อาหารเช้าที่มีประโยชน์มาก อันดับ 1 ต้มเลือดหมู อันดับ 2 ขนมปัง + ไข่ดาว

By Lady Manager
6 อันดับอาหารเช้าจานโปรด เมนูไหนเปี่ยมประโยชน์มากที่สุด

By Lady Manager

อาหาร เช้าที่หลายท่านนิยมชมชอบ ด้วยเพราะคุ้นเคยดี แถมซื้อหาได้ง่าย (เพราะขายอยู่พรึ่บทุกปากซอย) แท้จริงแล้ว แต่ละเมนูมีประโยชน์แค่ไหน เหมาะจะเป็นมื้อเช้าที่ดีของคุณๆ หรือไม่ และคุณหมอท่านฟันธงมาว่าเมนูไหนเยี่ยมสุด

ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ (Ani-Aging) นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ฟันธงว่า




อันดับ 1 ต้มเลือดหมู



เมนู อันดับหนึ่ง คุณหมอผู้ผู้เชี่ยวชาญด้าน Ani-Aging ยกนิ้วให้เป็นเมนูเพื่อสุขภาพสุดๆ ทว่าจะให้ทานแล้วดีต่อร่างกายอย่างแท้จริง...ก็ต้องมีเทคนิคในการทาน

“ต้มเลือดหมูเป็นอาหารที่เรียกได้ว่าเป็น perfect combination หรือเป็นคู่ที่สมกันมากเลย เพราะในเลือดหมูมีธาตุเหล็ก และในผัก เช่น ใบตำลึง จะมีวิตามินซีเยอะ ธาตุเหล็กต้องมีวิตามินซี

มันถึงจะดูดซึมได้ดี เช่นเดียวกับที่วิตามินซี ก็ต้องมีธาตุเหล็กมันถึงจะดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้ดี ฉะนั้นมันเป็นคู่ที่เพอร์เฟคเลย

แต่สิ่งที่ควรระวังคือ หากใครเป็นเก๊าท์ ต้องระวังหน่อย เพราะน้ำซุปต้มเลือดหมูทำจากน้ำต้มกระดูก ซึ่งมีกรดยูริค (Uric Acid) เยอะ ส่วนเครื่องในก็มีกรดยูริคสูงเหมือนกัน อันนี้อาจต้องระวังสักนิด นอกจากนี้คนอีกกลุ่มที่ต้องระวัง คือ

คนที่เป็นธาลัสซีเมีย (Thalassemia) เพราะคนที่เป็นธาลัสซีเมีย ไม่ควรกินธาตุเหล็กเยอะ แต่ต้มเลือดหมู มีทั้งเลือดหมู, เครื่องใน, ใบตำลึง เหล่านี้มีธาตุเหล็กทั้งนั้นเลย แต่ถ้าในคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นธาลัสซีเมีย ต้มเลือดหมูคือต้มที่ดี เป็นต้มที่เปี่ยม คอลลาเจน(Collagen)

เพราะ ในเลือดหมูมีคอลลาเจน ในน้ำต้มกระดูกก็มีคอลลาเจน ทั้งยังมีผักเขียวที่มีวิตามินซี ก็ยิ่งทำให้คอลลาเจน ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีอีกด้วย

ดังนั้นต้มเลือดหมู ถือว่าเป็นซุปสวยได้เลย เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีชนิดหนึ่ง ผมว่าดีกว่าปาท่องโก๋จิ้มนมนะ แต่มันจะกลายเป็นอาหารที่ไม่สุขภาพไปได้ เช่น หากเราใส่กระเทียมเจียวเยอะๆ ใส่หมูติดมัน หรือบางเจ้าใส่หมูสามชั้น หรือหมูกรอบเข้าไป แล้วปรุงให้รสจัดเกินไป หรือหวานไป”




อันดับ 2 ขนมปัง + ไข่ดาว


สำหรับอับดับสองเป็นเมนูอาหารเช้าทำง่าย...ทานง่าย อย่าง ขนมปัง-ไข่ดาว ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ยกให้เป็นอาหารเช้าเปี่ยมประโยชน์ที่เหมาะนักสำหรับหนุ่มสาววัยทำงาน และน้องๆ วัยเรียน จะต้องเป็นขนมปังโฮลวีท (whole wheat) และไข่ดาวน้ำ หรือไข่ต้ม (ที่ไร้น้ำมัน) นะคะ

“ในช่วงเช้า สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศ (office) ที่ต้องไปทำงาน หรือเด็กในวัยเรียน การเพิ่มอาหารจำพวกโปรตีนเข้าไปก็ถือว่าเหมาะมาก เพราะโปรตีนจะกระตุ้นให้รู้สึกกระฉับกระเฉง ดังนั้นการทานอาหารที่มีโปรตีนอย่าง ไข่ ก็เป็นอาหารเช้าที่ดีมาก ราคาไม่แพง และมีโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นสมองด้วย

สำหรับไข่ทอดอาจจะมี ปัญหาเรื่องของน้ำมัน ดังนั้นหากทานเป็นไข่ต้มได้ก็ยิ่งดี โดยอาจทานไข่ต้ม, ไข่ลวก, ไข่ดาวน้ำ โรยซีอิ้วขาว โรยพริกไทยก็ยิ่งดี เพราะพริกไทยช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ และลดไขมันได้ด้วย

