“Petite Pantry” มีดีอิตาเลียนโฮมเมด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 15:48 น.
บรรยากาศภายในร้าน Petite Pantry
       “อาหารอิตาเลียน” ถือว่าเป็นอาหารจากชาติตะวันตกที่มีรสชาติดี และถูกปากนักกินชาวไทยไม่น้อยเลย เห็นได้จากการที่มีร้านอาหารอิตาเลียนเปิดให้บริการอยู่มากมาย มีทั้งร้านตามโรงแรม ร้านอาหารใหญ่ๆ ตกแต่งอย่างหรูหรา ไปจนถึงร้านขนาดกลางและร้านขนาดเล็ก ที่เปิดเชิญชวนให้คออาหารอิตาเลียนทั้งหลายได้เลือกเดินทางไปลิ้มรสชาติกัน ได้ตามใจปรารถนา
      
       มาในมื้อนี้ “ตระเวนกิน” เลยขอเอาใจแฟนๆ ที่พิสมัยอาหารอิตาเลียนกันสักหน่อย โดยขอพาเดินทางมาที่ซ.สุขุมวิท 49 เพื่อมายังร้าน “Petite Pantry” (พิติท แพนทรี่ แปลว่า ครัวขนาดมินิ) ซึ่งที่นี้เป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ชวนให้มาลิ้มลองเป็นอย่างมาก เพราะว่าด้วยบรรยากาศของร้านที่ชวนนั่งแบบชิลล์ ชิลล์ ตรงตามคอนเซ็ปของร้านที่ว่า บรรยากาศง่ายๆ สบายๆ เป็นกันเอง ราคาไม่แพง (ในย่านสุขุมวิทนี้)
โต๊ะนั่งด้านนอกรับลมเย็นๆ
       บรรยากาศของร้านร่มรื่นชวนนั่ง มีทั้งส่วนของห้องแอร์กรุกระจกใส มีโต๊ะให้เลือกนั่งในมุมสบายๆ หรือจะเป็นโซนโต๊ะนั่งด้านนอกรับลมธรรมชาติท่ามกลางแมกไม้รื่นรมย์ แล้วยังมีส่วนของโต๊ะนั่งด้านบน และมีห้องวีไอพีไว้คอยให้บริการจัดเลี้ยงได้อีกด้วย
      
       ส่วนเรื่องของอาหารอิตาเลียนของที่ร้านนี้ เน้นว่าเป็นอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด ที่เน้นคัดสรรวัถุดิบที่มีคุณภาพในการนำมาปรุงเป็นอาหารอิตาเลียนจานเด็ดที่ ทางร้านรังสรรค์เมนูคิดมาเป็นสไตล์ของตัวเองโดยเฉพาะ ซึ่งมีเมนูอิตาเลียนอันหลากหลายให้ได้เลือกสั่งมากินกันตามใจชอบ
Calamari Pizza
       และในมื้อนี้เราก็มีเมนูอิตาเลียนจานเด็ดของที่ร้านนี้ ที่ถ้าหากได้มาแล้วแนะนำว่าต้องสั่งมาลิ้มรสกันให้ได้ เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อยด้วยของกินเล่นอย่าง Calamari (200 บาท++) เป็นหมึกที่นำมาชุบกับแป้งที่ทางร้านปรุงรสไว้แล้วทอดจนเหลืองกรอบ กินคู่กับซอสที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษ เคี้ยวหมึกกรอบนอกเนื้อในนุ่มหนึบหนับปากเข้ากับรสชาติซอสรสชาติดี
Caramelized Apple & Walnut Salad
       จานถัดมานำเสนอ Caramelized Apple & Walnut Salad (240 บาท++) เป็นสลัดจานเด่นที่มีแอปเปิ้ลย่างกับเนย มีผักรอคเก็ต มะเขือเทศเชอร์รี่ ราดด้วยน้ำสลัดบาซามิค โรยด้วยวอลนัทและเฟต้าชีส ลิ้มรสสลัดถูกปากกับแอปเปิ้ลหอมหวานเข้ากับผักรอคเก็ต วอลนัท ชีส และน้ำบาซามิครสกลมกล่อมลิ้น
Petite Style Lasagna
       ต่อด้วยเมนู Petite Style Lasagna (320 บาท++) เป็นลาซานญ่าเนื้อหอมๆ ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ทำสดๆ ทุกถ้วย โดยทางร้านจะนำเนื้อออสเตรเลียมาปรุงรสตามสูตรเฉพาะ มาทำไปไส้ลาซานญ่าใส่สลับกับชีสเป็นชั้นๆ 3-4 ชั้น และด้านบนโปะด้วยมอสซาเรลล่าชีสแล้วนำเข้าอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมๆ กินแล้วเนื้อนุ่มรสดีนุ่มหนืดชีสถูกปากจริงๆ
