“สเต็กแซลมอนไวท์ซอส” อิ่มเบาๆ เต็มคุณค่า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กันยายน 2554 21:56 น.
โดย : กุ๊กเล็ก


       ช่วงนี้ “กุ๊กเล็ก” รู้สึกว่าอยากจะกินอะไรเบาๆ เพื่อไม่ให้กระเพาะทำงานหนักมากนัก แต่ก็ยังอยากได้สารอาหารที่ครบถ้วนอยู่ ก็เลยลองเสาะอาเมนูเด็ดมาทำกินเองที่บ้าน ซึ่งก็คือเมนู “สเต็กแซลมอนไวท์ซอส” ที่ได้ประโยชน์ทั้งจากเนื้อปลาและผักเครื่องเคียงต่างๆ
      
       ส่วนผสม
       เนื้อปลาแซลมอน ชิ้นละประมาณ 150 - 200 กรัม
       เกลือป่น 1 ช้อนชา
       พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
       เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
       นมสด 1 ถ้วย
       หอมหัวใหญ่ซอย 1/4 ถ้วย
       กานพลู 3-4 ดอก
       วิปปิ้งครีม 1 ช้อนโต๊ะ
       แป้งข้าวโพด 1/2 ช้อนชา
       ไวน์ขาว 1 ช้อนโต๊ะ
       มันฝรั่ง แครอท บล็อกโคลี หรือผักเครื่องเคียงอื่นๆ
      
       วิธีทำ เริ่มจากล้างปลาแซลมอนให้สะอาดแล้วผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ โรยเกลือ 1/2 ช้อนชา และพริกไทย 1/2 ช้อนชา ลงบนเนื้อปลาให้ทั่วทั้ง 2 ด้าน นำกระทั้งตั้งไฟกลาง ใส่เนยละลาย 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำเนื้อปลาลงทอดโดยเอาส่วนที่เป็นหนังลงก่อน ทอดจนหนังกรอบแล้วจึงกลับด้านทอดพอสุกแล้วตักขึ้นพักไว้
      
       ส่วนไวท์ซอสเริ่มจากนำนมสดไปต้มพร้อมกับกานพลูและหอมหัวใหญ่ซอยจนหอม เปื่อย จากนั้นกรองเอากากออก ให้เหลือแต่นมสดที่ต้มแล้ว พักไว้ก่อน นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยละลาย 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใส่แป้งข้าวโพดผัดพอสุก จากนั้นเทนมที่พักไว้ใส่ลงไป คนให้เข้ากัน ใส่วิปปิ้งครีม เกลือ 1/2 ช้อนชา และพริกไทย 1/2 ช้อนชา พอเดือดอีกครั้งเมไวน์ขาวตามลงไป ปิดไฟ และตักราดเนื้อปลาที่ทอดไว้แล้ว เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่ง แครอท และบล็อกโคลีต้มเพิ่มคุณค่าทางอาหาร แต่หากชอบผักชนิดอื่นก็สามารถปรับเปลี่ยนได้

“สุธัญทิพย์” อร่อยแบบเจ รสไม่จำเจ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กันยายน 2554 14:24 น.

บรรยากาศภายในร้าน
       ใกล้ถึงช่วงเทศกาลกินเจแบบนี้ หลายๆ คนคงกำลังมองหาร้านขายอาหารเจที่สามารถไปเลือกกินกันได้อย่างหลากหลาย มีเมนูมากมายให้ไปลองลิ้มชิมรสกัน “ผ่านมาแวะกิน” ก็มีอยู่ร้านหนึ่งมานำเสนอเพื่อให้เป็นตัวเลือกกับนักกินทั้งหลาย จะได้ไปกินกันในช่วงถือศีลกินผักนี้
      
