เคี้ยวมันๆ กับ “อโวคาโดผัดน้ำมันงา” / กุ๊กเล็ก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2552 14:21 น.

โดย : กุ๊กเล็ก


       เมื่อวันก่อนได้ไปเดินช้อปปิ้งกับเพื่อนสาว แล้วเผอิญเห็นผลอโวคาโดมันเตะตาเข้า ใจก็นึกอยากเคี้ยวเนื้อมันๆของเจ้าอโวคาโดนี้ เลยตัดสินใจซื้อมาสนองอารมณ์สักมื้อ เมื่อกลับมาบ้านก็จัดแจงตระเตรียมส่วนผสมอื่นให้พร้อมสรรพ เพื่อจะทำเมนู “อโวคาโดผัดน้ำมันงา” ให้หายอยาก
      
       
ส่วนผสม
       อโวคาโด 1 ผล
       พริกหวาน 1 ผล
       น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
       น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
       น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
       เกลือ 1/4 ช้อนชา
       น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
       ผักบุ้งจีน ตามชอบใจ
       น้ำต้มสุก เล็กน้อย
       

       ส่วนผสมครบมือแล้วก็ระเบิดความมันโดยการล้างผักให้สะอาด ปอกเปลือกอโวคาโดแล้วหั่นเป็นชิ้นๆพอดีคำ จากนั้นเด็ดยอดอ่อนและใบของผักบุ้งจีน ฝานพริกหวานเป็นแว่นเรียงบนจานเพื่อความสวยงาม แล้วก็ผสมน้ำมันงา น้ำมันหอย น้ำตาลทราย เกลือ คนให้เข้ากันดี เรียบร้อยแล้วก็หันมาตั้งน้ำมัน นำอโวคาโดลงผัดพอหอม เติมน้ำต้มสุกเล็กน้อยแล้วผัดต่อจนอโวคาโดเหลืองสุก ใส่ผักบุ้งจีนลงผัดตามแล้วรีบปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่ผสมไว้ ผัดให้ทั่วจนผักสลดแล้วรีบยกขึ้นตักราดบนจานที่วางเรียงด้วยแว่นพริกหวานให้ สวยงามพร้อมเสิร์ฟได้เลย

เผ็ดร้อนสะใจ กับ "น้ำพริกนรกกุ้ง" / กุ๊กเล็ก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2552 12:03 น.
 โดย : กุ๊กเล็ก


       พายุฤดูร้อนที่พัดผ่านบ้านเมืองของเราในช่วงที่ผ่านมานี้ช่วยลด อุณหภูมิความร้อนให้เบาบางลงไปได้บ้าง และหลังจากที่พายุผ่านพ้นไป คราวนี้แหละเราก็จะได้สัมผัสกับความร้อนที่แท้จริงของเดือนที่ร้อนที่สุดใน รอบปีอย่างเดือนเมษายนกันจริงๆจังๆแล้ว อย่ากระนั้นเลย “กุ๊กเล็ก” ขอเสนอเมนู “น้ำพริกนรกกุ้ง” เพิ่มความร้อนระอุกันให้สุดๆ ไปเลยดีกว่า
      
       
ส่วนผสม
      
       กุ้งแห้ง 1 ถ้วย
       พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ด
       หอมแดง 10 หัว
       กระเทียม 5 หัว
       กะปิเผา 2 ช้อนชา
       มะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
       น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
       

       มาเริ่มลงมือทำน้ำพริกนรกกุ้งกันเลยดีกว่า เริ่มนำพริกขี้หนูแห้งไปคั่วให้หอม ไม่ว่าใครจะกินเผ็ดมากหรือเผ็ดน้อย อยากได้นรกขุมไหนก็เพิ่ม-ลดจำนวนพริกได้ตามชอบ เสร็จแล้วนำพริกคั่วนั้นมาโขลกรวมกับกระเทียมและหอมแดงให้ละเอียด เพิ่มรสชาติให้น้ำพริกนรกด้วยกะปิเผาหอมๆ โขลกจนได้ที่แล้วก็เอากุ้งแห้งลงไปออกแรงโขลกต่อให้ละเอียดเข้ากันดี ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยมะขามเปียกและน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากันดีแล้วลองชิมรสให้ถูกใจ
      
