"เฌอแตม พอเพียงฯ" อร่อยเกินเพียงพอ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กุมภาพันธ์ 2553 17:07 น.
บรรยากาศภายในร้านเฌอแตม พอเพียง ฟู้ดเฮ้าส์
       ใกล้ถึงวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์แล้ว บรรดาคนมีคู่ก็เริ่มหาสถานที่โรแมนติกหรือร้านอาหารบรรยากาศดีๆ พาคนรักไปนั่งกินอาหารอร่อยๆ แต่ใครที่ยังหาไม่ได้ มื้อนี้ "ตระเวนกิน" มีร้านอาหารชื่อหวานโรแมนติก "เฌอแตม พอเพียง ฟู้ดเฮ้าส์" ย่าน วังหลัง ถนนอรุณอัมรินทร์ มาแนะนำกัน ด้วยบรรยากาศของร้านที่เป็นห้องแอร์นั่งสบาย แถมยังมีห้องคาราโอเกะให้บริการ ที่สำคัญคืออาหารรสชาติดีถูกปาก จนอยากจะบอกรักเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า "เฌอแตม" กับคนที่พาไปเลยทีเดียว
ภายในห้องคาราโอเกะ VIP
       ที่ร้าน “เฌอแตม พอเพียง ฟู้ดเฮ้าส์” นี้เป็นร้านอาหารที่มีบริการทั้งอาหารไทย จีน และญี่ปุ่น แต่จะเน้นอาหารไทยและอาหารจีนเป็นพิเศษ มีเมนูอาหารให้เลือกมากมายนับ 100 เมนู โดยเมนูอาหารส่วนใหญ่ทางทางร้านจะคิดค้นขึ้นมาเอง เพื่อเป็นอาหารจานเด็ดจานเฉพาะที่ไม่ซ้ำแบบใคร
ราดหน้าเจ้าสัว
       เริ่มกันที่เมนูอาหารจีนอย่าง "ราดหน้าเจ้าสัว" (จานใหญ่ 200 บาท) ราดหน้าสูตรฮ่องกง ที่ทางร้านจะนำเส้นใหญ่ไปเหยา หรือทอดในกระทะให้เส้นสุกกรอบเหมือนแป้งโรตี ส่วนน้ำราดหน้าปรุงด้วยเครื่องปรุงจากฮ่องกงอย่างพิถีพิถันจนได้น้ำราดหน้า ใสๆ เหนียวข้นกำลังดี ตักเส้นเข้าปากได้สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน ผสมกับน้ำราดหน้ารสกลมกล่อมไม่ต้องปรุงเพิ่ม พร้อมกับเครื่องที่ใส่มาแบบไม่อั้น ทั้งปลาเก๋าเนื้อนุ่มหวานสด หมึกชิ้นโตเคี้ยวเต็มปากเต็มคำ กุ้งสดกรอบหวาน เห็ดหอม และเอ็นหมูที่ตุ๋นจนนิ่มเคี้ยวนุ่มกรุบปาก และยังมีผักคะน้าสดกรอบชิ้นโตให้เคี้ยวกันอีกด้วย
ปลากะพงทอดราด 3 รส
       จานต่อมายังคงเป็นสไตล์จีน "ปลากะพงทอดราด 3 รส" (270 บาท) เป็นปลากะพงสดๆ ตัวโตที่ทางร้านนำมาทอดกรอบแล้วราดด้วยน้ำราด 3 รส ซึ่งเป็นสูตรเด็ดของทางร้าน อีกทั้งยังมีพริก 3 สี และสับปะรดช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารจานนี้ กินปลากะพงสดหวาน ชุ่มรสชาติน้ำราดที่เข้มข้นออก 3 รส เปรี้ยว หวาน เค็ม เจือรสเผ็ดนิดๆ และหอมกลิ่นเต้าเจี้ยวอ่อนๆ
สลัดผลไม้กุ้งกรอบ