       ร้านที่ว่านี้มีชื่อว่า “สุธัญทิพย์” ที่เป็นร้านอาหารเจแท้ๆ เปิดขายอาหารเจกันทั้งปี เน้นที่การบริการ และความสะอาดของอาหาร ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ปรุงเมนูเจทั้งหลายบางส่วนก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อให้ได้ความหลากหลายของรสชาติในเมนูต่างๆ นอกจากนี้บรรยากาศภายในร้านก็ยังดูสะอาดตา โปร่งโล่งสบาย น่ามานั่งเสียเหลือเกิน
ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน
       เมื่อมานั่งในร้านแล้ว เราก็ลองเปิดดูเมนูที่หลากหลายของทางร้าน ซึ่งก็มีอยู่กว่า 100 เมนู เลยลองเลือกมาชิมกันเสียหน่อย เริ่มจาก ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน (เริ่มต้นที่ 35 บาท) เป็นเมนูที่ใช้ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่มาห่อกับไส้ที่ใส่มาอย่างหลากหลาย ทั้งเต้าหู้ถั่วเหลือง แฮมเทียม ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง และแครอท กินคู่กับน้ำจิ้มรสเข้มข้นที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเอง เรียกว่าเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่อร่อยโดนใจ กินแล้วหอมกลิ่นสมุนไพร
เต้าหู้บล็อกโคลีราดซีอิ้วญี่ปุ่น
       ต่อกันด้วย เต้าหู้บล็อกโคลีราดซีอิ๊วญี่ปุ่น (80 บาท) เมนูนี้ใช้เต้าหู้ถั่วเหลือง มาทอด แล้วราดด้วยน้ำแดงที่ปรุงจากซีอิ้วญี่ปุ่น ผัดใส่กับปูอัดเจ เห็ดเข็มทอง และเห็ดหอม เสิร์ฟพร้อมกับผักบล็อกโคลีลวกสุก ลองชิมเมนูนี้แล้วรสชาติกลมกล่อมหอมอร่อย เต้าหู้ทอดเข้ากับน้ำแดงเป็นอย่างดี
ส้มตำไทย
       จานต่อมาลองชิมอาหารไทยๆ กันบ้างกับ ส้มตำไทย (35 บาท) หน้าตาเหมือนกับส้มตำไทยปกติ เพียงแต่ไม่ใส่กระเทียม กุ้งแห้ง และน้ำปลา เปลี่ยนไปใส่ซีอิ้วแทน แต่รสชาตินั้นก็ยังจัดจ้านคงเดิม แทบจะไม่รู้เลยว่าจานนี้เป็นอาหารเจ
ผัดโหงวก้วย
       ส่วนเมนู ผัดโหงวก้วย (120-250 บาท) จานนี้เป็นอาหารจีนที่ใช้เกาลัด เผือก แปะก๊วย พุทราจีน แห้ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเนื้อไก่เทียม มาผัดรวมกันปรุงรสเล็กน้อย โรยด้วยใบลิ้นมังกรทอดกรอบ จานนี้รสชาติออกจีนๆ กลมกล่อม เคี้ยวมัน
แกงฟักเขียว
       เมนูถัดมาคือ แกงฟักเขียว (60 บาท) ที่เป็นแกงกะทิแบบไทยๆ ใช้เครื่องแกงที่เป็นเจ ใส่เนื้อฟัก ใส่เนื้อไก่เทียม ปรุงรสชาติเล็กน้อย ลองชิมแล้วเนื้อไก่เทียมนุ่มดี กะทิหอมมัน เครื่องแกงเข้มข้น กินกับข้าวสวยสักจานก็อร่อยเพลินไปเลย
      
       ขอต่ออีกสักเมนูที่ แกงเผ็ดเป็ดย่าง (60 บาท) ถ้วยนี้ก็ใช้เนื้อเป็ดเทียม ใส่มะเขือเทศ มะเขือพวง ใช้เครื่องแกงเผ็ดแบบไทยๆ ทำให้รสชาติหอมมันเข้มข้น
แกงเผ็ดเป็ดย่าง
       แต่ถ้ายังไม่อิ่มดีก็มาปิดท้ายกันด้วย หมูสะเต๊ะ (ชุดละ 45 บาท) ที่จะใช้แผ่นโปรตีนมาหมักแล้วทำไปทอด ส่วนตัวน้ำจิ้มนั้นก็เป็นสูตรเด็ดของทางร้านที่ไม่ใส่กระเทียม แต่ออกมาเข้มข้นกลมกล่อม ส่วนเมื่อลองชิมเนื้อหมูสะเต๊ะที่ทำจากแผ่นโปรตีนก็ได้รสชาติกำลังดี เนื้อนุ่ม กินคู่กับน้ำจิ้ม และอาจาดรสออกเปรี้ยวนำ
      
