"เอบิสึ ชาบู" อร่อยร้อนรสญี่ปุ่น

บรรยากาศน่านั่งที่ร้าน “เอบิสึ ชาบู”
       ช่วงนี้เข้าสู่หน้าหนาวอย่างเต็มตัวกันแล้ว สามารถสัมผัสความหนาวกันได้ทั่วทุกภาค ไม่เว้นแม้แต่ในกรุงเทพฯที่อากาศเย็นลง จน "ตระเวนกิน" เกิดอาการเรียกหาของกินร้อนๆแทบไม่ทัน และหนึ่งในของกินแบบร้อนๆที่คิดถึงขึ้นมาทันที ก็เห็นจะหนีไม่พ้น "ชาบู ชาบู" เมนูญี่ปุ่นที่ถูกปากคนไทยหลายคนนัก
      
       เมื่อคิดถึงชาบู ชาบู ก็ต้องเสาะหาร้านชาบู ชาบูดีๆ นั่งกัน และก็เจอแล้ว ที่ ปากซอยจันทน์ 2 กับร้านที่มีชื่อว่า"เอบิสึ ชาบู" (EBISU SHABU) ใครที่กำลังกอดหมอนนอนหนาวอยู่ รีบลุกขึ้นมาแล้วตาม "ตระเวนกิน"มาที่ร้านนี้ ได้เลย เพื่อสัมผัสกับรสชาติแบบญี่ปุ่นและซดน้ำซุปร้อนๆให้คลายหนาว
เคาน์เตอร์แบบแยกสำหรับกินคนเดียว
       สำหรับร้าน "เอบิสึ ชาบู"แห่งนี้ ชื่อ เอบิสึ เจ้าของร้านเล่าว่า ได้มาจากชื่อของ1ใน 7 เทพเจ้าแห่งโชคลาภและการค้าขาย ความรุ่งเรือง ของญี่ปุ่น โดย เทพเจ้าเอบิสึ จะหนีบปลาทะเลซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีใต้แขนซ้าย และถือคันเบ็ดในมือขวา เทพเจ้าแห่งโชคลาภของทางร้านนี้โดดเด่นถือคันเบ็ดรอตกลูกค้าเข้าร้านให้เห็น อยู่หน้าร้าน
      
       ก่อนจะนั่งกินอาหารอย่างอิ่มหนำสำราญ ขอกวาดสายตามองบรรยากาศที่ไม่ญี่ปุ่นของทางร้านก่อน ที่นี่เขาเลือกที่จะตกแต่งด้วยสไตล์แบบโมเดิร์น โดยการเลือกใช้โทนสีแดง สีสดที่มีไว้เพื่อดึงดูดสายตาลูกค้า ที่เมื่อมองผ่านกระจกใสหน้าร้าน สามารถมองเห็นข้างในที่ตกแต่งแบบเก๋ๆ ให้ความแตกต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นยุคเก่า
      
