และรัว นี่ละ “การฟักเนื้อ” เพื่อ “ทำลาบ” ของคนอีสาน

เนื้อที่ ถูกฟักเป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำลาบ ลาบทุกอย่างต้องผ่านการฟักทั้งสิ้น (อืมฟักในภาษาอีสานแปลว่า สับ ไม่ได้มีความหยาบโลน เช่น Fuck ในภาษาอังกฤษนะจ๊ะ) วัว ควาย หมู ไก่ เป็ด เก้ง กวาง นก กระทั่งปลา ถ้าจะเอามาทำลาบ ก็ต้องฟักให้ละเอียด จึงจะเป็นลาบที่อร่อย

ในโฆษณา ผงปรุงลาบยี่ห้อหนึ่ง ลูกค้าผู้หญิงเดินยิ้มร่ามาสั่งลาบ ขณะรอเธอก็หลุดปากถามเจ้าของ “พี่มืด ลาบอร่อยดี ทำไงอ่ะ” ฝ่ายเจ้าของก็ยินดีที่จะบอก แต่ดันภาษาที่ส่งออกมา กลายเป็นภาษาอีสานบ้านเฮา แถมยังเร็วแอนด์รัว (ซะงั้น) “เอาซิ้นมาฟักให้มันหมุ่นๆ คั่วให้สุก ใส่เครื่องปรุง หมากพริก หมากนาว ปลาแดก ข้าวคั่ว หัวสิงไค คน แล้วซิมเบิ่ง”

ไม่ใช่คนอีสาน ร้อยทั้งร้อยก็ฟังไม่ทัน หรือจับใจความไม่ถูกหรอก แต่ที่แน่ๆ จะเห็นว่าการทำลาบนั้น ต้องเอาซิ้น (เอาเนื้อ) มาฟัก (มาสับ) ให้หมุ่นๆ (ให้ละเอียดๆ) ปรุงรสด้วยน้ำปลาแดก (น้ำปลาร้า) หมากพริก (พริกป่น) ขาดไม่ได้คือ ข้าวคั่ว เพิ่มความหอมและความข้นให้แก่ลาบ มีความเปรี้ยวจากหมากนาว (มะนาว) และหัวสิงไค (ตะไคร้)

คนอีสานกับ ลาบผูกพันตั้งแต่อ้อนแต่ออก เกิดมาก็รู้จักลาบแล้ว กินลาบเป็นแบบไม่ต้องสอนให้ยาก แต่การจะได้กินลาบ สมัยก่อนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องวาระพิเศษจริงๆ เมนูลาบจึงจะปรากฏกายให้ได้ลิ้มลอง งานแต่ง งานบุญ งานเลี้ยง กระทั่งถูกหวย หรือแขกไปใครมา ญาติสนิทมิตรสหายมาเยี่ยมเยือนถึงบ้าน เป็นต้องมีการล้มวัวล้มควายล้มหมู ไม่ก็ไปไล่จับเป็ดจับไก่ในเล้ามาเชือดคอ นั่นถึงจะได้กินลาบแสนโอชะ

หลายเดือนก่อนไปกินลาบที่ขอนแก่น ร้านครัวโอมเพี้ยง เจ้าของป้าสมร ทำลาบเสิร์ฟลูกค้าหลากหลายเมนู แต่ที่ถูกใจเราคือ “ลาบปลาตอง” กับ “ลาบปลาตะเพียน” ลาบปลาตองห่อใบตองปิ้งไฟ แกะใบตองออก กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ลาบปลาตะเพียนสับเนื้อปลาละเอียด คลุกเคล้ากับเครื่องปรุง เสิร์ฟร้อนๆ คู่ข้าวเหนียวนึ่ง แล้วก็ผักสดจานโตที่ป้าปลูกเอง ผักชีลาว ผักแพรว หอมเป (ผักชีฝรั่ง) ผักกาดต้นจิ๋วรสออกขมนิดๆ มะเขือขื่น (มะเขือสีเหลือง) แกล้มลาบ