       เมนูเจอร่อยๆ ก็ยังมีให้เลือกชิมกันอีกมาก อาทิ ลาบเป็ด (60 บาท) ก๋วยเตี๋ยวหลอด (40 บาท) ถั่วแปดเซียน (35 บาท) ทอดมันปลาผัดฉ่า (80 บาท) เห็ดออรินจิคลุกแป้งขนมปัง (60-100 บาท) ปลาหิมะราดพริก (70 บาท) เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนที่กินเจหรือไม่ได้กินเจ ก็มาอิ่มอร่อยแบบนี้ได้ที่ร้าน “สุธัญทิพย์” แห่งนี้เลย
หมูสะเต๊ะ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “สุธัญทิพย์” ตั้ง อยู่ที่ 1022/34-36 ถ.เจริญนคร ซอย 36 แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน กทม. การเดินทางจากวงเวียนใหญ่ให้วิ่งมาทางถนนลาดหญ้า แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเจริญนคร วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนถึงเจริญนคร ซอย 36 สังเกตทางซ้ายมือจะเห็นร้านตั้งอยู่ริมถนน ใกล้กับธนาคารกสิกรไทย สามารถจอดรถได้บริเวณหน้าร้าน ร้านเปิดวันพุธ-จันทร์ (หยุดวันอังคาร) เวลา 10.00-21.30 น. โทร. 0-2862-4238

“ธรรมเกิดทรัพย์” อิ่มท้องอิ่มใจในเมนูเจรสเด็ด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กันยายน 2554 15:02 น.
บรรยากาศบนชั้นสองของร้าน
       การทำบุญสุนทานนั้น นอกจากจะเข้าวัดเข้าวา ทำจิตใจให้บริสุทธิ์แล้ว อีกส่วนหนึ่งก็สามารถทำได้โดยการไม่เบียดเบียนคนอื่นอีกด้วย ซึ่งในช่วงเทศกาลกินเจที่กำลังจะมาถึงนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่คนเราได้ลดละการ เบียดเบียนสัตว์ต่างๆ ที่จะต้องมาเป็นอาหาร
      
       “ตระเวนกิน” ก็อยากจะทำบุญกับเขาด้วยเหมือนกัน เลยเลือกมากินอาหารเจในมื้อนี้ที่ร้าน “ธรรมเกิดทรัพย์” ร้านขายอาหารเจที่เปิดขายกันตลอดทั้งปีมากว่า 20 ปีแล้ว ขายอาหารที่เป็นเจครบถ้วนทุกอย่าง ซึ่งก็มีทั้งอาหารไทยและอาหารจีน มีเมนูให้เลือกชิมเกือบร้อยเมนู โดยที่ทางร้านคิดค้นสูตรขึ้นมาเอง นอกจากจะมีอาหารเจขายแล้ว ที่ร้านก็ยังมีอาหารปกติขายด้วย แต่สำหรับอาหารธรรมดากับอาหารเจนั้นก็จะแยกส่วนปรุงและภาชนะกันอย่างชัดเจน
น้ำตกขาหมู
       วัตถุดิบที่นำมาใช้ทำอาหารเจนั้นก็จะเป็นถั่วเหลืองที่แปรรูปมาใน หลายรูปแบบให้เข้ากับเมนูต่างๆ โดยปกติแล้วลูกค้าก็มาเลือกสั่งกันได้ตามเมนู แต่ในช่วงเทศกาลเจก็จะมีความพิเศษตรงที่ทางร้านจะทำอาหารเป็นหม้อๆ มาเปิดขายตักใส่ถุงกันที่หน้าร้านด้วย
      