หรือไข่ต้มอย่างเดียวอาจไม่อิ่ม การทานคู่กับขนมปังโฮลวีท ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะขนมปังโฮลวีท เป็นแป้งที่มีคุณภาพ คือ แป้งมีกาก มีธัญพืชทั้งหลาย โดยอาจนำขนมปังขนมปังโฮลวีท มาทำเป็นแซนวิช (sandwich) ไข่ เพิ่มผักอีกสักหน่อย ก็ยิ่งทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น ทานกับนมอีกนิดเพอร์เฟค (perfect) เลย

เพราะนมก็มีโปรตีน และกรดอะมิโน (Amino acid) ที่ช่วยกระตุ้นสมอง ถ้าผู้ใหญ่บางท่านแพ้นมวัว ทานแล้วท้องเสีย ก็สามารถทานโยเกิร์ต (Yoghurt) แทนได้ เพราะโยเกิร์ตคือ นมที่ย่อยแล้ว และไม่ทำให้ห้องเสีย ถือว่าเป็นอาหารชูกำลัง แทนที่เราจะกระตุ้นด้วยกาแฟ เรากระตุ้นด้วยอาหารชูกำลังอย่าง นม หรือโยเกิร์ตดีกว่า”




อันดับ 3 ขนมครก + กาแฟ


“ขนมครกนั้น จะมีปัญหาตรงที่มันมีแป้ง ถ้าเจ้าไหนใส่แป้งเยอะ ก็ไม่ต่างจากปาท่องโก๋เท่าไหร่ ดีกว่านิดหน่อยตรงที่มันใช้การปิ้ง เป็นการทำให้สุกด้วยความร้อนแทนการทอด แต่ข้อดีของมันคือ มีกะทิ ซึ่งกะทิเป็นไขมันดี เป็นกลุ่มของไขมัน มีเดียม-เชน ไตรกลีเซอไรด์ (Medium-chain triglycerides) เป็นไขมันที่ร่างกายขับออกได้ดี ก็เลยไม่ค่อยถูกเก็บสะสมในร่างกาย

ซึ่งเรามักเข้าใจว่ากะทิก่อให้ เกิดอันตราย แต่จริงๆ แล้ว กะทิถือเป็นของดีเลย อันนี้เป็นอีกหน้าฉากหนึ่งและในมะพร้าวก็ยังมีวิตามินอี ที่ช่วยบำรุงผิวด้วย และส่วนใหญ่แล้ว หน้าของขนมครก ก็จะเป็นหน้าเพื่อสุขภาพ คือโรยด้วยเผือก, ต้นหอม, ข้าวโพด, ก็จะมีวิตามินเอ ซึ่งวิตามินเอ ต้องอาศัยไขมันจากกะทิ ในการดูดซึมดังนั้นก็เข้ากันพอดี

ยิ่งทานขนมครก กับชา หรือกาแฟ ก็ถือว่าเหมาะสม เพราะในกาแฟจะมีคาเฟอีน (Caffeine) เยอะ ซึ่งถ้าเราได้ อาหารอย่างขนมครกเข้าไปรองท้องก็จะดี เพราะร่างกายจะได้ไม่ต้องดูดซึมคาเฟอีนเข้าไปแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ซึ่ง มันอาจจะมากเกินไปสำหรับร่างกาย ดังนั้นขนมครกก็ไม่ถึงกับเป็นอาหารเช้าที่เลวร้ายนัก แต่ก็ต้องระวังไว้นิด เพราะบางเจ้าอาจมีการใส่น้ำตาลเยอะ รสหวานเกินไป อันนี้ก็ต้องระวังไว้หน่อย ไม่อย่างนั้นก็จะได้รับน้ำตาลมากเกินไปเหมือนกัน”



อันดับ 4 โจ๊กหมู


“ตัวโจ๊กหมู จะมีปลายข้าว รำข้าว ถ้าเยอะไปก็ทำให้หิวเร็วได้เช่นกัน เพราะมันคือ แป้งที่ทำให้เราหิวเร็วได้ ส่วนสิ่งที่ควรจะทานคู่กับโจ๊กหมูคือ ขิง และต้นหอม เพราะขิงจะช่วยระบบเผาผลาญในร่างกาย และทำให้ไม่รู้สึกเลี่ยน ต้นหอม ช่วยในเรื่องลดไขมัน และควบคุมน้ำตาล

ส่วนประโยชน์นั้น หากเราเลือกโจ๊กที่ทำจากปลายข้าวแท้ๆ แล้วผสมจมูกข้าวลงไปด้วย มันจะทำให้เราได้วิตามินอี (Vitamin E) และ แกมมา ออริซานอล (Gamma-Orizanal) ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่มีในข้าว หรือรำข้าว

และถ้ายิ่งได้โจ๊กที่ทำจากข้าวกล้องงอกจะยิ่งดีมาก เพราะมันจะมี กาบา (Gaba) ที่ทำให้สมองร่าเริง ดังนั้นถ้าเลือกได้ก็ควรเลือกซื้อโจ๊กที่ใช้ข้าวที่มีประโยชน์เหล่านี้ แต่ถ้าหาซื้อลำบาก หาได้เป็นโจ๊กข้าวขาวธรรมดา ก็ไม่ต้องซีเรียส ลองพยายามลดความเสี่ยงจากการได้แป้ง กับน้ำตาลเยอะ โดยเน้นทานผักเยอะๆ และไม่ต้องปรุงรสให้หวานขึ้น หรือเค็มขึ้น

