homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

“เบคโคฟิโน่” โชว์ความเป็นอิตาเลียนแท้ๆ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2547 14:10 น.
บรรยากาศภายในร้าน “เบคโคฟิโน่” ดูโล่ง โปร่งสบาย
       อาหารอิตาเลียน เป็นอีกหนึ่งรสชาติอาหารที่บรรดาหมู่นักกินทั้งหลายในบ้านเราให้ความนิยมไม่ น้อย ดูได้จากการที่มีร้านอาหารอิตาเลี่ยนเปิดขายกันอยู่อย่างมากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ที่ชื่นชอบอาหารอิตาเลียนเหล่านี้กัน
      
       มื้อนี้ “ผู้จัดการตระเวนกิน” จึงมีร้านอาหารอิตาเลียนเปิดใหม่มาแนะนำให้รู้จักกันเพิ่มอีกหนึ่งร้าน อยู่ตรงซอยทองหล่อ 4 นี่เอง กับร้านที่ชื่อว่า “เบคโคฟิโน่” เป็นร้านที่ขายอาหารอิตาเลียนแบบอิตาเลียนแท้ๆ กันเลย
ห้องไวน์บาร์ที่มีเครื่องดื่มค็อกเทลและไวน์จำนวนมาก
       เริ่มกันตั้งแต่ชื่อร้าน “Beccofino” ที่เป็นภาษาอิตาลี มีความหมายว่า การชิมอาหารอย่างมีระดับ และเมื่อเดินเข้ามาในตัวร้านก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งแบบ สไตล์อิตาลีที่ดูโมเดิร์นโล่งสบายตา พื้นที่ในร้านกว้างขวางถูกจัดสรรเป็นหลายส่วน โซนด้านหน้าจัดเป็นโต๊ะนั่งหลายมุมสบายๆ โซนด้านในจัดเป็นห้องส่วนตัวถึง 3 ห้องด้วยกัน และโซนด้านนอกเป็นมุมระเบียงเล็กๆ นั่งสัมผัสลมเย็นๆ
Assorted Italian appetizers
       ด้านอาหารของที่นี่ไม่ต้องพูดถึง เป็นอาหารสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ ทั้งวัตถุดิบและวิธีการทำ เพราะมีเชฟ “Angelo Rottoli” ซึ่งเป็นชาวอิตาเลียน ที่มีฝีมือทางด้านการปรุงอาหารอิตาเลียนเป็นอย่างดี มาปรุงอาหารอิตาเลียนทุกเมนูที่มีอยู่ในร้านให้เราได้หม่ำกัน ซึ่งแต่ละเมนูล้วนแล้วแต่น่าหม่ำทั้งนั้น
      
       อย่างที่เราเริ่มเรียกน้ำย่อยเปิดมื้อกันที่ Assorted Italian appetizers (390 บาท) มีทั้งร็อกเก็ตสลัด เนื้อหมูรมควันติดมัน parma ham เนื้อปูห่อด้วยพริกยักษ์ มะเขือเทศคลุกกับ pesto ซอส มีชีส เห็ดแชมปิญองผัด ผักย่างรวมทั้งพริกยักษ์เขียว แดง เหลือง มะเขือม่วงห่อด้วยชีส และราดด้วยน้ำส้ม Balsamic ทำให้เครื่องทุกอย่างหม่ำแล้วได้รสชาติอมเปรี้ยวนิดๆ
Bigoli with scallop and prawn
       เมนูต่อมาเป็น Caprese salad (230 บาท) เป็นสลัดที่ไม่ได้เน้นผักอะไรมากมาย แต่เด่นตรงที่เป็นชีสMozzarella สด วางสลับกับมะเขือเทศ ราดหน้าด้วยซอสน้ำส้มBalsamic น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ และโรยหน้าด้วยใบโหระพาจากอิตาลี หม่ำสลัดจานนี้แล้วไม่อ้วน เพราะตัวชีส Mozzarella สดนั้นไม่มีคอเลสเตอรอล รสออกมันๆ จืดๆ หม่ำคู่กับมะเขือเทศสดให้ความรู้สึกสดชื่นดี
      
