homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

อาหารยุ่นถูกลิ้น ที่“ชิน เซน”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มิถุนายน 2547 11:53 น.
บรรยากาศกว้างขวางของห้อง “ชิน เซน” นั่งหม่ำอาหารท่ามกลางสวนสวย
       “มิตรภาพ” เป็นสิ่งสวยงามที่เกิดขึ้นที่ไหน เมื่อใด กับใคร นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่งดงาม
      
       เหมือนเช่นการออกมาตระเวนกินของ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ในมื้อนี้ ก็ได้เกิดมิตรภาพที่ดีขึ้นมาในใจ เมื่อได้เดินทางมาตระเวนกินอาหารญี่ปุ่น ที่ห้องอาหาร “ชิน เซน” ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ของโรงแรมเดอะแกรนด์ กรุงเทพฯ
      
       ห้องอาหาร “ชิน เซน”แห่งนี้บริการอาหารญี่ปุ่นแบบชาวอาทิตย์ อุทัยแท้ๆ ที่ว่าด้วยรสชาติดั้งเดิม ด้านบรรยากาศดูกว้างขวาง ตกแต่งภายในเหมือนกับว่านั่งหม่ำอาหารท่ามกลางสวนญี่ปุ่นอันสวยงาม
Sashimi Mori
       อีกทั้งเรื่องของการบริการลูกค้าที่เมื่อเข้ามาถึงห้องอาหารก็บริการ ลูกค้าด้วยความเป็นมิตร ต้อนรับด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส เรียกว่าทำเอาประทับใจไปตามๆ กัน สมกับความหมายของชื่อห้องอาหาร “ชิน เซน” ที่แปลว่ามิตรภาพ ที่บริการให้ลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
      
       ทีนี้มาว่าด้วยเรื่องอาหารที่เด่นดังของห้องอาหาร “ชิน เซน” ก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายเมนู เราเริ่มเมนูแรกที่เมื่อมากินอาหารญี่ปุ่นแล้วไม่สั่งเป็นไม่ได้กับ Sashimi Mori (1,000 บาท) เซ็ทปลาดิบรวมถาดใหญ่ที่ภายในมีสารพัดทั้ง ปลาโอ ปลาแซลมอน ปลากะพง ปลาฮามาจิ หอยปีกนก กุ้ง ปูอัด หนวดปลาหมึก ล้วนแล้วแต่ดิบสดๆ แต่ไม่คาวจัดกินกับน้ำซอสและวาซาบิ หม่ำเพลินกันไปเลย
Kani Karage
       เซ็ทปลาดิบเหมือนเป็นแค่ออร์เดิร์ฟ (จานโต) มาต่อกันที่ California Temaki (ชิ้นละ 130 บาท) ข้าวญี่ปุ่นห่อสาหร่ายที่ข้างในใส่ไส้รวมหลายอย่างทั้งกุ้ง ปูอัด หน่อไม้ฝรั่ง ไข่กุ้ง แตงกวา และราดด้วยน้ำมายองเนส ม้วนเป็นกรวย เวลากินหม่ำทั้งคำกัดรวมๆ กัน ได้รสชาติเคี้ยวมันทั้งข้าวทั้งไส้
      
       เมนูถัดมาถือว่าพิเศษสุดในช่วงนี้ Kani Karage (300 บาท) ปูนิ่มสีส้มสดตัวโตๆ ชุบแป้งเทมปุระที่ปรุงรสเสร็จสรรพแล้วทอดให้เหลืองกรอบ เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ ฉีกกล้ามปูเคี้ยวเข้าปากรสชาติปูนิ่มกรุบกรอบ เค็มๆ มันๆ ในตัว
Buri Kamayaki
       จากเมนูปูมาต่อที่เมนูปลาๆ Sake Kabutoni (250 บาท) ปลาแซลมอนเฉพาะส่วนหัวนำมาต้มกับซอสญี่ปุ่น มีเห็ดเข็มทอง เห็ดหอม ผักกวยเล้ง แครอท เต้าหู้ขาวเป็นเครื่องแกล้ม ปลาแซลมอนเนื้อสดหวาน ผสมผสานกับน้ำซอสญี่ปุ่นที่ซึมลึกถึงเนื้อปลา ได้รสชาติถูกลิ้นถูกปาก หวานๆ เค็มๆ
      