ข้อควรระวังคือ อย่ากินโจ๊ก คู่กับปาท่องโก๋ เพราะนั่นคือการนำแป้งมาจิ้มแป้ง และหากโจ๊กนั้นใส่หมูสับแล้ว ก็ไม่ต้องใส่เครื่องในหมูเข้าไปอีก เพราะเครื่องในเป็นแหล่งของกรดยูริค ที่ทำให้เกิดเก๊าท์ และในตัวโจ๊กก็ทำจากน้ำต้มกระดูก ซึ่งมีกรดยูริคมากอยู่แล้ว

หากเราใส่เครื่องในเข้าไปอีกมันก็จะได้ กรดยูริคมากเกินไป แถมยังได้คอเลสเตอรอล (Cholesterol) มากเกินไปด้วย เพราะหมูสับก็มีคอเลสเตอรอลอยู่แล้ว หากใส่เครื่องในอีกก็อาจจะทำให้เราได้คอเลสเตอรอลในมื้อนั้นมากเกินไป ”




อันดับ 5 ข้าวเหนียว+ หมูปิ้ง



เมนู อับดับห้านี้ คุณหมอเตือนมานิดว่า แม้จะอร่อย ทานง่าย แถมพกพาสะดวก ทว่าก็ต้องระมัดระวังเลือกร้านที่ไว้ใจได้ และเลี่ยงทานส่วนที่ “มัน”

“ในเรื่องของพลังงานที่ได้จากการเผาผลาญอาหาร เราอาจได้รับแคลอรี่ (Calorie) เยอะอยู่ แต่ถ้าเทียบกับโจ๊กแล้ว ข้าวเหนียวหมูปิ้งก็เป็นตัวที่สลับกันทานกับโจ๊กได้ เพราะอย่างน้อยในข้าวเหนียว ก็จะมีกลูเตน (Gluten) หรือไฟเบอร์เยอะกว่าข้าวขัด จะดีขึ้นมาระดับหนึ่ง

และถ้ายิ่งได้ทานหมูปิ้งกับข้าวเหนียวดำ มันก็จะมี โอพีซี (OPC) สารสีม่วงซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่อยู่ในข้าวเหนียวดำด้วย

ส่วนหมูปิ้งมีเทคนิคการทานคือ ให้เลือกหมูปิ้งในส่วนที่มีมันค่อนข้างน้อย เพราะเมื่อไหร่ไขมัน ไปสัมผัสกับความร้อน มันจะเพิ่มอัตราเสี่ยงของการเกิดสารก่อมะเร็งขึ้น ดังนั้นให้เลือกมันน้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นมันที่แทรกอยู่ในเนื้อหมู หรือมันที่ติดอยู่โคนไม้เหล่านี้ก็ต้องเลี่ยง

นอกจากนี้เรื่องถ่าน ที่ปิ้งหมู ก็ต้องระวังเรื่องของสารปนเปื้อนที่มาจากถ่านที่ไม่ได้คุณภาพด้วย เพราะพวกนี้อาจจะมียาฆ่าแมลงที่ติดมากับไม้ที่นำมาทำเป็นถ่าน หรือหากเขาใช้ไม้เฟอร์นิเจอร์ (Furniture) มาทำเป็นถ่านก็ยิ่งต้องระวัง เพราะไม้พวกนี้เขามีการพ่นปลวก พ่นสารเคมีเอาไว้ อาจจะทำให้เราได้รับสารเคมีได้”




อันดับ 6 น้ำเต้าหู้ + ปาท่องโก๋



สำหรับ เมนูสุดท้ายอย่าง น้ำเต้าหู้ และปาท่องโก๋นี้ คุณหมอหนุ่มระบุว่า ปาท่องโก๋นั้น ถือเป็นอาหารที่สุ่มเสี่ยงจะทำให้คุณอ้วนได้ง่าย เพราะทานแล้วหิวเร็ว ส่วนน้ำเต้าหู้นั้น ถือเป็น “อาหารล้างบาป” ให้กับปาท่องโก๋ที่คุณทานเข้าไป

“ปาท่องโก๋เนี้ย ตัวทำให้อ้วนเลยครับ ถ้าคนเราทานปาท่องโก๋ วันละ 1 คู่ ทุกวัน ภายในเวลา 1 ปี น้ำหนักจะขึ้นเป็นกิโลกรัมเลย เพราะปาท่องโก๋เป็นอาหารที่มีแป้ง แต่น้ำเต้าหู้ เป็นตัวล้างบาปที่ดี นี่คือภูมิปัญญาของคนไทย

เพราะ น้ำเต้าหู้ มันมีสารอาหารที่ช่วยเรื่องสุขภาพ ทั้งโปรตีน (Protein), แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant), เปปไทด์ (Peptide) หรือถ้ายิ่งเป็นน้ำเต้าหู้ใส่ธัญพืช ก็จะมีไฟเบอร์ (Fiber) ที่ช่วยไล่ไขมันในปาท่องโก๋ได้

อีกสิ่งที่ต้องระวังจากตัวปาท่องโก๋คือ มันอาจจะมีสารตัวหนึ่งที่ก่อมะเร็งได้ นั่นคือกลุ่มของอะคริลาไมด์ (Acrylamide) ตัวนี้จะเกิดในพวกของทอด อาหารที่ต้องทอดด้วยน้ำมันชุ่มๆ และอาหารทอดซ้ำ ดังนั้นถ้าเราจะทานปาท่องโก๋ ก็ต้องพยายามเว้นวันบ้าง อย่าทานทุกวัน

