“ยืนพื้น” กวยจั๊บน้ำข้นรสเข้มถึงใจ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2547 14:30 น.
บรรยาการศของร้านยืนพื้นกวยจั๊บน้ำข้น
       จำได้ว่าเมื่อตอนที่ยังเด็กๆวันอาทิตย์ตอนเช้าๆผู้ใหญ่มักจะพาเด็กๆอย่างพวกเราออกไปหาอะไรอร่อยๆกินกันนอกบ้าน
      
       “กวยจั๊บ”เป็นหนึ่งในของโปรดอันดับต้นๆของ “ผ่านมาแวะกิน” กวยจั๊บน้ำข้นร้อนๆใส่เครื่องเยอะๆ ชั่วโมงนั้นเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
      
       นี่ก็ผ่านมาหลายฝนหลายหนาวแล้ว เรายังไม่เคยได้ลองลิ้มชิมรสกวยจั๊บรสชาติถูกปากเหมือนสมัยเด็กเลย
กวยจั๊บน้ำข้น
       แต่วันนั้นมีโอกาสได้ผ่านไปแถวพรานนก เผอิญไปสะดุดตากับร้านกวยจั๊บ “ยืนพื้น”(หรือที่เรียกกันติดปากว่าร้าน จส.100)ที่คนแน่นเหลือเกิน ด้วยความอยากรู้ว่าร้านนี้มีอะไรดี ก็เลยลองสั่ง “กวยจั๊บน้ำข้น” (ธรรมดา 25 พิเศษ 30 บาท)มาลองสักชามก่อน
      
       เห็นควันลอยฉุยมาแต่ไกลพร้อมๆกันนั้นก็ได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศ,ยา จีน ที่ทางร้านได้เคี่ยวพร้อมน้ำซุปทำให้ได้รสชาติเข้มข้น กลมกล่อมถูกใจ “ผ่านมาแวะกิน”เป็นยิ่งนัก แถมในชามยังมีหมูกรอบ ตับ ไข่ เลือดชิ้นโตๆและไส้ที่เวลาเคี้ยวก่อให้เกิดเสียงหนุบหนับขึ้นในปากอย่างพร้อมเพรียง
      
       บางทีความรู้สึกเก่าๆที่เลือนหายไปกับกาลเวลา เพียงแค่มีร่องรอยบางอย่างที่คล้ายคลึงกับอดีตมาสะกิด ก็สามารถทำให้ความทรงจำเก่าๆย้อนคืนมา “ผ่านมาแวะกิน”เองก็รู้สึกเช่นเดียวกับที่ว่านี้ ความสุขยามเมื่อได้กินของโปรดและรสชาติที่คลายคลึงกัน ทำให้เผลอตัวเผลอใจสั่งไปอีก 1 ชาม
เปาะเปี๊ยะสด
       เมียงมองไปหน้าร้านเห็นพนักงานกำลังบรรจงวางแตงกวา กุนเชียง ถั่วงอก ลงบนแผ่นแป้งบางๆ พร้อมหั่นขนาดพอคำ ราดน้ำปรุงรส เสริฟ์พร้อมกับพริกดองและต้นหอม “ผ่านมาแวะกิน”มองแล้วว่าต้องเป็น “เปาะเปี๊ยะสด”(20บาท)แน่ แท้ จึงไม่รอช้าสั่งมาลองชิม เพียงคำแรกที่เข้าปากก็รู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มของเนื้อแป้งผสมผสานกับน้ำ ปรุงรส ทำให้รสชาติที่เกิดขึ้นในปากนั้นกลมกล่อมหวานมัน แถมยังโรยหน้าด้วยปูอัดและไข่หั่นฝอย น่ากินเป็นที่สุด
      
       อิ่มจากอาหารคาวแล้วก็มาถึงคิวของหวานๆกันบ้างกับ “ขนมปลากริม”(ถ้วย 8 บาท/ถุง 10 บาท) เพียงแค่เราเห็นหน้าค่าตาขนมถ้วยนี้ก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา เพราะเป็นขนมปลากริมประยุกต์ โดยใส่เนื้อมะพร้าวและวุ้นมะพร้าวลงไปแล้วราดด้วยน้ำกะทิรสชาติเข้มข้นหวาน มัน อร่อยเพลินเผลอแปปเดียวหมดถ้วยไม่รู้ตัว
      