       เราเปิดดูเมนูก็นึกอยากลองชิมของจริงขึ้นมาทันที เลยสั่ง น้ำตกขาหมู (80 บาท) มาลองชิมเสียหน่อย เห็นชื่อน้ำตกก็คาดว่าจะต้องเป็นเมนูแซ่บๆ แน่นอน ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาด เพราะปรุงออกมาได้รสชาติจัดจ้านถึงใจ โดยใช้ถั่วเหลืองสำเร็จรูปที่หน้าตาเหมือนขาหมูมาลวกให้สุก แล้วนำไปยำแบบครบเครื่องน้ำตก เมนูนี้ยกมาแล้วจะหอมกลิ่นข้าวคั่ว ชิมเนื้อขาหมูก็เคี้ยวเด้งอร่อยดี
หมูกระเทียม
       ส่วนเมนู หมูกระเทียม (80 บาท) ที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้าน ที่ใครมาก็ต้องสั่งมาลองลิ้มกัน จานนี้ใช้ถั่วเหลืองสำเร็จรูปที่ทำมาเป็นเนื้อหมู นำมาหมักเล็กน้อยแล้วทอดไปพร้อมกับกระเทียมที่ทำมาจากหัวไชโป๊ว เสิร์ฟมาร้อนๆ นึกว่าเป็นหมูกระเทียมของจริง เพราะได้กลิ่นหอม รสชาติก็ออกเค็มๆ และหวานน้อยๆ จากหัวไชโป๊ว
ปลารมควัน
       แล้วมาชิม ปลารมควัน (100 บาท) ที่ใช้ถั่วเหลืองสำเร็จรูปทำเลียนแบบเนื้อปลาลวกสุก แต่หนังด้านนอกนำไปรมควัน เสิร์ฟมาพร้อมกับแตงกวาและมะเขือเทศ กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดที่ไม่ได้ใส่กระเทียมกับน้ำปลา แต่เมื่อลองชิมแล้วรสชาติจัดจ้านจี๊ดจ๊าด ส่วนเนื้อปลาก็ได้กลิ่นรมควันหอมๆ เนื้อนุ่มเด้งอร่อย
      
       ต่อกันด้วย ปลาหิมะนึ่งบ๊วย (200 บาท) ใช้ถั่วเหลืองสำเร็จรูปที่ทำมาเป็นเนื้อปลาหิมะแบบมีลายก้าง นำมานึ่งกับขิง เห็ดหอม หมูเจ ปรุงรสชาติ แล้วใส่บ๊วย ลองชิมแล้วเนื้อปลาหวานนุ่ม หอมขิง ได้รสชาติความเปรี้ยวและเค็มเล็กน้อยจากบ๊วย
ปลาหิมะนึ่งบ๊วย
       ยำปลาดุกฟู (80 บาท) เมนูนี้ก็น่าลองชิม ทางร้านใช้ถั่วเขียวกับสาหร่ายนำมาสับให้ละเอียดแล้วทอดกรอบ ออกมาหน้าตาเหมือนปลาดุกฟูจริงๆ กินคู่กับน้ำยำมะม่วง ชิมเนื้อปลาดุกฟูก็กรอบฟูอร่อย เข้ากันกับน้ำยำรสเปรี้ยวจากมะม่วง
      
       ปิดท้ายความอิ่มอร่อยกันด้วยเมนู ยำสาวตาหวาน (80 บาท) ที่เป็นผักบุ้งชุบแป้งทอดกรอบ กินกับน้ำยำที่ทำมาเหมือนสลัด มีเครื่องยำเป็นปลาหมึกที่ทำจากหัวบุก หมูแดงเจ และกุ้งเจ ชิมแล้วผักบุ้งกรอบดี น้ำยำข้นๆ หอมๆ รสชาติกลมกล่อม
ยำปลาดุกฟู
       เมนูที่ลองชิมไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของความอร่อย ยังมีเมนูแนะนำที่น่าลองชิมอีกหลากหลาย อาทิ ยำปลากระป๋อง (80 บาท) ซีฟู้ดอบวุ้นเส้น (80 บาท) ไก่ผัดเม็ดมะม่วง (80 บาท) ปลาสำลีแดดเดียว (80 บาท) โป๊ะแตก (80 บาท) เป็นต้น ที่เชิญชวนกันให้มาลองลิ้มกันได้ที่ร้าน “ธรรมเกิดทรัพย์”
      
