homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

เคลิ้มรสชาติ ในบรรยากาศบ้านเก่า ที่“บ้านผ่านฟ้า”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กันยายน 2547 18:20 น.

บรรยากาศสวนด้านหลัง มองเห็น “บ้านผ่านฟ้า” หลังงาม
       เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอะไร ใครๆ ก็นิยมของเก่า ของโบราณกันทั้งนั้น เอาแค่เรื่องใกล้ๆ ตัว อย่างแฟชั่นผู้คนก็หันเหมานิยมแฟชั่นย้อนยุค สมัยคุณแม่ยังสาว คุณพ่อยังหนุ่ม ซึ่งนับวันคนบ้านเราจะนิยมของเก่าแก่เก่าเก็บกันมากขึ้น
      
       เรื่องนี้พลอยลามมาถึงเรื่องอาหารการกินด้วย โดยเทรนด์การนำบ้านเก่ามามาเนรมิตใหม่ เปิดเป็นร้านอาหาร นับว่ากำลังเป็นที่นิยม เหมือนอย่างกับร้าน “บ้านผ่านฟ้า” ที่ “ผู้จัดการตระเวนกิน” เพิ่งจะไปหม่ำมา เมื่อไม่นานนี้
      
       “บ้านผ่านฟ้า” บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังใหญ่สร้างสไตล์ชิโนปอร์ตุกีส ตั้งแต่สมัย ร.5 ถ้านับอายุอานามก็ปาเข้าไป 100 กว่าปีเห็นจะได้ เมื่อเดินเข้ามาสัมผัสกับพื้นที่ด้านใน ก็รู้ว่าบ้านหลังนี้ใหญ่โตขนาดไหน พื้นที่ในตัวบ้านถูกจัดสรรปันส่วนเป็นห้องๆ ตกแต่งแบบร่วมสมัย และติดแอร์เย็นฉ่ำน่านั่ง แถมมีวงดนตรีดูโอแบนด์ เล่นเพลงขับกล่อมให้ฟังด้วย
บรรยากาศด้านใน ตกแต่งแบบร่วมสมัยชวนนั่ง
       ครั้นพอเดินไปด้านหลังตัวบ้าน ก็กลายเป็นสวนโล่งๆ โปร่งสบาย ให้นั่งกินอาหารท่ามกลางบรรยากาศริมน้ำรับลมเย็นสบาย และมีวงดนตรีเล่นเพลงแนวอะคูสติกให้ฟังกันสดๆ ช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการกินอาหารได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
บาร์บีคิวซี่โครงอ่อน
       นี่แค่บรรยากาศที่ชวนนั่ง ส่วนเรื่องอาหารของที่นี่ก็ชวนหม่ำไม่น้อยหน้ากัน มีทั้งอาหารไทย อาหารจีน และฝรั่ง ไว้คอยบริการให้ผู้ที่ชื่นชอบอาหารได้เลือกกินอย่างหลากหลาย
      
       สำหรับอาหารที่ “ผู้จัดการตระเวนกิน” เลือกสั่งมาหม่ำในมื้อนี้นั้นก็มีครบทั้งอาหารไทย-จีน- ฝรั่ง เอาแบบว่าคัดๆ มาแล้วว่ารสเด็ดโดนใจ ถูกปากจนต้องบอกต่อก็มี โรตีแกงเขียวหวานไก่ (100 บาท) เป็นเมนูไทยๆ คือแกงเขียวหวานไก่ ที่เน้นเครื่องแกงเขียวหวานครบเครื่อง แต่เด่นตรงที่กินกับสวยคงจะน่าเบื่อ ทางร้านจึงนำแป้งโรตีร้อนๆ นุ่มๆ มาให้กินคู่กัน รสชาติความเด็ดจึงอยู่ที่แป้งโรตีเนื้อเนียนนุ่ม เคี้ยวกร้วมรวมเข้ากับแกงเขียวหวานเผ็ดรสจัด เข้มข้น หอมมันน้ำกะทิ
ปลากะพงผัดแห้ง
       ตามด้วยอาหารฝรั่ง บาร์บีคิวซี่โครงอ่อน (180บาท) บอกเลยว่าถูกใจคนชอบกินซี่โครงอ่อนเป็นแน่ เพราะซี่โครงหมูอ่อนนี้นุ่มมาก ชนิดว่าเคี้ยวกระดูกอ่อนกรุบๆ เพลินปากกันเลยละ ที่กระดูกหมูนุ่มอ่อนได้ขนาดนี้เพราะทางร้านนำซี่โครงหมูอ่อน หมักด้วยเครื่องเทศ นำไปทอดแล้วตุ๋นแล้วอบแล้วตุ๋นแล้วทอดอีกครั้ง และราดด้วยน้ำซอสบาร์บีคิวสูตรพิเศษของทางร้าน ออกมาเป็นเมนูจานนี้ที่กินแล้วต้องยกนิ้วให้เขาเลย
      
