Mini review: ร้าน Piri Piri ไก่ย่าง @ Paragon

Mini review: ร้าน Piri Piri ไก่ย่าง @ Paragon
credit  komtat  bloggang.com
ไปทานมาเมื่อวานซืนนี้เอง พอดีมีเวลาไม่เยอะ....หาร้านที่คนน้อยหน่อยตอนเที่ยง ก็ยากหน่อยนะ

มาเจอร้านนนี้ คนอาจจะน้อยกว่าร้านอื่น และเดินผ่านหน้าตาดูดีด้วย แอบดูจานคนอื่นที่นั่งอยู่ในร้าน
สั่งมาแค่ 2 จานค่ะ
พนักงานแนะนำไก่ย่างค่ะ
มาแค่ 2 คนเลย.....สั่งแค่ครึ่งตัว จานใหญ่พอควรเลยค่ะ
อร่อยดีนะค่ะ ทางร้านมีซอสทานกับไก่ด้วย.....เผ็ดอย่างแรงเลยค่ะ กินไปกินมาก็งงว่าเผ็ดอะไรน่ะ
อุปกรณ์การกินมาก่อนเลยค่ะ


จานแรกก็มาถึง


แล้วก็มาซูมๆ ไก่....อร่อยดีค่ะ ไก่นุ่มๆ แต่บางส่วนก็เหนียวๆ หน่อย


จาน ต่อไปก็เป็นอาหารเส้น...สปาเก๊ตตี้ไส้กรอกอิตาลี.... จานนี้เค้าใส่พริกด้วยนะ ไม่รู้ว่าสูตรของประเทศไหน เข้าใจว่าจานนี้ก็ทำให้เผ็ดอีกนั่นแหล่ะ


และก็โรยชีสซะหน่อย...


แค่นี้กินสองคนก็อิ่มแล้วววววว


มื้อนี้ประมาณ 53x บาทค่ะ

พาไปชิมอาหารใต้ที่ ทองหล่อซอย 5 ร้าน คั่วกลิ้ง+ผักสด

พาไปชิมอาหารใต้ที่ ทองหล่อซอย 5 ร้าน คั่วกลิ้ง+ผักสด
credit  อยู่เพื่อกิน bloggang.com

อะฮ้า ตัวผมจริงๆ ไม่ชอบอาหารจีนเท่าไหร่แต่มีแต่เพื่อนๆแซวว่าผมทานอาาหารจีนบ่อยมาก
คือ ผมก็ชอบอาหารจีนอะนะ แต่ไม่ค่อยชอบอาหารจีนแบบปกติ เท่าไหร่ ผมว่าร้าน อาหารจีนส่วนใหญ่มันน่าเบื่อนะ ถ้าช่วงผมมีเวลา ผมก็เลยพยายามจะทานไอ้ที่มันแปลกๆ ออกมาหน่อย

เอาล่ะบ่นกันพอแล้ววันนี้ มาทานอาหารไทยกันดูมั่ง

ตัวร้านอยู่ในซอยทองหล่อ 5 เลี้ยวเข้ามาจากทางทองหล่อแล้วเลี้ยวขวาซอยแรกเลย
จะเห็นป้ายร้านสีเหลืองอยู่ครับ



ภายในร้านดูเล็กๆ กระทัดรัดดี ผมว่ามีโต๊ะอาหารไม่เกิน 15 โต๊ะ นะครับ


บรรยากาศในร้านตกแต่งน่ารักดี เอาตู้เก่ามาใช้เยอะมาก


อ่าตอนแรกเพื่อนๆผมทานน้ำเปล่า
แต่ตัวผมลองสั่งพวกน้ำ ตะไคร้ ใบเตย มา โอเคเลยครับ หอมกลิ่นใบเตย ไม่หวานมาก


น้ำมะตูม ก็อร่อย หอม


มาลองจานแรกอาหารพื้นๆกันก่อนเลย

ข้าวยำ


พอใช้ครับ มีข้อชมนิดนึงว่าความเค็มของน้ำวูดู ที่นี่จะเค็มแบบเนียนๆ ไม่จัดนะครับ แต่พวกเครื่องเครา ยังไม่ถึงขั้นเท่าไหร่