       ภายในร้านแบ่งเป็น 3 โซนด้วยกัน โซนแรก เป็นเคาน์เตอร์ สำหรับลูกค้าที่มาคนเดียว อ้อ...ที่ร้านนี้เขาใช้ระบบเตาแยกแบบ individual สำหรับกินคนเดียว ใครไม่กินเนื้อ ใครแพ้อาหารทะเลลืมปัญหานั้นไปได้เลยเมื่อมาที่นี่เพราะมีหม้อส่วนตัวเป็น ของเราเอง โซนที่สอง เหมาะสำหรับแบบครอบครัวที่มีการแชร์เตา 1 เตาต่อลูกค้า 2 ท่าน ส่วนโซนสุดท้าย คือ แบบโต๊ะกลมสำหรับกลุ่มใหญ่ที่มากัน 8-10 คน
ชุดบุฟเฟต์
       สำรวจร้านแล้วก็ได้เวลากินอาหารกันบ้าง มาร้านชาบู ชาบู จะกินอย่างอื่นได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ ชาบู ชาบู กับ ชุดบุฟเฟต์ ชาบู ชาบู(299 บาท+) ประกอบด้วย เนื้อวัวโคขุน เนื้อหมู เนื้อไก่ เบคอน แฮมไก่ ที่ถูกสไลด์จนบางเฉียบ และจานผักรวม ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง เครื่องดื่มเด็ดๆ อย่าง ชาข้าวบาเล่ต์ 100%ไม่มีสารคาเฟอีน ที่มีมาครบครันในชุดนี้
เริ่มลงมือหายหนาวกับ ชาบู ชาบู
       ด้านน้ำซุปที่นี่เห็นเสิร์ฟมาในหม้อใสๆแต่ไม่ธรรมดา เพราะเคี่ยวจากปลาคัทสึโอะปลาแห้งจากญี่ปุ่น ผสมผสานกับเคล็ดลับเฉพาะของทางร้าน จนได้น้ำซุปกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ อีกหนึ่งจุดเด่นของร้านนี้ที่จะลืมไม่ได้ คือเป็นร้านอาหารที่ปลอดผงชูรส มั่นใจได้ว่ารสชาติต่างๆที่ได้มาจากฝีมือล้วนๆ
น้ำจิ้มที่มีให้เลือกถึง 4 ชนิด
       เมื่อทุกอย่างพร้อมก็อย่ามัวเรี่ยมเร้เรไรอยู่เลย ลงมือคลายหนาวกับ ชาบู ชาบู กันดีกว่า ขอกระซิบกันนิดว่า วิธีกิน ชาบู ชาบู แบบญี่ปุ่นแท้ๆ คือ เมื่อจุ่มเนื้อลงไปในหม้อน้ำเดือด ให้แกว่งไปทางขวา ชาบู...แกว่งไปทางซ้าย ชาบู...แค่นี้ก้อเอาขึ้นได้แล้ว มากกว่านี้จะสุกเกินไป ชาวญี่ปุ่นถึงเรียกว่า ชาบู ชาบู
      
       และสำหรับใครที่กินเพลิน แต่ต้องการมากกว่าชุดบุฟเฟต์แล้วละก็ ที่นี่ยังมีชุดเมนูที่สามารถสั่งเพิ่มได้อีกหลากหลายอย่างทั้ง หอยเชลล์ (95บาท+) หอยเชลล์ตัวใหญ่สั่งตรงจากเกาะฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น ตัวโตที่บรรจงกัดคำแรกจะได้รับความหวานของน้ำที่อยู่ข้างใน และมีความเหนียวนุ่มกลมกล่อมตลอดทั้งตัว เพิ่มอรรถรสแก่การกิน ชาบู ชาบู มื้อนี้ได้เป็นอย่างดี
เนื้อแกะสไลด์บาง
       ถัดมาเป็น หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (90บาท+) ที่ทางร้านคัดสรรค์มาเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ ความพิเศษไม่เพียงแค่ขนาดที่ใหญ่ แต่ยังรวมไปถึงรสชาติ ที่สัมผัสนุ่มลิ้น หอยเนื้อแน่นเต็มคำ หวานไร้กลิ่นคาว
      
       ต่อมาเป็น ลูกปลาหมึกยักษ์ (75บาท+) ที่เมื่อนำลงหม้อจะค่อยๆพองตัวลอยขึ้นมารอให้ลิ้มรส อันกรุบกรอบนุ่มไม่เหนียว
      