       ปลากะพงผัดแห้ง (180 บาท) เป็นเมนูอาหารจีน ที่ใช้ปลากะพงสดๆ แล่เอาเฉพาะเนื้อปลา (ตัดหัวตัดหาง เลาะเอาก้างออก ใส่เหล้าจีนลงไปในเนื้อปลา เพื่อดับคาว) และชุบแป้งข้าวโพดทอดกรอบ ก่อนนำไปผัดรวมกับเครื่องเทศ ใส่หอมใหญ่ ต้นหอม เห็ดหอม พริกชี้ฟ้าเหลืองแดง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ได้ครบรสชาติความกรุบกรอบของเนื้อปลา ถึงแม้จะออกแห้งๆ แต่กินกับข้าวร้อนๆ ก็เข้ากันดี
แกงเลียงกุ้งสดยอดมะพร้าวอ่อนผักหวาน
       ปิดท้ายด้วยเมนูไทยๆ อีกอย่างเป็น แกงเลียงกุ้งสดยอดมะพร้าวอ่อนผักหวาน (120 บาท) สั่งมาซดน้ำแก้ฝืดคอ แกงเลียงหม้อนี้ใส่กุ้งแม่น้ำสดๆ ใส่ผักหลายอย่างทั้งฟักทอง บวบ ข้าวโพดอ่อน เห็ดฟาง และเด่นตรงที่ใส่ยอดมะพร้าวอ่อน และผักหวานลงไปด้วย รสชาติเด็ดสะระตี่ถูกปากคนไทย ซดน้ำแกงเผ็ดร้อนเข้มข้นสะใจถึงเครื่องแกงเลียง
      
       นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าลองอีกหลายอย่าง อาทิ ปลา กะพงผัดพริกไทยดำ (180 บาท) ผัดฉ่าทะเลเดือด (180 บาท) ปลาช่อนแช่น้ำปลาทอด (180 บาท) ปลาแซลมอนย่าง (200 บาท) ขาหมูผ่านฟ้า (220 บาท) หากถ้าใครอ่านจบแล้วรู้สึกหิวขึ้นมาตงิดๆ ในทันทีทันใด ก็รีบออกจากบ้านบึ่งรถตามไปตระเวนกินที่ร้าน “บ้านผ่านฟ้า” กันได้เลย อย่ามัวรอจนท้องร้องเสียงดังละ เพราะคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อาจจะได้ยิน อายเขารู้ไหม!!
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       

       “บ้านผ่านฟ้า” ตั้งอยู่ที่ 591 ถ.พระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพ ใกล้แยกผ่านฟ้า ถ้ามาด้านถ.พระสุเมรุ ร้านจะอยู่ข้างธนาคารกรุงเทพ เปิดบริการทุกวันเวลา 17.00-24.00 น. โทรจองโต๊ะล่วงหน้าหรือสอบถามการเดินทางได้ที่ 0-2281-6237

ละเมียดละไม สไตล์ฝรั่งเศส ที่ “Café de France ”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2547 14:16 น. 
บรรยากาศภายในร้านที่สบายๆ แต่แฝงด้วยความคลาสสิก
       เดี๋ยวนี้อาหารฝรั่งเศสดูจะไม่ใช่ของแปลกใหม่สำหรับคนไทย เพียงถ้านึกอยากจะทานก็มุ่งตรงไปที่ห้องอาหารของโรงแรมใหญ่ๆ ก็เป็นได้ทานแล้ว แต่บางครั้งการทานอาหารก็ไม่ได้อยู่ที่ความอิ่มหรือสักแต่ว่าได้ทาน รสชาติและบรรยากาศดูจะเป็นความต้องการลำดับแรกๆที่จะต้องนึกถึงควบคู่กันไป ด้วย
แซลมอนพริกไทยดำ
       “ผู้จัดการตระเวนกิน” ยอมเสียเวลาตระเวนหาร้านอาหารที่เข้าถึงความเป็นฝรั่งเศส แบบว่าไม่ต้องบินไปไกลถึงฝรั่งเศสให้เปลืองค่าตั๋วเครื่องบิน แล้วก็ไปเจอะเจอกับร้าน “Café de France” (คาเฟ่เดอร์ ฟรองซ์ ) อยู่ที่เมืองทองธานีนี่เอง เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสและยุโรปแต่ราคาย่อมเยาแบบคนไทย เรื่องรสชาติอาหารก็ถูกลิ้นทั้งคนไทยและคนฝรั่งเศสได้อย่างลงตัว โดยมีคุณวงศ์กมลและคุณคริสทอป เป็นเจ้าของ
      
