ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง

ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง


ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง
ส่วนผสม

  1. หมูสามชั้น 2 ขีด
  2. เต้าหู้แข็ง 1 แผ่น
  3. ปลาหมึกแห้งตัวเล็ก 1 ตัว
  4. กุ้งแห้งขนาดกลาง 1/2 ขีด
  5. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
  6. ซอสซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  7. เสี้นก๋วยเตี๋ยวหลอด (เส้นใหญ่) 1/2 กก.
  8. ถั่วงอก 3 ขีด
  9. ผักคะน้า 2 ต้น
  10. ผักชี
  11. ต้นหอม
  12. พริกขี้หนูแดง
  13. น้ำส้ม
  14. กระเทียมเจียว
วิธีทำ
  1. นำหมูสามชั้นมาต้มกับน้ำจนสุก แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ (น้ำที่ใช้ต้มหมูสามชั้นอย่าทิ้งสามารถใช้เป็นซุปได้)
  2. ซอยเต้าหู้เป็นเส้นบางๆ ตัดปลาหมึกแห้งให้เป็นเส้นฝอยๆ แช่น้ำให้นิ่ม
  3. นำ หมูลงกระทะทอดสักครู่จนน้ำมันออกมาเอง พอหมูเหลืองได้ที่จึงตักขึ้น ใช้น้ำมันที่ได้จากการทอดหมูมาทอดเต้าหู้ พอเหลืองก็ตักขึ้น แล้วทอดกุ้งแห้งพอกรอบก็เอาขึ้น
  4. นำน้ำซุปตั้งไฟใส่เต้าหู้ที่ทอดลงไป ใส่หมูที่ทอดลงไป ใส่ปลาหมึกแห้งที่แช่น้ำจนนิ่ม เติมน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
  5. นำ เส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดมาตัดเป็นเส้นขนาดก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ทั่วๆไป นึ่งให้ร้อน ลวกถั่วงอก ผัดคะน้าให้สุก จัดใส่จาน ราดหน้าด้วยหน้าที่เตรียมไว้ โรยผักชี ต้นหอม กุ้งทอด กระเทียมเจียว รับประทานกับพริกน้ำส้มv

ทับทิมกรอบ

ทับทิมกรอบ

ส่วนผสม
* แห้ว 800 กรัม (ล้าง, ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)
* กะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 2 ช้อนชา
* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
* น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
* น้ำหวานแดง 1 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งมัน 500 กรัม
* ขนุนฉีกเป็นฝอย, เมล็ดข้าวโพดสุก (สำหรับโรยหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทำ
1. นำแห้วที่หั่นเสร็จแล้วไปแช่ในน้ำแดงประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ
2. นำแห้วที่แช่ในน้ำแดงไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวแห้วทั้งหมด จากนั้น จึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุกจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น (วิธีสังเกตุ : แห้วสุกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ)
3. เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำและนำไปต้มจนเดือด คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายดี แล้วจึงปิดไฟ
4. นำกะทิและเกลือไปใส่ในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี จึงปิดไฟ
5. นำเมล็ดทับทิม ไปใส่ในถ้วยเสริฟ โรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม,น้ำกะทิ, ขนุนฝอยและข้าวโพด (ถ้าต้องการ) เสริฟทันทีเป็นอาหารว่าง คลายร้อนในวันสบายๆ