       จากนั้นหันไปตั้งกระทะให้ร้อน นำเอาส่วนผสมทั้งหมดที่เราโขลกเอาไว้ลงไปคั่วไฟอ่อนๆ จนน้ำพริกนรกนั้นแห้งดี ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย กินกับผักสด หรือไข่ต้มไข่เจียว หรือจะกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆเพียงอย่างเดียว ก็อร่อยเหาะ และหากเก็บไว้ในภาชนะมีฝาปิดมิดชิดแช่ตู้เย็นไว้ก็เป็นเสบียงเก็บไว้กินได้ เป็นอาทิตย์ๆเลยล่ะ

“ปลาหมึกแดดเดียว” เคี้ยวหนึบถึงใจ

โดย : กุ๊กเล็ก


       ถ้าหากถามว่าเมนูเด็ดจากปลาหมึกนั้นมีอะไรบ้าง สิ่งที่ตอบได้อย่างแรกก็คือ ปลาหมึกย่าง ที่จะได้รสชาติความสดอร่อยของปลาหมึก รวมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บที่อร่อยโดนใจ แต่ถ้าเบื่อเมนูนี้แล้ว ก็จะนำไปต้มยำทำแกงได้อีกหลายเมนู อย่างในมื้อนี้ที่ “กุ๊กเล็ก” ก็มีเมนูอร่อยเด็ดจาปาหมึกมาให้ลองทำกันดู นั่นก็คือ “ปลาหมึกแดดเดียว”
      
       ส่วนผสมมีดังนี้
       ปลาหมึกกล้วยตัวใหญ่ ประมาณ 1-1 1/2 กิโลกรัม
       น้ำปลาอย่างดี 5 ช้อนชา
       น้ำตาลทราย 2 1/2 ช้อนชา
       น้ำมันสำหรับทอด
      
       วิธีทำ เริ่มจากนำปลาหมึกมาล้างให้สะอาด ลอกหนังออก แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้น ผสมน้ำปลาและน้ำตาลทราย คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายดี นำปลาหมึกลงไปหมักกับน้ำปลาและน้ำตาลในกล่อง หรือกะละมังใบใหญ่หน่อย จะได้ไม่ต้องซ้อนตัวปลาหมึก ทำให้ปลาหมึกเค็มเท่ากันทั่วทั้งตัว หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง หรือจะหมักทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้ จากนั้นนำมาตากแดดจนปลาหมึกหมาด (ถ้าแดดแรงก็ตากประมาณ 2-3 ชั่วโมง) พอได้ที่แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ นำกระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันพอร้อนแล้วใส่ปลาหมึกลงทอดพอเหลือง แล้วตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน ยกขึ้นเสิร์ฟได้เลย


“ซาโมซ่าไส้ผักรวม” อาหารว่างสไตล์อินเดีย โดนใจแบบไร้เนื้อสัตว์
 โดย : กุ๊กเล็ก


       เทศกาลเจแบบนี้ หลายๆ คนคงอยากจะเสาะหาสูตรอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์มาทำกินกันในบ้าน “กุ๊กเล็ก” เลยอยากจะเอาใจคนกินเจเสียหน่อยกับเมนู “ซาโมซ่าไส้ผักรวม” อาหารว่างแบบอินเดีย ที่ได้สูตรอร่อยนี้มาจากโรงแรมใบหยกสวีท รสชาติซาโมซ่าจานนี้อร่อยครบเครื่องด้วยส่วนผสมนานาชนิดแบบไร้เนื้อสัตว์
      