       ถึงแม้จะมีเชฟจากโรงแรมระดับ 5 ดาว มาโชว์ฝีมือทำอาหารแต่คุณคริสทอป ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส ก็จะมาดูแลด้วยตัวเอง ทั้งสูตร วิธีทำ และการจัดวางอาหาร ที่เป็นตำรับฝรั่งเศสจริงๆ สิ่งที่ทำให้สะดุดใจอย่างหนึ่งเห็นจะเป็นบรรยากาศภายในร้านที่เน้นความสบายๆ แต่แฝงด้วยความคลาสสิก และดูมีความเป็นส่วนตัวเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในห้องรับแขกของบ้านเราเองยัง ไงยังงั้น
เป็ดซอสส้ม
       ด้วยความชอบในงานศิลปะและเคยเรียนการออกแบบตกแต่งของเจ้าของร้าน เลยทำให้ทุกมุมของร้านดูน่านั่ง บนฝาผนังมีภาพวาดสวยๆ ทั้งจากฝีมือศิลปินไทยและเทศเรียกความสบายตา บวกกับเพลงสากลที่เปิดคลอเบาๆ เป็นความสบายหูที่ดูไม่ยัดเยียดความอึกทึกจนรบกวนอรรถรสการพูดคุย รวมกันเป็นความสบายใจที่เหมาะจะพาคนพิเศษ หรือครอบครัวมานั่งทาน นอกจากนี้บนชั้น 2 ของร้านยังถูกจัดให้เป็นเหมือนแกลอรีเล็กๆ ที่รวบรวมภาพสีน้ำฝีมือศิลปินไทยหลายคน ซึ่งถ้าใครสนใจภาพไหนก็ซื้อกลับบ้านกันได้
      
       แล้วก็ถึงเวลาทานอาหารเริ่มด้วยจานเบาๆ เรียกน้ำย่อยค่อยๆ ละเลียดคือ ซีซาร์สลัด (120 บาท) นอกจากผักคอสส์ และผักกาดแก้วจะสดกรอบน่าทานแล้วความพิเศษของจานนี้อยู่ที่ชีสเส้นบางๆ ที่คลุกเคล้ากับน้ำสลัดข้น แถมมีเบคอนสติ๊กสุดอร่อยที่มันกรอบกำลังดี ให้ได้ทานคู่กันด้วย
      
       จานถัดมาเหมาะมากกับคนที่ชอบทานปลา เป็น แซลมอนพริกไทยดำ ( 190 บาท) ปลาแซลมอนชิ้นโตเนื้อนุ่มย่างกำลังดี ราดด้วยน้ำซอสพริกไทยดำ ทานกับข้าวผัดเนยหอมกรุ่น มีวิตามินเสริมจากมะเขือเทศและหน่อไม้ฝรั่งผัดเนยกรอบๆ
ไก่เหล้าแดง
       ส่วนเป็ดซอสส้ม (180 บาท) กลิ่นหอมน่าทาน สูตรต้นตำรับจากฝรั่งเศสแท้ๆ คัดเอาส่วนอกของเป็ดมาทำ น้ำซอสรสเปรี้ยวหวานที่มีส่วนผสมของบรั่นดีรสนุ่มอยู่ด้วย แต่งเติมด้วยด้วยส้มซันควิกเปรี้ยวจี๊ด มันฝรั่งทอดกรอบ และผักโขมผัดซอสขาว
ชอคโกแลตมูส
       จากอาหารจานเป็ดมาต่อที่อาหารจานไก่ เป็นไก่เหล้าแดง (180 บาท) น่องไก่ติดสะโพกหมักจนเข้าเนื้อ แล้วตุ๋นจนเนื้อไก่เปื่อยนุ่ม ราดด้วยซอสที่ทำมาจากไวน์แดง ใส่เห็ดแชมปิยอง และหอมแดง และไม่ต้องกลัวว่าทานจานนี้แล้วจะมึนเพราะใส่ไวน์แค่นิดเดียว แต่ถ้าอยากจิบไวน์คู่กันไปด้วย ก็มีบริการไวน์เป็นแก้ว แก้วละ 80 บาทเท่านั้น หรือถ้าอยากเปิดเป็นขวดก็ได้ เพราะที่ร้านนี้มีทั้งไวน์ขาว ชาร์โดเนต์ (540 บาท)ไวน์แดง คาเบเน่ เซอวีนองต์ (540 บาท) เลอตัน เมอรอตต์ (1,200 บาท) และอีกหลายชนิดให้เลือกดื่มแกล้มกับอาหาร
      