ขนมจีนน้ำยา

ขนมจีนน้ำยา


* เนื้อปลาต้มแกะเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วยตวง
* ลูกชิ้นปลา 150 กรัม (หรือจะไม่ใส่ก็ได้)
* พริกขี้หนูแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ (แช่น้ำให้นิ่ม และนำไปสะเด็ดน้ำ)
* พริกแห้ง 5-8 เม็ด (เอาเม็ดออกและแช่น้ำจนนิ่ม)
* เกลือ 1 ช้อนชา
* ข่าหั่นฝอย 2 ช้อนชา
* ตะไคร้หั่นบางๆ 1/2 ช้อนโต๊ะ
* กระเทียมหั่นหยาบ 1/2 ช้อนโต๊ะ
* ขมิ้นสดหั่นละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ
* กระชาย 1/2 ช้อนโต๊ะ
* กะปิ 3 ช้อนโต๊ะ
* หอมแดง 2 หัว
* หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
* หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
* ส้มแขก 2 ชิ้น
* น้ำปลา 1/4 ถ้วยตวง
* น้ำตาลปึก 2 ช้อนโต๊ะ
* ขนมจีน 800 กรัม
* ไข่ต้มและผักสดต่างๆ (ถั่วฝักยาว, ถั่วงอก, ใบสาระแหน่, แตงกวา, ผักกาดดอง, อื่นๆ)
สูตรอาหารไทย : ขนมจีนน้ำยา
สูตรอาหารไทย : ขนมจีนน้ำยา

     วิธีทำทีละขั้นตอน
1. โขลกพริกขี้หนูแห้งและพริกแห้ง กับเกลือ, ตะไคร้, ข่า, หอมแดง, กระเทียม, กระชายและ ขมิ้น โขลกจนละเอียดแล้วจึงใส่กะปิและเนื้อปลาต้ม โขลกต่อให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
2. ตั้งหางกะทิในหม้อบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นจึงนำน้ำพริก (ที่โขลกเตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1) ไปละลายในหม้อ เมื่อน้ำกะทิเดือด ใส่ลูกชิ้นปลาลงไปต้มต่อ แล้วจึงปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำตาลปึกและ ส้มแขก
3. หรี่ไฟลง เคี่ยวด้วยไฟอ่อน จากนั้นจึงใส่หัวกะทิ ต้มให้เดือดอีกครั้งจึงยกลง ตักใส่ถ้วยเตรียมเสริฟ
4. จัดเส้นขนมจีนใส่จาน เสริฟทันทีขณะน้ำยายังร้อนๆพร้อมผักสดและไข่ต้ม

"Paulaner Garden" เบียร์ยอด อาหารเยี่ยม

ที่มา manager



บรรยากาศโต๊ะนั่งเย็นสบายภายในบ้านของร้าน Paulaner Garden

       ตามหลักหยินหยาง ร้อนต้องแก้ด้วยเย็น
    
       เพราะ ฉะนั้นหน้าร้อนนี้ที่อากาศร้อนระยับ การดื่มเบียร์เย็นๆในบรรยากาศสบายๆถือเป็นหนึ่งในการคลายร้อนของ "ตระเวนกิน"ที่ช่วยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งถ้าเป็นเบียร์ "Paulaner" (พอลลาเนอร์) เบียร์เยอรมันชื่อดังจากเมืองมิวนิกด้วยแล้ว ก็ยิ่งช่วยเพิ่มอรรสรถในการดื่มกินให้รื่นรมย์มากขึ้น
    
       และแน่นอนว่าถ้าคิดจะดื่มเบียร์ Paulaner สถานที่อย่างร้าน "Paulaner Garden" นั้นถือเป็นตัวเลือกในระดับหัวแถวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งของเหล่ามิตรรักนักดื่ม







บ้านเก่าถูกเนรมิตให้เป็นร้านอาหารในบรรยากาศลานเบียร์

       คุณต๋อย กานต์พิชชา คงสมบัติ เจ้าของร้านผู้รุ่มรวยรอยยิ้มและอัธยาศัยไมตรี ที่นิยมชมชอบออกมาเทกแคร์ลูกค้าที่มาดื่ม-กินในร้าน กล่าวถึงที่มาที่ไปของร้าน Paulaner Garden ว่า เธอได้เป็นตัวแทนนำเข้าเบียร์ Paulaner จากเยอรมันมานานกว่า 10 ปีแล้ว แล้ววันหนึ่งจึงเกิดความคิดว่าน่าจะเปิดร้านอาหารเล็กๆ ขายเบียร์ที่ตัวเองนำเข้ามา แต่เมื่อทำไปทำมากลับกลายมาเป็นร้านค่อนข้างใหญ่โตอย่างที่เห็น