       เป็นอันว่าอิ่มอกอิ่มใจอิ่มท้องไปอีกหนึ่งมื้อ
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       
ร้านยืนพื้นกวยจั๊บน้ำข้น ตั้งอยู่292/5 ถ.อิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.ร้านอยู่ใกล้สี่แยกพรานนก ตรงข้ามไทยธนาคาร หรือถ้าไปไม่ถูกสามารถโทร.ถามได้ที่0-2411-0301 ร้านเปิดทุกวัน7.00-18.00 น.หยุดทุกวันศุกร์ (คนแถวนั้นรู้จักในนาม กวยจั๊บ จส.100 แต่ที่ใช้ชื่อร้านว่า “ยืนพื้น”นั้นเป็นเพราะคุณป้าเจ้าของร้านกระซิบมาว่า ทุกคนที่มาสั่งต้องยืนที่พื้นเหมือนกันทุกคนและรสชาติของกวยจั๊บร้านนี้เป็น สูตรต้นตำรับดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและไม่มีสาขาที่ไหนด้วย)

รุ่งเรืองอาหารป่า ร้านน่าหม่ำแห่งเมืองยศ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มิถุนายน 2547 16:07 น.

ภายในร้านที่สร้างความรู้สึกนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ
       ยาฮู้ ...วี๊ดวิ้ว นาทีนี้ขอตะโกนเสียงดังๆ ฉลองที่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดเสียหน่อย นานๆ ทีจะได้แล่นออกนอกกรุงไปหาของอร่อยๆกิน แต่งานนี้ขอบอกว่าไม่ได้เยื้องกรายแค่ปริมณฑลนะ ไปไกลถึงเมืองยศหรือจังหวัดยโสธรโน่น และก็ไม่ใช่แค่การผ่านไปหาของกินธรรมดาๆ เพราะคราวนี้ไปเจอร้านดีร้านเด็ด ฝีมือและรสชาติเข้าขั้นเป็นร้านดังของจังหวัดได้เลย
      
       ร้านที่ว่าก็คือ “รุ่งเรืองอาหารป่า” ที่เปิดมานานกว่า 21 ปี จึงได้เห็นของเก่าๆ ที่เจ้าของเก็บสะสมไว้นานมาตกแต่งร้าน ช่วยสร้างบรรยากาศให้นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ในสมัยคุณปู่คุณย่าได้ดีเลยทีเดียว ที่นี่เขามีเฉพาะสัตว์เล็กๆ ที่หาได้ตามฤดูกาลและไม่เป็นสัตว์ผิดกฎหมายมาทำเป็นอาหารและส่วนใหญ่ก็จะออก รสชาติดุเด็ดเผ็ดมันตามสไตล์คนอีสานที่ชอบกินอาหารรสจัดๆ อย่างเช่น ผัดเผ็ดนก ผัดเผ็ดกบ หรือถ้าอยากกินอาหารอีสานขนานแท้ก็มีให้เลือกกินมากมายหลายอย่าง
ผัดเผ็ดปลาหมึก รสเด็ดถึงใจ
       สำหรับเมนูขึ้นชื่อประจำร้านก็มีทั้งอู๋ปลาหน่อไม้(หน้าตาคล้ายห่อ หมก) อ่อมปลา แกงป่าลูกชิ้นปลากราย ผัดปลาคึ่นฉ่าย ทอดแมง แต่ “ผ่านมาแวะกิน” ครั้งนี้จะไม่ขอตามกระแสอาหารดังของร้าน เพราะในเมื่อเขาการันตีเป็นเมนูเด็ดของร้านก็ต้องเชื่อว่าอร่อยจริง เพราะฉะนั้นก็เลยจะขอสั่งเมนูอื่นเพื่อพิสูจน์ฝีมือแม่ครัวของร้านว่าจะ กระจายความอร่อยได้ทั่วถึงทุกจานทุกเมนูหรือไม่
      