       ส่วนผสมมีดังนี้
       มันเทศ 200 กรัม
       มันฝรั่ง 200 กรัม
       ถั่วลันเตา 200 กรัม
       แครอท 100 กรัม
       มะเขือเทศ 100 กรัม
       หอมใหญ่ 300 กรัม
       วุ้นเส้น (แช่น้ำแล้ว) 300 กรัม
       แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะ 500 กรัม
       ผงขมิ้น ½ ช้อนชา
       ผงมัสล่า 1 ช้อนโต๊ะ
       น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
       พริกป่นอินเดีย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
       เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
       พริกไทย ½ ช้อนโต๊ะ
       น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
       เนยอินเดีย 2 ช้อนโต๊ะ
       น้ำมันพืช (สำหรับทอด) 3 ถ้วย
       แป้งเปียกสำหรับห่อ
      
       วิธีทำ เริ่มจากนำผักต่างๆ มาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ เตรียมไว้ จากนั้นตั้งกระทะไฟกลาง ใส่เนยอินเดีย นำหอมใหญ่ลงผัดให้หอม จากนั้นใส่มันเทศ มันฝรั่ง แครอท และถั่วลันเตา ผัดจนเกือบสุก ใส่ผงขมิ้น ผงมัสล่า พริกป่นอินเดีย ปรุงรสรสด้วยเกลือ พริกไทย และน้ำตาลทราย ใส่น้ำเปล่า รอจนเดือด แล้วจึงใส่มะเขือเทศและวุ้นเส้นลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ผัดจนสุกแห้งดีก็ยกลงจากเตาแล้วพักไว้
      
       นำแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะมาห่อกับไส้ที่ผัดไว้ ห่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม ใช้แป้งเปียกทาตรงส่วนที่ทับกันเพื่อให้ซาโมซ่าไม่แตกแยกออกจากกัน จากนั้นนำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืช รอจนร้อน นำซาโมซ่าที่ห่อไว้ลงทอดให้เหลืองกรอบ แล้วตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน กินเป็นของว่างรองท้องให้อร่อยปาก หรือจะเสิร์ฟอาจาดกินคู่กันมาด้วยก็ยังได้


“สเต็กแซลมอนไวท์ซอส” อิ่มเบาๆ เต็มคุณค่า
โดย : กุ๊กเล็ก


       ช่วงนี้ “กุ๊กเล็ก” รู้สึกว่าอยากจะกินอะไรเบาๆ เพื่อไม่ให้กระเพาะทำงานหนักมากนัก แต่ก็ยังอยากได้สารอาหารที่ครบถ้วนอยู่ ก็เลยลองเสาะอาเมนูเด็ดมาทำกินเองที่บ้าน ซึ่งก็คือเมนู “สเต็กแซลมอนไวท์ซอส” ที่ได้ประโยชน์ทั้งจากเนื้อปลาและผักเครื่องเคียงต่างๆ
      
       ส่วนผสม
       เนื้อปลาแซลมอน ชิ้นละประมาณ 150 - 200 กรัม
       เกลือป่น 1 ช้อนชา
       พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
       เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
       นมสด 1 ถ้วย
       หอมหัวใหญ่ซอย 1/4 ถ้วย
       กานพลู 3-4 ดอก
       วิปปิ้งครีม 1 ช้อนโต๊ะ
       แป้งข้าวโพด 1/2 ช้อนชา
       ไวน์ขาว 1 ช้อนโต๊ะ
       มันฝรั่ง แครอท บล็อกโคลี หรือผักเครื่องเคียงอื่นๆ
      
       วิธีทำ เริ่มจากล้างปลาแซลมอนให้สะอาดแล้วผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ โรยเกลือ 1/2 ช้อนชา และพริกไทย 1/2 ช้อนชา ลงบนเนื้อปลาให้ทั่วทั้ง 2 ด้าน นำกระทั้งตั้งไฟกลาง ใส่เนยละลาย 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำเนื้อปลาลงทอดโดยเอาส่วนที่เป็นหนังลงก่อน ทอดจนหนังกรอบแล้วจึงกลับด้านทอดพอสุกแล้วตักขึ้นพักไว้
      