ที่หนองคาย ลาบปลาตอง หรือลาบปลาตะเพียน ก็ได้รสชาติที่อร่อยไม่ซ้ำกัน แถบริมโขงแถวๆ อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ คนที่นั่นทำลาบปลาตองลาบปลาตะเพียน ด้วยการนำเนื้อปลามาสับให้ละเอียด ยิ่งละเอียดมากยิ่งดี
เพราะเขาจะทำเป็น “ลาบเหลว” เนื้อปลาละเอียดจะช่วยให้ลาบเนียนนุ่ม ตำเนื้อปลากับน้ำปลาร้า จากนั้นค่อยๆ คนจนเหนียวหนืด เติมเครื่องปรุงและเครื่องปรุงรสอื่นๆ ตาม รสชาติต้องนัวไว้ก่อน เผ็ดเค็ม สีลาบจะออกน้ำตาลเข้ม ใช้ข้าวเหนียวจิ้มกิน โห!!! อร่อยสุดยอด ผักที่กินคู่กัน ก็มีผักคาวปลา นิยมมาก ช่วยดับคาวปลาได้ดีนัก ดอกหรือยอดสะเดาลวก ฝักลิ้นไม้ (ฝักลิ้นฟ้า) เผาไฟ รสขมแต่เข้ากันกับลาบปลา

“ลาบวัว” กับ “ลาบเป็ด” ก็ได้รับความนิยมสูงในหมู่คนอีสาน แต่ส่วนใหญ่ลาบวัวเขามักกินแบบลาบดิบ สับเนื้อวัวไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อจะได้ง่ายๆ ต่อการใช้ข้าวเหนียวจ้ำ (จิ้ม) ลาบแดงๆ เนื้อสดๆ จะเพิ่มความอร่อยด้วยขี้เพลี้ย รสขมปร่าๆ บางคนก็ชอบใส่ดี บอกว่าอร่อยตรงที่ขมสะใจ ขณะที่ลาบเป็ด สูตรใครก็สูตรใคร ลาบเป็ดอุดรฯ ลาบเป็ดอุบลฯ ลาบเป็ดหนองคาย ต่างกัน แต่เท่าที่รู้ ที่หนองคายไม่ค่อยชอบกินลาบเป็ดนัก อาจเพราะกลิ่นสาบเป็ดมันค่อนข้างแรง จึงไม่ค่อยนิยม

ล่าสุดไปกินลาบเป็ดร้านยอด สูตรมาจากอุดรฯ รสชาติไม่จัดจ้านมาก แต่เรื่องเครื่องเครานี่ ต้องบอกว่าครบครันจริง กระเทียมดอง พริกแห้งทอด ใบมะกรูดทอด ถูกใจหลายๆ ไหนจะผักสดๆ ผักแพรว ผักชีลาว ใบโหระพา ถั่วฝักยาว แตงกวา เสิร์ฟคู่ข้าวเหนียวร้อนๆ อิ่มแปล้ไปหนึ่งมื้อ

ร้านโอมเพี้ยง ถนนประชาสโมสร อ.เมือง จ.ขอนแก่น โทร. 08-9713-8913 ร้านยอดลาบเป็ด ถนนพระราม 9 ตัดใหม่ พระราม 9 ซอย 49 โทร. 02-718-3111

ทองหยิบ - ทองหยอด - ขนมเบื้องไทย

ทองหยิบ - ทองหยอด - ขนมเบื้องไทย
อาจารย์วันดี ณ สงขลา
       ***ทองหยิบ***
      
        ทองหยิบทิพย์เทียมทัด สามหยิบชัดน่าเชยชม
        หลงหยิบว่ายาดม ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
        (กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน (พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2)
      
        โบราณ ทำขนมทองหยิบเพียง 3 หยิบ โดยเลียนแบบหรือทำให้เหมือนหมวกบาทหลวง แล้วเรียกว่า Biretta (บิเรตตา) ซึ่งแปลว่าหมวกของบาทหลวงนั่นเอง
      