       จานแรกที่สั่งมากินเป็น ผัดเผ็ดปลาหมึก (60 บาท) ไม่ต้องกลัวว่ามาอีสานแล้วจะไม่ได้กินอาหารทะเล ปลาหมึกตัวโตสดใหม่ไม่มีการค้างคืนค้างวันให้เสียรสชาติ มีมะเขือและยอดมะพร้าวอ่อนหวานกรอบที่ช่วยลดความเผ็ดของเครื่องเทศและพริก ไทยอ่อน ทั้งหน้าตาและกลิ่นหอมฉุยที่ยั่วต่อมน้ำลาย ไม่ทันไรชาวคณะก็จ้วงตัก จนหมดจานแต่ได้ยินเสียงซี๊ดซ๊าดของความเผ็ดมาแทน เลยต้องสั่งผัดจืดกุ้งใส่ยอดมะพร้าว ( 60 บาท) มาดับความเผ็ด พร้อมกันนั้นได้ซด ต้มยำปลาเค้า (70 บาท) ก็ช่วยทำให้กินได้คล่องคอขึ้นอีกโข
ปลารากกล้วยทอด ที่หม่ำได้ทั้งตัว
       ยำรวมมิตร (50 บาท) ที่รวมเอาทุกอย่างทั้ง กุ้ง ปลาหมึก หอยลาย หมูยอ คลุกเคล้าด้วยน้ำยำรสเปรี้ยวแซบเด็ดถึงใจ ถึงจะดูเป็นเมนูพื้นๆ ทำง่ายๆ แต่ขอบอกว่าอะไรที่ยิ่งทำง่ายประเภทใครก็ทำได้ นี่ล่ะ หมัดเด็ด ปราบเซียนให้หงายหลังผึ่งมานักต่อนัก เพราะยิ่งง่ายก็ยิ่งท้าทายว่าจะทำอย่างไรให้รสมือแตกต่างเรียกความอร่อยได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นที่ครหาของนักชิม ซึ่งสำหรับยำรวมมิตรจานนี้ของร้านรับประกันความอร่อยลิ้นได้แน่ๆ
      
       ปิดท้ายมื้ออิ่มด้วย ปลารากกล้วยทอด(50 บาท) ด้วยความที่เป็นปลาชนิดเนื้ออ่อนพอเอามาทอดให้กรอบเกรียมโรยด้วยกระเทียว เจียวหอมๆ ก็สามารถจะกินได้ทั้งตัวโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีก้างมาทิ่มตำทำให้ระคายคอ อีกอย่างแคลเซียมจากปลานี้ก็มีมากนักแล เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากมีกระดูกที่แข็งแรงก็ไม่น่าจะพลาดปลารากกล้วยทอดจาน นี้
ยำรวมมิตร เปรี้ยวจี๊ดถูกใจ
       อิ่มหมีพีมันจนหนังท้องตึงหนังตาก็ชักจะเริ่มหย่อน แสดงถึงความเอร็ดอร่อยของอาหารมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี ถ้าได้ไปยโสธรเมื่อไหร่ อย่าลืมแวะชิมฝีมือคนเมืองยศก็แล้วกัน
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       
ร้านรุ่งเรืองอาหารป่า เปิดทุกวันตั้งแต่ 09.00-20.00 น. อยู่ที่ ถ.ศรีบำรุง อ.เมือง จ.ยโสธร จากธนาคารออมสินเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปอีกประมาณ 100 เมตร จะเห็นร้านอยู่ด้านขวามือ โทรศัพท์ 0-4572-0248

แวะกินปลาน้อย-ใหญ่ รสโดนใจ ที่ “สไบบาง”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มิถุนายน 2547 11:03 น.