       Buri Kamayaki (400 บาท) เป็นแก้มปลาบุรีย่างเกลือหรือบ้านเราเรียกว่าปลาหางเหลือง โรยเกลือแล้วย่างด้วยไฟอ่อนๆ เอาแค่พอเหลืองสุกหอม เมนูปลานี้มีกลเม็ดเคล็ดไม่ลับในการการกินนิดหน่อย คือบีบมะนาวลงบนตัวปลา แล้วค่อยตักเนื้อปลาเข้าปาก จะได้รสชาติปลาที่เนื้อแน่นมันๆ เค็มๆ ตัดกับความเปรี้ยวนิดๆ จากมะนาว หรือจะจิ้มกินกับน้ำจิ้มโชยุที่ใส่หัวไชเท้าขูดฝอยก็เพิ่มรสชาติไปอีกแบบ
Sake Kabutoni
       ปิดท้ายมื้อล้างปากด้วยของหวานแบบญี่ปุ่นกับ Oshiruko (100 บาท) ถั่วแดงต้มจนเปื่อยร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ จากแป้งโมจิย่างที่ใส่มาในถ้วยถั่วแดงด้วย ตักถั่วแดงเข้าปากได้รสชาติหวานมัน ส่วนแป้งโมจิก็หวานเคี้ยวนุ่มนิ่มเข้ากันกับถั่วแดงต้มร้อนๆ ส่วนถ้าใครชอบล้างปากแบบกรึ่มๆ ด้วยแอลกอฮอล์พองาม ก็ต้องลองสั่งสาเกญี่ปุ่นที่ มีให้เลือกทั้งสาเกเย็นราคาขวดละ 500-680 บาท สาเกร้อนราคาขวดเล็ก 300 บาท ขวดใหญ่ 1,800 บาท จะล้างปากก็เข้าท่าหรือสั่งมากินแกล้มกับอาหารก็เข้าที
      
       และแล้วมื้ออันแสนอิ่มของ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ก็จบลงด้วยความอิ่มเอิบ อิ่มกายแน่นกระเพาะกับอาหารญี่ปุ่นรสชาติยุ่นแท้ๆ ที่ถูกปาก และอิ่มใจกับมิตรภาพใหม่ๆ ที่ได้รับจากห้องอาหาร “ชิน เซน” แห่งนี้ มิตรภาพดีๆ ที่คอยจะหยิบยื่นให้กับทุกคนที่ได้มาเยือน
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 
       ห้องอาหารญี่ปุ่น “ชิน เซน” ตั้งอยู่ที่ ชั้น 5 โรงแรมเดอะ แกรนด์ ถ.รัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ เปิดทุกวันช่วงมื้อกลางวัน11.30 – 14.30 น. และมื้อเย็น 18.00 – 22.30 น. โทร. 0-2274-1515 ต่อ 1262

อาหารไทยรสเด็ด ที่ร้านชื่อฝรั่ง “Cafe Terrace”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2547 11:44 น.
บรรยากาศด้านในร้าน “Cafe Terrace” สีสันสดใส ชวนนั่ง
       
       
“เบื่อฝนตก เบื่อรถติด เบื่อจริงๆ” ประโยคชินหูที่ช่วงนี้ใครๆ ต่างก็บ่นกันให้ระงม
      
       อันว่าเรื่องฝนตกน่ะมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องตกตามฤดูกาล ส่วนเรื่องรถติดก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่คนกรุงอย่างเราเคยชินกับมันไปเสีย แล้ว แต่พอทั้งฝนตกและรถติดมาเจอกัน เป็นใครก็ต่างต้องร้องว่าเบื่อไปตามๆ กัน