       ส่วนผสม
       
        ไข่แดง 6 ฟอง
      
       ส่วนผสมน้ำเชื่อม
       
        น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง
        น้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วยตวง
        เปลือกไข่ล้างสะอาด
        ใบเตย
      
       ส่วนผสมน้ำเชื่อมใส
       
        ขยำน้ำตาลทรายกับเปลือกไข่ให้เข้ากัน ใส่น้ำลอยดอกมะลิ ใบเตย ตั้งไฟพอเดือด ตั้งไฟต่อจนน้ำเชื่อมข้น
      
       วิธีทำน้ำเชื่อมใส
       
        ผสมส่วนผสมน้ำเชื่อมใส ใส่กระทะทองเหลือง ตั้งไฟพอเดือด พักไว้
      
       วิธีทำทองหยิบ
       
        1. ตีไข่แดงให้ขึ้นฟู และขาวนวล
        2. ตั้งไฟ พอน้ำเชื่อมเดือดปิดไฟ หยอดไข่เป็นแผ่นกลม ใช้ไฟอ่อน พอเดือดจึงกลับด้านไข่จะฟูพอง ตักขึ้นใส่น้ำเชื่อมใส
        3. นำไข่มาจับจีบให้ได้ 3 หรือ 5 หรือ 9 จีบ ใส่ถ้วยตะไลเพื่อให้ทองหยิบคงรูป


       ***ทองหยอด***
      
        ทองหยอดทอดสนิท ทองม้วนมิดคิดความหลัง
        สองปีสองปิดบัง แต่ลำพังสองต่อสอง
      
        กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน (พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2)
      
        ทอง หยอดเป็นขนมโบราณที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงสุด แม้เวลาจะผ่านมาหลายร้อยปีแล้วก็ตาม ความเชื่อมั่นของคนไทยที่มีต่อขนมตำว่า “ทอง” ก็ไม่เสื่อมคลาย คือ นิยมใช้ในพิธีแต่งงาน เพราะมีความเชื่อว่า “ทอง” เป็นของมีค่าทุกยุคทุกสมัย และสามารถบันดาลให้คู่บ่าวสาวร่ำรวยในเวลาอันรวดเร็ว
      
       ส่วนผสม
      
        ไข่แดง 6 ฟอง
        แป้งทองหยอด 40-50 กรัม
      
       ส่วนผสมน้ำเชื่อม
       
        น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง
        น้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วยตวง
        เปลือกไข่ล้างสะอาด
        ใบเตย
      
       ส่วนผสมน้ำเชื่อมใส
       
       น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
       น้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วยตวง
       ใบเตย 2 ใบ
      
       วิธีทำน้ำเชื่อม
       
        ขยำน้ำตาลทรายกับเปลือกไข่ ใส่น้ำลอยดอกมะลิ ใบเตย ตั้งไฟพอเดือดและข้น
      
       วิธีทำน้ำเชื่อมใส
       
        ผสมส่วนผสมทั้งหมดในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟพอเดือด พักให้เย็น
      
       วิธีทำทองหยอด
       
        1. ตีไข่ให้ฟู ใส่แป้งทีละน้อย เทใส่ถ้วย
        2. นำน้ำเชื่อมไปตั้งไฟให้เดือด
        3. ตะหวัดแป้งลงในกระทะทองเหลือง ทองหยอดมีลักษณะกลมและมีหางนิดๆ เมื่อเม็ดใสจึงตักขึ้นใส่ในน้ำเชื่อม


       ***ขนมเบื้องไทย***
      
        อีกทั้งขนมเบื้อง เครื่องช่างเคล้าเข้าเหมาะกัน
        ละเลงเก่งเหลือสรร ชูโอชาไม่ลาลด
       
        กาพย์เห่ชมเครื่องว่าง (พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6)
      
        แม้ ระยะเวลาจะผ่านมายาวนาน ขนมเบื้องไทยก็ยังคงเป็นขนมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดอยู่เสมอ และพัฒนาเป็นขนมส่งออกของไทย สาวไทยโบราณถ้าละเลงขนมเบื้องเก่งจะเรียกว่า “แม่ร้อยชั่ง” สำหรับคนที่ละเลงไม่เป็น แต่จะพูดว่าให้ละเลงแบบนั้นแบบนี้ จะเรียกคนประเภทนี้ว่า “ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก”
      