       Bigoli with scallop and prawn (300 บาท) ถ้าไม่สั่งเมนูนี้ก็เหมือนกินอาหารอิตาเลี่ยนไม่ครบ เพราะอาหารอิตาเลี่ยนจะต้องมีเส้นพาสต้า ซึ่งจานนี้เป็นพาสต้าสีขาวเส้นยาว ผัดกับกุ้งและหอยเชลล์จาก USA. คลุกด้วยร็อกเก็ตสลัดและซอสมะเขือเทศสด ตักเส้นพาสต้าเข้าปากสัมผัสได้ถึงความนุ่มเหนียวของเส้นพาสต้า รสชาตินุ่มๆ ลงตัว กับหอยเชลล์และกุ้งที่หวานสด
      
       Fillet of king fish with asparagus gratin (680 บาท) อีกหนึ่งเมนูเด็ดของที่นี่ ไม่ควรพลาดสั่ง เป็นปลาทะเลจากออสเตรเลีย คลุกเกลือ พริกไทย ทอดด้วยน้ำมันมะกอก รองข้างล่างด้วยหน่อไม้ฝรั่งและ ชีสparmesan ราดหน้าด้วยซอสมะเขือเทศสด และต้นกระเทียมฝอยทอด ความเด่นของเมนูนี้อยู่ตรงที่เนื้อปลาสดๆ เนื้อนุ่มกำลังดี รสชาติออกเค็มๆ
เชฟ “Angelo Rottoli” กับเมนูเด็ด Fillet of king fish with asparagus gratin
       ปิดท้ายมื้อล้างปากกันด้วยของหวานกับ Crostatina (200 บาท) เป็นแป้งtart ทำเป็นเหมือนกระทง ข้างในชั้นตรงกลางเป็น chantilly cream และด้านบนแต่งหน้าด้วยผลไม้ตามฤดูกาลต่างๆ มีทั้งมะม่วง กีวี แคนตาลูป สตรอเบอร์รี่ องุ่นแดง องุ่นเขียว และรองพื้นด้วยวานิลาซอสอีกที หม่ำแล้วได้รสชาติหวานๆ มันๆจากครีม และสดชื่นลิ้นจากบรรดาสารพัดผลไม้
      
       นอกจากนี้ยังมีอาหารอย่างอื่นที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ Lamb chops with eggplant caponata (750 บาท) Tuna steak with eggplant, zucchini (500 บาท) Tiramisu (220 บาท)
      
       ซึ่งถ้าใครเป็นผู้ที่ชื่นชอบอาหารอิตาเลี่ยนแล้วละก็ ลองแวะมาตระเวนกินที่ร้าน “เบคโคฟิโน่” นี้ดู แล้วจะได้สัมผัสกับทั้งเรื่องรสชาติอาหารอิตาเลี่ยนแท้ๆ ท่ามกลางบรรยากาศตกแต่งแบบอิตาเลี่ยนนั่งหม่ำอาหารสบายๆ เผลอๆ อาจจะติดใจจนต้องกลายมาเป็นขาประจำของร้านนี้ไปก็เป็นได้
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
      
       
“เบคโคฟิโน่” Beccofino ตั้งอยู่ที่ 146 สุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ 4) วัฒนา กรุงเทพ ร้านอยู่หัวมุมซอยทองหล่อ 4 ติดริมถนน มีที่จอดรถอยู่ด้านหลังร้าน เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.30-14.30 น. และ 18.00-22.30 น.  และ เบคโคฟิโน่ ยังมีห้องไวน์บาร์ ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของร้าน ให้บริการเครื่องดื่มและค็อกเทลทุกชนิดรวมทั้งไวน์ แต่ไม่มีอาหารขาย เปิดบริหารทุกวัน เวลา 11.30-14.30 น. และ 18.00-24.00 น. โทร. 0-2392-1881-2 