       ตบท้ายด้วย เนื้อแกะนิวซีแลนด์(140 บาท+) ที่สไลด์บางเฉียบให้กินง่าย เมื่อทานจะรู้สึกว่าเนื้อแกะหอมเหมือนกลิ่นเนยและไม่มีกลิ่นคาว
หอยเชลล์ตัวโต
       ความพิเศษของ "เอบิสึ ชาบู" ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ด้วยน้ำจิ้มที่มีให้เลือกถึง 4 ชนิด อาจทำให้คุณอิ่มเอมกับการกินชาบู ชาบู ครั้งนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น เริ่มด้วย น้ำจิ้มปอนซึ น้ำจิ้มชาบู ชาบู แบบญี่ปุ่น รสชาติดั้งเดิมที่เสิร์ฟพร้อมกันเครื่องเคียงอย่างหัวไชเท้าและแครอทปั่น หรือจะเป็นน้ำจิ้มแบบญี่ปุ่นอีกตัว อย่าง น้ำจิ้มงา รสออกหวานเพื่อสุขภาพดีไม่น้อย ใครชอบแนวไทยๆก็ต้องเป็น น้ำจิ้มสุกี้ ที่รสเปรี้ยวหวานกำลังดี และอันสุดท้ายน้ำจิ้มซีฟู้ด ที่ผสานรส เผ็ด เปรี้ยว หวาน เข้ากันอย่างลงตัว เพิ่มความจัดจ้านได้อีก ด้วยเครื่องเคียงอย่าง พริกขี้หนูป่น กระเทียมสับละเอียด และพริกเผา
หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์
       และหากต้องการสั่งเมนูแยกอื่นๆ ทางร้านก็ยังมีให้เลือกอีกหลายอย่าง ทั้ง เห็ดโคนญี่ปุ่น (50 บาท+), สาหร่ายวากาเมะ (40 บาท+),ชิกูวะ(35บาท+),ปลานกแก้ว(65บาท+),ยำครีบหอยเชลล์ (75บาท+),ยำทาโกะจัง(90บาท+) ใครเกิดอาการหนาวๆอย่างกิน ชาบู ชาบู แบบ "ตระเวนกิน"ลองแวะมาที่ "เอบิสึ ชาบู"ให้หายหนาว
ลูกปลาหมึกและเห็ดโคนญี่ปุ่น
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       "เอบิสึ ชาบู" ตั้งอยู่ที่ ถ.จันทน์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ การเดินทางถ้ามาจาก ถ.สาทร ให้วิ่งตรงมายังถ.นราธิวาสราชนครินทร์ วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนมาถึงแยกแล้วให้เลี้ยวขวาเข้า ถ.จันทน์ ตรงเข้ามานิดเดียวจะเห็นร้านเอบิสึ ชาบูตั้งอยู่ทางขวาตรงกับ ถ.จันทน์ ซอย 2 จุดสังเกตตั้งอยู่ข้างธนาคารกรุงเทพสาขา ถ.จันทน์สะพาน 5 มีที่จอดรถภายในตึก เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-22.00 น. สามารถจองล่วงหน้าสำหรับจัดงานเลี้ยง ทางร้านรับบัตรเครดิตของวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด
      
       โปรโมชั่นของทางร้าน สะสมแสตมป์ ทานบุฟเฟต์ 1 ท่าน รับแสตมป์ 1 ดวงสะสมครอบ 10 ดวง ทานฟรี 1 ท่านในครั้งต่อไป,ช่วงกลางวันในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา11.00-14.00น.ทานบุฟเฟต์มา 5 ท่านจ่ายเพียง 4 ท่าน โทร.0-2287-3611-2

"Jamie’s" รสดี อิตาเลียนโฮมเมด

บรรยากาศโต๊ะนั่งภายในร้าน Jamie’s
       ดูเหมือนว่าเดี๋ยวนี้ "อาหารโฮมเมด"จะเป็นสไตล์ อาหารที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยจากเหล่านักกินทั้งหลาย สังเกตได้จากการที่หากร้านอาหารไหน บอกว่าขายอาหารสไตล์โฮมเมดที่ทางร้านคิดค้นปรุงแต่งสูตรการทำอาหารขึ้นมาเอง จากวัตถุดิบคุณภาพที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นแรงดึงดูดและหนึ่งในปัจจัยตัวเลือกให้บรรดานักกินอยาก ลองเข้าไปลิ้มรสชาติกัน
      
       และในมื้อนี้ "ตระเวนกิน" ก็มีร้านอาหารสไต์โฮมเมดอีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจมาแนะนำกัน ร้านที่ว่านั้นมีชื่อว่า "Jamie’s" (เจมส์มี่) เป็นร้านอาหารที่ขายอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด โดยมีคุณนพดล ดุษฎีวิจัย เป็นทั้งเจ้าของร้านรวมถึงเป็นเชฟเองด้วย ได้ค้นคิดสูตรอาหารอิตาเลียนตามแบบสไตล์ของตัวเองขึ้นมา โดยมีการประยุกต์รสชาติให้เข้ากับลิ้นคนไทยสักนิด และได้เลือกสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มีความสด สะอาด และปรุงแต่งพวกวัตถุดิบอย่างซอสต่างๆ และชีสต่างๆ ที่ได้ทำการคิดค้นสูตรขึ้นมาโดยเฉพาะ ทำให้เมนูอิตาเลียนโฮมเมดของที่นี่มีความโดดเด่นไม่เหมือนร้านไหน มีเมนูอาหารอิตาเลียนให้เลือกกินมากมาย และเน้นสปาเก็ตตี้และพิซซ่าเป็นพิเศษ
เกี๊ยวห่อชีสและซุปครีมเห็ด
       สำหรับเมนูอิตาเลียนจานเด่นๆ ของที่นี่ที่ชวนสั่งให้มาชิมนั้นมีมากหลาย ขอแนะนำเริ่มจากเมนูกินเล่น อย่างเกี๊ยวห่อชีส (70 บาท) ที่แผ่นเกี๊ยวทอดได้กรอบนอกนุ่มในและข้างในอัดแน่นไปด้วยชีส 3 อย่าง คือมอสซาเรลล่าชีส พาร์เมซานชีส เชดดาร์ชีส ที่ทางร้านนำมาผสมผสานกัน กินแล้วหอมนุ่มออกเค็มรสชีสนิดๆ
      