       ส่วนผสมตัวแป้ง
       
        แป้งสาลี ½ ถ้วยตวง
        แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
        แป้งถั่วทองป่น ½ ถ้วยตวง
        น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
        น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
        ไข่แดง 2 ฟอง
        กาแฟ 1ช้อนโต๊ะ
      
       ส่วนผสมหน้าน้ำตาล
       
        ไข่ขาว 2 ฟอง
        น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วยตวง
      
       ส่วนผสมฝอยทอง
       
        น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
        น้ำดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง
        ไข่แดง 3 ฟอง
        ไข่น้ำค้าง 1 ช้อนโต๊ะ
      
       ส่วนผสมอื่น
       
        มะพร้าวขูดขาว ¼ ถ้วยตวง
        งาขาว 2 ช้อนโต๊ะ
        ลูกพลับ ลูกเกด ฟักเชื่อม
      
       วิธีทำตัวแป้งและหน้าน้ำตาล
       
        1. ผสมแป้งให้เข้ากัน ใส่น้ำตาล ไข่แดง น้ำปูนใส กาแฟ นวดให้เข้ากัน
        2. ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟู ใส่น้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน
      
       วิธีทำฝอยทอง
       
        1. เคี่ยวน้ำตาลทราย และน้ำดอกมะลิให้เดือด
        2. ผสมไข่แดงและไข่น้ำค้างให้เข้ากัน ตักใส่กรวย โรยในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือด
      
       วิธีละเลงขนมเบื้อง
       
        1. ตั้งกระทะ นำกระจ่าแตะตัวแป้งละเลงให้แบน พอเหลืองใช้กระจ่าละเลงหน้าน้ำตาลบนแป้งโรยมะพร้าวขูด และใส่ไส้ตามต้องการ
        2. ถ้าใส่ฝอยทองให้โรยงา และพักครึ่ง ถ้าเป็นหน้าหวาน โรยฝอยทอง และใส่ลูกพลับ ลูกเกด หรือฟักเชื่อม ถ้าเป็นหน้ากุ้งให้ใส่หน้ากุ้งที่ผสมไว้
ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
อาจารย์วันดี ณ สงขลา

'ชาบู-ชาบู' กลมกล่อม .. คาโกะโนยะ ซ.ทองหล่อ

ข่าวสดออนไลน์








'ชาบู-ชาบู 'กลมกล่อม คาโกะโนยะ ซ.ทองหล่อ




อาหาร ญี่ปุ่นประเภทชาบู ร้าน "คาโกะโนยะ" คือต้นตำรับที่นำเนื้อคาโกโนยะมาให้คนไทย ได้ลิ้มลองเนื้อวัวที่มีความอร่อยที่สุดอีกชนิดหนึ่ง

เพราะลองได้ชื่อว่าเป็นชาบูแล้ว ความโดดเด่นจึงอยู่ที่การคัดสรรเนื้อ และน้ำซุป รสชาติแบบต้นตำรับญี่ปุ่น

คุณ ประพัฒน์ ยอขันธ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีสเทริน์ควีนซีน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินงานร้านคาโกะโนยะ กล่าวว่า ที่เลือกมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นนี้ ก็เพื่ออยากให้คนไทยได้ลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับแท้ๆ ที่มีสาขาในประเทศญี่ปุ่นถึง 69 สาขา เพราะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นตั้งมากว่า 20 ปี

ร้านคาโกะโนยะ มีความโดดเด่นด้านชาบู-ชาบู และสุกียากี้ ด้วยน้ำซุปสูตรต้นตำรับ รสชาติดั้งเดิมกลมกล่อม

อาหารของทางร้านมีเมนูให้เลือกละลานตามากกว่า 100 รายการ มีทั้งอาหารจานเดียว อาหารชุด และอาหารที่เสิร์ฟเป็นคอร์ส