หรือถ้าจะทานปาท่องโก๋เมื่อไหร่ ควรจะทานน้ำเต้าหู้ที่มีธัญพืชเยอะๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำเต้าหู้ใส่ถั่วแดง, เม็ดแมงลัก, ข้าวบาร์เล่ย์ (Barley) ใส่ธัญพืชเหล่านี้เข้าไปสักหน่อย มันจะได้ช่วยไม่ให้แป้งในปาท่องโก๋ ดูดซึมเร็วเกินไป จนทำให้หิวง่าย

ส่วนผู้ที่นิยมทานปาท่องโก๋จิ้มนมข้น อันนั้นเรียกว่า คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) จิ้มคาร์โบไฮเดรต หรืออ้วนจิ้มอ้วนเลย เพราะนมข้นหวานทำจากหางนม แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาล, น้ำเชื่อม เพราะฉะนั้นถ้าทานปาท่องโก๋ กับนมข้น

ข้อเสียคือ ทำให้เราติดหวาน หากมื้อเช้ามื้อนั้นเราทานปาท่องโก๋ จิ้มนมข้น มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกมีความสุข เพราะได้น้ำตาล แต่มันจะทำให้หิวเร็ว” คุณหมอกฤษดา อธิบายปิดท้ายเมนูสุดท้ายแบบครบถ้วนกระบวนความ


ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
Lady Manager
นพ.กฤษดา ศิรามพุช

หัวหินโภชนา อร่อยมาทุกจาน ..ร้านเก่าแก่ประจำย่านนางเลิ้ง กว่า 40 ปี

credit : khaosodnews
สวรรค์ในครัว
เขียง มะขาม
ร้านเก่าแก่ประจำย่านนางเลิ้ง บนถนนกระออม-ถนนที่ตัดเชื่อมระหว่างราชดำเนินกับนางเลิ้งช่วงต้น อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับสน.นางเลิ้ง

ร้านเปิดมากว่า 40 ปี พื้นเพเดิมอยู่บ้านโป่ง แต่เป็นชาวไหหลำที่มีฝีมือทำกับข้าวอย่างยิ่ง


อาการอย่างหนึ่งที่บอกว่า "แก่" ก็คือการหลงๆ ลืมๆ อะไรโดยง่าย

อย่างกรณีร้าน "หัวหินโภชนา" นี่ก็เช่นกัน

คอลัมน์อิ่มอร่อยข้างบนเพิ่งเขียนถึงไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเองก็จำไม่ได้เสียแล้ว-ฮา

แต่จำได้ไม่ได้ แก่หรือไม่แก่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้

สำคัญที่ "อร่อย" หรือไม่ต่างหาก

ถ้าเอาประเด็นนี้เป็นหลัก หัว หินโภชนาสอบผ่านแบบเต็มร้อย

ร้านเก่าแก่ประจำย่านนางเลิ้ง บนถนนกระออม-ถนนที่ตัดเชื่อมระหว่างราชดำเนินกับนางเลิ้งช่วงต้น อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับสน.นางเลิ้ง

เปิดร้านตั้งแต่ 09.00-19.30 น. หยุดวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 2 ของเดือน

ไปไม่ถูกลองโทรศัพท์ไปถามที่ 0-2282-7219 หรือ 08-1720-6821 ดู


แต่หาไม่ยากหรอก

ร้านเปิดมากว่า 40 ปี พื้นเพเดิมอยู่บ้านโป่ง แต่เป็นชาวไหหลำที่มีฝีมือทำกับข้าวอย่างยิ่ง

เพราะฉะนั้นไม่ควรแปลกใจที่อาหารขึ้นชื่อของร้านจะเป็นเมนูไหหลำ หลายๆ รายการ

เช่น ไก่ตอน หรือขนมจีนไหหลำ ที่ถ้าหากท่านยังรับประทานเนื้อวัว ขอยืนยันว่าต้องชิมของเขาให้ได้ ไม่กินเนื้อวัวก็สั่งขนมจีนไหหลำหมูหรือไก่แทนก็ได้

จุดเด่นอีกอย่างของร้านนี้คือทำเนื้ออร่อย ไม่ว่าจะเนื้อตุ๋น หรือเห่าดง

แต่หนล่าสุดนี้ ผบ. ประจำตัวซึ่งไม่กินเนื้อเป็นหัวเบี้ย ก็ต้องสั่งอาหารเอาใจกันหน่อย

เริ่มจาก สตูลิ้นวัว ให้ลูกชาย ลิ้นเคี่ยวมานุ่มกำลังดี รสชาติระดับกุ๊กช็อป

ต่อ ด้วย แกงจืดมะระ หมูบะช่อ น้ำซุปหอมหวานจากหมู และกลิ่นรสเค็มนวลๆ จากน้ำปลาดี เข้ากับมะระจีนที่หั่นบางลวกมาแล้วหนหนึ่งจนขมแค่ติดปลายลิ้น

สุดยอดครับถ้วยนี้

คะน้าปลาเค็มก็หอมอร่อย ทอดมันกุ้งก็รสดีโดยไม่ต้องจิ้มบ๊วยเจี่ย ออส่วนอร่อยชนิดลูกชายกินคนเดียวหมดทั้งจาน