Spaghetti Shrimp Japanese Shrimp Roe
       แล้วมาชิม Spaghetti Shrimp Japanese Shrimp Roe (280 บาท++) ที่ถ้าใครชอบกินพาสต้าแนะนำเลยว่าต้องสั่งมาชิม เพราะทางร้านนำเส้นสปาเก็ตตี้มาผัดน้ำมันมะกอก ใส่มะเขือเทศเชอร์รี่ กุ้งสด ไข่กุ้ง และใส่พริกขี้หนูสดเล็กน้อยให้มีรสชาติจัดจ้านขึ้น กินแล้วก็ถูกปากกับเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มเด้งเข้ากับกุ้งและไข่กุ้งมัน ปาก อกรสเผ็ดนิดๆ กำลังดี
Home-Style Baked Sole
       ตามมาด้วยเมนูนี้ Home-Style Baked Sole (260 บาท++) เป็นปลาทะเล Baked Sole ลามาเป็นชิ้นแล้วอบกับไวน์ขาว มะกอก เคเปเปอร์ และมะเขือเทศซันดราย มีเครื่องเคียงเป็นผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง กินปลาเนื้อนุ่มหวานและได้รสชาติของไวน์ขาวที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ถูกปากดีแท้
Cantadina
       และก็ต้องไม่พลาดที่จะสั่งพิซซ่ามากินกันให้ได้ เพราะที่นี่ทำพิซซ่าแบบโฮมเมด มีเตาอบพิซซ่าที่สั่งทำมาโดยเฉพาะ แนะนำให้สั่ง Cantadina Pizza (300 บาท++) เป็นพิซซ่าแบบอิตาเลียนแท้ๆ แป้งบางและอบด้วยเตาถ่านแบบพิเศษสำหรับทำพิซซ่าเท่านั้นทำให้แป้งกรอบทั่ว กัน และมีกลิ่นหอมของไม้ที่ใช้อบด้วย หน้าพิซซ่านี้ใส่เห็ดหอมสด ไส้กรอกอิตาเลียน มอซซาเรลล่าชีส และโรยหน้าด้วยผักรอคเก็ต กินพิซซ่าแป้งบางกรอบหอมชีสและเต็มปากเต็มคำกับเครื่องต่างๆ ที่ใส่มา
ลีลาการทำพิซซ่าแบบโฮมเมด
       เมนูต่างๆ ที่นำเสนอมานี้เป็นเมนูเด่นที่ไม่ควรพลาดต้องสั่งมาลิ้มลองกันให้ได้ แล้วก็ยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนกินอีก อาทิ BBQ Chicken Pizza California Style (340 บาท++) Pizza Spicy Clams White Wine Cream Sauce (360 บาท++) Linguini with Crab Meat (320 บาท++) Baked Atichoke Almond Crusted Salmon Trout (600 บาท++) และอีกหลายหลากเมนูอิตเลียนโฮมเมดเลิศรสที่อยากจะชวนให้ผู้ที่ชืนชอบอาหาร อิตาเลียนได้ลองเดินทางมาลองลิ้มกันด้วยตัวเองที่ร้าน “Petite Pantry” แห่งนี้
บรรยากาศโต๊ะนั่งด้านบน
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Petite Pantry” (พิติท แพนทรี่) ตั้งอยู่ที่ 55/1 ซ.สุขุมวิท 49 คลองตันเหนือ วัฒนา กทม. การเดินทางถ้ามาจากถ.สุขุมวิท ให้ตรงที่ซ.สุขุมวิท 49 ตรงเข้ามาในซอยเรื่อยๆ จนมาถึงวิลล่ามาร์เก็ตจะเห็นร้าน Petite Pantryตั้งอยู่ติดกัน จุดสังเกตอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลฟัน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-22.00 น. มีที่จอดรถภายในร้าน ทางร้านรับจัดเลี้ยงและมีบริการ Delivery ด้วย โทร. 0-2662-4547

อิ่มกาย สุขใจ ในไออุ่นเพลงแจ๊ส ที่ “Mello Yello”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 ธันวาคม 2554 14:58 น. 