“ห้องอาหารวิจิตร” เลิศรสอาหารไทย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2547 13:29 น.
บรรยากาศด้านในของ “ห้องอาหารวิจิตร”
       อาหารไทยเป็น อาหารที่เราคุ้นเคยลิ้นกินกันอยู่บ่อย ๆ พอกลับบ้านไปก็มีอาหารไทยเมนูง่ายๆ ตั้งสำรับไว้รอท่าให้กินกัน แต่ถ้าคราใดอยากจะออกไปกินอาหารนอกบ้านแล้วหาร้านอาหารที่ขายอาหารไทย แบบเน้นสูตรความเป็นไทยแท้ดั้งเดิม ออกจะหากินยากกันสักหน่อย เพราะร้านอาหารเปิดใหม่ที่ขายอาหารไทยส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้จะเป็นแบบอาหารไทย ประยุกต์ ไม่ไทยจีน ก็ไทยฝรั่งเสียส่วนใหญ่ จะหาร้านขายอาหารไทยแบบรสชาติไทยจ๋า ไทยเดิม เห็นทีจะมีน้อย
       

       ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะมีน้อย แต่ก็ใช่ว่าไม่มีเลย อย่าง “ห้องอาหารวิจิตร” ที่ตั้งอยู่ตรงมุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ้าใครนั่งรถผ่าน หรือขับรถผ่านไปมาแถวถนนราชดำเนินบ่อยๆ คงจะเห็น เป็นร้านอาหารห้องกระจกขนาดยาวทอดตัวไปตามส่วนโค้งของมุมถนน ซึ่ง “ผู้จัดการตระเวนกิน” ก็แวะเวียนผ่านบ่อย จนกระทั่งมีโอกาสมาตระเวนกินกับเขาสักที จึงรู้ว่า “ห้องอาหารวิจิตร” ร้านนี้เขาขายอาหารไทยที่เน้นสูตรต้นตำรับไทยแท้ดั้งเดิม เพราะเท่าที่ได้ลองสั่งอาหารมาลองลิ้มรสชาติด้วยตนเอง บอกได้เลยว่าอาหารแต่ละอย่างรสชาติถูกใจคออาหารไทยอย่างเราเสียจริง พูดมากจะหาว่าเราโม้ให้เปลืองเนื้อที่หน้ากระดาษ เอาเป็นว่าเข้าเรื่องพูดถึงอาหารกันดีกว่า
กระทงทอง
       อย่างเมนูแรกสั่งเป็นออเดิร์ฟกินเล่นๆ กระทงทอง (50 บาท) ที่ หากินยากตามร้านทั่วไป เป็นแป้งทอดกรอบ ข้างในมีไส้ถั่วแขก มันสำปะหลัง แครอท กุ้ง หมู ที่ผัดกับนมสด และปรุงรสจนได้ที่ แล้วตักใส่มาในกระทง หยิบกระทงส่งเข้าปากเคี้ยวทั้งคำ ได้ยินเสียงแป้งกรุบกรอบ ส่วนไส้ก็รสชาติกลมกล่อม เล่นเอาเคี้ยวเพลินหยิบกระทงทองส่งเข้าปากแบบคำต่อคำ
      
       พอกระทองหมดจาน กุ้งนางยำตะไคร้ (120 บาท) ก็ตามมาติดๆ เมนูนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้รักสุขภาพ เพราะมีส่วนประกอบของเครื่องสมุนไพรหลายอย่าง ทั้งตะไคร้ซอย น้ำพริกเผา พริกขี้หนูแห้ง หัวหอม หอมซอย ที่ปรุงคลุกเคล้าแล้วราดมาบนกุ้งนางตัวโตที่ย่างจนสุกหอม โรยหน้ากุ้งแห้งทอดอีกที กินเมนูแล้วได้ครบรสชาติกุ้งเนื้อแน่นหวาน ผสมผสานกับน้ำยำเครื่องสมุนไพร รสชาติเข้มข้นถึงใจเสียจริง
กุ้งนางยำตะไคร้
       เมนูต่อมา ห่อหมกเนื้อปู (140 บาท) ที่หอมกลิ่นเครื่องแกงเอามากๆ เพราะทางร้านใช้เครื่องแกงผัดเผ็ด เนื้อปลากราย น้ำกะทิ และใส่เนื้อปูรวมเข้าด้วยกัน รองพื้นห่อหมกด้วยผักกาดขาวและใบโหระพา แล้วนำไปนึ่งให้สุก ก่อนเสิร์ฟโรยห้าด้วยเนื้อปูอีกที รสชาติห่อหมกกระทงนี้ถูกลิ้นคนชอบอาหารไทยรสจัด เนื้อห่อหมกนุ่ม กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเหาะเชียวละ
      