บรรยากาศร้านด้านนอก

       Paulaner Garden เป็นร้านเก๋มีสไตล์ โดดเด่นด้วยการนำเอาบ้านเก่าสไตล์โคโลเนียนสมัย ร.5 มาจัดแต่งเป็นร้านอาหาร โดยจัดพื้นที่ชั้นล่างเป็นส่วนดื่มกินในบรรยากาศสบายๆเป็นกันเอง มีเคาเตอร์บาร์บริการเครื่องดื่มแบบครบครัน จัดชั้น 2 เป็นห้องจัดเลี้ยง ส่วนพื้นที่ด้านนอกจัดเป็นสวนเท่ๆ บรรยากาศโปร่งโล่ง มีโต๊ะเก้าอี้ม้านั่งยาวที่อิมพอร์ตมาเป็นพิเศษจากเยอรมันมาให้นั่งดื่มกิน กันตามใจชอบ พร้อมด้วยส่วนของครัวเปิดโชว์การทำอาหารให้เห็นกันจะจะ และมีมุมบาร์บริการเครื่องดื่มกันอย่างเต็มที่
    
       จากส่วน ของบรรยากาศร้านอันชวนเพลินเพลิด มาถึงเบียร์ Paulaner เครื่องดื่มชูโรงของร้าน ที่มีทั้งเบียร์สดและเบียร์ขวดให้เลือกดื่มด่ำกัน







เบียร์สดพอลลาเนอร์ 4 ชนิดที่ชวนดื่ม

       สำหรับเบียร์สดของที่นี่ มี 4 ชนิดเด่นๆด้วยกัน คือ ไวเซ่นเบียร์ เป็นเบียร์ที่ไม่ได้ผ่านการกลั่น น้ำเบียร์มีสีเหลืองขุ่น ให้รสนุ่ม มีกลิ่นหอม ฟองนุ่ม ออริจินัลเบียร์ เป็นเบียร์สดที่ผ่านการกลั่น ได้เบียร์ที่เหลืองใสสีอำพัน รสนุ่มคอ ชนิดที่สามคือ ดุนเคิลเบียร์ เป็นเบียร์ดำ เกิดจากการเอามอลล์ไปคั่วให้ดำ และไม่ได้กลั่น เบียร์จึงมีสีขุ่น แต่กลิ่มหอมนัก ให้รสกลมกล่อม และชนิดสุดท้ายคือ ออริจินัล ดุนเคิลเบียร์ เป็นเบียร์ดำที่เอามากลั่น ทำให้ได้เบียร์ที่มีกลิ่นหอมมาก และรสก็เข้มข้นมากขึ้น (ราคาเบียร์ทั้ง 4 ชนิด คือ 3 ลิตร หรือ 1 ทาวเวอร์ 1,100 บาท, 0.5 ลิตร 190 บาท, 0.3 ลิตร 140 บาท, 0.25 ลิตร 100 บาท)
    
       นอกจากเบียร์สดแล้วที่นี่ยังมีเบียร์ขวดพอลลาเนอร์ชวนดื่มอย่าง ซัลวาเตอร์ (160 บาท) ออริจินัล ลาเกอร์ (150 บาท) พิลส (150 บาท) และก็มีเบียร์ขวดตระกูล Hacker-Pschorr สเทินไวส์ มุนเชอร์เนอร์ โกลด์ และ อันโน 1417 (แต่ละชนิดราคาขวดละ 230 บาท)







ขนมปังเพรสเซล

       ครั้น จะดื่มแต่เบียร์อย่างเดียวก็กระไรอยู่ เพราะถ้าจะให้ได้อรรถรสแห่งการดื่ม-กินอย่างเต็มที่ ก็ต้องดื่มเบียร์แกล้มกับอาหารรสเลิศควบคู่กันด้วย ซึ่งที่นี่มีอาหารนานาชนิดไว้บริการ แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่อาหารเยอมัน แจมด้วยอาหารไทย อิตาเลียน สเปน และอาหารแนวฟิวชั่นที่ทางร้านคิดค้นสูตรเด็ดขึ้นมาเอง
    