อันนี้ผิดสูตรอาหารใต้นิดหน่อย หมูกรอบผัดกระเพรา รสชาดผ่านครับ


อันนี้แกงเขียวผัดหมู



ปลาทอดขมึ้น อันนี้ผมชอบนะ แต่ปลาตัวเล็กมาก น้ำตาแทบไหลเลย


อ่ะลืมพวกผักสดแฮะ



แกงปูใบชะพลู เนื้อปูเป็นชิ้นๆ ดี แกงออกรสขมนิด



แกงไตปลา คนที่ชอบทานแกงไตปลาเค้าบอกว่าแหล่มแซป ดี แต่ผมเฉยๆนะ


สะตอผัดหมูกรอบ ผมว่าจานนี้ไม่เวิรค์อะ รสหวานนำผมไม่ชอบ
แต่พอสั่งสะตอผัดกุ้งจานนี้ จะออกรสเผ็ดนำ ทำมาได้ดีกว่าผัดหมูกรอบ


หมูผัดกะปิ ใช้ได้ครับเค็มๆแต่ไม่ค่อยรู้รสกะปิเท่าไหร่


ไข่เจียวใบโหระพา


แกงเหลืองปลา



อะมาของหวานกันมั่ง
เฉาก๊วย เหมือนใช้ของ ชากังลาว แต่เพื่อนผมบอกว่าดอนเมือง ก็เหนียวหนืดดี


กระท้อนลอยแก้ว




มีบางจานผมไม่ได้ ถ่ายรูปมาคือ ปลาสลิดทอด เครื่องดืมบางแก้ว


ผมไปทานกัน ห้า คน ขนาดไม่เบรคแตกราคาก็ตามที่เห็นนะครับ
บทสรุปร้านนี้ ผมว่าถ้าอยากทานอาหารใต้ แล้วอยู่แถวนี้ก็ลองมาทานได้
ข้อตึง เมนูอาหารมีน้อย เมนูมี 2 หน้าเอง อาหารมีราคาแพง
ข้อดีมั่ง เครื่องดื่มรสชาดดีแทบทุกอัน ผมชอบ น้ำตะไคร้ใบเตย, น้ำมะตูม
โดยรวมอาหารร้านนี้จะเผ็ดแซ่ปแน่นอน
อาหารทุกจานก็ผ่านนะครับแต่ไม่มีจานไหนที่เด่นล้ำ

ก็ลองไปทานกันดูละกันครับแล้วมาแชร์ความเห็นกันก็ได้ครับ



ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ

IN the mood for LOVE: Sushi Bar & Bistro

IN the mood for LOVE: Sushi Bar & Bistro
credit  Holly   bloggang.com


IN the mood for LOVE: Sushi Bar & Bistro
ที่ตั้ง : 9/9 ซอยสุขุมวิท 36 (ใกล้ BTS ทองหล่อ) ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
โทร : 0-2661-5076
เปิดบริการ : 17.30 - 24.00 น. (หยุดวันจันทร์)
พิกัด GPS : 13.723764,100.577317
เว็บไซต์ : http://www.facebook.com/InTheMood.Bangkok

วันนี้เพิ่งได้ไปลองทานอาหารที่ In the Mood for Love เป็นครั้งแรก..
อาหารที่นี่เป็นประมาณ Japanese fusion food คล้ายๆ กับร้าน Isao
(Isao อยู่ในซอยสุขุมวิท 31).. เมนูอาหารและราคาก็ใกล้ๆ กันด้วย
แต่ฉันว่า In the Mood for Love คุ้มค่ากว่าทั้งปริมาณ และบรรยากาศภายในร้าน

ถ้าเข้าจากปากซอยสุขุมวิท 36 ร้านจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ
มีป้ายให้เห็นชัดเจน.. จอดรถได้ข้างๆร้าน แต่ถ้าที่จอดรถตรงนี้เต็ม..
ให้ขับเลยไป แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยนภาศัพท์ 2..
ไปจอดรถที่ลานจอดรถของโรงเรียนนานาชาติทรินิตี้
(พิกัด GPS : 13.722706,100.57441)
จะมีรถบักกี้ของร้านคอยรับ-ส่ง

.
.
.