บรรยากาศภายในร้าน” Mello Yello”
       การที่ได้มานั่งทอดกาย ปลดปล่อยอารมณ์ พาใจให้เพลินเพลิดไปกับเสียงเพลงแจ๊สอันไพเราะ มันช่างเป็นห้วงเวลาแห่งความสุขเสียจริงเชียว ซึ่งในมื้อนี้ “ตระเวนกิน” ได้ชวนสมัครพรรคพวกมากินดื่มแบบชิลล์ ชิลล์ กันที่ร้าน “Mello Yello Jazz & More” (เมลโล่ เยลโล่ แจ๊สแอนด์มอร์) ที่ตั้งอยู่ตรงRCA
มีดนตรีขับกล่อมให้ฟังอย่างเพลิดเพลิน
       “Mello Yello” เป็นร้านบาร์ที่ว่าด้วยบรรยากาศที่ ชวนให้มานั่งผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ภายในร้านดูโมเดิร์นตกแต่งอย่างมีสไตล์ลงตัว เน้นความอบอุ่นนั่งสบาย ไม่แออัดและโปร่งโล่ง มีโต๊ะนั่งให้เลือกหลายโซนตามใจชอบ ด้านล่างมีโต๊ะนั่งโซฟานุ่มๆ หลากหลายแบบให้เลือกนั่งตามใจ และมีเวทีที่จะมีนักดนตรีมาเล่นเพลง Jazzให้ฟัง และยังมีเพลงแนวSoul, Funk, Fusion หลากหลายรูปแบบ นำโดยวงของสาว“โอ่ง เมลโล่โมทีฟ-ณัฐชา ปัทมพงศ์” ร่วมด้วยวงดนตรีอีกหลากหลายทั้งไทยและต่างชาติชั้นนำที่จะสลับหมุนเวียนมา เล่นกันทุกวัน ตั้งแต่ 21.00 น. แต่ก่อนหน้านั้นก็จะมีดนตรีเปิดแผ่นหลากหลายแนวแต่จะเน้น Jazzเป็นหลัก ส่วนด้านบนมีมุมโต๊ะนั่งเก๋ๆ และมีโต๊ะพูลให้บริการด้วย แล้วก็ยังมีโต๊ะนั่งด้านนอกให้สูดอากาศธรรมชาติกันด้วย
      
       นั่นคือบรรยากาศที่แสนจะชิลล์ ชิลล์ เหมาะแก่การมานั่งกินดื่มกัน ซึ่งเมื่อถามถึงอาหารของที่ร้านนี้ ก็ต้องบอกว่ามีความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว เพราะว่ามีอาหารนานาชาติอันหลายหลากให้เลือกลิ้มรส และจะมีเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งเมนูส่วนใหญ่ทางร้านคิดค้นเมนูคิดมาโดยเฉพาะ และคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นดีมาปรุงแต่งเป็นเมนูจานเด็ดเลิศรสที่ชวนลองลิ้ม มากมาย
เกี๊ยวห่อชีส
       “ตระเวนกิน”ขอแนะนำเมนูจานเด่นที่ชวนกิน เริ่มด้วยเมนูกินเล่นเรียกน้ำย่อย เกี๊ยวห่อชีส (90 บาท+) เป็นแผ่นแป้งเกี๊ยวแล้วมีชีสที่ทางร้านคัดมาเป็นพิเศษ ห่อม้วนกับแผ่นเกี๊ยวและทอดจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสมะเขือเทศและมายองเนส กินเกี๊ยวเคี้ยวแป้งกรอบกรุบนุ่มหนึบชีสรสดีโดนใจปาก
ไส้กรอก Mello Yello
       ไส้กรอก Mello Yello (120 บาท+) เมนูนี้มีให้กินที่ร้านนี้เท่านั้น เพราะเป็นไส้กรอกสูตรพิเศษที่ทางร้านทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ทำจากเนื้อหมูล้วนๆ รมควันหมักกับเครื่องเทศและเครื่องปรุงต่างๆ เสิร์ฟมาร้อนๆ กินแล้วไส้กรอกเคี้ยวเด้งปากและนุ่มลิ้นกับเนื้อหมูแน่นๆ รสชาติเข้มข้นเครื่องเทศ กินโดยไม่ต้องจิ้มซอสเลยก็อร่อยแล้ว แต่ทางร้านจะมีซอสพริกมาให้จิ้มเพิ่มรสชาติด้วย