       ส่วนไวท์ซอสเริ่มจากนำนมสดไปต้มพร้อมกับกานพลูและหอมหัวใหญ่ซอยจนหอม เปื่อย จากนั้นกรองเอากากออก ให้เหลือแต่นมสดที่ต้มแล้ว พักไว้ก่อน นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยละลาย 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใส่แป้งข้าวโพดผัดพอสุก จากนั้นเทนมที่พักไว้ใส่ลงไป คนให้เข้ากัน ใส่วิปปิ้งครีม เกลือ 1/2 ช้อนชา และพริกไทย 1/2 ช้อนชา พอเดือดอีกครั้งเมไวน์ขาวตามลงไป ปิดไฟ และตักราดเนื้อปลาที่ทอดไว้แล้ว เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่ง แครอท และบล็อกโคลีต้มเพิ่มคุณค่าทางอาหาร แต่หากชอบผักชนิดอื่นก็สามารถปรับเปลี่ยนได้

“นัทเตาปูน” หมูนุ่ม น้ำซุปหอม ยั่วน้ำลาย

บรรยากาศภายในร้าน
       สถานการณ์น้ำท่วมในช่วงนี้ดูจะบรรเทาเบาบางลงบ้างแล้ว เลยทำให้ “ผ่านมาแวะกิน” อยากจะชวนเพื่อนฝูงไปหาของอร่อยกินให้สบายใจเหมือนเดิม ซึ่งในคราวนี้ก็ได้แวะเวียนมาที่ร้าน “นัทเตาปูน” แถวๆ ถ.ประชาชื่น ริมคลองประปา
      
       หากว่าฟังชื่อแล้วนึกไม่ออกว่าร้านนี้ขายอาหารประเภทไหน เราก็ขอเฉลยเลยแล้วกันว่าร้านนี้เขาขายอาหารจำพวกก๋วยเตี๋ยวหมู ทั้งน้ำ ทั้งแห้ง รวมไปจนถึงเกาเหลาเลือดหมู และจุดเด่นที่อยู่คู่กับร้านมาเกือบ 30 ปีแล้ว นั่นก็คือ เนื้อหมูที่นุ่มอร่อยถูกปาก
เกี๊ยวน้ำ
       ถ้าจะมาชิมก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ นั้น ก็ต้องเริ่มต้นกันด้วยการลิ้มรสน้ำซุปที่หอมเตะจมูก ซึ่งที่ร้าน “นัทเตาปูน” ก็มีสูตรเด็ดตรงที่น้ำซุปเคี่ยวจากกระดูกหมูแท้ๆ ปรุงรสเล็กน้อยด้วยเกลือ และพริกไทย แถมยังใส่ใบเตยลงไปต้มด้วยเพื่อเพิ่มความหอม เคี่ยวไป 3-4 ชั่วโมง ก็จะได้น้ำซุปที่กลมกล่อมหอมอร่อย
      
       ส่วนที่บอกว่าจุดเด่นอยู่ที่หมูนุ่มนั้น ทางร้านก็จะเลือกเนื้อหมูมาเป็นพิเศษ นำมาหมักด้วยสูตรเฉพาะ แล้วลวกแค่พอสุก และอีกหนึ่งความอร่อยที่ต้องชิมก็คือ หมูกรอบ ที่จะเลือกใช้เนื้อหมูส่วนคอ นำมาหมัก แล้วชุบแป้งทอด ก่อนจะหั่นเป็นชิ้น
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ
       ได้ทั้งน้ำซุป หมูนุ่ม และหมูกรอบมาแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาลองชิมก๋วยเตี๋ยวกันสักที ชามแรกนี้ขอสั่งเมนูขึ้นชื่อของร้าน ซึ่งก็คือ เกี๊ยวน้ำ (40 บาท พิเศษ 50 บาท) เกี๊ยวน้ำชามนี้ประกอบไปด้วยตัวเกี๊ยวที่ทางร้านทำเอง โดยใช้แป้งเกี๊ยวมาห่อกับไส้ที่ทำจากเนื้อหมูบด หมักรวมกับรากผักชี กระเทียม พริกไทย แล้วปรุงรสเล็กน้อย นำไปลวกให้สุก เสิร์ฟมาในชามพร้อมกับ ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง เกี๊ยวปลา หมูนุ่ม และเครื่องในต่างๆ ทั้งตับ ไส้ หัวใจ เซี่ยงจี้ กระเพาะ และตับเหล็ก (ม้าม) ใส่ผักกาดขาวลวกสุก แถมด้วยเกี๊ยวกรอบก็ยังใส่มาให้ด้วย
      