บรรยากาศภายในร้าน
การตกแต่งเป็นแบบ Romantic Erotic..
ไม่แน่ใจว่าเป็นแบบไหน เค้าบอกมาอีกที ^^
เท่าที่รู้ก็คือ "สวย"








สแน็คให้เราทานระหว่างที่รออาหาร
ถั่วลิสง ถั่วปากอ้าและแป้งกรอบๆ







appertizer เป็น complimentary จากทางร้าน
น่าจะเป็นจำพวกหอยสักอย่าง กับ
sesame oil dressing








มื้อนี้เราสั่งอาหารกันแค่สองอย่าง
คุณสามีสั่งจานนี้ "175 Degree"
spicy tuna, avocado, cream cheese..
ทอดแบบเทมปุระ ไม่มีข้าว







ส่วนเราสั่งจานนี้ "C4"
ปลาไหลย่าง, mozzarella cheese, แตงกวา,
แซลมอน, tempura flakes
ไม่แน่ใจว่าทอดด้วยหรือเปล่า
ซูชิกรอบๆ ราดด้วยซอสหวานๆ แบบเดียวกับที่ราดบนข้าวหน้าปลาไหล
แต่ไม่เห็นมี mozzarella cheese ตรงไหน..
หรือว่าจะทำเป็นซอสคลุกกับแซลมอนหว่า







เครื่องดื่มของเราเป็นโทนิค
ส่วนของคุณสามีสั่ง "In the Mood for Love"
apple juice, apple syrup, สาเก
เปรี้ยวๆ หวานๆ.. ไม่แรง.. อร่อยดี








.
.
.




ตบท้ายมื้อนี้เราไปทานเจลาโต้กันที่ Melt Me ทองหล่อ ซอย 10..
เจลาโต้อร่อยเหมือนเดิม.. ฉันชอบเจลาโต้ชาเขียวของที่นี่มาก
คุณสามีชอบเจลาโต้ชอคโกแลต แต่วันนี้ไม่มี ก็เลยหัวเสียเล็กน้อย ^^
หลังจากที่ไม่ได้มาร้านนี้มาเป็นเดือน
.. การบริการยังจัดการได้ไม่ดีเช่นเดิม
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่พนักงานก็เยอะ..
เยอะพอๆกับลูกค้าที่เข้าร้าน แต่ก็ยังให้บริการแบบมึนๆ อยู่
เปลี่ยนชื่อจาก Melt Me เป็น Melt มึนดีไหมเนี่ย ^^











.
.
.




สรุปค่าเสียหายมื้อนี้
@ In the Mood for Love
1 C4    360 บาท
1 175 Degree    280 บาท
1 Tonic    30 บาท
1 In the Mood for Love    220 บาท
Disc 5%    - 32  บาท
S.C. 10%    85.80  บาท
Rounding    0.20  บาท
รวม    944  บาท

@ Melt Me
1 Gelato    99  บาท

รวมทั้งหมด    1,043  บาท

“จุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ” เพลินใจบรรยากาศ เพลินปากซีฟู้ดรสเด็ด

บรรยากาศโต๊ะนั่งสบายๆ ร้านจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ
       ลมทะเลเย็นๆ พัดโชยมาสร้างความเย็นกาย และเย็นใจให้ “ตระเวนกิน” เสีย เหลือเกิน ขณะที่เรากำลังนั่งอยู่บนเรือหางยาว ลัดเลาะไปตามลำคลองที่สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าโกงกางอันเขี้ยวครึ้ม เพื่อมุ่งหน้าไปยังร้านอาหาร “จุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ” (Bangkok Sea View) ที่ตั้งอยู่กลางทะเลของชายทะเลบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง
      