นั่งริมน้ำ ลมพัดเย็นๆ หม่ำเมนูปลาๆ ที่ร้าน “สไบบาง”
       ด้วยบรรยากาศของริมแม่น้ำน่าน ที่เงียบสงบ มีสายลมพัดเอื่อยมากระทบร่างกายพาเอาเย็นกาย สบายใจ หายเหนื่อยกับการเดินทางเป็นระยะทางไกลจากกรุงเทพฯ
      
       “ผ่านมาแวะกิน” ถือโอกาสพักเหนื่อยและเติมกำลังให้กับกระเพาะน้อยๆ ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายปลายทางที่จังหวัดพิจิตร ด้วยการแวะหม่ำอาหารที่ร้าน “สไบบาง” ริมแม่น้ำน่านแห่งนี้
ปลาม้านึ่งมะนาวรสเด็ด
       ด้วยความที่ร้านนี้อยู่ติดริมแม่น้ำน่าน ซึ่งยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องทรัพยากรทางน้ำอยู่บ้าง โดยเฉพาะปลาที่เขาว่าที่แม่น้ำน่านแห่งนี้ มีปลาน้ำจืดหลากชนิดที่นำมาปรุงเป็นอาหารแล้วรสชาติเด็ดอย่าบอกใคร
      
       เมนูอาหารของร้าน “สไบบาง” จึงเน้นเมนูปลาๆ เป็นส่วนใหญ่ อย่างเท่าที่ “ผ่านมาแวะกิน”สั่งมาเปิบชิมรสชาติกันก็มี ปลาเนื้ออ่อนตัวเล็กทอดกระเทียมพริกไทย (70 บาท) ปลาเนื้ออ่อนตัวเล็กๆ ทอดกระเทียมพริกไทยหอมกรุ่น กินทั้งตัวกรอบกรุบเคี้ยวมัน
      
       ลูกชิ้นปลากรายลวก (60 บาท) เนื้อปลากรายปั้นเป็นลูกชิ้นกลมแบน แล้วนำไปลวกจนสุกได้เนื้อปลาที่เนื้อเหนียวแน่น ไร้กลิ่นคาว เคี้ยวหนึบหนับ เด้งดึ๋งอยู่ในปาก
      
       ปลาม้านึ่งมะนาว (ขีดละ 50 บาท) เมนูนี้รสจัดจ้านเปรี้ยวถึงใจ ปลาม้าสดๆหั่นเป็นชิ้นพอดีคำนำมานึ่งมะนาว ได้รสชาติปลาสดหวานผสมผสานกับน้ำมะนาวที่แทรกซึมถึงเนื้อปลา
ปลาเค้าผัดเผ็ดถูกลิ้นถึงใจ
       อีกหนึ่งเมนูรสจัดแต่เผ็ดเข้มข้นกว่าเป็น ปลาเค้าผัดเผ็ด (ขีดละ 40 บาท) สีสันจัดจ้าน เพราะนำปลาเค้ามาผัดกับเครื่องแกง ใส่พริกไทยอ่อน ใบมะกรูด รสชาติเข้มข้นถึงใจ กินกับข้าวสวยร้อนๆ ตักปลาใส่ปาก เคี้ยวพริกไทยอ่อนตามเด็ดสะระตี่
      
       และเมนูน้ำๆ หนึ่งเดียวในมื้อนี้เป็น ต้มยำปลากด+พุง+ไข่ (ขีดละ 45 บาท) เสิร์ฟมาแบบควันลอยกรุ่นในหม้อไฟ เป็นต้มยำน้ำจืด รสชาติแซบเผ็ดร้อนครบเครื่องต้มยำ ปลากดเนื้อนุ่มยุ่ย พุงปลา ไข่ปลาเคี้ยวมัน ซดน้ำร้อนๆ คล่องคอนักเชียว
      
       ทั้งหมดนี่เป็นแค่บางส่วนของเมนูปลาๆ ที่ “ผ่านมาแวะกิน” สั่งมาเติมกำลังให้กระเพาะก่อนที่จะออกเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งถ้าใครจะเดินทางไปทางพิจิตรแล้วเกิดหมดแรงกลางทาง ก็ลองแวะเติมพลังที่ร้าน “สไบบาง” ดูบ้างก็แล้วกัน
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
       