       ส่วน "สลัดผลไม้กุ้งกรอบ" (จานเล็ก 90 บาท จานใหญ่ 170 บาท) เป็นสลัดผลไม้ที่มีทั้งแคนตาลูป แอปเปิ้ลฟูจิ มะละกอสุก และชมพู่ทับทิม แถมยังมีกุ้งแชบ๊วยที่ทางร้านนำมาหมักกับเครื่องปรุง ก่อนจะนำไปชุบแป้งปรุงรส และทอดจนเหลืองกรอบ กินคู่กับน้ำสลัดน้ำข้นสูตรเฉพาะของทางร้านที่ราดมาบนผลไม้และกุ้ง กินสลัดผลไม้กุ้งกรอบแล้วสัมผัสได้ถึงความสดกรอบของผลไม้ต่างๆ และกุ้งที่กรอบนอกนุ่มใน เข้ากันดีกับน้ำสลัดที่หอมหวาน
กุ้งซอสมะขาม
       มาถึงเมนูแบบไทยๆ กันบ้าง กับ "กุ้งซอสมะขาม" (190 บาท) ที่นำกุ้งแม่น้ำสดๆ ปอกเปลือกทอดกรอบ ราดด้วยน้ำซอสมะขามสูตรเด็ดของทางร้าน โรยหน้าด้วยหอมเจียวกับพริกทอด กินกุ้งเนื้อหวานสดชุ่มด้วยน้ำซอสมะขามออกรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ถูกปากดีไม่น้อย
หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีสกระเทียมราดซอสสไปซี่
       ชิมอาหารจีนและไทยไปแล้ว ลองชิมเมนูอาหารญี่ปุ่นกันบ้าง กับ "หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีสกระเทียมราดซอสสไปซี่" (150 บาท) เป็นหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวโตที่ด้านบนโปะมาด้วยเครื่องเทศกระเทียมที่ปรุง รสชาติแล้ว โรยด้วยชีสมอซซาเรลล่า แล้วจึงนำไปเข้าเตาอบจนสุก เวลาเสิร์ฟราดด้วยมายองเนสสูตรสไปซี่ของทางร้าน กินหอยแมลงภู่เนื้อแน่นหวานสดเคี้ยวเต็มปากเต็มคำ และสัมผัสได้ถึงชีสที่หอมนุ่มยืด บวกกับได้รสชาติเผ็ดนิดๆ
สลัดไข่กุ้ง
       มาถึงเมนูสุดท้ายของมื้อนี้คือ "สลัดไข่กุ้ง" (99 บาท) เป็นสลัดที่มีผักกาดแก้ว แตงกวา มะเขือเทศ ราดด้วยน้ำสลัดน้ำข้นของทางร้าน แล้วโรยหน้าด้วยไข่กุ้งสีส้มสวย ตักสลัดผักเข้าปากเคี้ยวผักกาดแก้วใบสดกรอบ เข้ากับน้ำสลัดเข้มข้นออกเปรี้ยวนิดๆ ส่วนไข่กุ้งเคี้ยวมันกรุบๆ ปากดี
      
       นอกจากนี้ทางร้านเฌอแตม พอเพียง ฟู้ดเฮ้าส์ ยังมีเมนูแนะนำอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ราดหน้าซีฟู้ดสูตรฮ่องกง (69/ 170 บาท) ออส่วนสเปเชี่ยล (150 บาท) ปลากะพงทอดราดน้ำปลา (260 บาท) ซี่โครงอ่อนคั่วกลิ้ง (80 บาท) ข้าวตังหน้าตั้ง (90 บาท) และเอ็นหมูต้มแซบ (90/150 บาท) เลือกสั่งเมนูไหนก็อร่อยไม่เคยพอ จนต้องสั่งเพิ่มอีกหลายๆ จานเลยทีเดียว