       สำหรับ อาหารจานเด่นที่ชวนกินของที่นี่นั้นมีมากหลายกว่า 100 รายการ แต่ในมื้อนี้เราขอเลือกนำเสนอเมนูจานเด็ดที่ขายดี มากินคู่กับเบียร์เย็นๆ อย่าง ขนมปังเพรสเซล ( 160 บาท) เป็นเมนูทานเล่น ตัวขนมปังกรอบนอกนุ่มใน กินคู่กับตับหมูบดผสมเครื่องเทศรสเด็ดถูกปากไม่ใช่น้อย







ไส้กรอกบาวาเรียนรวม

       จากนั้นมาอร่อยกับเมนูเยอรมัน ไส้กรอกบาวาเรียนรวม (280 บาท) มีไส้กรอก 3 แบบมาในจาน อย่างแรกเป็นไส้กรอกทูริงเจอร์ ไส้กรอกหมูผสมเครื่องเทศ กินแล้วสัมผัสได้ถึงเนื้อหมูล้วนนุ่มปากออกรสชาติเครื่องเทศกำลังดี อีกตัวเป็นไส้กรอกหมูผสมชีสกินแล้วถูกปากดี สุดท้ายเป็นไส้กรอกบราทเวิร์ส เป็นไส้กกรอกหมูรสเข้มข้นเต็มปากเต็มคำ







ขาหมูเยอรมัน

       ตามมาด้วย ขาหมูเยอรมัน (450 บาท) เป็นเมนูเด่นดังที่ไม่ควรพลาดสั่ง และสาวๆ ที่กลัวมัน กลัวอ้วนไม่ต้องกลัว เพราะเป็นขาหมูเยอรมันที่ไม่ได้ผ่านการทอด แต่ทำให้สุกหนังแห้งกรอบเนื้อในนุ่มด้วยการใส่เตาหมุนขาหมูจึงนุ่มชุ่มเนื้อ หนังกรอบไม่มันมาก ถูกปากจริงๆ







พอลลาเนอร์ บาร์บีคิวซี่โครงหมู

       พอลลาเนอร์ บาร์บีคิวซี่โครงหมู (280 บาท) เมนูนี้ทางร้านคิดขึ้นมาเอง เป็นซี่โครงหมูหมักกับเครื่องเทศสูตรพิเศษและกริลล์มาจนสุก ลิ้มรสซี่โครงหมูเนื้อนุ่มหวานออกรสชาติเครื่องหมักถูกลิ้น







สปาเก็ตตี้หมึกดำซีฟู้ด

       แล้วมากิน สปาเก็ตตี้หมึกดำซีฟู้ด (150 บาท) เส้นสปาเก็ตตี้เส้นดำผัดน้ำมันมะกอกใส่เครื่องทะเลปลาหมึก กุ้ง หอลแมลงภู่นิวซีแลนด์ ใส่เครื่องเทศอิตาเลียน และพิเศษตรงที่ใส่เบียร์ดำลงไปหน่อย ชูรสชาติให้สปาเก็ตตี้เส้นดำเหนียวนุ่ม รสละมุนกลมกล่อม







พิซซ่าเยอรมันหน้าเซลามี

       ยังไม่หมดเพียงเท่านี้สำหรับเมนูจานเด็ดที่น่ากินยังมีอีกเพียบ อาทิ พิซซ่าเยอรมันหน้าเซลามี (280 บาท) ที่ไม่มีที่ไหนเหมือน เพราะแป้งบางกรอบอย่างกับขนมปังแคร็กเกอร์หน้าเซลามีรสดีออกเผ็ดนิดๆ แล้วก็มี เนื้อทอดกระเพรากรอบ (150 บาท) ปลาหมึกทรายทอง (150 บาท) ซีฟู้ดทะเลนึ่งมะนาว (290 บาท) ปูนิ่มผัดกับพริกไทยดำ v.s.o.p. ซอส (320 บาท)