      
       บางเรื่องเรามักเบื่อกับมันง่ายๆ ทว่าสักพักจากความเบื่อหน่ายก็จะกลายมาเป็นความเคยชิน แต่กับบางเรื่องอย่างเรื่องกินๆ ทำยังไง “ผู้จัดการตระเวนกิน” ก็ไม่มีวันเบื่อ โดยเฉพาะกินอาหารไทยๆ ที่ว่าด้วยรสชาติที่หลากหลาย ทั้งเปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็ม มัน กินแล้วถูกปากถูกใจ กินบ่อยแค่ไหนก็ไม่เบื่อ
      
       อย่างมื้อนี้กับการมาตระเวนกินอาหารไทย ที่ร้านชื่อฝรั่ง “Cafe Terrace” ถึงชื่อจะออกแนวฝรั่ง แต่เน้นขายอาหารไทยๆ เป็นหลัก และมีอาหารจีนปนบ้างเล็กน้อย
      
       ด้านบรรยากาศของร้านนี้เขาก็จัดตกแต่งชวนนั่ง มีที่ให้เลือกนั่งได้ตามอารมณ์อยาก ถ้าใครชอบบรรยากาศแบบรับลมธรรมชาติเย็นๆ ก็ต้องโซนตรงเทอเรสระเบียงไม้ด้านนอก ส่วนถ้าใครชอบแบบนั่งรับลมแอร์เย็นฉ่ำก็ต้องด้านในร้าน ที่จัดตกแต่งแบบเน้นสีสัน ดูสดใสสบายตา แถมมีดนตรีเล่นเพลงเบาๆ ให้ฟังกัน และตั้งแต่เวลา 20.00-22.00 น. จะมีนักดนตรีเล่นเพลงแนวอะคูสติกเบาๆ ให้ฟังกันเพลินๆ
       
       
       ส่วนเรื่องอาหารไทยๆ ที่ทางร้านเน้นว่ารสจัดจ้านถูกใจลิ้นคนไทยนั้น เอาเท่าที่ทางร้านแนะนำให้กับ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ได้ลองลิ้มชิมรสชาติด้วยตัวเองก็มีอยู่หลายเมนู อย่างเมนูแรกที่สั่งมา ลาบหมูทอด (90 บาท) จะทานเล่นๆ หรือกินกับข้าวก็เข้ากัน เป็นการนำเอาลาบหมูมาปั้นเป็นก้อนแล้วนำไปทอดให้สุกกรอบ เคี้ยวแบบกรอบนอกนุ่มใน ลาบหมูรสชาติจัดจ้านครบเครื่องลาบ
       
       
       จากลาบมาต่อกันที่ยำ เป็นยำมะเขือยาว (80 บาท) หน้าตาน่ากิน มะเขือยาวเผานำมายำกับเครื่องน้ำยำรสแซบ ใส่ปลาหมึก กุ้ง พริกแห้ง หอมแดง พริกขี้หนู น้ำพริกเผา และหมูสับ คลุกเคล้ารวมกันเป็นยำหนึ่งจาน ตักมะเขือส่งเข้าปากได้ส่งกลิ่นหอมเตะจมูก มะเขือเนื้อนุ่มผสานกับน้ำยำรสแซบเปรี้ยว เผ็ด หวาน และมีไข่ต้มให้กินแกล้มเพิ่มความมัน หม่ำเพลินหมดจานไม่รู้ตัว
กุ้งนางหลน
       
       
       เลยต้องรีบสั่งเมนูถัดมา กุ้งนางหลน (180 บาท) กุ้งนางตัวใหญ่ นำมาหลน ใส่พริกหยวก ใบมะกรูด หอมแดง ตะไคร้ กะทิสดๆ ที่ทางร้านคั้นเองกับมือ และโรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดง-ส้ม เพิ่มสีสัน รสชาติออกหวานนุ่ม มันๆ เข้มข้นน้ำกะทิ กินแกล้มกับผักเคียงที่เสิร์ฟมาคู่กัน อย่าง มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ผักชี ต้นหอม ใบโหระพา และขมิ้น
       