       ปิดท้ายมื้อด้วยของหวานที่มีอยู่หลายอย่างทั้ง เครปซูเซตกับไอศกรีมวนิลา (85 บาท) คัสตาร์ดคาราเมล (50 บาท) ไอศครีมรสต่างๆ (40 บาท) แต่ “ผู้จัดการตระเวนกิน” เลือกทาน ครีมบูเล่ (85 บาท) รสชาติหอมมันเข้มข้น และชอคโกแลตมูส (90 บาท) รสอร่อย ค่อยๆทานไป ฟังเพลงเพราะๆไป แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขเพิ่มขึ้นอีกหลายขีด เพราะบางครั้ง....การทานอาหารเราก็ต้องการมากกว่าความอิ่ม
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       
ผ่านไปเมืองทองธานี ก็สามารถแวะไปที่ร้าน “คาเฟเดอร์ฟรองซ์” ได้ ตั้งอยู่ที่ตึกเจนีวา ตรงถนนบอนด์สตรีท เลยโรงแรมอิสตินเลคไซด์ ไปทางติวานนท์ ประมาณ 300 เมตร มีที่จอดรถสะดวกสบาย ร้านเปิดเป็น 2 ช่วง คือ 11.30-14.00 น. (มี Set Lunch จัดไว้ให้ 3 อย่าง ในราคา เพียง 280 บาท) และ 17.30-22.00 น. หยุดทุกวันอังคาร โทร. 0-2961-0962, 0-9069-3805 www.thaifoodcorner.com/cafedefrance

“ซินยอร์ ปิโก้” เมนูเม็กซิกัน กินมันปาก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มิถุนายน 2547 10:52 น. 
บรรยากาศสไตล์เม็กซิกัน ชวนนั่งหม่ำอาหาร ที่ “ซินยอร์ ปิโก้”
       ว่ากันว่าคนไทย เป็นคนไม่เรื่องมาก สบายๆ อยู่ง่ายกินง่าย โดยเฉพาะเรื่องกินนี่ เรียกว่ากินอาหารง่ายๆ กินได้ทุกอย่าง ขอแค่มีข้าวเปล่าแล้วก็น้ำปลาพริกเป็นอันพอ
      
       และด้วยความที่ลิ้นคนไทยมักจะติดอาหารรสชาติที่ออกจัดจ้านกันสัก หน่อย อาหารในแต่ละมื้อจึงต้องมีส่วนประกอบจำพวกพริกหรือเครื่องเทศชูรสชาติจัด จ้านรวมอยู่ด้วยเพื่อให้ได้รสชาติที่ถึงใจถูกใจปากกัน
Quesadillas
       มื้อนี้ของ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ขอพาบรรดามิตรรักนักกินทุกท่าน ไปลองลิ้มอาหารรสชาติใหม่ๆ กันบ้างกับอาหารสไตล์เม็กซิกัน ที่มีรสชาติเข้มข้น และเผ็ดร้อนด้วยเครื่องเทศ แต่กินแล้วมันปากคล้ายคลึงกับอาหารไทยบ้านเรา โดยไปตระเวนกินกันที่ ห้องอาหารเม็กซิกัน “ซินยอร์ ปิโก้” โรงแรม แรมแบรนดท์ (Rembrandt) ย่านถนนสุขุมวิท
      