       ลองชิมเกี๊ยวน้ำชามนี้ต้องบอกว่าอร่อยถูกใจ เริ่มต้นจากน้ำซุปที่หอมหวานกลมกล่อม เกี๊ยวหมูคำโตที่นุ่มได้รสชาติ เครื่องในไม่มีกลิ่นคาว แถมความหวานอร่อยจากผักกาดขาวที่เข้ากันชามนี้ได้เป็นอย่างดี
ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ
       ชามถัดมาขอต่อด้วย ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (30 บาท พิเศษ 40 บาท) ซึ่งก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้จะมีให้เลือกทั้งเส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ เกี้ยมอี๋ บะหมี่ และวุ้นเส้น ส่วนชามนี้เราเลือกมาเป็นบะหมี่ต้มยำ ที่ถูกปรุงรสต้มยำมาให้สีสันจัดจ้าน ใส่ทั้งพริกป่นและถั่วลิสงป่นใหม่ๆ ได้กลิ่นหอม เครื่องเคราที่ใส่มาก็ครบครันทุกอย่าง แถมด้วยหมูกรอบอีกหนึ่งอย่าง ลองชิมแล้วรสชาติต้มยำชามนี้จัดจ้านจี๊ดใจ หมูกรอบก็กรอบนอกนุ่มใน ได้รสชาติพอดี
      
       ส่วนชามนี้ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ (30 บาท พิเศษ 40 บาท) จะใส่หมูนุ่ม หมูกรอบ ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง เกี๊ยวปลา เลือดหมู ปลาหมึกกรอบ ผักบุ้ง และเกี๊ยวกรอบ ลองชิมเย็นตาโฟรสชาติเค็มๆ เปรี้ยวๆ ได้กลิ่นเต้าหู้ยี้ ส่วนลูกชิ้นก็เคี้ยวเด้ง ไม่คาว อร่อยถูกใจ
ก๋วยเตี๋ยวแห้ง
       แถมท้ายด้วยอีกชามที่ ก๋วยเตี๋ยวแห้ง (30 บาท พิเศษ 40 บาท) ที่ใส่เครื่องเครามาครบครัน อร่อยแบบแตกต่างจากก๋วยเตี๋ยวน้ำ แต่ถ้าหากใครไม่ชอบเส้น จะสั่ง เกาเหลาเลือดหมู (40 บาท พิเศษ 50 บาท) มาลองชิมอีกสักหน่อยก็ไม่ผิดกติกา
      
       ใครผ่านไปผ่านมา อยากจะแวะมาดูน้ำแถวคลองประปา ก็แวะมาเติมความอิ่มให้เต็มกระเพาะกันที่ร้าน “นัทเตาปูน” แห่งนี้ ก็จะได้อิ่มอร่อยถูกใจกันไป แต่ร้านนี้ยังมีอีกหนึ่งสาขา บน ถ.กรุงเทพ-นนทบุรี บริเวณตรงข้าม ธ.กสิกรไทย สาขาเตาปูน ให้แวะเวียนไปลองชิมกันได้
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “นัทเตาปูน” ตั้งอยู่ที่ 457/7 ปากซอยประชาชื่น 16 ถ.ประชาชื่น แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม. การเดินทางถ้ามาจากแยกบางโพ ให้ตรงมาทาง ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 จนถึงแยกตัดคลองประปา ให้เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.ประชาชื่น วิ่งตรงมาเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือจะเห็น ซ.ประชาชื่น 16 ร้านจะอยู่บริเวณปากซอยติดริมถนน ใกล้กับสะพานลอย สามารถจอดรถได้ริมถนน ร้านเปิดทุกวัน (หยุดอังคารเว้นอังคาร) เวลา 08.00-15.00 น. โทร. 0-2556-1815 ส่วนอีกหนึ่งสาขาตั้งอยู่ตรงข้าม ธ.กสิกรไทย สาขาเตาปูน โทร. 0-2911-2881

15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพพร้อมรับ “ลมหนาว” / เอมอร คชเสนี

โดย เอมอร คชเสนี 5 พฤศจิกายน 2552 09:50 น.