ร้าน “สไบบาง” ตั้งอยู่ที่ หมู่ 8 ต.หอไกร อ.บางมูลนาก จ. พิจิตร คือถ้ามาจากนครสวรรค์ พอมาถึงสี่แยกโพไทรงามเลี้ยวขวาเข้าโพทะเล ตรงมาถึงอ.บางมูลนาก พอถึงสี่แยกที่จะเลี้ยวไปพิจิตรให้เลี้ยวขวาที่จะมาต.เนินมะกอก และตรงมาประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นป้ายร้านและมีจุดสังเกตคือจะเห็นปล่องโรงสีข้าวอยู่ด้านหน้า เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. โทรสอบถามเส้นทางไปร้านได้ที่ 0-6930-3974, 0-5663-2013
       

“The Shock ข้าวต้มผี” รสดี กินแล้วไม่ช๊อค

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มิถุนายน 2547 13:48 น.
บรรยากาศชวนนั่ง ดูโล่งโปร่งสบายในร้าน “The Shock ข้าวต้มผี”
       ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกกระหน่ำฟ้าร้องเปรี้ยงปร้าง เป็นบรรยากาศที่พบเห็นได้ทั่วไปในขณะนี้ “ผ่านมาแวะกิน” ไม่ได้จะมาเป็นผู้บรรยายสภาพอากาศหรอกนะ แต่ช่วงนี้ฝนมันตกหนักจริงๆ รถราติดกันให้จอแจ เดินทางไปไหนลำบากจริงๆ
      
       อย่างวันก่อนไปทำธุระแถวลาดพร้าว รถติดยาวเป็นขบวน ตรงถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ รถติดหงุดหงิด หิวจนจะเป็นบ้า ฉับพลันสายตาเราก็ส่ายส่องมองเห็นป้ายร้านอาหารชื่อแปลกตา ชวนขนลุก บวกกับชวนน่ากิน นามว่า“The Shock ข้าวต้มผี” ไม่รอลีเลี้ยวรถขวับเข้าร้านทันที
สามก๊กสยบผี
       เดินเข้ามาในร้านสัมผัสได้กับบรรยากาศชวนนั่ง ดูโล่งโปร่งสบาย เป็นกันเอง ว่าแล้วก็ขอเมนูมาเปิดสั่งอาหาร ตอนแรกนึกว่าจะมีแต่ข้าวต้มขายตามชื่อร้าน ที่ไหนได้ก็มีเมนูอาหารจานหลักทั่วไปตามสั่ง เท่าที่สังเกตชื่อเมนูแต่ละอย่างดูแปลกพิลึกน่ากลัวๆทั้งนั้น
      
       เอาเท่าที่ “ผ่านมาแวะกิน” สั่งมาขึ้นโต๊ะก็มีเมนูแปลกๆ อย่างเมนูแรกชื่อว่าโลงแตก (120 บาท) เสิร์ฟมาในโรงเล็กๆ ที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่ (เก๋เชียว) พอเปิดฝาโรงออกข้างในเป็นกุ้ง หอยแมลงภู่ ปู ลูกชิ้นปลา ฮือก้วยปลา ชุบแป้งทอด ราดด้วยน้ำยำตะไคร้ข้นเหนียว ตักเข้าปากเข้าแรกสมชื่อโลงแตกจริงๆ น้ำยำรสเผ็ดจัดจ้านหอมกลิ่นตะไคร้ น้ำยำซึมเข้าเนื้อกุ้ง หอย ปู ปลา ได้รสชาติกลมกล่อมถูกลิ้น
      