       ปลากะพงผัดพริกไทยดำ (250 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาด กินแล้วได้ประโยชน์จากโปรตีนเนื้อปลาเป็นปลากะพงสดๆที่ทอดกรอบแล้วบั้งเป็น ชิ้นๆ และมีพริก หัวหอม ตั้งโอ๋ พริกไทยดำ ที่ผัดคลุกคล้าปรุงรสเข้ากันแล้วนำมาราดบนตัวปลา ได้รสชาติเนื้อปลากรอบรสเข้มข้นกลมกล่อม ออกเผ็ดนิดๆ กำลังดีจากเครื่องพริกไทยดำ
ห่อหมกเนื้อปู
       
       เมนูสุดท้ายเป็น แกงเลียง (85 บาท) แกงเลียงรสชาติไทยๆ ใส่กุ้งสด กระชาย กะปิ หอมแดง ใบแมงลัก ตำลึง ฟักทอง ข้าวโพด บวบ เห็ดฟาง ความอร่อยอยู่ที่น้ำแกง ออกรสเค็ม เผ็ดนิดๆ ซดน้ำแกงร้อนๆ ชุ่มชื่นคอดี หรือจะกินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็เหมาะเจาะเข้าท่า
      
       นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูเด็ดอีกหลายรายการ อาทิ ปลาสำลีปุยฝ้าย (180 บาท)หลนปูเค็ม (70 บาท) ขนมจีนน้ำพริก (ชุดละ48 บาท) แกงส้มแป๊ะซะ (195) และยังมีน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพบริการด้วย อย่าง น้ำแตงโมปั่น สับปะรดปั่น (35) หรือจะเป็นน้ำใบเตยที่ทางร้านให้ดื่มฟรีเมื่อมากินในช่วงกลางวัน
      
       ก็ถ้าใครเกิดเบื่ออาหารไทยฝีมือแม่ครัวที่บ้าน แล้วอยากกินอาหารไทยที่มีรสชาติจัดจ้านครบเครื่องสูตรต้นตำรับไทยดั้งเดิม ลองแวะเวียนมาที่ “ห้องอาหารวิจิตร” นี้ดูบ้าง ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนรสชาติและบรรยากาศในการกินดีเหมือนกัน
แกงเลียง
       
       
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “ห้องอาหารวิจิตร” ตั้งอยู่ที่ 77/2 มุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กทม. เปิดบริการทุกวันเวลา 11.00-23.00 น. มีที่จอดรถบริการหลังร้าน และทางร้านรับจัดเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่ โทรสอบถามได้ที่ 0-2282-0958, 0-2281-6433, 0-2281-5102

อิ่มนี้ไม่มีอั้น ที่ “ห้องอาหารระเบียงทอง”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2547 11:17 น.
บรรยากาศภายในห้องอาหารระเบียงทอง ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มากินบุฟเฟ่ต์
       คงจะไม่มีอะไรจะมีความสุขไปเท่ากับการกินเสียแล้ว สำหรับตัวของ “ผู้จัดการตระเวนกิน” เอง เวลาที่ได้กินๆ ของอร่อยๆ ที่ตัวเองชอบ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเอามากๆ ยิ่งถ้าได้กินแบบนันสต๊อปกินไปเรื่อยๆ แบบอิ่มเท่าไหร่เท่ากันแล้วละก็ยิ่งช๊อบ..ชอบ
      