       เมนูถัดมาเป็น ซุปครีมเห็ด (70 บาท) ที่ถ้าใครชอบกินซุปเห็ดเนื้อเนียนเข้มข้นหอมนุ่มละมุนลิ้นไม่ควรพลาดสั่งมา ลิ้มลอง เพราะที่นี่ใช้เห็ดแชมปิยองอย่างดีมาทำผสมกับการใส่ครีมข้นแท้ๆ
หอยลายอบเนย
       หอยลายอบเนย (80 บาท) เป็นเมนูที่น่ากิน มาในรูปแบบของจานที่ดูเหมือนถาดขนมครก ภายในแต่ละหลุมมีหอยลายสดตัวใหญ่ที่ผ่านการปรุงรสผสมเครื่องเทศ ใส่พาเมซานชีส หัวหอมใหญ่ และเนยที่อบมาจนร้อน ส่งกลิ่นหอมๆ กินแล้วหอยลายเคี้ยวกรุบชุ่มรสชีสและเครื่องเทศ
ซีซาร์สลัด
       แต่ถ้าใครชอบกินสลัดเพื่อสุขภาพ ขอนำเสนอซีซาร์สลัด (90 บาท) ที่อุดมไปด้วยผักไฮโดรโปนิกส์ อย่างผักคอส ฟิลเลย์ไอส์เบิร์ก และราดด้วยน้ำสลัดซีซาร์สูตรของทางร้าน โรยหน้าด้วยขนมปังครูตอง และพาร์เมซานชีส กินสลัดผักสดกรอบเข้ากับน้ำสลัดรสดี
สปาเก็ตตี้เส้นดำกุ้งแม่น้ำ
       และก็มาถึงเมนูจานเส้นอย่างพาสต้า ซึ่งที่นี่มีเมนูสปาเก็ตตี้ให้เลือกกินมากมายอย่างจานเด็ดที่ชวนกิน คือ สปาเก็ตตี้เส้นดำกุ้งแม่น้ำ (180 บาท) เป็นเส้นสปาเก็ตตี้เส้นดำนำมาผัดกับซอสมะเขือเทศเข้มข้นสูตรพิเศษที่ปรุง ขึ้นมาเองโดยเฉพาะ และผสมกับพริกนิดหน่อย เสิร์ฟพร้อมกับกุ้งแม่น้ำที่ย่างแบบสดๆ กินสปาเก็ตตี้เส้นดำเหนียวนุ่มหนึบปากผสานรสชาติซอสที่เข้มข้น และเข้ากันดีกับกุ้งแม่น้ำเนื้อหวานมีมันกุ้งเยิ้ม
สปาเก็ตตี้ผัดหอยลาย
       สปาเก็ตตี้ผัดหอยลาย (140 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูจานเส้นที่น่ากิน เส้นสปาเก็ตตี้แบบเส้นเล็กผัดกับหอยลายคลุกเคล้ากับโฮมเมดซอสเพสโตที่ทาง ร้านทำเอง ปรุงแต่งรสชาติออกสไตล์ไทยๆ นิดๆ ใส่พริกและพริกไทยอ่อนด้วย ชิมรสชาติแล้วต้องบอกว่าสปาเก็ตตี้ซึมรสชาติซอสเพสโตและหอมกลิ่นใบโหระพา อ่อนๆ ได้รสชาติที่จัดจ้านออกเผ็ดลิ้นกำลังดี
สเต็กปลาแซลมอน
       แล้วถ้าอยากกินสเต็กที่นี่ก็มีให้กินเหมือนกัน สเต็กปลาแซลมอน (180 บาท) จานนี้ชวนสั่งมาชิม เพราะทางร้านเลือกใช้ปลาแซลมอนจากนอร์เวย์นำมาหั่นเป็นชิ้นตามที่ต้องการ แล้วนำไปย่างบนกระทะจนหนังปลากรอบเนื้อปลาสุกนุ่มฉ่ำกำลังดี มีน้ำเกรวี่สูตรเด็ดปรุงเองราดมา กินสเต็กปลาแซลมอนหอมๆ หนังปลากรอบเนื้อปลานุ่มฉ่ำหวาน ผสานรสชาติเข้ากันกับน้ำเกรวี่ที่ออกรสเปรี้ยวนิดๆ และมีมันบดปรุงรสให้กินแกล้มด้วย
พิซซ่า 4 ฤดู
       ยังมีเมนูที่อยากแนะนำแบบว่าพลาดไม่ได้ต้องสั่งมากินกัน นั่นคือพิซซ่าโฮมเมดสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ แบบบางกรอบ ที่ทางร้านทำแป้งพิซซ่าเอง มีหลายหน้าให้สั่งมากิน แต่หน้ายอดนิยมขอแนะนำ พิซซ่า 4 ฤดู (280 บาท) ที่รวมพิซซ่า 4 หน้ามาไว้ในถาดเดียวกัน มีหน้าปลาทูน่ากับมะกอกดำ ฮาวายเอี้ยนแฮมกับสับปะรด ซีฟู้ด และเปปเปอร์โรนี่กับมะกอกดำ และเด่นตรงที่ใส่ชีส 3 อย่าง คือ มอสซาเรลล่าชีส พาร์เมซานชีส เชดดาร์ชีส แล้วโรยหน้าด้วยผักร็อกเก็ต กินพิซซ่าแป้งบางกรอบแต่นุ่มแน่นไปด้วยเครื่องสารพัดหน้าที่ใส่มา
ยำสลัดคุณแม่
       ทั้งหมดนี่คือส่วนหนึ่งของเมนูจานเด่นๆ ที่ขอนำมาเสนอ แต่ว่าเมนูอิตาเลียนอันเลิศรสของที่นี่นั้นยังมีอีกเพียบ อาทิ ยำสลัดคุณแม่ (90 บาท) เส้นดำเฟตตูชินี่ซอสไวน์ขาว (180 บาท) ปลาดอรี่ย่างสมุนไพร (150 บาท) ปลาหมึกชุปแป้งทอด (100 บาท) สปาเก็ตตี้แกงกะหรี่ญี่ปุ่น (150 บาท) ฯลฯ ขอบอกว่าร้าน Jamie’s เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่พิสมัยอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมดที่ไม่ซ้ำแบบใคร
เส้นดำเฟตตูชินี่ซอสไวน์ขาว
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       "Jamie’s" (เจมส์มี่) ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้า เซฟ-อี 42/19 ถ.บรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. การเดินทางวิ่งมาตามถ.ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ผ่านสายใต้ใหม่ (ตลิ่งชัน) ผ่านรพ.ธนบุรี 2 และตรงมาอีกนิดให้ขับชิดซ้ายไว้จะเห็นป้ายศูนย์การค้าเซฟ-อี ก็ให้เลี้ยวเข้าไป และตรงไปด้านในก็จะเห็นร้าน Jamie’s ตั้งอยู่ซ้ายมือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน มีที่จอดรถอยู่ด้านหลังของศูนย์การค้าฯ เปิดจันทร์-ศุกร์ 16.00-21.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 11.00-21.00 น. มีบริการเดลิเวอร์รี่ด้วย โทร. 0-2885-9185