ร้าน "เฌอแตม พอเพียง ฟู้ดเฮ้าส์" ตั้งอยู่ที่ 835/1-5 ถ.อรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กทม. การเดินทางถ้ามาจากสนามหลวง ข้ามสะพานปิ่นเกล้ามาแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายที่แยกอรุณอัมรินทร์ ขึ้นสะพานอรุณอัมรินทร์ลงมาเจอแยกศิริราช แล้วให้วิ่งตรงตามถนนอรุณอัมรินทร์มาก็จะเห็นร้านเฌอแตมฯ ตั้งอยู่ทางขวามือ มีที่จอดรถด้านใน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.30-23.00 น. สอบถามโทร.0-2866-2411, 0-2866-1833 ทางร้านรับจัดงานเลี้ยง และบริการรับจัดโต๊ะจีน บุฟเฟต์ ค็อกเทลตามงานต่างๆ ด้วย สนใจติดต่อโทร.08-1933-0699 และในเดือนมี.ค. กำลังจะเปิดร้านใหม่อีก 1 ร้านชื่อว่า โรงเหล้า เฌอแตม ตั้งอยู่ที่เชียงรากน้อย ใกล้กับ ม.ธรรมศาสตร์รังสิตและ ม.กรุงเทพฯ

"Spice Cafe" ร้านเก๋ อาหารเลิศ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2553 11:26 น.
บรรยากาศภายในร้าน Spice Cafe
       ดูเหมือนว่าธรรมชาติจะเกิดอาการแปรปรวนเสียเหลือเกิน เพราะว่าที่จริงแล้วช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงฤดูหนาว ที่น่าจะมีอากาศเย็นสบาย แต่ว่าบางวันอากาศร้อนระยับ ส่วนบางวันกลับมีฝนตกโปรยปรายเฉยเลย อย่างว่าล่ะเรื่องของธรรมชาติเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ จะไปกะเกณฑ์คาดเดาอะไรได้ยากลำบาก ไม่เหมือนเรื่องกินๆ ของเรา ที่ยังไง้ยังไง "ตระเวนกิน" ก็ยังแน่วแน่ไม่ปรวนแปร ยังคงไปเสาะแสวงหาร้านอาหารอร่อยๆ มานำเสนอให้แก่มิตรรักนักกินทุกคน ได้ตามไปลองลิ้มกันอยู่เหมือนเดิมแบบไม่เปลี่ยนแปลง (แค่เปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆ )
โต๊ะนั่งด้านนอกรับลมธรรมชาติ
       และในมื้อนี้เราก็มีร้านอาหารดีๆ ที่มีอาหารเลิศรสอันชวนกินมาแนะนำเหมือนเช่นเคย โดยขอพามาที่ร้าน "Spice Cafe" เป็นร้านอาหารเก๋ๆ ที่มีบรรยากาศร้านแบบหลากหลายอันชวนนั่งแบบสบายๆ ภายในร้านจัดแบบโปร่งโล่ง มีโต๊ะเก้าอี้ไม้ และมุมโซฟาให้เลือกนั่งได้ตามใจ แถมยังมีหนังสือให้หยิบอ่านได้ตามสบาย และถ้าใครชอบเล่นอินเตอร์เน็ต ก็ยังมีWi-Fi บริการฟรีด้วย ส่วนบนชั้น 2 ของร้านจัดเป็นโต๊ะนั่งรองรับแบบมาปาร์ตี้สังสรรค์กันได้ และถ้าใครชอบนั่งรับลมธรรมชาติเย็นๆ ก็มีโซนด้านหน้าร้านที่สามารถนั่งสูบบุหรี่ได้ด้วย หรือถ้าใครเป็นคอนักดื่มเครื่องดื่มน้ำสีอำพัน ก็ยังมีโซนลานเบียร์ด้านนอกให้นั่งจิบเบียร์เย็นๆ เคล้าสายลมเย็นสบาย ที่มานั่งกันได้ตั้งแต่ 17.30-23.00 น. และยังมีวงดนตรีมาเล่นเพลงเพราะๆ สไตล์โฟคซองค์ให้ฟังในทุกค่ำคืนวันพฤหัส, ศุกร์, เสาร์ เวลา 20.00-22.00 น.