       ซึ่งนอกจากการไม่เบียดเบียนด้วยการไม่กินเนื้อสัตว์แล้ว เราก็ควรทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส รักษาศีล เพื่อให้ได้อิ่มบุญกันถ้วนหน้าในช่วงเทศกาลเจนี้
ยำสาวตาหวาน
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “ธรรมเกิดทรัพย์” ตั้งอยู่ที่ 216 ปากซอยเพชรเกษม 32 แขวงปากคลอง เขตภาษีเจริญ กทม. การเดินทางถ้ามาจากแยกท่าพระ ให้วิ่งตรงมาที่ถนนเพชรเกษม วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นซอยเพชรเกษม 32 อยู่ทางขวามือ ให้ตรงไปกลับรถด้านหน้า แล้ววิ่งย้อนกลับมาที่ซอยเพชรเกษม 32 จะเห็นร้านธรรมเกิดทรัพย์อยู่ที่ปากซอยติดถนนใหญ่ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน สามารถจอดรถได้บริเวณด้านหลังร้านและด้านข้าง ร้านเปิดทุกวัน (หยุดเฉพาะวันที่ 16-17 ของเดือน) เวลา 09.00-21.00 น. โทร. 0-2467-3113, 0-2457-4381, 08-6781-9748, 08-6069-3501

อิ่มประหยัด ก๋วยเตี๋ยว 5 บาท “กำไรคนกรุง”...กำไรคนกิน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 สิงหาคม 2554 13:15 น.
บรรยากาศด้านหน้าร้าน
       ทุกวันนี้ข้าวของแต่ละอย่างก็ล้วนแต่ขึ้นราคากันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของใช้ อย่างร้านอาหารก็ต้องปรับราคาขึ้นกันทั้งนั้น เนื่องด้วยวัตถุดิบที่มีราคาสูงขึ้นทุกอย่าง แต่ถ้าหากแวะมาที่ร้าน “กำไรคนกรุง” แห่งนี้ ซึ่ง “ผ่านมาแวะกิน” ได้ไปลิ้มลองมา ก็จะได้กินอาหารรสชาติดี ในราคาสมเหตุสมผล
      
       ร้าน “กำไรคนกรุง” เป็นที่รู้จักในนาม “ก๋วยเตี๋ยว 5 บาท” เนื่องมาจากที่ร้านนี้ขายก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกในราคาชามละ 5 บาท โดยคุณไตรพล นาคสมบูรณ์ เจ้าของร้าน บอกว่า ร้านนี้เกิดขึ้นมาจากช่วงที่ตัวเองกำลังลำบาก มีเงินน้อย ก็ไม่พอจะซื้ออะไรกิน และคิดไว้ว่า ถ้ามีเงินขึ้นมาจะทำอาหารที่มีคุณภาพดีแต่ราคาถูกให้คนได้กินบ้าง จนกระทั่งในวันหนึ่งก็เลยเกิดร้านนี้ขึ้นมาเพื่อให้เป็นกำไรสำหรับคน เมืองกรุง
ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก
       สำหรับก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่ นอกจากจะน่ามาลองชิมด้วยราคาที่แสนถูกแล้ว ก็ยังอุดมไปด้วยความอร่อย ที่เริ่มต้นจากการต้มน้ำซุปจากกระดูกหมูและสมุนไพรสูตรพิเศษ ส่วนเส้นก๋วยเตี๋ยวก็จะมีให้เลือกทั้งเส้นใหญ่ เส้นเล็ก และเส้นหมี่ ซึ่งในก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 บาทนี้ก็จะใส่ทั้งเส้น เนื้อหมู ที่ทำมาจากสะโพกหมูนำมาหมักแล้วลวกให้สุก และยังมีลูกชิ้นหมูคุณภาพดี โดยปรุงกับแบบไม่ใส่ผงชูรส ลองชิมแล้วก็ต้องบอกว่าอร่อยถูกปากแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม และหากว่าใครอยากจะกินแบบชามใหญ่ๆ ก็มีให้เลือกสั่งเป็นชามละ 25 บาท และ 30 บาท อีกด้วย
หมูย่างเสือใหญ่
       นอกจากเมนูก๋วยเตี๋ยวแล้ว ก็ยังมีของกินประเภทอื่นให้ลองชิมกันอีกด้วย เริ่มที่เมนู หมูย่างเสือใหญ่ (ไม้ละ 5 บาท) ที่จะเลือกใช้เนื้อหมูมาหมักกับเครื่องเทศและเครื่องปรุงต่างๆ จากนั้นก็นำไปย่างจนสุกกำลังดี ลองชิมตอนร้อนๆ เนื้อหมูนุ่ม รสชาติกลมกล่อม หอมอร่อย
      