       แค่ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในห้องอาหารก็สัมผัสได้กับบรรยากาศที่อบอวล ไปด้วยกลิ่นอายความเป็นเม็กซิกันที่ดูเรียบง่าย เป็นกันเอง แต่เก๋ไก๋ลงตัวตามรูปแบบของห้องอาหารเม็กซิกันสมัยใหม่ เน้นสีสันโทนร้อนแรง แถมเพิ่มอรรถรสการกินด้วยเสียงเพลงจากวงดนตรี “ลอส เอลราโด” (Los Heraldos Band) ที่มาจากคิวบา เล่นบรรเลงเพลงสไตล์ลาตินสนุกสนาน
Fajitas De Camarones
       สำหรับอาหารของที่นี่เป็นสไตล์อาหารเม็กซิกันแท้ๆ ปรุงจากต้นตำรับดั้งเดิม ไม่ได้ปรับแต่งรสชาติ เรียกว่าเหมือนบินไปกินอาหารเม็กซิกันถึงประเทศเม็กซิโกกันทีเดียว
      
       อย่างที่ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ได้ลองลิ้มแล้วติดใจติดปากแล้วอยากจะแนะนำให้มาลองชิมรสชาติกันดูบ้าง ก็มีอยู่หลายตัว อย่างเมนูแรกเป็นออเดิร์ฟเบาๆ หรือของว่าง Quesadillas (130 บาท++) หน้าตาสวยงามจัดมาเป็นรูปดาวดวงโต แต่ที่จริงเป็นแป้งทอดรูปสามเหลี่ยมข้างในเป็นไส้ชีส ผสมกับหัวหอมใหญ่ผัดกับพริกเม็กซิกัน จะกินแป้งทอดเพียวๆ ก็ได้รสชาติที่แป้งกรอบนุ่มชีสหนืดกลมกล่อมเผ็ดนิดๆ จากพริกเม็กซิกัน หรือจะกินกับเครื่องที่เสิร์ฟมาจิ้มกินแกล้มกัน มีเรดซันซ่า ซอสซาวส์ครีม ซอสอะโวคาโด คัวกาโมเล่ เลือกจิ้มได้ตามใจปาก
Jaiba Relleno
       พอลิ้นเริ่มคุ้นกับรสชาติอาหารเม็กซิกัน ก็ต่อด้วยเมนูจานพิเศษกับ Fajitas De Camarones (410 บาท++) เป็นกุ้งหมักมะนาว ที่ผัดกับพริกหวาน หอมใหญ่ หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพด และปรุงรสด้วยเครื่องปรุง เสิร์ฟมาบนกระทะจานร้อน กลิ่นหอมฉุย แล้วก็มีสารพัดเครื่องเคียงอย่าง พริกดอง ถั่วผัด ชีส ซาวส์ครีม ข้าวผัดเม็กซิกัน และแผ่นแป้งโตตีย่ากินคู่กัน
      
       เมนูนี้มีเทคนิคการกินนิดหน่อยคือ นำแผ่นแป้งโตติย่าร้อนๆ มาทากับถั่วผัดให้ทั่วแผ่น ตักกุ้งและผักใส่ลงไป โรยชีสตาม และราดด้วยซาวส์ครีม จากนั้นก็ม้วนแผ่นแป้งแล้วกัดกินทั้งคำ ได้รสชาติกลมกล่อมเข้ากันของแป้งที่เนื้อนุ่มกับกุ้งเนื้อแน่นกรอบ ออกเปรี้ยวนิดๆ จากซาวส์ครีม และตักข้าวผัดเม็กซิกันตามเข้าปากอีกคำ ได้รสชาติมันๆ เข้ากันไปอีกหนึ่งรสชาติ
      
       Jaiba Relleno (320 บาท++) อีกหนึ่งเมนูน่าลิ้มลอง เป็นเนื้อปูทะเลนำไปผัดกับกระเทียม หอมใหญ่ วิปปิ้งครีม และเพิ่มรสชาติบวกความหอมด้วยไวท์ขาว จากนั้นนำไปใส่ในกระดองปูให้สวยงาม โรยด้วยเกล็ดขนมปัง แล้วนำไปอบอีกครั้ง เสร็จสรรพเสิร์ฟพร้อมแป้งโตติย่าอบร้อนๆ เวลากินตักเนื้อปูลงบนแผ่นแป้ง บีบมะนาวนิดหน่อยแล้วห่อให้พอดีคำ อ้ำคำแรกได้รสชาติแป้งนุ่มเนื้อปูหวานมัน เข้ากันนักและออกเปรี้ยวนิดๆ จากมะนาวที่บีบลงไปตัดความเลี่ยนได้ดีนัก
The Best of All In One
       นอกจากของคาวแล้วก็มีของหวานที่น่าหม่ำอย่าง The Best of All In One (150 บาท++) เป็นไอศกรีมรสรัมเลซิน และมีช็อกโกแลตมูส ราดด้วยซอสราสเบอร์รี่ และซาวส์ครีม ไอศกรีมหวานเย็นชุ่มคอ ช็อกโกแลตมูสรสนุ่ม กินตบท้ายมื้อล้างปากดีนักเชียว
      