ดื่มเบียร์เย็นๆ สักแก้ว

       และ อีกสารพัดเมนูมากมาย แล้วในแต่ละเดือนก็จะมีเมนูใหม่ๆ ที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาให้ได้ชิมรสชาติกันแบบไม่จำเจ งานนี้เรียกว่าหากมิตรรักนักดื่มและนักกินท่านใด กำลังเมียงมองหาร้านน่านั่งกิน-ดื่มอยู่ล่ะก็ "Paulaner Garden" ถือเป็นตัวเลือกระดับหัวแถวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
    
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *







ครัวเปิดด้านนอกร้าน

       "Paulaner Garden" (พอลลาเนอร์ การ์เด้น) ตั้งอยู่ที่ 42/99 หมู่ 7 ถ.สามัคคีใหม่ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี การเดินทางถ้ามาจากแยกหลักสี่ วิ่งมาตามถ.แจ้งวัฒนะ วิ่งผ่านเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ แล้วเตรียมชิดซ้ายเลี้ยวเข้าถ.สามัคคีใหม่ วิ่งตรงไปแล้วกลับรถมา ร้านพอลลาเนอร์ การ์เด้นจะอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ มีที่จอดรถกว้างขวาง เปิดทุกวัน เวลา 17.00-24.00 น.โดยทุกวันศุกร์ 20.00-22.00 น. จะมีดนตรีสดมาเล่นให้ฟังกันเพลินๆ ควรโทร.มาจองโต๊ะล่วงหน้า และทางร้านรับจัดงานเลี้ยงต่างๆ


ที่มา manager

"สปาเก็ตตี้ปูอัดผัดผัก 3 สี" รสดี กินมีประโยชน์

credit Manager.co.th



มื้อ นี้ "กุ๊กเล็ก" ขอเอาใจมิตรรักนักครัวที่ชอบทำอาหารเพื่อสุขภาพกันสักหน่อย เพราะว่าเรามีสูตรอาหารจานเส้นสปาเก็ตตี้โฮลวีทแสนอร่อยมานำเสนอ กับเมนูนี้ที่มีชื่อว่า "สปาเก็ตตี้ปูอัดผัดผัก 3 สี" แถมยังกินดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

สำหรับเส้นสปาเก็ตตี้โฮลวีทนี้ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะทำมาจากเมล็ดข้าวสาลีเต็มเมล็ด ที่มีทั้งจมูกข้าวและรำข้าว ซึ่งอุดมไปด้วยสังกะสี แมกนีเซียม วิตามินอี วิตามินบี 6 และเส้นใยอาหาร

ว่าแล้วอย่าพิรี้พิไรให้เสียเวลาเลย มาเตรียมส่วนผสมแล้วเดินหน้าเข้าครัวกันดีกว่า

ส่วนผสมมีดังนี้ (สำหรับ 2 ที่)

เส้นสปาเก็ตตี้โฮลวีทต้มสุก 2 ถ้วย
ปูอัดหั่นเป็นแท่งยาว 1 ซม. 6 แท่ง
เม็ดข้าวโพดหวานต้มสุก 1/2 ถ้วย
แครอทหั่นลูกเต๋า 1/2 ถ้วย
เม็ดถั่วลันเตา 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

หลังจากที่ได้เตรียมส่วนผสมกันเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการลงมือปรุงกันได้เลย ซึ่งไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย โดยเริ่มจากตั้งกระทะน้ำมันด้วยไฟกลางให้ร้อน จากนั้นนำปูอัดลงไปผัด ใส่เส้นสปาเก็ตตี้โฮลวีทที่ต้มสุกแล้วลงไปผัด

แล้วก็ตามด้วยเม็ดข้าวโพดหวานต้มสุก แครอท เม็ดถั่วลันเตา พร้อมกับปรุงรสด้วยซอสปรุงรส น้ำตาลทราย แล้วก็ผัดเครื่องทุกอย่างให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันว่าเสร็จสรรพ ตัก"สปาเก็ตตี้ปูอัดผัดผัก 3 สี" ใส่จานเสิร์ฟร้อนๆ อิ่มอร่อยกันไป


ที่มา manager