ตบท้ายด้วยยำแหนมสด หมูคั่วมาเกือบสุกแล้วซ้ำด้วยมะนาวให้สุกแต่ไม่กระด้าง หนังหมูหั่นมายังกับวุ้นเส้น เครื่องยำครบแต่ไม่รุงรัง

เด็ดมาก

ตบท้ายจริงๆ ด้วยไอติมกะทิแบบโบราณจริงๆ เนื้อไอติมยังเป็นเกล็ด หอมน้ำนมแมวแต่พองาม

หิ้วขนมจีนไหหลำหมูและปลาดุกทอดกรอบผัดเผ็ดกลับบ้านอีกอย่างละถุง

ทั้งหมดนี้บวกกับข้าว 3 ถ้วย และน้ำมังสวิรัติขวดเล็กอีก 2 ขวด รวม แล้ว 800 นิดๆ

ต้องมีซ้ำเพื่อกลับไปกวาดเมนูที่พลาดไปอีกหนแน่นอนครับ

ในเวลาอันไม่ช้า

credit : khaosodnews

รสเลิศ “ข้าวหมูแดง ปฐมเลิศรส”

ที่มา manager 
บรรยากาศสบายๆ ที่ร้าน "ปฐมเลิศรส ข้าวหมูแดง"


       ใครๆก็ว่าเศรษฐกิจที่ดิ่งลงเหวปีนี้ยังเป็นการเผาหลอกอยู่ ส่วนเผาจริงต้องปีใหม่ที่กำลังมาเยือน “ผ่านมาแวะกิน” ฟังแล้วใจหายวาบ นี่ขนาดเผาหลอก สาวฉันทนายังตกงานกันเป็นเบือ เผาจริงคงได้ขวัญผวากว่านี้แน่
     
       งานนี้เลยต้องเสาะหากินอาหารดี ราคาประหยัด เตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า และโชคชะตาก็พามาพบกับร้าน “ข้าวหมูแดง ปฐมเลิศรส” ที่ตั้งอยู่ภายในซอยรางน้ำ เจ้านี้เขาเป็นเจ้าเก่าแก่ขึ้นชื่อของย่านนี้มากว่า 30 ปี ร้านเล็กๆในบรรยากาศเป็นกันเอง อาศัยตั้งโต๊ะอยู่ริมสองฟากของตึกแถว
     
       ขายอยู่แค่ 3 อย่าง คือ ข้าวหมูแดง (ธรรมดา 30 บาท,พิเศษ 40 บาท) เคล็ดลับของเขาอยู่ที่ หมูแดง จะถูกนำไปย่างเตาด้วยไฟอ่อนๆ ทำให้หมูแดงมีความหอมของเตาถ่าน ส่วน ข้าวหมูกรอบ (ธรรมดา 30 บาท,พิเศษ 40 บาท ) หมูกรอบที่ใช้หมูสามชั้นอย่างดีก็ถูกนำมาย่างไฟจนกร๊อบกรอบ





ข้าวหมูแดง


       หัวใจ สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับหมูแดงและหมูกรอบของที่นี่ คือ น้ำราด ที่ทางร้านใช้เวลาเคี่ยวร่วมชั่วโมง ผสมแป้งมันนิดหน่อยให้เกิดความเหนียว โรยด้วยงาขาว เพื่อให้น้ำหมูแดงมีความหอมเคี้ยวมัน เวลาเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ ไข่ต้มยางมะตูมและกุนเชียงอย่างดีหั่นบาง แสนจะรสเลิศจริงๆ
     
       อีกหนึ่งเมนูเลิศรสของทางร้าน คือ กระเพาะปลา (ธรรมดา 30 บาท,พิเศษ 40 บาท) ที่ร้านจะใช้กระเพาะปลาแท้อย่างดี มาปรุงกับน้ำซุปที่มีส่วนผสมของเครื่องยาจีน ใส่หน่อไม้ดองต้มสุก ปีกบนไก่ เลือด เครื่องใน ส่วนน้ำซุปมีความหวานกลมกล่อมแทบไม่ต้องปรุง เมื่อกินเข้าไปแล้วกระเพาะปลาให้ความรู้สึก นุ่ม ลื่นคอดี
     
       ใครชอบกินแต่เนื้อๆไม่เน้นข้าว ทางร้านเขาก็มีแยกส่วนไว้ขาย ทั้ง หมูแดงและหมูกรอบ (ขีดละ 35 บาท ,ก.ก.ละ 350 บาท) กุนเชียง (ขีดละ25 บาท ,ก.ก.ละ 250 บาท)
     
       นับ ว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเลือกสรรของกิน ไปเลี้ยงน้ำย่อยไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า หรือช่วงเวลาพักเที่ยง ถ้าได้มีโอกาสผ่านไปย่านซอยรางน้ำ ลองแวะเติมเต็มให้กระเพาะด้วยที่ “ข้าวหมูแดง ปฐมเลิศรส”