       มีหมูย่างก็ต้องมาชิมเมนูนี้ หมูตกครก (45 บาท) ซึ่งเป็นส้มตำไทยที่ตำมาแบบจัดจ้านแต่ไม่เผ็ดมากนัก และยังใส่เนื้อหมูย่างหั่นเป็นชิ้น ตะไคร้ซอย ข้าวคั่ว และโหระพา ลงไปตำให้เข้ากัน ลองชิมหมูตกครกจานนี้แล้วอร่อยเข้ากันดี ได้รสชาติทั้งส้มตำผสมกับหมูย่าง และเครื่องสมุนไพรอื่นๆ
หมูตกครก
       ส่วนเมนูกินเล่นก็มีให้ลองชิมเช่นกัน อย่างเมนู ปอเปี๊ยะทอดปากเซ (50 บาท) ซึ่งเป็นสูตรจากเมืองปากเซ แต่เอามาประยุกต์ให้มีชิ้นเล็กลงขนาดพอดีคำ โดยใช้แป้งเกี๊ยวอิสลามมาห่อกับไส้ธัญพืชผสมกับกุ้งแห้ง และไข่เจียว ห่อเรียบร้อยแล้วก็นำไปทอดให้เหลืองกรอบ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มหวานที่ทางร้านเคี่ยวเอง ชิมแล้วปอเปี๊ยะกรอบนอกนุ่มใน กินคู่กับใบโหระพาก็ยิ่งเข้ากัน
      
       และอีกเมนู ไก่ทอดสมุนไพร (50 บาท) ที่จะใช้สะโพกไก่มาหมักกับเครื่องสมุนไพรไทย จากนั้นก็ชุบแป้งทอด กินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วที่ทางร้านปรุงให้ออกรสชาติหวาน เนื้อไก่ชิมแล้วกรอบนอกนุ่มใน หอมสมุนไพร
ปอเปี๊ยะทอดปากเซ
       ส่วนเมนูอื่นๆ ของทางร้านก็ยังมีให้ลองชิมอีก อย่างเช่น ส้มตำเขยฝรั่ง (35 บาท) ยำลูกชิ้น (35 บาท) น้ำตกหมู (35 บาท) หรือจะสั่งลูกชิ้นหมูอร่อยๆ กลับไปกินที่บ้านก็ได้ (ลูกชิ้น 50 ลูก 60 บาท) ซึ่งนอกจากจะมาอร่อยกันที่นี่แล้ว ร้าน “กำไรคนกรุง” ก็ ยังมีอีก 2 สาขา ที่กำลังจะเปิดด้วย คือ สาขาตรงข้ามกับพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน และสาขาด้านหลังสถานีขนส่งหมอชิต ซึ่งจะขายเฉพาะข้าวแกง หากใครผ่านไปผ่านมาใกล้สาขาไหน ก็แวะเวียนไปลองลิ้มรสชาติความอร่อยในราคาสบายกระเป๋ากันได้เลย
ไก่ทอดสมุนไพร
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “กำไรคนกรุง” ตั้งอยู่ในซอยติวานนท์ 41 ถ.ติวานนท์ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี การเดินทางถ้ามาจากถนนงามวงศ์วาน ให้ตรงมาจนถึงแยกแคราย แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนติวานนท์ วิ่งตรงมาเรื่อยๆ ผ่านสามแยกสนามบินน้ำ ให้สังเกตซ้ายมือจะเห็นโรงงานโตชิบ้า ให้ชิดซ้าย แล้วเลี้ยวเข้าซอยติวานนท์ 41 ตรงมาจนเจอแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยไปเล็กน้อยจะเห็นร้านอยู่ทางขวามือ สามารถจอดรถได้บริเวณหน้าร้าน ร้านเปิดวันพฤหัสบดี-วันอังคาร (หยุดทุกวันพุธ) เวลา 09.00-16.00 น. โทร.08-1123-1345