กุ้งชุบแป้งทอด
       ตามมาด้วย กุ้งชุบแป้งทอด (190 บาท+) จานนี้มีทีเด็ดอยู่ที่ทางร้านนำกุ้งแชบ๊วยสดๆ ตัวโตเอามาชุบแป้งที่ปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษ แล้วทอดจนกุ้งสุกเหลืองกรอบ มีผัดสลัดรองจานมาด้วย กินกุ้งชุบแป้งทอดหอมๆ แป้งกรอบกำลังดี กุ้งเนื้อแน่นเต็มปากเต็มคำ กินคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยหวานๆ ถูกปากดีจริง
ลาบหมูทอด
       แล้วก็มาชิม ลาบหมูทอด (120 บาท+) หน้าตาจิ้มลิ้มชวนกิน เป็นลาบหมูที่ปรุงมาแบบครบเครื่องลาบเต็มสูตร และก็ปั้นให้เป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ ทอดกรอบ กินแล้วลาบกรอบนอกแต่เนื้อในนุ่มเนื้อหมูที่ออกรสชาติลาบเข้มข้นแบบถึง เครื่อง กินคู่กับผักสดๆ
คาโบนาร่า
       จากนั้นสลับรสชาติมากินอาหารฝรั่งบ้าง เป็น คาโบนาร่า (170 บาท+) ที่ทางร้านนำเอาเส้นสปาเก็ตตี้มาผัดกับครีมซอสคาโบนาร่าสูตรพิเศษที่ทางร้าน ปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะ และใส่แฮม โรยหน้าด้วยเบคอนทอดกรอบ ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากเส้นเหนียวนุ่มชุ่มรสชาติครีมซอสคาโบนาร่าที่ หอมออกรสกลมกล่อม
สเต็กเนื้อ
       และถ้าใครชอบกินเนื้อแนะนำให้สั่ง สเต็กเนื้อ (480 บาท+) เป็นเนื้อวัวส่วนสันนอกที่ทางร้านคัดเป็นอย่างดี หมักกับเครื่องหมักสูตรพิเศษของทางร้าน แล้วนำมากริลล์ เลือกระดับความสุกของเนื้อได้ตามใจชอบ เสิร์ฟพร้อมกับเฟรนช์ฟราย และผักลวก แล่เนื้อส่งเข้าปากได้กลิ่นหอมของเครื่องหมักขึ้นจมูก เนื้อเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปากมีความฉ่ำของเนื้อที่ดี รสชาติถึงเครื่องหมักถูกปากดีแท้
Mello Yello Mocktails
       แล้วเดี๋ยวจะหาว่ามีแต่อาหารไม่มีเครื่องดื่มมานำเสนอหรืออย่างไร ขอแนะนำเครื่องดื่มที่ดื่มแล้วสร้างความสดชื่นให้กับร่างกาย และเป็นเครื่องดื่มตัวเด่นของทางร้าน นั่นคือ Mello Yello Mocktails (แก้วละ 200 บาท+) ซึ่งมีอยู่ 3 รสชาติ ให้เลือกสั่งมาดื่มกัน มี Mello’s Blue Sapphire น้ำสีฟ้า Mello’s Ruby น้ำสีแดง และMello’s Topaz น้ำ สีส้ม ซึ่งแต่ละตัวจะมีส่วนผสมของน้ำลิ้นจี่ ใส่น้ำหวานที่ทำให้เกิดสีต่างๆ และปั่นรวมกับน้ำแข็งพร้อมกับใส่เยลลี่ลงไปปั่นรวมด้วย ตกแต่งด้วยชิ้นส้มและเชอร์รี่ ดื่มแล้วหอมหวานสดชื่นมากๆ
บรรยากาศโต๊ะนั่งรับลมด้านนอก