กระเพาะปลา


       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
       ร้าน “ข้าวหมูแดง ปฐมเลิศรส”(ถนน รางน้ำ) ตั้งอยู่ที่ 115/120 ถ.รางน้ำ ใกล้ ถ.ราชปรารภ มักกะสัน ราชเทวี กรุงเทพฯ การเดินทาง จากอนุสาวรีย์ชัยฯ ตรงมาทางแยกศรีอยุธยา เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรางน้ำ ตรงมาสุดซอย บริเวณหัวมุมซอยรางน้ำ จะเห็นร้านอาหารปฐมเลิศรส อยู่เยื้องกับร้านกวงทะเลเผา ทางด้านซ้ายมือ บนถนนรางน้ำจุดสังเกตร้านอยู่ตรงข้ามกับ 7-eleven เปิดบริการตั้งแต่เวลา 07.30 - 14.30 น.หรือจนของหมด เปิดทุกวัน หยุด ตรุษจีน หรือถ้าหยุดวันไหนจะติดป้ายแจ้งล่วงหน้า สามารถจอดรถได้สองข้างทาง รับจัดงานเลี้ยงนอกสถานที่ 


ที่มา manager

อีกระลอกกับ Coffee Conner by JewNid bloggang.com

by JewNid bloggang.com
ช่วงนี้ต้องขอออกตัวก่อนนะค่ะว่า .. เข้าบล็อกมากระปริบกระปรอยมาก
สาเหตุเพราะว่างานเข้าไม่ได้นั่งอยู่บ้านตลอด เข้าบล็อกก็ไม่ค่อยได้เข้า ตามอ่าน
บล็อกของเพื่อนๆ ก็ไม่ค่อยอีกเช่นกัน ยังไงเพื่อนๆ ที่เข้ามา
ทักทายกันนั้น ขอโทษด้วยนะค่ะที่ไม่ได้ตามกลับไปบล็อกบางที
... แต่ว่าจะพยายามบริหารเวลาให้ได้ค่ะ ...


วันนี้วันศุกร์แล้วนะค่ะ .. สำหรับตัวเองแล้วต้องบอกว่าเร็วดีจริง
อะไรที่กำลังรอคอยและไม่ได้รอคอย พอเจอกับเวลาผ่านไปเร็ววันอย่างนี้แล้ว
ก็ได้แต่ถอนหายใจค่ะ เพราะด้วยความที่เวลาผ่านไปเร็ว อะไรๆ ที่เรากำลังต้องทำส่ง
หรือว่าต้องมีภาระหน้าที่มันก็ต้องเร่งตามไปด้วย
เ ห นื่ อ ย เหมือนกันนะค่ะ .

ไม่เป็นไรค่ะ .. ตอนนี้ได้แต่ร้องเตือนสติตัวเองเอาไว้เรื่อยๆ ว่า
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ... เดี๋ยวมันดีเอง
อะไรที่ไม่เคยทำก็ได้ทำ
ไ ม่ รู้ ดี ก็กำลังเริ่ม เ รี ย น รู้
เพราะฉะนั้นก็ต้องให้เวลามันค่อยๆ ทำงานของมันไปนะค่ะ

เอาค่ะ พูดเตือนสติกันไปเรื่อยๆ แล้วมาเข้าเรื่องบล็อกวันนี้ดีกว่าค่ะ
.
.
.



หลังจากที่ได้ไปนั่งทานขนมและกาแฟกัน
ที่ร้าน
Coffee Conner มาแล้วในบล็อกนี้

คลิกอ่านบล็อกนี้ได้ค่ะ
:: วันเสาร์ เรา และมุมกาแฟ ::



หลังจากไปทานกาแฟ + ขนม ที่นั่นครั้งแรกแล้ว
ก็ด้วยเพราะติดใจเจ้า เครปเค้ก กันนี่ล่ะค่ะ เลยแบบว่าเกิดอาการติดใจ
เลยชวนเพื่อนคนเดิมที่ไปทานกันครั้งแรกไปอีก ... แต่แล้วก็เหมือนที่เดาๆ เอาไว้ค่ะว่า
อะไรที่เราตั้งใจอาจจะไม่ได้ เช่น วันนี้จะไปกินเครปเค้กกันให้หนำใจ
แต่เอาเข้าจริงไปถึงร้านแล้วก็ไม่ได้กินค่ะ เพราะว่าเครปเค้กคนที่ทำเค้าไม่ได้เอามาส่ง
เง้ออออออออออออออ



ไปร้านก่อนก็ถ่ายนั่น ถ่ายนี่กันไปรอคอยเพื่อนค่ะ





แต่ไม่เป็นไรค่ะ .. เราก็เหมือนๆ จะพูดเล่นแล้วเป็นจริงกันล่วงหน้า
เลยกลายเป็นว่า ครั้งนี้แม้ว่าจะไม่ได้กินขนมเครปเค้กก็กินอย่างอื่นเอาแล้วกัน

สั่งอะไรมาดื่มแก้ใจร้อนก่อนค่ะ
อยากกินแต่ก็ไม่ได้กิน

มอคค่าเย็นๆ ของฉันกับชาเขียวปั่น ของเพื่อน





เห็นร้านเค้าบอกว่าเค้ากำลังทำสเต็กใหม่
ประมาณว่าวันแรกที่เราไปลองชิมเครปเค้กก็ยังไม่ได้ทำสเต็ก
แต่ว่าวันนี้มีแล้วเลยลองสั่งมาชิมกันดูค่ะ







อื้อม์ ชิมแล้วก็ ... เฉยๆ ค่ะ เพราะว่าสเต็กอย่างนี้
ก็เรียกว่าทั่วไปเลยไม่อร่อยล้ำหรืออะไรเพราะว่าน้ำซอสก็ต้องบอกว่า
เค็มไปนิด รสจัดไปหน่อย เรียกว่าไม่ประทับใจกับสเต็กเลยค่ะ