       อีกหนึ่งเมนู สามก๊กสยบผี (150 บาท) เมนูนี้อิ่มแบบทรีอินวัน เป็นปลากะพงสามรสสามแบบ ทั้งทอดกระเทียม ราดพริก และทรงเครื่องแบบยำๆ แต่ละรสชาติเด็ดดวงทั้งนั้น ทอดกระเทียมก็กรอบกรุบเคี้ยวมัน ราดพริกก็เข้มข้นเปรี้ยวหวาน ทรงเครื่องแบบยำๆ ก็แซบกลมกล่อม เรียกคุ้มกันละสั่งจานนี้
ซี่โครงหมูหม้อไฟนรก
       อย่างสุดท้ายเป็นเมนูน้ำๆ สั่งมาซดให้คล่องคอ ซี่โครงหมูหม้อไฟนรก (120 บาท) จัดเสิร์ฟแบบควันลอยหอมกรุ่นมาแต่ไกล ในหม้อไฟใบโต ข้างในเป็นซี่โครงหมูกระดูกอ่อนตุ๋นเครื่องยาจีนจนเปื่อยนุ่ม และใส่พริกขี้หนูทุบโรยมาในน้ำซุปเพิ่มความเผ็ดร้อน ซดน้ำซุปร้อนๆ หอมหวานชุ่มคำ ซี่โครงหมูเนื้อเปื่อยยุ่ยเคี้ยวกรุบเนื้อนุ่ม ซดน้ำซุปตามอีกหลายคำรสชาติเริ่มออกเผ็ดร้อนจัดจ้านถึงใจจากพริกขี้หนูสม ชื่อหม้อไฟนรก
      
       นอกเหนือจากนี้ ยังมีเมนูชื่อแปลกๆ ชวนสยองอีกหลายเมนู อาทิ มัมมี่แห่งอียิปต์ (120 บาท) เป็นปลาหมึกยัดไส้หมูสับชุบไข่ทอด ผีหัวขาด(80 บาท) เป็นหัวกุ้งทอดกรอบ หม้อดินแวมไพร์ (150 บาท) เป็นกุ้งและปูนึ่งกับเครื่องต้มยำ และอีกหลากหลายเมนูจานเด็ดมากมาย
      
       มื้อนี้เล่นเอา “ผ่านมาแวะกิน” อิ่มสบายท้องหายหงุดหงิด หายบ้าจากรถติด กินจนพุงกางก็บึ่งรถกลับบ้านนอน แต่ไม่รู้ว่าชื่อเมนูสยองๆ ที่กินไปเหล่านี้จะมาตามหลอกตามหลอนเราหรือเปล่านะ
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 
       

       “The Shock ข้าวต้มผี” ตั้งอยู่ที่ 9 หมู่ 6 ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม ลาดพร้าว กทม. มาทางเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เลยโลตัสลาดพร้าวมาไม่ไกล มีป้ายร้านเป็นจุดสังเกต เปิดทุกวันเวลา 18.00-04.00 น. พิเศษสุดทุกวันพระลด 20 % (เฉพาะค่าอาหาร) โทร. 0-2970-3738, 0-9542-5282

10 อันดับของฝากยอดนิยมในญี่ปุ่น

credit  sitcomthai bloggang.com



อันดับ 10 Tako Yaki (たこ焼き) จากจังหวัด Osaka ถ้าพูดถึง Tako Yaki แล้วก็ต้องที่ Osaka เท่านั้น





อันดับ 9 Haginotsuki (萩の月) แห่ง จังหวัด Miyagi(宮城)เป็นเค้กฟองน้ำคุณภาพเยี่ยม (カステラ:Kasutera)
ที่สอดไส้ครีมคัสตาร์ดรสหวานกำลังพอเหมาะ เป็นของฝากที่พลาดไม่ได้ของเซนได เลยทีเดียว





อันดับ 8 Marusei Butter Sando (マルセイバターサンド) ของจังหวัด Hokkaido (北海道)
เป็นบิสกิต สอดไส้ครีม White Chocolate และลูกเกด





อันดับ 7 Momiji Manju (もみじまんじゅう) ของ ฝากจากจังหวัด Hiroshima (広島)
เป็นขนม Manju ไส้ถั่วแดงที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกับน้ำชา นอกจากความหวานอร่อยของขนมแล้ว
ความน่ารับประทานของขนมที่เป็นที่ออกแบบเป็นรูปใบเมเปิ้ล ก็ทำให้ Momijimanju เป็นของฝากขึ้นชื่อของ Hiroshima ไปเลย





อันดับ 6 Shiroikoibito (白い恋人) ของ ฝากจาก Hokkaido (北海道) ที่คนไทยรู้จักกันดี
เป็นคุ้กกี้สอดไส้ White Chocolate ซี่งเนื้อคุ้กกี้จะถูกอบด้วยความเกรียมที่กำลังพอดี บวกกับ White Chocolate
ที่ทำจากน้ำนมอันเลื่องชื่อของ Hokkaido ทำให้ Shiroi Koibito เป็นที่ติดอกติดใจทั้งของคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามสนามบินแทบจะทุกแห่งในประเทศญี่ปุ่น