       นอกจากเมนูและเครื่องดื่มที่นำเสนอไปแล้วนั้น ก็ยังมีเมนูจานเด่นอื่นๆ ที่ชวนลองลิ้มอีกมากมาย อาทิ ยำเนื้อ Mello yello (170 บาท+) ยำถั่วสมุนไพร (90 บาท+) ปีกไก่ทอด Mello yello (120 บาท+) เปาะเปี๊ยะแฮมชีส (130 บาท+) น้ำผลไม้ปั่นต่างๆ (80-100 บาท+) ฯลฯ
       เอาเป็นว่าหากใครกำลังเมียงมองหาสถานที่แฮงเอาท์แบบชิลล์ ชิลล์ มีอาหารรสดีให้กินแกล้มเข้ากับบรรยากาศ และมีเพลง Jazz ให้ฟังแบบเพลิดเพลิน ขอแนะนำให้ตรงมาที่ “Mello Yello Jazz & More”
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Mello Yello Jazz & More” (เมลโล่ เยลโล่ แจ๊สแอนด์มอร์) ตั้งอยู่ที่ 29/70-72 RCA โซน S ถ.พระราม 9แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. การเดินทางสามารถมาได้ 2 ทาง หากมาทางถ.เพชรบุรีตัดใหม่ เข้ามาในถ.RCA แล้วเลี้ยวซ้าย ขับเลยร้านตักสุรามา Mello Yello จะอยู่ซ้ายมือ หรือถ้ามาทางถ.พระรามเก้าให้วิ่งผ่านร้าน Route66 มาประมาณ 50 ม. Mello Yello จะอยู่ขวามือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจนเปิดจันทร์-เสาร์ (หยุดทุกวันอาทิตย์) เวลา 19.00 -ครัวปิด 24.00 น. โทร. 0-2203-0423, 0-2641-4283 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.facebook.com/melloyellojazz

หอมกรุ่นจากเตา กับ 6 ร้านเบเกอรี่แสนอร่อย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 ธันวาคม 2554 14:18 น.
บรรยากาศร้าน ธัช คาเฟ่
       ช่วงนี้นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการสังสรรค์ ทั้งคริสต์มาสที่ผ่านมา ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ใครต่อใครก็พร้อมใจกันจัดงานปาร์ตี้สนุกสนาน อีกทั้งยังเลือกของขวัญของฝากส่งให้กันอีกด้วย และหนึ่งในของขวัญที่เป็นที่นิยมก็คือ ขนมเค้ก และเบเกอรี่ต่างๆ ที่สวยสะทั้งหน้าตา และรสชาติเอร็ดอร่อยโดนใจ
      
       ด้วยเหตุนี้ จึงขอส่งท้ายปีกระต่าย ต้อนรับปีมังกรทอง ด้วยการรวบรวม 6 ร้านเบเกอรี่รสอร่อยถูกใจ มาให้เลือกชมเลือกชิมกันตามอัธยาศัย ซึ่งจะมีร้านใดบ้างนั้นเชิญทัศนากันได้เลย
เค้กช็อคโกแลต
       เริ่มต้นที่ร้าน “ธัช คาเฟ่” ร้านเล็กๆ น่ารัก ริมถ.สุทธิสารวินิจฉัย เบเกอรี่ของที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องเค้กโฮมเมดทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เค้กช็อคโกแลต เค้กหน้าแข็งที่ทำจากช็อคโกแลตแท่งและเนยสด เนื้อเค้กนุ่มๆ หอมๆ กินพร้อมกับหน้าเค้กแล้วไม่ขมไม่หวานมากเกินไป ส่วน เค้กผลไม้ ก็อร่อยใช่ย่อย เป็นเค้กเนื้อเบาที่แต่ละชั้นจะแทรกด้วยครีมเนื้อเนียนและเนื้อผลไม้ต่างๆ แล้วยังมี ทีรามิสุ รสกลมกล่อม เนื้อนุ่มเบา หอมกลิ่นกาแฟ ให้ลองมาลิ้มลองความอร่อยได้อีก
      