      
       เมื่อมีบรรยกาาศที่ดีที่เหมาะแก่การนั่งกินแบบสบายอารมณ์แล้ว ก็ย่อมจะต้องมีอาหารรสดีมาให้อิ่มเอมควบคู่ไปกันด้วย ซึ่งอาหารของที่นี่เน้นขายเป็นอาหารไทยและอาหารยุโรป มีอาหารจีนบ้างนิดหน่อย สำหรับเมนูอาหารที่ชวนกินของที่นี่นั้นมีมากมายเป็น 100 รายการได้ แต่ครั้นจะให้แนะนำหมดก็คงจะไม่ไหว เอาเป็นว่าขอเลือกนำเสนอบรรดาเมนูจานเด่นของที่นี่ ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ติดใจในรสชาติและนิยมสั่งมากินกันก็แล้วกัน
กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา
       เริ่มจากอาหารเมนูเด็ดจานแรก กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา (85 บาท) ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเมนูธรรมดาๆ แต่ขอบอกว่ารสชาติไม่ได้ธรรมดาอย่างหน้าตาเลย เพราะทางร้านคัดเลือกกะหล่ำปลีสีเขียวอย่างดี นำมาหมักกับเครื่องปรุง แล้วจึงนำไปหั่นแล้วลงทอด จากนั้นจึงเอามาผัดกับน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส และเครื่องปรุงต่างๆ ผัดมาแบบไม่แห้งมีน้ำนิดหน่อย ชิมแล้วโดนใจตรงที่กะหล่ำปลีมีความสดกรอบ เนื้อในหวานนุ่มชุ่มน้ำที่ผัดปรุงรสชาติมาออกเค็มๆ หวานๆ กินเปล่าๆ ก็อร่อยถูกปาก หรือกินกับข้าวสวยก็อร่อยไม่ยิ่งหย่อนกัน
ส้มตำปลาดุกฟู
       ถัดมาเป็นเมนู ส้มตำปลาดุกฟู (105 บาท) ที่ทางร้านนำเอาส้มตำไทย ที่ตำมาแบบครบเครื่องส้มตำไทย และตำได้รสชาติกลมกล่อมออก 3 รส เปรี้ยว หวาน เผ็ด มาให้กินคู่กับปลาดุกฟูที่ทางร้านใช้เนื้อปลาดุกฟูที่นึ่งจนสุกแล้ว เอาสับและยีผสมกับเกล็ดขนมปัง แล้วทอดแบบไฟแรงๆ ทำให้ปลาดุกฟูของที่นี่กรอบนอกนุ่มใน เคี้ยวแล้วร่วนปาก กินคู่กับส้มตำไทยเป็นอะไรที่เข้ากันดีนักเชียว
ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว
       ตามมาชิมกันต่อด้วยเมนูนี้ ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว (250 บาท) ที่ถ้าใครชอบกินปลาขอบอกว่าเมนูนี้ไม่ควรพลาดสั่งมากินกัน เพราะทางร้านเลือกใช้ปลากะพงขาวสดๆ เอามานึ่งกับเครื่องเทศไทย แล้วก็เลาะก้างออกด้วย แล้วก็ทำน้ำซีอิ๊ว ที่เลือกใช้ซีอิ๊วอย่างดีผัดปรุงรสชาติใส่เห็ดหอม ขิง พริกชี้ฟ้า ต้นหอม ผักชี แล้วราดมาบนตัวปลา เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ จุดไฟด้วย กินแล้วต้องขอยกนิ้วให้ในความสดและหวานของเนื้อปลากะพง แถมไร้ก้างกินสบาย น้ำซีอิ๊วก็หอมออกรสเค็มๆ หวานๆ ถูกปากดี