อันดับ 5 Uirou (ういろう) ของ ฝากจากจังหวัด Aichi (愛知) เป็นขนมขึ้นชื่อของเมือง Nagoya (名古屋)
ที่เป็นที่รู้จักกันดีของคนญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยแรกในยุคเอโดะ (江戸時代) ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าที่นำไปนึ่ง
รสหวานอ่อน ๆ นุ่ม ๆ มีทั้งรสน้ำตาลขาว น้ำตาลดำ ถั่วแดง และชาเขียว เป็นขนมที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกับน้ำชาเป็นลำดับต้นๆ เลยทีเดียว





อันดับ 4 Jagapokkuru (じゃがポックル) ของ ฝากจากจังหวัด Hokkaido รูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นแค่มันฝรั่งแท่งทอดกรอบทั่วไป
แต่รสชาตินั้นสุดยอด ผลิตโดยคาลบี้ ที่พวกเรารู้จักกันดี ภายใต้แบรนด์ Potato Farm ออกวางขายตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2006
ในช่วงแรกๆ ก็ไม่ได้มีการโฆษณาแต่อย่างใด ด้วยความอร่อย และเสียงปากต่อปากจากผู้ชิมทั้งหลาย
ทำให้ขายดีถึงขนาดที่จะต้องจำกัดจำนวนซื้อต่อคนต่อครั้งกันเลยทีเดียว ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น
ทำให้สามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น ตามสนามบินและร้านตัวแทนจำหน่ายบางแห่ง





อันดับ 3 Akafuku (赤福) ของ ฝากจากเมือง Ise (伊勢) จังหวัด Mie (三重)
เป็นขนมดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่สมัย Houei (宝永) ประมาณปี 1707 คือขนมโมจิไส้ถั่วแดง
ที่มีรสชาติแสนอร่อย และถือว่าเป็นขนมมงคลที่แสดงถึงความจริงใจของผู้ให้ที่จะมอบความสุขให้แก่ ผู้รับ
ขนมนี้จึงนิยมเป็นของฝากของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก





อันดับที่ 2 Gougouichi no Butaman (551の豚まん) ของฝากขึ้นชื่อของจังหวัด Osaka
เป็นซาลาเปาไส้หมูบดรวมกับหอมหัวใหญ่ ผลิตโดยร้านอาหารจีนขึ้นชื่อของ Osaka ที่มีชื่อว่าร้าน 551 Horai (551蓬莱)
ซึ่งมียอดขายเฉลี่ยถึงวันละ 140,000 ลูก





อันดับ 1 Karashi Mentaiko (辛子明太子) ของ ฝากจากจังหวัด Fukuoka (福岡)
Mentaiko ก็คือไข่ปลาคอต Karashi คือรสเผ็ด Karashi Mentaiko เป็นการนำไข่ปลาคอตไปหมักกับเกลือแล้วปรุงรสเผ็ดด้วยพริกนั่นเอง
เล่ากันว่า Karashi Mentaiko นั้น เกิดในช่วงสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลี และเนื่องจากเมือง Fukushima
เป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น จึงทำให้ Karashi Mentaiko เป็น อาหารที่ดัดแปลงมาจากการหมักกิมจิ
ของประเทศเกาหลีนั่นเอง และในปี Showa ที่ 50 เมื่อรถไฟ Shinkanzen สาย Sanyo ที่วิ่งระหว่างสถานี Shin Osaka ถึงเมือง Hakata
เริ่มเปิดให้บริการ ทำให้ Karashi Mentaiko เป็นที่รู้จักมากขึ้น ปัจจุบันนิยมนำ Karashi Mentaikoไปทำ Onigiri และสปาเกตตี้
รวมถึงอาหารอื่น ๆ อีกมากมา�

Read more: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sitcom&month=14-12-2011&group=41&gblog=259#ixzz1YVTg7sAR