       ยังไม่หมดเพียงเท่านี้สำหรับเมนูที่น่าลิ้มลองยังมี Carnitas เป็นหมูอบซอสสไตล์เม็กซิกัน(320 บาท++) Enchiladas แพนเค้ก เนื้อ, ไก่ หรือแซลมอนราดด้วยซอสมะเขือเทศรสเผ็ด (340 บาท++) และอีกหลากเมนูเด็ด ทั้งซุป สลัด อาหารทะเล เนื้อ ไก่ และเมนูพิเศษอีกหลายรายการ ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารสไตล์เม็กซิกันแท้ๆ และเป็นรสชาติใหม่ๆ ที่น่าลิ้มลอง
       
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 
       
ห้องอาหารเม็กซิกัน ซินยอร์ ปิโก้ ตั้งอยู่ที่โรงแรม แรมแบรนดท์ ถ.สุขุมวิท ซอย18 คลองเตย กทม.  เปิดบริการทุกวัน เวลา 17.00-01.00 น. โทร.0-2261-7100 ต่อ 7550, 7443

“Himali Cha Cha” อาหารอินตะระเดีย รสเด็ด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2547 14:31 น.
บรรยากาศของร้าน Himali Cha Cha ที่ตกแต่งสไตล์อินเดียประยุกต์
       “เฮ ฮาลาชาลาฮา เฮ”เสียงเพลงสำเนียงไม่คุ้นหูดังแว่วมาจากจอสี่เหลี่ยม (ขนาด 21 นิ้ว) พร้อมๆกับภาพชายหนุ่มหญิงสาวหน้าตาคมเข้มวิ่งไปมาท่ามกลางแมกไม้และใบหญ้า ดวงหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกับระยะทางซึ่งถ้าวัดกัน แล้วก็คงจะหลายกิโลเมตร
      
       ภาพยนตร์อินเดีย ดูจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาชาติใดเหมือนได้ยาก แต่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์อีกอย่าง เห็นจะหนีไม่พ้น อาหารอินเดียที่ทั้งรสชาติและกลิ่นของเครื่องเทศบ่งบอกความเป็นอินเดียไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
Chicken Masala
       สำหรับคนที่เปรี้ยวปาก อยากจะกินอาหารอินเดีย ก็ไม่ต้องบินไปไกลถึงประเทศอินเดีย แค่เดินทางมาที่สุขุมวิท 35 ก็จะได้พบกับร้าน Himali Cha Cha ซึ่งเป็นร้านขายอาหารอินตะระเดียแท้ๆ ตกแต่งสไตล์อินเดียประยุกต์แถมเปิดเพลงพื้นบ้านอินเดียบรรเลงเบาๆ พาลให้เรานึกว่าตัวเองอยู่ในดินแดนภารตะซะแล้ว
      