       เหมือนอย่างมื้อนี้ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ไปตระเวนกินบุฟเฟ่ต์ที่แสนจะโปรดปรานมาที่ “ห้องอาหารระเบียงทอง” โรงแรมนารายณ์ ตรงถนนสีลมมา ที่นี่เขามีบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่ลือชื่อ ด้านเรื่องความหลากหลายของอาหารที่มีให้เลือกกินจำนวนมากกว่า 40 ชนิด ทั้งอาหารไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น อาหารคาว อาหารหวาน และผลไม้นานาชนิดสารพัดอย่าง รวมทั้งเครื่องดื่มอีกสารพัดรายการ
มุมสลัดบาร์มีสารพัดผักและผลไม้สดๆ
       เรียกว่ามากิน “บุฟเฟ่ต์นานาชาติ” ที่ ห้องอาหารระเบียงทองแล้วไม่ผิดหวัง เพราะนอกจากถูกใจกับรายการอาหารมีให้เลือกกินหลายหลากแล้ว เรื่องราคาก็ถูกใจกระเป๋าไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งราคาบุฟเฟ่ต์ของที่นี่ถ้ามากินมื้อกลางวัน ราคาเพียงคนละ 270 บาท และถ้ามากินมื้อค่ำราคา 320 บาทต่อคน ส่วนเด็กก็ครึ่งราคา (ไม่มีการชาร์ตราคาเพิ่มแถมรวมค่าเครื่องดื่มที่มีเป็นมุมไว้บริการอยู่แล้วด้วย)
รวมชุดอาหารญี่ปุ่นที่มีสารพัดของดิบสดๆ
       เอาเป็นว่าอย่าให้เสียเวลาตาม “ผู้จัดการตระเวนกิน” ออกตระเวนหม่ำบุฟเฟ่ต์ของที่นี่กันเลยจะดีกว่า เพราะอาหารแต่ละอย่างหน้าตาชวนน้ำลายไหลน่ากิ๊น น่ากินทั้งนั้น อย่างที่ซุ้มแรกเป็นมุมสลัดบาร์ ที่ถูกใจบรรดาสาวๆ กลัวอ้วนทั้งหลาย สลัดบาร์ซุ้มนี้มีผักและผลไม้สารพัดอย่างให้เลือกกิน อาทิ ข้าวโพด ลูกเดือย มะเขือเทศ ถั่วแดงหอมใหญ่ ผักกาดแก้ว สาหร่าย แมงกะพรุน ไข่นกกระทา สลัดแฮม มะกอกดอง แตงขวาดอง และน้ำสลัดหลากหลายรสชาติไว้สำหรับราดกินกัน และพิเศษตรงที่มีโยเกิร์ตถ้วยไว้บริการอีกต่างหาก
      
       ถัดจากซุ้มสลัดใกล้ๆ กันเป็นมุมอาหารญี่ปุ่น ซุ้มนี้ถูกใจนักกินอาหารดิบสดๆ ทั้งหลาย มีทั้งปลาแซลมอนเนื้อสีส้มสดและปลาไท้แล่เป็นชิ้นบางๆ ไว้บริการ หรือจะเป็น ปูอัด ปลาหมึกยักษ์ และซูชิ สอดไส้หัวไชเท้า แตงกวาดอง ที่รับรองว่าใครชอบกินอาหารญี่ปุ่นแค่มาซุ้มนี้ซุ้มเดียวก็อิ่มแน่นตื้อคุ้ม ราคากันแล้ว
      