       “ร้านจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ” เป็นร้านอาหารที่เปิด ให้บริการมานานกว่า 8 ปีแล้ว เดิมทีสถานที่ตั้งร้านเคยเป็นนากุ้งเก่ามานานกว่า 40-50 ปี แต่แล้วก็ต้องประสบกับปัญหาน้ำทะเลท่วมพื้นที่ เจ้าของร้านจึงมีแนวคิดและปณิธานที่ดีที่ว่าอยากจะพัฒนาพื้นที่เสื่อมโทรม แห่งนี้ ที่ถูกน้ำกัดเซาะและท่วมถึงให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของทะเล กรุงเทพฯ และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวนี้ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของคนกรุงเทพฯและประชาชนทั่วไปควบคู่ไปกับการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม เพื่อลดการพังทลายการและกัดเซาะของหน้าดิน โดยมุ่งหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณทะเล บางขุนเทียน
ร้านจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ ยามเย็น
       เรียกว่าที่ไปที่มาของ “ร้านจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ” นั้น น่าสนใจไม่น้อย นั่นจึงทำให้ร้านอาหารร้านนี้มีความน่าสนใจตั้งแต่บรรยากาศของร้านที่สร้าง เป็นแบบระเบียงไม้ทอดยาวไปในทะเล มีโต๊ะให้เลือกนั่งทั้งแบบนั่งกับพื้นและมีโต๊ะเตี๊ยๆ ให้วางอาหาร หรือถ้าใครแข้งเข่าไม่ดี ก็มีโต๊ะสูงและเก้าอี้ให้เลือกนั่งแบบสบายๆ รับลมธรรมชาติเย็นๆ ชมวิวทะเลสวยๆ แถมมีนกให้ดูแบบเพลินตาด้วย
      
       นั่นคือความน่าสนใจและน่าเพลิดเพลินของบรรยากาศร้าน ส่วนเรื่องอาหารของที่ร้านนี้ก็ขอบอกว่าอร่อยเพลินปากคนชอบกินอาหารทะเลสดๆ เป็นแน่ เพราะที่นี่เน้นนำเอาอาหารทะเลสดๆ ที่มีคุณภาพมาปรุงเป็นอาหารไทยว๊ฟู้ดจานเด็ดมากมาย ที่ล้วนแล้วแต่ชวนกินทั้งนั้นเลย
ยำชะครามกุ้งกับหอยแครง
       อย่างมื้อนี้เราสั่งเมนูจานเด็ดมาขึ้นโต๊ะอยู่หลายรายการ เริ่มจากจานแรกเป็น ยำชะครามกุ้งกับหอยแครง (120 บาท) ที่หากินได้ยาก เพราะใบชะครามเป็นผักพื้นบ้านท้องถิ่นของที่นี่ ทางร้านนำใบชะครามมาลวกแล้วยำใส่น้ำพริกเผา กะทิ กุ้ง และหอยแครง ยำคลุกเคล้าให้เข้ากัน และโรยหน้าด้วยหอมเจียวกับกระเทียมทอด ลิ้มรสชาติถูกปากดีกับใบชะครามเคี้ยวมันปาก ออกรสชาติน้ำยำเข้มข้นกลมกล่อมกินเข้ากับกุ้งและหอยแครงที่หวานสด
ทะเลลวกจิ้ม
       จานต่อมาอร่อยเต็มอิ่มกับ ทะเลลวกจิ้ม (180 บาท) ที่เน้นนำเอาอาหารทะเลสดๆ หลายอย่างมาลวกมีทั้งปลากะพงขาว หมึก กุ้ง หอยนางรม และปูอัด โรยหน้าด้วยกระเทียมโทนทอดและหอมเจียว จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบที่ทางร้านโขลกเอง ขอบอกว่าอาหารทะเลชิ้นใหญ่เคี้ยวเต็มปากเต็มคำ แต่ละอย่างล้วนสดหวานจิ้มกินกับน้ำจิ้มรสจัดจ้านโดนใจ
กุ้งผัดพริกไทยดำ
       จากนั้นมากินกุ้งตัวโตกับเมนูที่ชื่อว่า กุ้งผัดพริกไทยดำ (240 บาท) ทางร้านนำกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่เอามาผัดกับเครื่องพริกไทยดำสูตรเด็ดของที่ทาง ร้านปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษ และใส่ยอดมะพร้าว พริกยักษ์สามสี เม็ดพริกไทยอ่อน กินกุ้งเนื้อแน่นนุ่มหวานผสานกับรสชาติเครื่องพริกไทยดำที่เข้มข้นถูกปาก จริงๆ
ปูทะเลผัดผงกะหรี่
       แล้วก็มาต่อกับเมนู ปูทะเลผัดผงกะหรี่ (ราคาตามน น.ปู ขีดละ 95 บาท) ไม่ส่งมากินไม่ได้ เพราะเป็นเมนูขายดีประจำร้าน ที่ทางร้านจะนำเอาปูทะเลสดๆ จากพื้นที่ นำมาต้มให้ปูสุกแล้วจึงนำมาผัดคลุกเคล้ากับเครื่องผงกะหรี่ที่ปรุงรสไว้แล้ว และผัดแบบโบราณคือจะไม่ใส่ไข่ แต่ใส่ต้นหอมลงไปผัดให้เข้ากัน เสิร์ฟมาร้อนๆ ได้กลิ่นผงกะหรี่หอมๆ ขึ้นจมูก กินปูเนื้อแน่นหวานสดจริงๆ และยังได้รสชาติเครื่องผงกะหรี่ที่เข้มข้นมากๆ
ปลากะพงทอดราดน้ำปลา
       เมนูถัดมาคือ ปลากะพงทอดราดน้ำปลา (350 บาท) ปลากะพงขาวสดๆ ตัวโตกำลังดีทางร้านแล่แบะออกแล้วทอดจนเหลืองกรอบ แล้วก็มีน้ำราดเป็นน้ำปลาสูตรเด็ดที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษราดมบนตัว ปลาอีกที เสิร์ฟมาพร้อมกับยำมะม่วงให้กินเคียงกัน กินปลาเนื้อแน่นกรอบนอกนุ่มในชุ่มรสชาติน้ำปลาเค็มๆ หวานๆ กินคู่กับน้ำยำมะม่วงเพิ่มรสเปรี้ยวอมเผ็ด
ต้มส้มปลากระบอก
       ส่งท้ายด้วยเมนูซดน้ำร้อนๆ ต้มส้มปลากระบอก (200 บาท) เสิร์ฟมาแบบหม้อไฟ มีปลากระบอกไข่สดๆ หั่นเป็นชิ้นต้มมากับน้ำซุปที่ใส่หอมแดง ต้นหอม ผักชี ปรุงรสด้วยมะขามเปียกและน้ำตาลปี๊บ ซดน้ำซุปร้อนๆ ออก 3 รสเปรี้ยว หวาน เค็ม ส่วนปลากระบอกเนื้อนุ่มไม่คาวปาก
      