ท่องไว้ว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
เอาไว้ก่อนก็ได้สำหรับเครปเค้ก และความเฉยๆ กับสเต็ก
ก่อนกลับแยกย้ายกันไปทำภารกิจ ก็มากินไอติมปิดท้ายวันกันก่อน
สำหรับรอบนี้เลยค่ะ







---------


ผ่านไปอีกหลายวัน .. เพื่อนคนเดิมก็คุยกันกับเราว่า
อยากกินเครปเค้ก (อีกแล้ว) .. เหมือนว่าทางร้านเค้าจะกำลัง
วางยาอะไรเราหรือเปล่ากับเครปเค้กที่นี่ ทำให้เรางุ่นง่านอยากกิน
แบบเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้ก็หนีไม่พ้นกันอีกค่ะ แต่ว่าเราไม่พลาดแล้วว่า
จะไปร้านเดิมแต่ว่าต้องโทรไปถามก่อน ...


กรี๊งงงงงงงงงง ...
เรา : น้องค่ะที่ร้านมีเครปเค้กไม๊
น้องที่ร้าน : มีค่ะพี่ ...

เรา : โอเค .. เดี๋ยวพี่แวะไปค่ะ อยากกินเครปเค้ก ..


เย้ๆ ได้กินแล้ว




ไปถึงร้าน ไปยืนเกาะหน้าตู้กระจกใส่ขนม
กันเลยทีเดียวแบบว่าชี้ๆ เอานี่ เอานั่น ผลปรากฏว่าก็ได้มา
แบบนี้ล่ะค่ะ คริๆ








เครปเค้ก ... พระเอก นางเอก สั่งมา 1 ชิ้น
แบ่งกันกินกับเพื่อนค่ะ เพราะกลัวว่าจะกินกันไม่หมดซะก่อน


สมใจนึกกับเมนูนี้ล่ะค่ะ คริๆ อร่อย อร่อย





มาต่อกันอีก ... เค้กช็อคโกแล็ต ที่มีท็อปปิ้งอย่างนี้
อร่อยเหาะอีกแล้วล่ะค่ะ หูยยยย พูดแล้วน้ำลายสอแต่พองามจริงๆ







อร่อยเกือบทุกอย่าง แต่ว่ามาพลาดขนมชิ้นนี้ซะได้ค่ะ
แบบว่าอร่อยไม๊ .. ตอบได้ว่าก็อร่อยแต่ว่าไม่มากมาย แต่ว่าไม่ค่อยชอบใจ
กับเยลลี่ส้มที่ราดมาค่ะ เพราะมันหนา เหนียว เกินพอดีไปหน่อย ตัดกินไปมันเหมือนกับ
กินพลาสติกลงไปด้วยนะค่ะ แข็ง / เหนียว ประมาณนั้นเลยล่ะค่ะ



หน้าตารอบนอก โอเคดีอยู่นะค่ะ







ตัวเค้กด้านใน เนื้อแน่นเกินพอดีเลยเรียกว่ามันอิ่มจุกเอาง๊าย ง่ายค่ะ






สามอย่างสำหรับขนม .. พอเพียงแล้วค่ะสำหรับการละเลียด
คุยกันอีกสักหน่อย มาต่อกันด้วย 2 จานง่ายๆ กันค่ะ กับสปาเก็ตตี้


สปาเก็ตตี้ไก่สับ ของเพื่อนน๊า






ส่วนนี่ สปาเก็ตตี้เขียวหวานไก่ ของฉัน

ต้องบอกว่าอร่อยใช้ได้เลยค่ะ เพราะว่ากะทิที่เค้าใช้เป็นกะทิสด
ทำออกมาก็อร่อยดีเลย เพราะว่าหอม เผ็ดกำลังดีค่ะไม่มากเกินจนหมดรสชาติ
ที่จะต้องจิบน้ำตาม หรือว่าไม่เผ็ดน้อยมากจนจืดสนิท เรียกว่าจานนี้โดนค่ะ









สำหรับร้าน Coffee Conner นี้เห็นทีจะต้องพักก่อนค่ะ
สำหรับการใช้เป็นสถานที่นัดพบและลองชิมกับเพื่อน คิดว่าเราจะ
ขยันไปหาร้านอื่นลองชิมกันอีกยามที่แบบว่ามีโอกาสจะได้ออกมาเจอกัน
กับเพื่อนอีกนะค่ะ แล้วเจอกันใหม่กับร้านหน้าค่ะ


Happy Friday





ที่มา คลิก 

“ข้าวห่อใบบัว อบ-อุ่น” หอมนุ่ม ชวนกิน

ที่มา manager 
ข้าวห่อใบบัว อบ-อุ่น ขายอยู่ในตลาดบองมาร์เช่


       “บัว” เป็นพืชชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมนำเอาดอกบัวมาไหว้บูชาพระ และนอกจากดอกบัวแล้ว ส่วนประกอบอื่นๆ ของบัวโดยเฉพาะบัวหลวงนั้นยังมีประโยชน์อีกมากมาย อาทิ เกสรบัวมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย รากบัวแก้อาหารท้องเสีย ส่วนใบบัวยังสามารถนำมาห่ออาหารนึ่ง เพิ่มความหอม และทำให้อาหารมีความน่ากิน