    
      
       ฤดูหนาวที่กำลังมาเยือนอาจทำให้หลายคนเจ็บไข้ได้ป่วย หรือผิวแห้งแตกลอกได้ง่ายๆ นะคะ วันนี้มีเคล็ดลับดูแลสุขภาพให้คุณพร้อมสู้กับลมหนาวในปีนี้มาฝากค่ะ
       

       1.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้เพียงพอและครบหมู่ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ตรากตรำทำงานหนักจนเกินไป
      
       การรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงจะช่วยให้คุณพร้อมสู้กับโรคภัยไข้ เจ็บที่พบได้บ่อยในฤดูหนาว เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมถึงไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เกรงกันว่าจะระบาดระลอกที่ 2 ด้วย
      
       2.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และยาเสพติดต่างๆ เนื่องจากจะทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรม เท่ากับเพิ่มโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
      
       3.อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงสถานที่ชุมชนที่แออัดยัดเยียด โดยเฉพาะหากมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่
      
       4.ล้างมือบ่อยๆ เพราะอาจไปสัมผัสเชื้อโรคที่ติดอยู่ตามสิ่งของต่างๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มลิฟต์ โทรศัพท์สาธารณะ เป็นต้น
      
       5.หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย และไม่ควรใช้ของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ จานชาม ช้อนส้อม
      
       6.หากป่วยแล้วมีอาการไอหรือจาม ควรมีผ้าปิดปากและจมูก หรือสวมหน้ากากอนามัย
      
       7.ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด อาการจะกำเริบได้ง่ายในฤดูนี้ นอกจากอากาศเย็นที่เป็นสาเหตุโดยตรงแล้ว ก็อาจเนื่องมาจากฤดูหนาวจะมีฝุ่นมาก หรืออากาศหนาวทำให้เราต้องนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ร่วมกันในบ้าน หากแพ้ขน สัตว์ก็จะทำให้อาการกำเริบมากขึ้น หรือการนอนนานๆ ในฤดูหนาวซึ่งมืดเร็วและสว่างช้า ก็เพิ่มโอกาสที่จะทำให้แพ้ตัวไรฝุ่นตามที่นอน หมอน ผ้าห่มได้มากขึ้น ดังนั้นควรระมัดระวังสิ่งกระตุ้นเหล่านี้และรักษาร่างกายให้แข็งแรงเข้าไว้
      
       8.พยายามรักษาร่างกายให้อบอุ่นในช่วงฤดูหนาวหรือช่วงที่อากาศเปลี่ยน แปลง ใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นเหมาะกับฤดูกาล หากอยู่ในที่ที่หนาวมากควรสวมหมวก เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนออกจากร่างกาย
      
       9.การอาบน้ำหลังจากตื่นนอนอาจไม่จำเป็นต้องฟอกสบู่หรือฟอกเพียงบาง จุด หรือหากอยู่ในที่ที่อากาศหนาวมากๆ อาจไม่จำเป็นต้องอาบน้ำวันละสองครั้งตาม ปกติ และไม่ควรอาบน้ำนานๆ
      
       10.ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัดจนเกินไป โดยเฉพาะการล้างหน้า เพราะน้ำอุ่นจะทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหายไป นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีฟองมากๆ เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากผิว และไม่ควรเช็ดถูผิวแรงๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวลอกมากขึ้น
      
       11.ทาโลชั่นบำรุงผิวหลังอาบน้ำขณะที่ตัวยังหมาดๆ จะช่วยป้องกันผิว แห้ง แตก ลอก ในฤดูหนาวได้ และควรทาให้ทั่วร่างกาย ไม่ใช่เฉพาะแขนกับขาเท่านั้น รวมทั้งส่วนที่เรามักไม่ใส่ใจ เช่น เท้า การทาโลชั่นและสวมถุงเท้านอน จะช่วยให้เท้าเนียนนุ่มชุ่มชื้น ลดปัญหาส้นเท้าแตกได้อีกด้วย
      