       และนอกจากเมนูเด่นเหล่านี้ที่ได้ลองลิ้มจนติดใจติดปากกันไปแล้ว ขอบอกว่าในเมนูอาหารก็ยังมีอาหารซีฟู้ดจานเด็ดอื่นๆ ที่น่าสั่งมากินอีกมาก อาทิ กุ้งราดซอสมะขาม (240 บาท) ทะเลรวมเผา (เล็ก 450 บาท ใหญ่ 900 บาท) แกงส้มกุ้งใบชะคราม (240 บาท) ลาบปลาหมอทะเล (150 บาท) ฯลฯ ซึ่งหากมิตรรักนักกินท่านไหน อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศในการกินข้าว มานั่งกินอาหารทะเลสดๆ รสเลิศท่ามกลางบรรยากศทะเล ใกล้กรุงเทพฯ ขอแนะนำเลยว่ามาที่ร้าน “จุดชมวิวทะเกรุงเทพฯ” รับรองไม่มีคำว่าผิดหวัง และอาจติดใจจนอยากจะมาอีกหลายๆ ครั้ง
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “จุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ” (Bangkok Sea View) ตั้งอยู่ที่ 74/3 หมู่ 9 ชายทะเล-บางขุนเทียน ท่าข้าม บางขุนเทียน กทม. การเดินทางจากถ.พระราม 2 ขับผ่านห้างบิ๊กซี สาขาพระราม 2 ประมาณ 500 ม. แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนชายทะเลบางขุนเทียน ตรงมาอีก 13 กม. จะเจอสามแยกแล้วให้เลี้ยวขวามาประมาณ 100 ม. ให้สังเกตป้ายจุดชมวิวทะเลบางขุนเทียน ก็จะเห็นท่าเรือของร้านอาหารจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ จะมีเรือพาไปถึงร้านอาหารจุดชมวิวทะเลกรุงเทพฯ (ค่าเรือ ผู้ใหญ่ 50 บาท/ เด็ก 20 บาท) ร้านเปิดทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์ แต่ถ้าเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิด) เวลา 11.00-21.00 น. เรือเที่ยวสุดท้ายที่พามาร้านเวลา 19.00 น. ถ้ามาเป็นหมู่คณะแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อน โทร. 08-9613-1340, 08-9894-3595 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bangkokseaview.com