“ยูซุปโภชนา” ราชาข้าวหมก เลิศรสหลากเมนู

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 สิงหาคม 2554 13:39 น.
บรรยากาศที่นั่งภายในร้าน
       จู่ๆ “ผ่านมาแวะกิน” ก็เกิดอยากจะไปลิ้มลองอาหารอิสลามขึ้นมา ก็เลยลองเสาะหาร้านอร่อยๆ ที่เดินทางไปกินกันได้ง่ายๆ มาสนองปากตัวเอง จนได้มาเจอกับร้าน “ยูซุปโภชนา” ซึ่ง ไปกันได้สะดวก เพราะอยู่เพียงแค่บนถนนเกษตร-นวมินทร์ นี่เอง แถมยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาข้าวหมกอีกด้วย แบบนี้ก็ต้องตามไปลองชิมกันเสียหน่อย
      
       ร้าน “ยูซุปโภชนา” เปิดที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ มาได้ 9 ปีแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นก็เปิดขายตามงานต่างๆ เพียงอย่างเดียว โดยสูตรอาหารของทางร้านก็จะเป็นสูตรของอิสลามขนานแท้ ซึ่งจะเป็นสูตรเฉพาะที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาเอง ส่วนเครื่องเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะนำเข้ามาจากประเทศอียิปต์ ทำให้ได้รสชาติและกลิ่นที่โดนใจ แต่หากว่าใครไม่สะดวกจะมาที่สาขานี้ ก็ยังมีอีกหนึ่งสาขาตั้งอยู่บนถนนกิ่งแก้ว-สุวรรณภูมิ ให้แวะเวียนกันไปได้
ข้าวหมกไก่
       เมื่อมาถึงที่ร้าน แน่นอนว่าก็ต้องลองชิมข้าวหมกที่เป็นจานเด่น ซึ่งเราขอเลือก ข้าวหมกไก่ (40 บาท) ที่จะเน้นหนักกันที่เครื่องเทศทั้งจากอียิปต์และไทย โดยใช้ข้าวหอมมะลิเก่ามาลวก ก่อนจะผสมกับส่วนผสมต่างๆ ให้ได้ข้าวออกมาเป็นสามสี คือ สีเหลือง สีส้ม และสีขาวของข้าว จากนั้นก็นำไปหุงรวมกับแครอท ถั่วลันเตาและถั่วดาล เนื้อไก่ก็จะนำไปผัดกับเครื่องเทศและตุ๋นจนไก่สุกและรสชาติเข้าเนื้อ ส่วนน้ำจิ้มก็จะใช้สมุนไพรต่างๆ หลายชนิด และปรุงให้ออกรสชาติเปรี้ยวหวาน ลองชิมจานนี้แล้วต้องบอกว่าอร่อยถูกปาก ข้าวเป็นเม็ดร่วนแต่ไม่แข็ง ไก่เนื้อนุ่มเปื่อย เข้ากับน้ำจิ้มเปรี้ยวๆ หวานๆ เป็นอย่างดี
ซุปหางวัว
       เมนูถัดมา ขอซดน้ำซุปให้คล่องคอกับ ซุปหางวัว (75 บาท) เมนูนี้ความเข้มข้นจะอยู่ที่น้ำซุป ซึ่งปรุงด้วยเครื่องเทศไทยๆ ผสมกับหอมใหญ่และมะเขือเทศ ทำให้ได้รสชาติมากยิ่งขึ้น ส่วนหางวัวก็เลือกสรรมาเป็นอย่างดี ล้างให้สะอาดและต้มกับสมุนไพรอยู่หลายรอบจนเปื่อยและไม่มีกลิ่น เวลายกมาเสิร์ฟนั้นทาร้านก็จะปรุงรสชาติมาให้ด้วยการโรยหอมเจียว พริกขี้หนูสวน และบีบมะนาว ลองชิมแล้วก็จัดจ้านเข้มข้นจริงๆ มีทั้งรสเปรี้ยวเค็มเผ็ด ถูกใจคนชอบรสจัด แต่หากใครกลัวรสจัดเกินไปก็บอกทางร้านได้เลย
มะตะบะไก่
       ต่อกันด้วย มะตะบะไก่ (35 บาท) ที่ทางร้านจะใช้แป้งที่ตีขึ้นเอง ส่วนไส้ในจะใช้เนื้อไก่มาสับแล้วผัดรวมกับหอมใหญ่ ต้นหอม ไข่ไก่ และเครื่องเทศต่างๆ จนสุก จากนั้นก็นำแป้งที่เตรียมไว้มาห่อและนำลงไปทอด เสิร์ฟพร้อมกับอาจาดที่กินแล้วเข้ากันดี รสชาติมะตะบะแป้งนุ่ม ไส้รสกลมกล่อมหอมเครื่องเทศ
      