ผักโขมอบชีส
       สลับรสชาติจากอาหารไทยมาชิมอาหารยุโรปกันบ้าง ผักโขมอบชีส (125 บาท) เมนูนี้เป็นการนำเอาผักโขมสดเอาแต่ใบมาลวกให้สุก แล้วนำมาผัดกับเครื่องปรุงต่างๆ ใส่แป้งสาลี นมสด และวิปปิ้งครีมด้วย พร้อมกับใส่แฮมและเห็ดฟาง และนำมอซซาเรล่าชีสมาโรยหน้าแล้วเข้าเตาอบจนสุกเกรียม เสิร์ฟมาร้อนๆ หอมกลิ่นชีสเตะจมูก กินแล้วชีสนุ่มหนืดยืดมากๆ รสชาติผักโขมออกรสนุ่มละมุนกลมกล่อม
สปาเก็ตตี้ครีมแฮมเห็ด
       จากนั้นมากินเมนูเส้นๆ อย่าง สปาเก็ตตี้ครีมแฮมเห็ด (105 บาท) เป็นเส้นสปาเก็ตตี้นำมาผัดคลุกเคล้ากับวิปปิ้งครีม นมสด และใส่แฮมกับเห็ดฟาง ปรุงรสชาติตามสูตรเด็ดเน้นใส่พริกไทยดำ ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากเส้นนุ่มเหนียว ออกรสเนียนนุ่มวิปปิ้งครีมและนม และเข้มข้นรสพริกไทยดำที่ใส่มาด้วย
สเต็กพอร์กช็อป
       แล้วจานต่อมาเป็นเมนูสเต็ก ชื่อว่า สเต็กพอร์กช็อป (195 บาท) ที่ถ้าใครชอบกินสเต็กเป็นต้องโดนใจ กับสเต็กหมูชิ้นใหญ่ ที่ทางร้านเลือกนำเอาเนื้อหมูส่วนทีโบนติดกระดูกมาหมักกับสมุนไพรฝรั่ง หลายอย่าง แล้วนำมากริลล์จนสุกได้ที่ และราดด้วยน้ำเกรวี่บราวน์ซอส เสิร์ฟพร้อมพริก 3 สี และเฟรนช์ฟราย หั่นชิ้นเนื้อสเต็กส่งเข้าปากเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปาก ได้รสชาติเครื่องหมักสมุนไพร และชุ่มน้ำเกรวี่ที่ออกหวานนิดๆ
Choco-Banana Spring Rolls
       แนะนำเมนูของคาวไปแล้ว จะขาดของหวานไปได้อย่างไร ที่นี่มีเมนูของหวานที่ขึ้นชื่อชวนกิน คือ Choco-Banana Spring Rolls (85 บาท) เป็นเมนูของหวานที่ทางร้านคิดขึ้นมาเอง โดยนำเอาแผ่นแป้งปอเปี๊ยะมาห่อด้วยกล้วยหอม ช็อคโกแลต และพาเมซานชีส แล้วห่อม้วนรวมกัน นำไปทอดจนเหลืองกรอบ แล้วราดด้วยน้ำผึ้ง น้ำตาลไอซ์ซิ่ง และซอสช็อคโกแลต กินแล้วแผ่นแป้งกรอบนอกแต่เนื้อในนุ่ม หอมหวานกล้วยและช็อคโกแลต และหวานหอมยิ่งขึ้นด้วยน้ำผึ้งที่ราดมา
      
       และนอกจากเมนูของคาวและของหวานที่ได้แนะนำไปแล้วนี้ ก็ยังมีเมนูจานเด่นอื่นๆ ที่น่าลองลิ้มอีกเพียบ อาทิ ปีกไก่ทอด (95 บาท) ปอเปี๊ยะกุ้งทอด (75 บาท) ไก่ซอสส้ม (95 บาท) ลาบเป็ด (95 บาท) เครปกล้วยหอม (65 บาท) กล้วยหอมทอด (65 บาท) และอีกหลายหลายเมนูที่ล้วนแล้วแต่ชวนให้มาลองลิ้มแบบอิ่มสบายๆ ที่ร้าน "Spice Cafe"