       ตัดความเลี่ยนกันสักนิดด้วย เนื้อปลาเก๋าลวกจิ้ม (180 บาท) เนื้อปลาเก๋าสดๆ แล่บางๆ นำไปลวกให้สุกแล้วปรุงรสด้วยเหล้าจีน โรยหน้าด้วยขึ้นฉ่าย ต้นหอม กระเทียมเจียว ดับกลิ่นคาว ด้านล่างเป็นผักกาดแก้วผัดปรุงรส ทานกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว ส่งเนื้อปลาเข้าปาก เนื้อนุ่มหวานไม่คาว จิ้มน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวเพิ่มรสชาติเปรี้ยวๆ เค็มๆ แกล้มด้วยผักกาดแก้วผัด จิ้มกินเพลินหมดไปอีกหนึ่งจาน
      
       เมนูสุดท้ายเป็นเมนูปลาๆ เหมือนกันแต่เป็นปลาอยู่ในน้ำ ปลากะพงดิ้นน้ำข้น (200 บาท) ปลากะพงนึ่งสุกตัวโตอยู่ในน้ำซุปปรุงรสคล้ายๆ ต้มข่าไก่คือใส่กะทินิดหน่อยพอให้ได้น้ำข้นๆ แล้วราดลงบนตัวปลา เสิร์ฟมาในเตาหม้อไฟร้อนๆ ซดน้ำซุปร้อนๆ รสแซบเปรี้ยวข้นสะใจ เนื้อปลาก็หวานกลมกล่อมเข้ากัน
      
       นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าลองอีกมาก อาทิ ปูนิ่มผัดพริกไทยดำกระทะร้อน (180 บาท) ปลากะพงหลายใจ (200 บาท) ต้มโคล้งปลากรอบ (150 บาท) ส้มตำผลไม้รวมกุ้งสด (100 บาท)
      
       เอาเป็นว่าถ้าใครเกิดเบื่อฝนตก เบื่อรถติด แต่ไม่เบื่ออาหารไทยๆ อย่าง “ผู้จัดการตระเวนกิน” ก็ลองแวะมาตระเวนกินอาหารไทยที่ร้านชื่อฝรั่ง “Cafe Terrace” นี้ดู ที่รสชาติดีไม่แพ้ร้านไหน ไม่แน่นะความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นอาจจะหายไปในฉับพลันเมื่อได้ลิ้มรสของอร่อยๆ
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       
“Cafe Terrace” ตั้งอยู่ที่ 10 / 8 ซ.อารีย์ 4 (เหนือ) ถ. พหลโยธิน7 สามเสนใน พญาไท กทม. เข้ามาในซอยพหลโยธินซอย 7(ซอยอารีย์) ตรงเข้ามาประมาณ 500 เมตร เลี้ยวขวาเข้าซอยอารีย์ 4 (เหนือ) จากปากซอยประมาณ 100 เมตร ก็จะถึงร้าน สังเกตง่ายมีป้ายร้านเห็นอย่างชัดเจน เปิดทุกวันเวลา 10.30 – 14.00 น. และ 17.00 – 24.00 น. โทร. 0-2619-5357-8
       

“พาสต้า ชาลี” ชื่อนี้มีดีที่อาหารอิตาเลี่ยน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กรกฎาคม 2547 13:30 น. 
บรรยากาศภายในร้าน “Pasta Charlie”
       ดูเหมือนว่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของแต่ละอาทิตย์จะเป็นช่วงเวลาแห่ง ความสุขที่ใครๆ ต่างก็พึงปรารถนาอยากจะให้มาถึงไวไว เพราะเหมือนกับว่าได้เป็นการพักผ่อนหยุดชาร์ทแบตเตอร์รี่ให้กับร่างกายที่ โหมงานหนักมาทั้งสัปดาห์
      