       ส่วนเมนูนี้ สลัดแขก (30 บาท) ก็มาเอาใจคนชอบกินผัก ซึ่งจะใช้ผักสดทั้งผักกาดหอม แตงกวา มะเขือเทศ หอมใหญ่ นอกจากนี้ก็ยังใส่เต้าหู้ ไข่ไก่ต้ม และมันทอด ราดด้วยน้ำสลัดที่ทำจากถั่วและนมสด ซึ่งชิมแล้วรสชาติจะออกเปรี้ยวๆ หวานๆ มันๆ หอมถั่ว
สลัดแขก
       อีกเมนูที่น่าลองชิมก็คือ มัสมั่นเนื้อโรตี (67 บาท) ที่ในส่วนของมัสมั่นนั้นจะนำเนื้อมาตุ๋นกับสมุนไพรให้เปื่อยแล้วค่อยนำมาแกง กับเครื่องแกงมัสมั่นที่ทางร้านทำขึ้นเอง จากนั้นก็เคี่ยวจนเข้าเนื้อ และยังใส่มันเทศลงไปด้วย เสิร์ฟมากับโรตีสูตรพิเศษของทางร้าน ที่เป็นโรตีนุ่ม ทอดกันใหม่ๆ ชิมแล้วมัสมั่นเนื้อนุ่มเปื่อยได้รสชาติเข้มข้น โรตีเนื้อนุ่ม ไม่มัน หอมอร่อย
มัสมั่นเนื้อโรตี
       ตบท้ายกันด้วย ก๋วยเตี๋ยวแกง (35 บาท) ที่มีให้เลือกทั้งไก่และเนื้อ มีทั้งเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ บะหมี่ น้ำแกงได้มาจากกะทิปรุงกับเครื่องแกงและเคี่ยวจนได้ที่ ส่วนเครื่องต่างๆ ที่ใส่มาก็มีทั้งเต้าหู้ หอมเจียว หัวไชโป๊ว ถั่วป่น และไข่ต้ม รสชาติน้ำแกงจะออกหอมๆ มันๆ กินแล้วอร่อยเพลิน
      
       แต่ถ้าใครยังไม่อิ่มหนำ ทางร้านก็ยังมีเมนูให้เลือกอีกหลากหลาย อย่างเช่น ข้าวเนื้ออบ (40 บาท) ข้าวราดกุรุหม่าไก่ (55 บาท) ซุปเนื้อ (60 บาท) มะตะบะปลา (35 บาท) โรตีนมน้ำตาล (15 บาท) เป็นต้น ซึ่งเมนูอาหารอิสลามอร่อยๆ แบบนี้ก็มาชิมกันได้ที่ร้าน “ยูซุปโภชนา”
ก๋วยเตี๋ยวแกง
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “ยูซุปโภชนา” ตั้งอยู่ที่ 151 ถ.ประเสริฐมนูกิจ แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กทม. การเดินทางจากแยกเกษตร วิ่งตรงไปยัง ถ.เกษตร-นวมินทร์ (ถ.ประเสริฐมนูกิจ) สังเกตตอม่อทางขวามือจนถึงตอม่อที่ 97 ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือติดถนน สามารถจอดรถได้บริเวณริมถนน และมีที่จอดรถด้านหลังร้าน (เข้าทางซอยหมู่บ้านกลางเมือง) ร้านเปิดทุกวัน (หยุดวันจันทร์และอังคาร สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน) เวลา 08.00-15.00 น. โทร. 08-1659-6588 ส่วนอีกสาขา ตั้งอยู่ที่ ถ.กิ่งแก้ว-สุวรรณภูมิ เยื้องปั๊มน้ำมันบางจาก โทร. 08-5136-2864