       นอกจากจะขายเบเกอรี่แล้ว ทางร้านก็ยังมีเมนูอาหารตามสั่งให้เลือกลองชิมกันด้วย ไม่ว่าจะเป็น สลัดปลาแซลมอนรมควัน ที่ใช้ผักสลัดปลอดสาร ส่วนทีเด็ดของจานนี้อยู่ที่น้ำสลักซีฟู้ดรสชาติจัดจ้าน หรือจะลองชิม สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล ทีโบนสเต็ก รวม ถึงอีกหลากหลายเมนูชวนกินก็ย่อมได้ ร้านตั้งอยู่ระหว่าง ซ.อินทามระ 33-35 ห่างจากแยกสุทธิสารประมาณ 150 เมตร เปิดทุกวัน (หยุดเดือนละ 2 พุธ) เวลา 10.00-22.00 น. อาหารตามสั่งบริการเฉพาะเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.30-22.00 น. โทร. 08-3257-0007, 08-1900-6992
ร้านแซฟฟร่อน
       “แซฟฟร่อน” (Saffron) ร้านเบเกอรี่ที่อยู่ยืนยงคู่กับ ถ.พระอาทิตย์ เน้นของอร่อยที่เบเกอรี่โฮมเมดทำใหม่สดทุกวันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเมนูกันไป ลองชิม ทีรามิสุ ที่ใช้มาสคาโบเน่ชีส เน้นกาแฟกับเหล้าฝรั่งผสมกันในตัวเค้กแล้วโรยหน้าด้วยผงโกโก้ ความโดดเด่นอยู่ที่ความนุ่มของเนื้อเค้ก รสชาติไม่หวานมากนัก ฮังกาเรียนวอลนัทเค้ก รสชาติหวานๆ มันๆ แบล็คฟอเรสเค้ก เนื้อเค้กช็อคโกแลตนุ่มลิ้น แทรกด้วยชั้นวิปปิ้งครีม แต่งหน้าด้วยเชอรี่เคลือบช็อคโกแลตและช็อคโกแลต นอกจากนี้ยังมี คุกกี้ลิ้นแมว พายแอปเปิ้ล ไวท์ช็อค เป็นต้น
ฮังกาเรียนวอลนัทเค้ก (บน) แบล็คฟอเรสเค้ก (ล่าง)
       ส่วนเมนูของคาวที่นี่ก็มีให้เลือกชิมอิ่มท้องกัน เริ่มด้วย ข้าวมันน้ำพริกมะขามอ่อน ที่กินพร้อมเครื่องเคียงหลายอย่าง รสชาติออกเผ็ดเข้มข้น สปาเกตตี้คาโบนาราแบบแซฟฟร่อน เน้นรสชาติชีส เนย นม เต็มอิ่มด้วยเบคอน กุ้ง หอยลาย และหอยเชลล์ ราดหน้าทะเล เก๋ไก๋ด้วยเส้นใหญ่ที่นำไปทอดให้กรอบนอกนุ่มใน พร้อมน้ำราดหน้าที่รสชาติกลมกล่อม ร้านตั้งอยู่บน ถ.พระอาทิตย์ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น. ทางร้านรับสั่งทำเค้กล่วงหน้า 2 วัน โทร. 0-2281-4228
บรรยากาศริมสระน้ำของร้าน คาเฟ่ โอลัค
       “คาเฟ่ โอลัค” หรือร้านที่อยู่ริมทะเลสาบร้านนี้ ก็มีทีเด็ดเป็นเบเกอรี่โฮมเมดเช่นกัน โดยเน้นที่รสชาติและคุณภาพเป็นหลัก อย่างเช่น โรลลูกตาล เนื้อนุ่มเนียน หอมอร่อยกลมกล่อม เป็นเค้กชิ้นสามเหลี่ยมอันโตสีเหลืองนวล เนื้อเค้กเป็นสปองจ์แทรกด้วยชั้นครีมและลูกตาล บลูเบอรี่ชีสเค้ก ชั้นล่างเป็นขนมปังกรอบบดละเอียด ตรงกลางเป็นชีสเค้กเนื้อนุ่ม ด้านบนราดด้วยบลูเบอรี่ แต่งด้วยครีม ส่วน พาริน เป็นเค้กกาแฟอัลมอนด์ ความพิเศษอยู่ที่หน้าครีมซึ่งทำมาจากน้ำนมข้าวโพดและท็อปปิ้งที่เป็นเมล็ดอัลมอนด์ราดคาราเมล
โรลลูกตาล