"ธาราคอฟฟี่ช้อป" อาหารจากดอกไม้ สวยสด รสโดน

บรรยากาศภายในห้องอาหารธาราค็อฟฟีช็อป
       เมื่อพูดถึง "ดอกไม้" ก็คงจะนึกถึงความสวยงามของเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ที่มีสีสันสวยงาม ที่ถูกปลูกประดับประดาให้กับสถานที่ต่างๆ มีความงดงามและดูสดชื่นขึ้น แต่เชื่อหรือไม่ว่าดอกไม้ที่เห็นสีสันสดสวยเหล่านี้ไม่ใช่เป็นแค่ไม้ประดับ เป็นอาหารตาเพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาทำเป็นอาหารปาก เพื่อช่วยให้อิ่มท้อง และอิ่มใจได้อีกด้วย
      
       หากใครไม่เชื่อ หรือมีข้อกังขาว่าดอกไม้จะมาเป็นอาหารกินได้ได้อย่างไร เชิญตาม "ตระเวนกิน" มาได้เลย เพราะเราจะพาไปอิ่มกับเมนูอาหารดอกไม้ที่ทาง "ห้องอาหารธาราคอฟฟี่ช้อป" ของโรงแรมอิมพีเรียลธารา ได้จัด "เทศกาลมหัศจรรย์อาหารจากดอกไม้ และผลไม้ไทย" ขึ้นมา โดยนำดอกไม้ต่างๆ ที่สามารถกินได้ มาทำเป็นอาหารนานาชนิดให้ได้ลิ้มลองกัน
ทรงพร สถิตย์ไทย ผู้รังสรรค์เมนูอาหารดอกไม้
       เมนูอาหารจากดอกไม้เหล่านี้ คิดค้นขึ้นโดยคุณทรงพร สถิตย์ไทย หรือ แม่เจี๊ยบ Executive Chef โรงแรมอิมพีเรียลธารา บอกว่าดอกไม้ที่เห็นสวยๆ นั้น ก็มีประโยชน์เช่นเดียวกับพืชผักสมุนไพรที่ใช้กันอยู่ จึงได้ดึงเอาความสวยงามและประโยชน์ของดอกไม้ที่มีออกมา เพื่อสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารจานใหม่ ซึ่งดอกไม้ที่เลือกมาใช้ในเมนูต่างๆ เป็นดอกไม้ที่ทางโรงแรมปลูกเอง อาทิ ดอกกุหลาบ ดอกเข็ม อัญชัญ กล้วยไม้ หางนกยูง เฟื่องฟ้า พวงชมพู ดาหลา ข่าแดง ชบา เป็นต้น ซึ่งดอกไม้พวกนี้ไม่มียาฆ่าแมลงหรือสารพิษใดๆ ทำให้คนที่กินเข้าไปแล้ว ได้ทั้งความอิ่มท้อง อิ่มตา และอิ่มใจจากอาหารจานเดียวกัน
ม้าห้อดอกไม้
       ถึงตรงนี้แล้วเรามาลองชิมอาหารจากดอกไม้กันดีกว่าว่าจะมีหน้าตา และรสชาติที่ชวนกินมากเพียงใด เริ่มจากจานแรก ม้าห้อดอกไม้ ม้าห้อเป็นอาหารว่างของโบราณ กินคู่กับผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้มหรือสับปะรด ตัวไส้ทำจากหัวไชโป๊ว ผสมกับถั่วลิสงป่นหยาบๆ หอมใหญ่สับ และไก่สับ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และพริกไทย ผัดผสมกันให้แห้ง ปั้นเป็นก้อนแล้ววางบนสับปะรดหั่นชิ้นพอคำ วางดอกไม้สีสันสวยงามลงไปข้างบน ชิมแล้วรสหวานๆ เค็มๆ ของไส้ ตัดกับรสเปรี้ยวของสับปะรดเป็นอย่างดี