       ส่วนถ้าใครกลัวว่าจะกินแต่ของดิบๆ สดๆ แล้วจะเลี่ยนเดินเบี่ยงมาอีกนิดจะเจอกับมุมประเภทยำ ที่มีสารพัดเมนูยำๆ แล้วแต่จะสั่ง ไม่ว่าจะเป็น ยำวุ้นเส้น ยำรวมมิตร ยำหมูยอ ที่รสชาติอาหารยำของที่นี่นั้นออกแนวเปรี้ยว แซบสะใจนัก
หมูย่างนารายณ์
       ใกล้ๆ กันเป็นมุมอาหารจานด่วนมี หมูย่างนารายณ์ที่หากินที่ไหนไม่ได้นอกจากที่นี่ที่เดียว และก็มีซุ้มก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่ลวกกันสดๆ เสิร์ฟกันแบบร้อนๆ และอีกหนึ่งอย่างที่น่าสนใจเป็นสเต็กลาวไก่ หมู ที่เสิร์ฟมาพร้อมข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ ที่กินมากรับรองว่าพุงกางกันเห็นๆ
      
       ออกมาจากมุมของกินเบาๆ ท้อง มาต่อกันที่มุมกับข้าวกินอิ่ม แน่นท้องกันดีกว่า เห็นวางตั้งเป็นแถวละลานตา มีสารพัดเมนูให้เลือกกิน ไม่ว่าจะเป็น น้ำพริกกะปิ ปลาทู กับสารพัดผักเครื่องเคียง บรรดาขนมจีนน้ำยาต่างๆ อาทิ น้ำพริก น้ำยากะทิสด ซาวน้ำ เลือกกินตามใจปากกันไปเลย หรือจะเป็นอาหารประเภทข้าวพร้อมกับนั้นก็มีหลายเมนู อาทิ แกงมัสมั่นหมู ทอดมันปลากราย ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ข้าวผัดไก่ แกงเลียงปลากรอบ เนื้อตุ๋นฟองเบียร์ ปลาแซลมอนย่างซีอิ๊ว ซี่โครงหมูอบซอสบาร์บีคิว มันฝรั่งอบชีส เรียกว่าเลือกตักกินกันจนตาลายกันเลยทีเดียว
สารพัดเมนูกับข้าวมีให้เลือกตักกินกันหลายหลากรายการ
       แต่ช้าก่อนอย่าเพิ่งตาลายกันจริงๆ หรือว่าอิ่มกันจนเกินไป เพราะยังมีของหวานตบท้ายให้เลือกกินกันอีกหลายอย่าง ทั้งขนมเค้กหลากหลายรสชาติ ไอศกรีมหลากรส ขนมหวานแบบไทยก็มี ลูกเดือยเปียกมะพร้าวอ่อน ลอดช่องสิงคโปร์ และผลไม้สดๆ ตามฤดูกาลกินล้างปากอีกที
      
       บอกได้คำเดียวเลยว่ามื้อนี้กับการกินอาหาร “บุฟเฟ่ต์นานาชาติ” ที่ ห้องอาหารระเบียงทอง โรงแรมนารายณ์แห่งนี้ ทำเอา “ผู้จัดการตระเวนกิน” ทั้งอิ่มทั้งแน่น กลับบ้านนอนแฮปปี้แถมแอบนอนตีพุงยุ้ยๆ ของตัวเองเล่นอีกสักทีสองที เฮ้อ!! มันช่างมีความสุขกับการได้กินอาหารดีๆ ถูกใจอย่างนี้เสียจริงๆ เลย
      
       
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 
      
       
ห้องอาหารระเบียงทอง  ตั้งอยู่ที่ โรงแรมนารายณ์ 222 ถ.สีลม บางรัก กทม. เปิดให้บริการทุกวัน มื้อกลางวันเวลา 11.30 –14.30 น. และมื้อค่ำเวลา 18.00 – 22.00 น. ถ้าจะมากินบุฟเฟ่ต์ที่นี่โทร.สำรองจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนก็จะดี เพราะคนจะแน่นมากอาจไม่มีโต๊ะนั่ง โทร. 0-2237-0100