       ถ้าหากว่าอยากให้หนักท้องอีกสักหน่อย ก็ต้องลองชิม สลัดแฮม ที่ใช้ผักสลัดปลอดสารพิษ ราดด้วยน้ำสลัดสูตรพิเศษ รสชาติออกเปรี้ยวนำ และมี คลับแซนด์วิช ความ พิเศษอยู่ที่ไม่มีน้ำมันเข้ามาเป็นส่วนผสม เพราะไข่ดาวที่ใส่ในแซนด์วิชนั้นทอดด้วยน้ำเปล่าแทน ร้านตั้งอยู่ในตลาดบองมาร์เช่ บริเวณริมสระน้ำ ร้านเปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-19.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เปิดเวลา 09.00-20.00 น. โทร. 0-2953-8980
ที่นั่งแบบคลาสสิกที่ร้านเดลิเซ่
       “เดลิเซ่” ร้านเบเกอรี่บรรยากาศแบบคลาสสิกที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง เมนูเด็ดของร้านที่ต้องกินเรียงตามลำดับเพื่อความอร่อย เริ่มต้นที่ Mont Blanc Cake ที่เนื้อเค้กเป็นวนิลา มีชั้นคัสตาร์ดครีม เกาลัด และวิปปิ้งครีม ด้านบนสุดแต่งด้วยครีมเกาลัด และโรยหน้าด้วยผงทองระยิบระยับ รสชาติมาหวานนัก มาพร้อมความหอมมันจากเกาลัด ลำดับถัดไปคือ Raspberry Moose Cake ชั้นล่างเป็นสปองจ์เค้กกลิ่นกุหลาบ ถัดมาเป็นไวท์ช็อคโกแลต ราสเบอร์รี่มูส และราสเบอร์รี่ซอส รสชาติเปรี้ยวจี๊ดหวานน้อยๆ ปิดท้ายด้วย Banoffee หวานขม ชั้นล่างเป็นโอริโอ้บด ต่อด้วยบราวนี่ กล้วยหอมสด และกล้วยหอมผัดกับซอสคาราเมล ด้านบนเป็นวิปปิ้งครีมราดซอสคาราเมล
Mont Blanc Cake (บน) Raspberry Moose Cake (ล่าง)
       เมนูอื่นๆ ที่อร่อยไม่แพ้กัน อย่างเช่น Chocolate Lava Cake หรือ New York Cheese Cake แล้วจะมาชิม แซนด์วิชแฮมชีสราดซอสเห็ดแชมปิญอง ให้อิ่มท้องด้วยไส้แซนด์วิชหลากหลาย ตบท้ายด้วย Caramel Macchiato กาแฟร้อนกลิ่นหอมหวน รสชาตินุ่มละมุนเข้มข้น ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 1 พาร์คเลน คอมมูนิตี้ มอลล์ ซ.เอกมัย เปิดทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น. โทร. 0-2382-0090
บรรยากาศร้าน Pandora Bakeshop
       “Pandora Bakeshop” เป็นร้านคัพเค้กโฮมเมดรสชาติถูกใจ หน้าตาก็ชวนกิน แถมยังมีหน้าพิเศษที่ผลัดเปลี่ยนไปตามเทศกาลต่างๆ ด้วย ตัวเนื้อเค้กจะเป็นเค้กชิฟฟอนเนื้อหนักที่ให้ความนุ่มเนียน อาทิ Red Valvet เค้กวนิลาผสมโกโก้ ที่เพิ่มสีสันด้วยสีแดงสด แต่งหน้าด้วยครีมชีส Dark Knight เค้กช็อคโกแลต ราดด้วยบัตเตอร์ครีม แต่งหน้าด้วยบราวนี่สูตรพิเศษ Hummingbird เค้กผลไม้ที่ทำจากสับปะรดและกล้วย ความพิเศอยู่ตรงที่เนื้อผลไม้ยังเป็นชิ้นเล็กๆ ได้รสสัมผัส ด้านบนเป็นครีมชีส Carrot & Spices เค้กแครอทที่ผสมอบเชยและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ด้านบนเป็นครีมชีสฟรอสติ้ง
คัพเค้กรสชาติต่างๆ