แพแตก
       ต่อด้วยเมนูอาหารว่างอีกหนึ่งจานที่ชื่อ แพแตก ฟังชื่อแล้วอาจจะสงสัยว่าคืออะไร แพแตกจานนี้ก็คือดอกไม้ชุบแป้งทอดนั่นเอง ในจานมีทั้งกลีบกุหลาบ พวงชมพู ดอกเข็ม แถมด้วยใบไม้อย่างใบตำลึง นำดอกไม้ใบไม้ไปชุบแป้งทอด กินคู่กับน้ำจิ้มแดงสูตรเด็ด กินแพแตกเคี้ยวดอกไม้กรุบกรอบปาก
ขนมปังหน้าดอกไม้
       แล้วมากินกันต่อกับ ขนมปังหน้าดอกไม้ จากขนมปัง หน้าหมูธรรมดา กลายมาเป็นหน้าดอกไม้ที่มีความสวยงาม หน้าขนมปังทำจากหมูบด หมักผสมไข่ รากผักชี กระเทียม พริกไทยแล้วปรุงรสชาติ ก่อนจะนำทาบนหน้าขนมปัง วางดอกไม้ลงไปข้างบนอีกทีแล้วนำไปทอด ชิมขนมปังหน้าดอกไม้กรอบนอกนุ่มในออกรสเค็มพอดิบพอดี ตัดกับอาจาดแตงกวาเปรี้ยวๆ เจือหวาน
ยำดอกเข็ม
       จากนั้นมาชิม ยำดอกเข็ม หน้าตาสวยงามน่ากิน เป็นการนำเอาหมูสับต้ม กุ้งต้ม ข้าวคั่ว (ข้าวพองหรือข้าวตัง) มายำรวมกับดอกเข็ม ส้มโอ มะพร้าวคั่ว หอมเจียว และปรุงรสตามสูตรเด็ด กินยำดอกเข็มห่อด้วยผักกาดแก้วเคี้ยวกรุบกรอบข้าวพองครบรสกลมกล่อม เปรี้ยว หวาน หอมมันมะพร้าวคั่ว
ห่อหมกดอกไม้
       ส่งท้ายที่เมนู ห่อหมกดอกไม้ เป็นห่อหมกที่สวยงาม ตัวห่อหมกเป็นห่อหมกเนื้อปลากรายแท้ๆ ตีให้เนียนผสมกับเครื่องแกงเผ็ดที่ทำขึ้นเอง แล้วนำไปใส่กระทงใบตองที่รองกระทงด้วยใบโหระพาเพิ่มความหอม แล้วก็มีดอกไม้สารพัดอย่างโรยหน้าบนห่อหมกนึ่งจนสุก ส่งกลิ่นห่อหมกหอมๆ ชิมรสชาติห่อหมกเนื้อเนียนนุ่มรสเข้มข้นเครื่องแกงเผ็ด
อีกหนึ่งมุมโต๊ะนั่งสบายๆ
       และนอกจากเมนูเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีเมนูดอกไม้ให้เลือกชิมอีกหลากหลายเมนู โดยในแต่ละวันจะมีออกมา 20 เมนูให้ชิมกัน อาทิ เมี่ยง คำกลีบบัว ล่าเตียงดอกอัญชัน ปากหม้อกุหลาบ ดอกไม้แปลงโฉม บุปผาซ่อนรูป การะเวกสอดสี ปอเปี๊ยะทอดดอกไม้ เมี่ยงมะม่วง ยำดอกกุหลาบ ยำดอกไม้ใบหญ้า สลัดดอกไม้ บุปผาห่มผ้า ข้าวยำดอกไม้ น้ำพริกชมสวน แกงจืดซ่อนกลิ่น แกงส้มดอกไม้ สายบัวต้มกะทิปลาทูกับมะดัน ของหวานก็มีมากมาย อาทิ ดอกไม้น้ำ ลอยแก้วส้มเช้ง สังขยาขนุน ข้าวเหนียวมะม่วง
       