เช่น ชาบู-ชาบู สุกียากี้ เนื้อ หรือหมู ใน 1 เซ็ต ประกอบด้วย ชุดสุกียากี้ ซึ่งทางร้านจัดเตรียมผัก เช่น เห็ดเข็มทอง ไว้เรียบร้อย ผักกาดขาว แครอต ผักกาดฮ่องเต้ ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วย น้ำซุปเต้าเจี้ยว

น้ำซุปเป็นแบบเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศ กินคู่กับไข่ไก่ดิบ ความหวานหอมของน้ำซุป ตัดกับไข่ไก่ เป็นตัวเพิ่มความมันอร่อยให้กับอาหาร

เมนู ชุดไคเซกิแบบดั้งเดิม สไตล์ญี่ปุ่น มีให้เลือกระหว่าง เนื้อคาโกะโนยะ หรือเนื้อหมูพิเศษ เมนูนี้เป็นแบบดั้งเดิมที่เสิร์ฟเป็นคอร์ส นอกจากจะมากินอาหารรสชาติอร่อยแล้ว ยังได้ดูศิลปะแขนงหนึ่ง ซึ่งคงความสมดุลระหว่างรสชาติ สีสัน และหน้าตาของอาหาร

โดยเน้น คุณภาพอาหารที่ประณีต ประกอบด้วย ข้าวปั้นหน้าปลาดิบ และกุ้ง กุ้งเทมปุระ ผักชุบแป้ง ไข่ตุ๋น ปลาแซลมอนย่าง ผักสลัด ข้าวญี่ปุ่นหน้าไข่ปลาแซลมอน และหมูไก่สับไม้ไผ่ โดยเริ่มจากต้มน้ำซุปในหม้อไฟกระดาษ ให้น้ำเดือด นำเนื้อลงไปลวก กินคู่กับน้ำจิ้มงา และซอสเปรี้ยว 1 คอร์ส กินได้ 2-3 คน

สำหรับ เนื้อคาโกะโนยะ ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ เป็นเนื้อวัวสายพันธุ์พิเศษชั้นดี ที่เลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ตามธรรมชาติ เลี้ยงโดยธัญพืชเป็นเวลา 220-300 วัน ในสูตรเฉพาะของคาโกะโนยะที่ประเทศออสเตรเลีย เพื่อให้เป็นเนื้อที่มีคุณภาพสูง และเป็นเนื้อที่คู่กับน้ำซุปต้นตำรับของทางร้าน เพราะเนื้อมีความนุ่ม กลมกล่อม

ทางร้านจึงจัดเมนูเนื้อ คาโกะโนยะไว้ให้ลูกค้าที่ชอบกินเนื้อได้เต็มอิ่มกับเนื้อ และหมู โดยมีน้ำซุปให้เลือกอยู่ 4 อย่าง คือ น้ำซุปสาหร่าย น้ำซุปแกงกะหรี่ น้ำซุปโซบะ-โชยุ และน้ำซุปไก่ เป็นน้ำซุปสูตรพิเศษ 4 ชนิด ให้เลือกกินกัน

สำหรับของหวานมี ไอศกรีมชาเขียว พุดดิ้งชาเขียว ไอศกรีมชาเขียวพาเฟร์ และ โมจิชาเขียว ล้วนได้รสชาเขียวเข้มข้นแบบญี่ปุ่น

ราคา อาหารไม่ถึงกับต้องทำให้ล้มละลายตั้งแต่ต้นปี อย่างชุดสุกียากี้เนื้ออยู่ที่ 450 บาท หรือสุกียากี้หมูอยู่ที่ 320 บาท และถ้าเป็นไก่ ราคา 280 บาท เป็นต้น

ร้านเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามทางหรือรายละเอียดได้ที่โทร. 0-2392-5188-9