       เหมือนกับ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ที่พอมีวันหยุดกับเขาสักทีเป็นต้องหาโอกาสดีๆ ทำในสิ่งที่ปรารถนา อย่างคราวนี้มีโอกาสมาเดินตากแอร์ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เพื่อมาเดิน (เหล่สาว) อ๊ะไม่ใช่เดินดูของใช้เข้าบ้านต่างหาก หลังจากที่เดินวนเวียนดูของหลายชั้นจนตาลาย เจ้าอาการน้ำย่อยในท้องก็กระหายอาหารขึ้นมาทันที
Fettuccine Salmon
       แล้วความหิวก็นำหน้าก่อนที่ขาจะก้าวตามไปยังชั้น 5 ของห้างที่เป็นศูนย์รวมอาหารนานา (ชาติ) ก็ว่าได้ ที่นี่มีอาหารให้เลือกกินมากมาย ทั้งอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง แต่สายตาเกิดไปปิ๊งเข้ากับร้านที่ชื่อว่า พาสต้า ชาลี (Pasta Charlie) เป็นอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนที่ไม่รู้ว่ากินแล้วจะเลี่ยนไหม แต่ความหิวไม่รอให้หาคำตอบ ขาก็ก้าวเข้าร้านไปเสียแล้ว
      
       ภายในร้านจัดตกแต่งอย่างน่ารัก เหมือนห้องอาหารเล็กๆ กลางบ้านเรา โต๊ะเก้าอี้ถูกจัดวางเป็นสัดส่วน ดูสบายตาชวนนั่ง ว่าแล้วก็หย่อนก้นลงนั่งพร้อมกับขอเมนูมาสั่งอาหารกัน
      
       มื้อนี้ขอเดินเครื่องแบบเต็มกำลังกับอาหารเมนูหลักกันเลยเริ่มด้วย Fettuccine Salmon (120 บาท) เส้นเฟตตูชินี่ ใส่เห็ดฟาง แซลมอนรมควัน ราดด้วยครีมซอส ซาวส์ครีม และชีส โรยด้วยผักชีฝรั่ง และพริกปาปริก้า ตักเส้นเฟตตูชินี่เข้าปากได้กลิ่นหอมนุ่มๆ ของครีมซอส สัมผัสเส้นได้ถึงความเหนียวนุ่ม ได้รสชาติเค็มๆ จากปลาแซลมอนรมควันตัดความมันของครีมซอสและเผ็ดนิดๆ จากพริกปาปริก้า
Lasagna Chicken Satay
       Lasagna Chicken Satay (150 บาท) เมนูลูกผสมระหว่างอิตาเลี่ยนและเอเชีย เป็นลาซานญ่าที่ข้างในแป้งประกอบไปด้วยสารพัดไส้ทั้งแครอท ผักโขม มะเขือยาว โรยด้วยชีส นำไปอบร้อนๆ ที่ว่าลูกผสมเพราะมีน้ำราดให้เลือกทานคู่กัน 2 แบบ เป็นน้ำซอสสะเต๊ะไก่ (หวานๆ มันๆ) และซอสมะเขือเทศสไตล์อิตาเลี่ยน (ออกเปรี้ยวมะเขือเทศนิดๆ) ตัดลาซานญ่าเข้าปาก อ้าปากอ้ำทั้งคำ รับรสความนุ่มของแป้ง และเคี้ยวมันกับไส้ข้างในจนต้องตักคำต่อไปตามมาติดๆ
      