       สำหรับเมนูอาหารดอกไม้ที่ชวนกินเหล่านี้ มีให้สัมผัสลองลิ้มชิมรสชาติกันได้ ใน "เทศกาลมหัศจรรย์อาหารจากดอกไม้ และผลไม้ไทย" ที่ห้องอาหารธาราคอฟฟี่ช้อป โรงแรมอิมพีเรียลธารา ในวันที่ 11 – 21 ธ.ค. นี้ โดยเพิ่มพิเศษในบุฟเฟต์สเต็กและบุฟเฟต์นานาชาติ ราคาท่านละ 550 บาทสุทธิ เปิดบริการทุกวันเฉพาะมื้อกลางวัน เวลา 11.30 – 14.00 พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ มา 4 ท่าน จ่าย เพียง 3 ท่าน
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ห้องอาหารธาราคอฟฟี่ช้อป ตั้งอยู่ที่โรงแรมอิมพีเรียลธารา 18/1 ซอยสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. การเดินทางนั่งรถไฟฟ้าลงที่สถานีพร้อมพงษ์ แล้วเดินเข้ามาทางซอยสุขุมวิท 26 จะเจอรร. อิมพีเรียลพาราตั้งอยู่ทางขวามือ และพอเข้าไปถึงตัวรร. อิมพีเรียลธารา ก็จะเจอห้องอาหารธาราค็อฟฟีช็อป อยู่ชั้นล็อบบี้ โทร. 0-2259-2900