 ร้าน "Spice Cafe" (สไปซ์ คาเฟ่) ตั้งอยู่ที่ The Curve Neighborhood Center 248 ซ.อ่อนนุช17 แยก 6 แขวง/เขต สวนหลวง กทม. การเดินทางสามารถมาได้ 2 ทาง คือ อ่อนนุช เข้าทาง สุขุมวิท 77 แล้วเลี้ยวเข้า ซ.อ่อนนุช 17 โค้งแรก อยู่ในโครงการ The Curve Neighborhood Center และทางพัฒนาการ เข้าทาง พัฒนาการ 30 หรือ 20 มาออกทางลัดอ่อนนุช ลงสะพานข้าม คลองพระโขนง แล้วจะเห็นอยู่ทางโค้ง มีที่จอดรถสะดวกสบาย เปิดจันทร์-ศุกร์ 10.00-14.30 และ 17.00-23.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 10.00-23.00 น. ถ้ามาศุกร์-อาทิตย์ ควรโทร.มาจองโต๊ะก่อนจะดี โทร. 0-2331-4344, 08-3083-0900 ทางร้านมีโปรโมชั่นถ้าทานครบ 500 บาทขึ้นไป จะได้รับของหวานฟรี 1 ที่
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000018667

"PATIO" โชว์รสเด็ด อาหารนานาชาติ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2553 11:56 น.
บรรยากาศร้านพาทิโอ
       หากนักกินท่านใด เกิดนึกอยากกินทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่งเศส อาหารอิตาเลียน อาหารเม็กซิกัน และอีกหลากหลายอาหารนานาชาติในคราเดียวกัน ขอบอกว่าเป็นได้สมใจปากท้องกันแน่ เพราะว่า "ตระเวนกิน" จะขอพามิตรรักนักกินทุกคนเดินทางตรงไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน นั่นคือการไปฝากท้องอิ่มกับอาหารนานาชาติกันยังร้าน “PATIO” (พาทิโอ) ที่ตั้งอยู่ตรงชั้น G ห้างอิเซตัน
      
       เหตุผลที่เราเลือกพามาอิ่มท้องกันที่นี่ ก็เพราะด้วยความที่ร้าน PATIOแห่งนี้ เป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศอันรื่นรมย์ ตกแต่งร้านมีสไตล์แบบคลาสสิค โต๊ะเก้าอี้นั่งทำจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ ดูโมเดริน์สมัยใหม่และแฝงไว้ด้วยความอบอุ่นแบบเป็นกันเอง เหมาะที่จะชวนกันมานั่งกินข้าวอย่างสบายอารมณ์
พายสตูไก่
       พร้อมกับจะได้ลิ้มรสอาหารนานาชนิดที่ชวนกิน ซึ่งมีทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ ในรูปแบบ Home-style International Cuisine ที่ทางร้านคิดค้นสูตรขึ้นมาเองโดยเฉพาะ และทำการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และปรุงแต่งอย่างพิถีพิถันมาเป็นเมนูอาหารจานเด็ดประจำร้าน ที่ล้วนแล้วแต่มีหน้าตาและรสชาติที่น่าลองลิ้มชิมรสมากมาย
      