       Pork Chop (180 บาท) เป็นสเต็กหมูส่วนซี่โครงเนื้อติดมันนิดๆ หมักเครื่องเทศ ย่างสุกกำลังดี หั่นเนื้อสเต็กส่งเข้าปาก ได้รสชาติหมูเนื้อนุ่มเคี้ยวหนึบๆ รสกลมกล่อมกำลังดี หรือจะเพิ่มรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ อีกนิด ก็ราดด้วยน้ำซอสสับปะรดสูตรเด็ดของทางร้าน ส่งเข้าปากอีกคำ อืม...เคี้ยวมันเนื้อนุ่มหวาน แถมมีกะหล่ำปลี บร็อคโคลี่ แครอท มันบด ให้กินแก้เลี่ยนอีกต่างหาก
Pork Chop
       หลังจากที่หม่ำอาหารจานหลักกันจนพุงจะกาง แต่ทางร้านแนะนำว่ายังมีของหวานที่น่าลอง เราเลยต้องจัดสรรปันส่วนพื้นที่กระเพาะให้กับของหวานด้วย Half Baked Chocolate (80 บาท) เมนูเด็ดของที่นี่เลยตัวนี้เป็นช็อกโกแลตอบร้อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมเย็นๆ แล้วโรยด้วยผงโกโก้ เวลากินตักไอศกรีมเข้าปากแล้วตามด้วยช็อกโกแลตอบ รับรสได้ถึงความลงตัว เข้ากันของไอศกรีมเย็นๆ กับช็อกโกแลตอบที่ละลายพร้อมๆ กันในปาก รสชาติเยี่ยมหวานมัน เย็นๆ จนต้องยกนิ้วให้เป็นรางวัล
Apple Strudel
       ตบท้ายกับของหวานเมนูนี้ Apple Strudel (80 บาท) เป็นไอศกรีมรสวนิลา ราดซอสสตรอเบอร์รี่และช็อกโกแลต ที่ดูธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาตรงที่มีพายแอปเปิ้ลข้างในมีแอปเปิ้ลผัดรวมกับอบเชย ลูกเกด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ น้ำตาล เนย แล้วห่อด้วยแป้งฟิวโรบางกรอบ อบร้อนส่งกลิ่นหอม พอส่งพายเข้าปากแล้วตามด้วยไอศกรีม สัมผัสได้ถึงรสชาติที่หวาน มัน กรอบของพายแอปเปิ้ลและความหวานเย็นของไอศกรีมที่ผสมผสานลงตัวกันได้คำเดียว ภายในปาก
      
       มื้อนี้เล่นเอาที่หิวจนตาลาย กลายเป็นอิ่มจนพุงกาง ต้องจำใจอุ้มพุงกางๆ กลับบ้านไปโดยปริยาย ซึ่งถ้าใครไม่เชื่อ ก็ลองแวะมาเติมน้ำหนักให้พุงน้อยๆ ที่ พาสต้า ชาลี (Pasta Charlie)ดูบ้าง ก็จะรู้ว่าเดินพุงกางเป็นยังไง
      
        *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 
       “Pasta Charlie” ตั้งอยู่ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 5 ฝั่งโบว์ลิ่ง เปิดบริการทุกวันเวลา 10.30 – 21.30 น. โทร. 0-2882-6000 นอกจากนี้ยังมีอีก 2 สาขา คือ เซ็นทรัล พระราม 2 ชั้น 4 โทร. 0-2673-6479, เซ็นทรัลพระราม 3 ชั้น 5 โทร. 0-2673-6479

เจี๊ยะให้พุงกาง ที่ “ภัตตาคารหวางเทียน”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2547 10:53 น.
บรรยากาศภายในร้าน มองเห็นครัวของพ่อครัวหูฉลาม
       ปัจจุบันนี้ มีหลายๆคนที่นิยมเจรจาธุรกิจหรือหารือเรื่องสำคัญกันบนโต๊ะอาหาร(โดยเฉพาะ พวกนักการเมือง) นอกจากนี้สำหรับคนที่ชอบพบปะสังสรรค์ ต่างก็มักจะมีร้านอาหารสักร้านเป็นจุดหมายปลายทาง และจะให้ดีนั้นอาหารที่ขึ้นโต๊ะต้องเป็นเมนูพิเศษ สมกับที่นานๆ จะได้มาเจอกัน
      
       “ผู้จัดการตระเวนกิน” มื้อนี้ก็เลยลองเปลี่ยนบรรยากาศการกินจากที่เคยกินคนเดียวหรือกับเพื่อนไม่ กี่คน มาคราวนี้ก็เลยยกทัพเคลื่อนขบวนบรรดาเพื่อนสนิทมิตรสหายนับได้เกือบสิบ ไปเฮฮาพบปะสังสรรค์กันที่ "ภัตตาคารหวางเทียน" ที่ขึ้นชื่อเรื่องหูฉลามและอาหารซีฟู้ด ย่านสุริวงศ์
หูฉลามน้ำข้น
       ที่ “ภัตตาคารหวางเทียน” ถือว่ามีบรรดาพ่อครัวฝีมือระดับโรงแรมกว่า 10 คนมาโชว์ฝีมือและลีลาการปรุงอาหารให้เห็นกันจะจะ ในบรรยากาศ Open Kitchen ที่ชั้น 1 เป็นเขตของพ่อครัวหูฉลาม ส่วนที่ชั้น 2 เป็นถิ่นของพ่อครัวซีฟู๊ดจึงรับรองได้ถึงความสดสะอาด ส่วนความอร่อยนั้นก็รับประกันได้
      