บรรยากาศที่นั่งกินอาหารภายในศูนย์อาหารตลาดบองมาร์เช่


       โดยใบบัวนั้นสามารถนำมาใช้ในการประกอบอาหารจนเกิดเป็นเมนู “ข้าวห่อใบบัว”ขึ้นมา ซึ่งในมื้อนี้ “ผ่านมาแวะกิน” จะพานักกินทุกคนไปลิ้มรสกับข้าวห่อใบบัวที่นับวันหากินได้ยากกันที่ร้าน “ข้าวห่อใบบัว อบ-อุ่น” ที่เปิดขายอยู่ในตลาดบองมาร์เช่
     
       ข้าว ห่อใบบัวของร้านนี้ ต้องบอกว่ามีการประยุกต์ โดยใช้ทั้งสูตรแบบโบราณดั้งเดิม และสูตรใหม่ที่ทางร้านคิดค้นเพิ่มเติมขึ้นมา จนออกมาเป็นข้าวห่อใบบัวที่มีถึง 5 หน้าให้ได้ลิ้มรสชาติกัน โดยการทำข้าวห่อใบบัวของร้านนี้ เขาพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกใบบัว ที่จะใช้เฉพาะใบบัวหลวงจากธรรมชาติที่คัดเอาใบบัวที่ไม่อ่อนไม่แก่จนเกินไป มีขนาดกลาง นำมาล้างให้สะอาด เอาไปตากแดด อบฆ่าเชื้อและนึ่งให้ใบบัวสุกก่อนจะนำมาห่อกับข้าว





ข้าวห่อใบบัวหน้าหมู


       ส่วน ข้าวที่ร้านนี้เลือกใช้ข้าวหอมมะลิ นำมาผัดกับเครื่องเทศ ผงพะโล้ ปรุงรสชาติด้วยพริกไทย กระเทียม ซอสปรุงรส และเครื่องปรุงรสอื่นๆ พร้อมกับใส่เห็ดหอม และเม็ดบัวลงไปผัดด้วย แล้วนำข้าวที่ผัดมาอบให้ข้าวสุก อีกทีก่อนจะนำไปห่อในใบบัว ใส่หน้าต่างๆ และห่อใบบัวให้เรียบร้อย นำเข้าอบอีกทีให้ร้อน พร้อมขายเป็นข้าวห่อใบบัวร้อนๆ ที่อยู่ในตู้อบพร้อมขาย
     
       สำหรับข้าวห่อใบบัวที่เราได้ลองลิ้มในมื้อนี้ก็คือ ข้าวห่อใบบัวหน้าหมู (40 บาท) ที่นอกจากจะมีข้าวแล้วยังมีเนื้อหมูที่ใช้หมูส่วนเนื้อแดงหมักปรุงรสชาติ นึ่งจนสุก ใส่มาบนข้าว มีกุนเชียงทอด และแครอทนึ่งด้วย ลิ้มรสชาติข้าวห่อใบบัวออกกลิ่นหอมใบบัวอ่อนๆ ข้าวเป็นเม็ดไม่แข็งไม่นุ่มจนเกินไป รสชาติเข้มข้นกำลังดี มีน้ำจิ้ม 3 รส เปรี้ยว หวาน เผ็ด ให้กินคู่กันเพิ่มรสชาติ และมีน้ำซุปกระดูกหมูใส่ฟักมาให้ซดด้วย





ข้าวห่อใบบัวหน้าซีฟู้ด


       อีกหนึ่งหน้าเป็น ข้าวห่อใบบัวหน้าซีฟู้ด (40 บาท) ที่ใส่กุ้ง ปลาหมึก และแครอทนึ่ง มาบนข้าวห่อใบบัวร้อนๆ พวกเครื่องซีฟูดก็กินเข้ากันดีกับข้าว นอกจากนี้ยังมีหน้าอื่นๆ ที่ชวนกินอีก เช่น ข้าวห่อใบบัวหน้าไก่ (40 บาท) ข้าวห่อใบบัวหน้าเผือก (40 บาท) ข้าวห่อใบบัวหน้ามังสวิรัติ (40 บาท) และก็ยังมีเมนูอาหารอื่นๆ ขายด้วย อาทิ ข้าวคลุกกะปิ (40 บาท) ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ (40 บาท) ข้าวผัดน้ำพริกกะปิปลาทู (40 บาท) ซึ่งหากใครอยากจะลองลิ้มรสชาติข้าวห่อใบบัวดูว่าจะเป็นอย่างไร ก็ลองแวะมาที่ร้าน“ข้าวห่อใบบัว อบ-อุ่น” นี้กันดูจะได้รู้รสชาติกันด้วยลิ้นตัวเอง
     
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
     
       “ข้าวห่อใบบัว อบ-อุ่น” ตั้งอยู่ที่ตลาดบองมาร์เช่ ถ.เทศบาลสงเคราะห์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. การเดินทางหากมาทาง ถ.วิภาวดีรังสิต ให้วิ่งเข้ามาตามป้ายที่เขียนว่าวัดเสมียนนารี ข้ามทางรถไฟมาแล้วให้วิ่งตรงมาประมาณ 500 ม.จะเห็นตลาดบองมาร์เช่อยู่ทางซ้ายมือ และให้เดินมาที่ศูนย์อาหารก็จะเห็นร้านข้าวห่อใบบัว อบ-อุ่น อยู่ด้านใน มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวันเวลา 09.00-18.00 น. โทร.08-1771-3658


ที่มา manager