       อย่างเมนูเด่นๆ ที่เราได้ลองสั่งมากินแล้วโดนใจ และอยากนำเสนอให้ได้ลองชิมกันบ้างก็มีอยู่หลายจาน โดยจะขอนำเสนอแบบทีจะจานก็แล้วกัน เริ่มจากจานแรก มีชื่อว่า พายสตูไก่ (95 บาท) ตัวพายเป็นแป้งสูตรพิเศษของทางร้านและสอดไส้ด้วยสตูไก่รสเด็ดสูตรเฉพาะของ ทางร้านเช่นกัน นำเข้าเตาอบเสิร์ฟมาร้อนๆ ลิ้มรสเนื้อพายนุ่มเหมือนจะละลายในปาก ผสานกับได้รสชาติของสตูไก่รสกลมกล่อมเข้ากับเนื้อพาย
ไก่เอสคาลอปซอสดิจอง
       จานต่อมาเป็นเมนูพิเศษที่มีให้ชิมเฉพาะช่วงนี้ คือ ไก่เอสคาลอปซอสดิจอง (235 บาท) เป็นอกไก่เนื้อล้วนๆ นำมาย่างในกระทะที่ผัดเบคอนไว้และย่างจนไก่นุ่มสุกได้ที่ แล้วจึงนำเนื้อไก่มาผัดกับน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ที่มีส่วนผสมของหอมใหญ่ น้ำสต็อกไก่ และดิจองมัสตาร์ด พร้อมกับใส่ไวน์ลงไปด้วยนิดหน่อย ชิมรสชาติไก่เนื้อนุ่มชุ่มรสชาติซอสออกเค็มนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ และได้กลิ่นของดิจองมัสตาร์ดขึ้นจมูกเวลากินด้วย
ซี่โครงแกะย่างและผักโขมผัดเนยกระเทียม
       เมนูถัดมาใครที่ชอบกินเนื้อแกะเป็นต้องโดนใจกับเมนูนี้ ซี่โครงแกะย่างและผักโขมผัดเนยกระเทียม (325 บาท) ทางร้านคัดเลือกซี่โครงแกะอย่างดีจากนิวซีแลนด์ เอามาหมักกับเครื่องเทศฝรั่งนานกว่า 3-4 ชม. จนเครื่องเทศซึมถึงเนื้อในซี่โครงแกะ แล้วจึงนำมาย่างบนกระทะจนสุกพอดีพร้อกมับราดด้วยน้ำเกรวี่สูตรพิเศษ และยังมีผักโขมสดผัดกับน้ำมันมะกอกปรุงรสด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน กับมะเขือเทศย่างมาให้กินเคียงกับซี่โครงแกะด้วย ลิ้มรสรสชาติซี่โครงแกะเนื้อนุ่มเคี้ยวหนึบหนับปาก ชุ่มด้วยรสชาติน้ำเกรวี่รสเข้มข้นกลมกล่อม แถมไม่มีกลิ่นสาปของแกะให้ระคายจมูกเลย
สลัดร็อคเก็ตและขาเป็ดอบกรอบ
       ตามมาด้วยเมนูขึ้นชื่อประจำร้านที่มีชื่อว่า สลัดร็อคเก็ตและขาเป็ดอบกรอบ (280 บาท) เป็นขาเป็ดที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดี นำมาผ่านกระบวนการตุ๋นในน้ำมันสไตล์ฝรั่งเศส ที่ใส่เครื่องเทศกว่า 10 อย่าง ตุ๋นรวมกับขาเป็ดจนนุ่มได้ที่ แล้วจึงนำมาทอดให้ขาเป็ดหนังกรอบเนื้อในนุ่ม แล้วราดด้วยซอสส้มสูตรเด็ดเฉพาะของทางร้าน และเสิร์ฟมาพร้อมกับสลัดผักร็อคเก็ต ราดน้ำสลัดบาซามิค โรยหน้าด้วยพาเมซานชีส และมะเขือเทศเชอร์รี่อบใส่น้ำมันมะกอก กินแล้วถูกปากตรงที่ขาเป็ดหนังกรอบเนื้อนุ่มไม่เหม็นกลิ่นสาปเป็ด และได้รสชาติของซอสส้มที่ออกหวานหอมอมรสเปรี้ยวนิดๆ กินเคียงกับสลัดผักร็อคเก็ตเข้าคู่กันดี
ปลาย่างกับข้าวผัดน้ำพริกตะไคร้