       ส่วนมือที่แห้งและแตก ก็ควรหมั่นทาครีม หรือโลชั่น เช่นกัน นอกจากจะช่วยให้ความชุ่มชื้นแล้วยังช่วยให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นด้วย สำหรับใครที่มือแห้งมากๆ ลองนวดด้วยน้ำมันมะกอกทิ้งไว้สักพัก ล้างออกด้วยน้ำสบู่ แล้วนวดด้วยครีมทามืออีกครั้ง ไม่ช้าริ้วรอยแห้งแตกก็จะหายไป ส่วนผู้ที่ต้องใช้มือทำงานสัมผัสน้ำอยู่ตลอดเวลา เช่น ล้างจาน ซักผ้า ช่วงหน้าหนาวจะยิ่งรู้สึกแสบมือมาก อาจมีอาการบวมแดงและแตกได้ ควรป้องกันด้วยการสวมถุงมือยางกันน้ำ
      
       12.ริมฝีปากที่แห้งแตกก็ควรได้รับการบำรุงและปกป้องเช่นกัน สมัยนี้มีลิปมัน ลิปบาล์ม ให้เลือกใช้มากมาย รวมทั้งชนิด For Men ของคุณผู้ชายด้วย สำหรับผู้ชายที่รู้สึกเขินเวลาใช้ลิปแท่ง อาจเลือกซื้อชนิดตลับไว้พกติดตัวก็ได้ ที่สำคัญ ไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อยๆ เพราะจะยิ่งทำให้ปากแห้งแตกมากขึ้น
      
       13.ในช่วงหน้าหนาวไม่จำเป็นต้องสระผมบ่อยๆ เช่นกัน และใช้แชมพูในปริมาณน้อยๆ ก็เพียงพอแล้ว เพราะจะทำให้เส้นผมแห้งแตกปลายได้ง่าย และยังทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไปจนเกิดรังแคได้อีกด้วย สำหรับผมที่แห้งมาก การเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมที่เหมาะสำหรับผมแห้งจะช่วยได้ หลังการสระผมอาจใช้น้ำมันบำรุงเส้นผมทาเคลือบที่ปลายผมบางๆ เพื่อลดไฟฟ้าสถิต ช่วยให้ผมไม่ฟู
      
       14.บำรุงร่างกายภายนอกกันแล้ว ก็อย่าลืมบำรุงร่างกายให้ชุ่มชื้นจากภายในด้วย โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยเฉพาะน้ำอุ่นซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของคุณอุ่นขึ้น นอกจากนี้ควรรับประทานผักผลไม้สดให้มากด้วย เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นจากภายใน
      
       15.การเลือกซื้อเสื้อกันหนาวก็สำคัญค่ะ บางคนเลือกซื้อเสื้อกันหนาวมือสอง เนื่องจากมีราคาถูก แต่ก็อาจนำเชื้อโรคต่างๆ ติดมาด้วย ควรเลือกให้ดี อย่าให้มีรอยด่างดำและรอยคราบสารคัดหลั่งต่างๆ หรือกลิ่นอับชื้นติดอยู่ เพราะอาจทำให้ติดเชื้อโรคได้ เช่น โรคผิวหนัง โรคติดเชื้อ เชื้อรา หรือโรคทางเดินหายใจต่างๆ ก่อนนำไปสวมใส่ควรต้มในน้ำเดือด และซักให้สะอาด แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้งสนิท
      
       แม้แต่เสื้อกันหนาวใหม่ๆ ก็ควรนำไปซักแล้วตากแดดก่อนนำไปสวมใส่เช่นกัน เพราะในเนื้อผ้าอาจมีสารเคมีที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังหรือโรคทางเดินหายใจ ต่างๆ ได้เช่นกัน
      
       15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาวทั้งหมดที่กล่าวมา คงจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมรับลมหนาวที่กำลังมาเยือนค่ะ