ขนมผักกาด

ที่มา คุณ เนเวอร์แลนด์ bloggang.com
ทานเป็นเป็นติ่มซำเป็นของว่างก็ได้ ทำเป็นอาหารจานเดียวก็อร่อย แต่เดี๋ยวนี้หาอร่อยครบเครื่องแทบไม่มี บางร้านใส่เผือก ใส่แครอทไอ้เราคิดว่ากุ้งแห้งดีใจหมดไหงไม่มีกลิ่นกุ้งหว่าพอดูดีๆ ว๊ากกก มันแคโร๊ะนี่หว่า
ทานไม่หมดก็ผัดแล้วแช่เย็นเก็บไว้ได้ แต่ถ้ากินเป็นติ่มซำทานในวันนั้นอร่อยกว่า





ส่วนผสมขนมผักกาดนึ่ง

หัวไชเท้า 1 หัว
แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วยตวง
แป้งท้าวไม่มีใช้แป้งมันแทน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
กุ้งแห้ง 4 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอม 2 ดอก
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

ถั่วลิสงต้ม 1/4 ถ้วยตวง(ถ้าชอบใส่ ไม่ชอบเลยไม่ใส่ค่ะ)







วิธีทำ

ขูดหรือสับหัวไชเท้าให้เป็นเส้นยาว เติมเกลือลงไปประมาณ 1/2 ช้อนโต๊ะขยำให้เข้ากันและบีบน้ำออกช่วยลดความเฝื่อนของไชเท้า
นำไปล้างน้ำให้หายหายเค็ม ใส่ถุงมือหรือใช้ทัพพีช่วยบีบน้ำออกให้หมด เพราะน้ำหัวไชเท้ากัดมือทำให้ระคายเคืองได้

แช่เห็ดหอมบีบน้ำออกให้หมด หั่นเป็นชิ้นตามยาว





นำแป้ง น้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำเปล่า ผสมให้เข้ากัน
ใส่ไชเท้า กุ้งแห้ง เห็ดหอม คลุกเคล้าให้เข้ากัน





ทาน้ำมันพืชให้ทั่วพิมพ์ตักส่วนผสมของขนมผักกาดลงพิมพ์





นำไปนึ่งในน้ำเดือดจัด 20-30 นาที
แกะออกจากพิมพ์และพักไว้ให้เย็น ทาน้ำมันพืชที่มีดเวลาตัดจะได้ไม่ติดมีด ตัดเป็นชิ้นขนาดตามต้องการ
เอามาทอดทานเป็นติ่มชำทานกับน้ำจิ้มซีอิ๊วเปรี้ยวหวาน หรือน้ำจิ้มไก่ก็ได้

ทริป
ถ้าเราทานไม่หมด ยังไม่ต้องทอด เอาไปแช่ช่องฟรีสไว้ก่อน
จะทานก็นำออกมาพอคลายความเย็นก็ค่อยทอด








วิธีทำขนมผักกาดผัดไข่
ส่วนผสม


กระเทียมเจียว 5 กลีบ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ใบกุยช่าย หั่นท่อน 2-5 ต้น
พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

ถั่วงอก 1 ถ้วย(ไม่ชอบเลยไม่ใส่)





วิธีทำ

ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไปตามด้วยทอดแป้งขนมผักกาด รอให้สุกเหลืองเกรียมแล้วค่อยกลับทีละด้าน

แล้วค่อยใส่กระเทียมลงผัดจนหอม





กันแป้งไว้ริมกระทะ ตอกไข่ใส่ลงไป ยีให้ทั่วกระทะเกลี่ยให้กระจาย
พอไข่เริ่มสุก ตักแป้งผักกาดทับไข่แล้วพลิกกลับอีกด้านเพื่อให้ไข่ติดกับขนมผักกาดบ้างจะได้น่ากิน





ปรุงรสใส่น้ำมันหอย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาลทราย พริกไทยป่น ถ้าแห้งไปก็เติมน้ำได้นิดหน่อย
ใส่พวกผักใบกุยช่ายคนประมาณสองสามที ผัดให้เข้ากันแล้วตักขึ้น โรยพริกไทยป่น







เวลาทานปรุงรสอย่างอื่นเพิ่มพริกป่น น้ำตาลทราย ซอสพริก หรือน้ำส้มพริกดอง