       กินเมนูเนื้อๆ มา 2 จานติดแล้ว มากินเมนูจานเส้นอย่าง แองเจิลแฮร์ผัดเนื้อปูและกุ้ง (250 บาท) กันบ้าง เป็นพาสต้าแองเจิลแฮร์เส้นเล็กๆ เอามาผัดกับกระเทียม น้ำมันมะกอก ไวน์ขาว เกลือ พริกไทย และซอสมะเขือเทศสดที่ทางร้านทำเองขึ้นมาเป็นพิเศษ พร้อมกับใส่เนื้อปู กุ้ง พริกแห้งทอด และใบโหระพา ม้วนเส้นแองเจิลแฮร์ส่งเข้าปากสัมผัสได้ถึงความเหนียวนุ่มของเส้นพาสต้ากิน เข้ากันดีกับปูและกุ้ง ออกรสซอสกลมกล่อม และเผ็ดลิ้นนิดๆ
แองเจิลแฮร์ผัดเนื้อปูและกุ้ง
       จากนั้นมากินอีกหนึ่งเมนูพิเศษที่มีให้ลิ้มรสเฉพาะช่วงนี้ คือ ปลาย่างกับข้าวผัดน้ำพริกตะไคร้ (185 บาท) เป็นเมนูไทยๆ ที่นำเอาข้าวหอมมะลิมาผัดกับน้ำพริกตะไคร้ที่ทางร้านโขลงเอง และเสิร์ฟมาพร้อมกับปลาบาซะย่างกับขมิ้น กินแล้วข้าวผัดน้ำพริกรสเด็ดเผ็ดโดนใจ หอมกลิ่นตะไคร้โชยขึ้นจมูก ส่วนเนื้อปลาก็นุ่มหอมกลิ่นขมิ้นอ่อนๆ
เครปซูเซทซอสส้มและไอศกรีม
       เมื่อได้ลองลิ้มอาหารคาวไปหลายอย่างแล้ว ก็ยังอยากให้เหลือพื้นที่ในกระเพาะมาชิมของหวานกันด้วย มีชื่อว่า เครปซูเซทซอสส้มและไอศกรีม (165 บาท) เป็นแป้งเครปสูตรฝรั่งเศสแบบบางนุ่ม ราดด้วยซอสส้มสูตรเด็ดของทางร้าน และเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมรสวนิลา ชิมเครปแป้งบางนิ่มนุ่มลิ้น ฉ่ำรสซอสส้มเปรี้ยวๆ อมหวาน กินคู่กับไอศกรีมวนิลาเย็นๆ เป็นอะไรที่เข้ากันดี
มุมโต๊ะนั่งสบายๆ
       และนอกจากเมนูจานเด็ดที่เอ่ยแนะนำมานี้แล้ว ก็ยังมีอาหารจานเด่นอื่นๆ ที่น่าลองลิ้มอีก อาทิ ข้าวผัดกากหมูกับแซลมอนนึ่งมะนาว (185 บาท) นัชโช่ชีสและซัลซ่า (155 บาท) สปาเก็ตตี้โหระพาปลาสลิด (185 บาท) สลัดเต้าหู้ย่างและสาหร่ายญี่ปุ่น (180 บาท) ซี่โครงแกะย่างคาเฟ่เดอปารีส (395 บาท) และอีกหลากหลายเมนูอาหารนานาชาติ ซึ่งจะมีเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนมาให้ลองลิ้มกันทุก 3 เดือน ให้ได้เลือกอิ่มหนำกันได้ตามใจปากที่ร้าน 'PATIO"
"PATIO" (พาทิโอ) สาขาอิเซตัน ตั้งอยู่ที่ชั้น G ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ถ.ราชดำริ เขตปทุมวัน กทม. เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. โทร. 0-2255-9810 และยังมีอีก 2 สาขาคือ สาขานวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว ชั้น G โทร. 0-2907-3094-5และสาขา ออลซีซั่น ชั้น 2 โทร. 0-2685-3855-6 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.patiofood.com
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000026536