       Citrus Odor เป็นเค้กวนิลา หน้าบัตเตอร์ครีมมะนาว รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ Blueberry Bush เค้กวนิลาสอดไส้แยมบลูเบอรี่ หน้าบัตเตอร์ครีมกลิ่นบลูเบอร์รี่ Swiss Chocolate เค้กช็อคโกแลตเนื้อนุ่ม หน้าช็อคโกแลตฟัจน์และวิปปิ้งครีม ส่วน พาย ของที่นี่ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน มีทั้งไส้หมูแดง ทูน่า ไก่ หมูหยอง แกงเขียวหวาน และฉู่ฉี่กุ้ง ร้านตั้งอยู่ในโครงการ ดิ อเวนิว แจ้งวัฒนะ ตรงข้ามกับวิลล่า มาร์เก็ต เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. โทร. 0-2982-5229, 08-1489-0611 ทางร้านรับสั่งทำเค้กและมีบริการแคทเธอริ่ง
ร้านนั่งสบาย คาเฟ่ เดอ บางอ้อ
       “คาเฟ่ เดอ บางอ้อ” ร้านกาแฟและเบเกอรี่นั่งสบาย ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สวยๆ เบเกอรี่ที่มีให้ลองชิมในแต่ละวันจะมี 5 ชนิด ที่จะหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ เมนูเด่นที่ต้องชิมคือ เค้กมะพร้าว ที่เป็นสปองจ์เค้กแบ่งแต่ละชั้นด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน ซึ่งเป็นส่วนผสมพิเศษของทางร้าน ด้านบนสุดปาดด้วยครีมสด เนื้อเค้กนุ่มแน่นหอมหวานมะพร้าวอ่อน สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก ชั้นล่างสุดเป็นโอริโอบด ตรงกลางเป็นชีสเค้ก ด้านบนสุดเป็นซอสสตรอเบอร์รี่ รสชาตินุ่มหอมมัน ขมเล็กน้อย และหวานซ่อนเปรี้ยว แต่ถ้ากินเค้กแล้วติดคอ ต้องลองชิมเครื่องดื่มอร่อยๆ เช่น Caramel Macchiato เป็นกาแฟผสมคาราเมล รสชาติไม่ขมมากนัก แถมยังหอมหวานคาราเมล Blue Curacao Lemon Soda ใช้ไซรัปบลู คูราโซผสมกับน้ำเลมอนโซดา รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ชื่นใจ
เค้กมะพร้าว (บน) สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก (ล่าง)
       ถ้าใครจะมาชิมให้อิ่มท้อง ต้องเลือก สปาเก็ตตี้คาโบนารา ที่เน้นหนักทั้งเครื่องแฮม และเบคอนทอดกรอบ รสชาตินุ่มหอมมัน ลาซานญ่าเนื้อ ได้รสชาติชีสเข้มข้น ตัดกับความเปรี้ยวจากซอสมะเขือเทศ และเนื้อโคขุนบดละเอียดนุ่มๆ หรือจะเลือกเมนูฟิวชั่น สปาเกตตี้แกงกะหรี่หมูทอด ก็ อร่อยเช่นกัน ร้านตั้งอยู่บน ถ.จรัญสนิทวงศ์ บริเวณ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 89 เปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น. (เฉพาะวันพฤหัสบดีเปิดเวลา 08.00-18.30 น.) โทร. 08-6325-0960, 08-9770-3700
      
       ทั้งหมดนี้คือ 6 ร้านเบเกอรี่แสนอร่อย ที่หอมละมุนจากเตา ส่งความอร่อยให้ทุกคนได้ไปลิ้มลองในช่วงปีใหม่นี้