“Caf’e Venue” ร้านโมเดิร์นสไตล์ กับหลายเมนูชวนกิน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 สิงหาคม 2547 11:17 น.
บรรยากาศด้านใน “Caf’e Venue” ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นดูสบายตา
       ต้นเดือนอีกแล้ว เห็นหลายๆ คนยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง เพราะเพิ่งจะรับทรัพย์เงินเดือนกันมา ก็อย่างว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ พอต้นเดือนเงินเดือนออกใครบ้างละจะไม่ดีใจ และพอมีเงินตุงกระเป๋าทีไร เป็นต้องหาเรื่องเอาเงินออกจากกระเป๋ากันบ้าง อย่างเมื่อวันก่อน “ผู้จัดการตระเวนกิน” ก็ไปเดินใช้เงินกับเขาสักหน่อยที่ห้างสรรพสินค้า ตามประสาคนกำลังมีตังค์ ตอนแรกก็ว่าจะไปเดินเล่นๆ ซื้อของใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ก็เท่านั้น
      
       ครั้นพอเริ่มออกเดินไม่ทันจะได้ของเลยสักชิ้น ก็เหมือนว่าจะได้ยินเสียงร้องในท้องมันดังออกมา เอาอีกแล้วสิเรา สงสัยยังไม่ทันจะได้ซื้อของ ก็เป็นอันว่าต้องรีบสนองความหิวกันก่อนแล้ว
นาโช่
       และหลังจากที่เดินเมียงมองสอดส่องหาร้านอาหารน่ากินๆ อยู่สักพัก ก็มาเจอะเข้ากับร้านอาหารชวนนั่ง ชื่อว่า
       “Caf’e Venue” ที่บรรยากาศด้านในร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์นดูแล้วสบายตา พื้นที่กว้างขวางถูกจัดสรรปันส่วนอย่างดี มีที่นั่งเป็นมุมเก้าอี้หลากสีสัน มุมโต๊ะนั่งที่มีโซฟาติดผนัง หรือจะเป็นมุมโต๊ะเก้าอี้ตัวน้อยที่สีเข้ากันกับฝาผนัง และเพิ่มความชวนนั่งกินกับแสงไฟที่ส่องประกายแลดูนวลตา นี่แค่ได้นั่งยังไม่ทันกินก็เหมือนจะรู้สึกอิ่มยังไงบอกไม่ถูก
      
       เอาเป็นว่าเราเลยต้องรีบเรียกขอเมนูอาหารมาสั่งกันจะดีกว่า พอเปิดดูเมนูก็รู้ว่าร้าน “Caf’e Venue” เขามีทั้งอาหารไทยและอาหารอิตาเลี่ยน รวมไปถึงเค้กโฮมเมด (สไตล์ฝรั่งเศส) และกาแฟบริการ ทำเอา “ผู้จัดการตระเวนกิน” เลือกไปถูกไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจได้ว่าขอสั่งเป็นเมนูอาหารอิตาเลี่ยนก็แล้วกัน แบบว่าอารมณ์มันยากแถมหน้าตาอาหารจากในรูปเมนูมันยั่วใจ
ทาโก้หมู
       จากแรกที่สั่งมา บาลซามิโก้สลัด (95 บาท) เป็นสลัดผักที่มีผักไฮโดรโปนิกส์สดๆ หลายชนิด และมีแครอท พริกยักษ์ มะเขือเทศเชอร์รี่ ส่วนน้ำสลัดเป็นน้ำสลัดบาลซามิโก้เดรสซิ่งที่มีส่วนผสมของเรดไวน์เวนิก้า และโอลีฟออย ที่กินยังไงก็ไม่อ้วน แถมถูกใจในรสชาติที่ผักสดกรอบเข้ากับน้ำสลัดออกเปรี้ยวนิดๆ
      
       เมนูต่อมาเป็น นาโช่ (99 บาท) หน้าตาดูเหมือนแป้งทอดกรอบธรรมดา แต่ถ้าได้ลิ้มลองแล้วจะรู้ว่ารสชาติดีไม่ยอก เป็นแป้งนาโช่ที่นำมาทอดกรอบ ราดด้วยซอสมะเขือเทศซัลซ่าและซาวครีม เคี้ยวแป้งที่กรอบกรุบรสชาติออกมันๆ เข้ากันกับซอสมะเขือและซาวครีม
      