       หลังจากซึมซับกับบรรยากาศได้พักหนึ่ง “ผู้จัดการตระเวนกิน”ก็ไม่รอช้า(เพราะกระเพาะเริ่มประท้วง)จึงรีบสั่ง Chicken Masala (แกงกระหรี่ไก่ 130 บาท) อาหารอินเดียที่คุ้นลิ้นคนไทยมาประเดิมมื้อนี้กันก่อน กลิ่นเครื่องเทศแตะจมูกมาแต่ไกล เพียงคำแรกที่เข้าปากก็รู้สึกได้ถึงสารพัดเครื่องเทศ ไม่ว่าจะเป็นผงยี่หร่า ผงขมิ้น พริกป่นแขก ผงผักชี นำไปเคี่ยวกับเนื้อไก่ให้ได้ที่แถมเพิ่มความหอมด้วยไม้หอม รสชาติที่ได้จึงทั้งกลมกล่อม หอมมัน เวลาทานสามารถเลือกทานกับแป้งแผ่นที่เรียกว่า Nan(แผ่นละ 25 บาท) หรือจะทานกับข้าวเหลือง( 70 บาท)ก็ได้ มีเคล็ดลับนิดนึงว่าถ้าจะทานให้ได้รสชาติอินเดียแท้ ต้องฉีกแผ่นแป้งด้วยมือแล้วจิ้มกับแกงกะหรี่ แล้วก็อ้ำเข้าปากไปเลย สำหรับคนที่ชื่นชอบกุ้ง ก็สามารถสั่ง Prawn Dopezia (แกงกระหรี่กุ้งผัดแห้ง 185 บาท)มาทานได้
Boti Kebab
       เคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างของกลิ่นเนื้อแพะหรือแม้แต่นมแพะว่า ถ้าไม่รู้จักกรรมวิธีการทำที่ดี ก็จะทำให้อาหารที่ทำจากเนื้อแพะจานนั้นมีกลิ่นสาบของแพะจนทานไม่ได้ “ผู้จัดการตระเวนกิน” อยากลองค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง จึงลองสั่ง Boti Kebab (แพะย่าง 225 บาท)มาลองลิ้นดูซักตั้ง ทันทีที่เราส่งเนื้อแพะคำแรกเข้าปากก็รู้สึกได้ถึงความเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศที่บรรจงหมักข้ามวันพร้อมกับโยเกิร์ต สำหรับใครที่กลัวเลี่ยนสามารถบีบมะนาวพร้อมกับจิ้มหอมหัวใหญ่ซอยเข้าปากเป็น เครื่องเคียงได้ดีนักแล
Tandoori Chicken
       กำลังเคี้ยวเพลินๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นโต๊ะข้างๆกำลังฉีกไก่ย่างสีสันจี๊ดจ๊าดเข้าปาก เห็นหน้าตาน่าสนใจชวนกิน เราเลยสั่งมาลิ้มลองบ้าง กับเมนูไก่ที่ชื่อ Tandoori Chicken (ไก่ย่างแขก 280บาท)“ผู้จัดการตระเวนกิน” อดสงสัยไม่ได้ว่ารสชาติจะเหมือนกับไก่ย่างของไทยรึเปล่า จึงลองสั่งมาทานดู อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าจะกินอาหารอินเดียให้อร่อยต้องใช้มือและมือ เท่านั้น เราจึงใช้สองมือน้อยๆบรรจงฉีกไก่ย่างจานนี้พร้อมกับส่งเข้าปาก แล้วก็ถึงบางอ้อว่าไก่ย่างแขกจะไม่มัน เนื้อออกแห้งๆเมื่ออยู่ในปากแล้วเหมือนกับจะยุ่ยในปาก ไม่ต้องออกแรงเคี้ยวมากมาย แถมหอมกลิ่นเครื่องเทศซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของอาหารอินเดียอีกด้วย
ชาแขก
       บางคนอาจติดนิสัยเวลารับประทานอาหารเสร็จ ต้องดื่มกาแฟตบท้าย แต่ถ้ามาทานอาหารอินเดีย ดื่มกาแฟก็ดูจะไม่ครบสูตร ต้องดื่มชาแขก (50 บาท)ชาใส่นมรสเข้มข้นหอมเครื่องเทศ ที่ทำให้กระเพาะอิ่มอุ่น หรือถ้าใครกลัวอ้วนก็สามารถสั่งชาแขกแบบไม่ใส่นมแต่ใส่ใบสะระแหน่หอมกรุ่น แทนได้
      
       สำหรับใครที่ยังรู้สึกว่าเหลือที่ว่างในกระเพาะอยู่ ทางร้าน Himali Cha Cha ก็มีเมนูอาหารอีกหลายหลากไว้ให้เลือกทาน ไม่ว่าจะเป็น Bindi Masala (แกงกระเจี๊ยบ 85 บาท) Chicken Cuplet (ทอดมันไก่ 145 บาท) Fish Tikka (ปลาย่างแขก 165 บาท)แต่ตอนนี้ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ต้องขอตัวไปเดินย่อยอาหารก่อน เพราะอิ่มเหลือเกิน
      
       
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 
       
 
       
ร้าน Himali Cha Cha ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 35 (ตรงข้ามเอ็มโพเรี่ยม)เปิดช่วงกลางวันตั้งแต่เวลา 11.00-15.30 น. และช่วงเย็นเวลา 18.00-22.00 น.เปิดทุกวันโทร.0-2258-8846