       ทาโก้หมู (150 บาท) ถูกเสิร์ฟตามมาติดๆ หน้าตาดูเหมือนขนมเบื้องไทยบ้านเรา แต่ว่าไม่ใช่ ที่จริงมันคือแป้งทาโก้ ที่ข้างในมีไส้หมูสับผัดกับซอสมะเขือ และใส่ผักอย่างพริกยักษ์สีเหลือง สีแดง และสีเขียว โรยหน้าด้วยชีสเชสด้า ก่อนนำไปอบให้ชีสละลายอีกที ก็ได้ทาโก้หมูที่รสชาติดีเคี้ยวกร้วมรวมกันทั้งคำแป้งกรอบเคี้ยวกรุบ เข้ากั๊น เข้ากันกับไส้หมูข้างในรสชาติมันๆ
ซีฟู้ดชุปแป้งทอด
       ตามติดอารมณ์ของทอดๆ กันต่อ แต่จานนี้เป็น ซีฟู้ดชุปแป้งทอด (165 บาท) สีสันเหลืองทองชวนกิน ทั้งกุ้ง ปลาหมึก ที่คลุกกับแป้งปรุงรสแล้วทอดให้เหลืองกรอบ จะกินเพียวๆ ก็สัมผัสได้ถึงความกรอบของแป้งและความสดของกุ้ง ปลาหมึก หรือจะจิ้มกินกับตาต้าซอส เพิ่มรสชาติเค็มๆ มันๆ อีกแบบกลมกล่อมอย่าบอกใครเชียว
      
       สปาเก็ตตี้ เส้นปลาหมึกดำ ซีฟู้ด (180 บาท) ถูกเสิร์ฟมาเป็นจนสุดท้าย แต่ถือว่าเป็นเมนูเด่นของที่นี่เขาเลย เพราะด้วยความพิเศษของเส้นพาสต้าดำที่ทำมาจากดีของปลาหมึก ที่รับรองกินแล้วฟันไม่ดำ นำมาผัดรวมกันกับหอยแมลงภู่ตัวใหญ่จากนิวซีแลนด์ กุ้งและปลาหมึก แค่ตักเส้นพาสต้าเข้าปากก็รับรู้ได้ถึงความเหนียวนุ่มของเส้นพาสต้า และความสดของอาหารทะเลที่เคี้ยวหนึบหนับเต็มปาก
สปาเก็ตตี้ เส้นปลาหมึกดำ ซีฟู้ด
       นี่ขนาดว่า “ผู้จัดการตระเวนกิน”แค่กินเพื่อสนองความหิวและความอยากก็ปาเข้าไปหลายจานอยู่เหมือนกัน แต่ที่กินมาทั้งนี้เป็นเมนูอาหารอิตาเลี่ยน ซึ่งที่ร้าน “Caf’e Venue” เขาก็ยังมีอาหารไทยขายอย่างที่บอกที่น่ากินไม่น้อยไปกว่ากัน อาทิ ปูนิ่มผัดขี้เมากระเพรากรอบ (150 บาท) แกงเหลืองปลาแซลมอนหน่อไม้ (150 บาท) และอีกสารพัดเมนูน่าลิ้มลอง ก็ถ้าใครชื่นชอบในความหลากหลายของอาหารที่มาแล้วมีให้เมนูให้เลือกกินได้ หลายอย่าง ก็แวะมาตระเวนกินที่ร้าน “Caf’e Venue” นี้กันบ้างก็แล้วกัน ขอบอก! ว่าจะติดใจ
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
      
       “Cafe’ Venue” ตั้ง อยู่ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 1 ฝั่งพลาซ่า อยู่ติดกับซีสเลอร์ เปิดทุกวันเวลา 10.00-22.00 น.โทร. 0-2541-1616 และยังมีอีก 2 สาขา ที่ เซ็นทรัลบางนา ชั้น 3 โทร. 0-2399-5780 และ โรบินสัน รัชดา ชั้น 1 โทร. 0-2641-3992