       เมื่อสมัครพรรคพวกมาพร้อมเพรียงกันแล้ว สิ่งแรกที่ถูกยกมาให้ลิ้มลองก็คือ หูฉลามน้ำข้น (ราคาตั้งแต่หม้อละ 500-5,000 บาท ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก) ว่ากันว่าคนที่ได้กินหูฉลามนั้นเทียบเท่ากับว่าได้กินอาหารระดับฮ่องเต้เลย ทีเดียว ทั้งเพราะอาจจะเป็นด้วยราคาที่สูงจนเกินระดับที่คนสามัญธรรมดาจะกินได้ และเพราะความเชื่อที่ว่า จะช่วยในการบำรุงร่างกาย มีพละกำลัง ทำให้แข็งแรง
      
       “ผู้จัดการตระเวนกิน” จึงไม่รอช้า รีบลิ้มรสเนื้อหูฉลามคัดพิเศษที่เหนียวนุ่มกำลังดี ส่วนน้ำซุปสูตรพิเศษที่พ่อครัวของร้านคิดค้นขึ้นมาเองนั้นก็เน้นที่การ เคี่ยวน้ำมันหอย นานกว่า 6 ชั่วโมง จากหม้อใหญ่ๆให้เหลือหม้อเล็กๆ จนได้น้ำซุปเข้มข้นที่แม้จะซดร้อนๆ ควันลอยกรุ่น หรือปล่อยให้น้ำซุปเย็นก็ไม่มันเป็นไข และรสอร่อยก็ไม่จางหาย มีน้ำจิ้มสามรสสามสไตล์ให้เลือกทั้ง ซีฟู๊ด จิ๊กโฉ่ และมัสตาร์ด ซึ่งจะกินกับข้าวสวยร้อนๆก็อร่อยไปอีกแบบ นอกจากน้ำข้นแล้วที่ร้านก็ยังมี
หูฉลามน้ำแดง ให้เลือกกินอีกด้วย
หน่อไม้ทะเลผัดเห็ดหอม
       จานต่อมาเป็น หน่อไม้ทะเลผัดเห็ดหอม (จาน เล็ก 300 บาท,จานใหญ่ 500 บาท) จานนี้ต้องหม่ำร้อนๆ เพราะจะได้กลิ่นความหอมกรุ่นของน้ำมันหอยสูตรพิเศษที่ลอยอวลขึ้นมายั่ว น้ำลายอยู่ตลอด พอตักหน่อไม้ทะเลขึ้นมาเคี้ยวหนึบๆ ก็จะได้รสชาติคล้ายๆเป๋าฮื๊อ ต่างไปจากหน่อไม้อื่นๆที่เราคุ้นเคย ซึ่งว่ากันว่าเจ้าหน่อไม้ทะเลนี้จะช่วยบำรุงเลือดได้ ส่วนเห็ดหอมที่หอมนุ่มและคะน้าฮ่องกงที่สดกรอบ ก็เคี้ยวมันไม่แพ้กัน
      
       สำหรับคนที่ชอบกุ้งหรือชอบกินสลัดต้องถูกใจ กุ้งทอดซอสครีมสลัด (จานเล็ก 300 บาท,จานใหญ่ 500 บาท) เสิร์ฟมาในกระทงเผือกแสนสวยที่สามารถกินได้ กุ้งแชบ๊วยตัวโตๆ ราดด้วยซอสครีมสลัด ความนุ่มอร่อยลิ้นอยู่ที่ความหวานของเนื้อกุ้งและซอสครีมสลัดที่รสชาติออก มันๆ หวานๆ แถมมีเปรี้ยวแจมนิดๆ ดูไปก็คล้ายน้ำสลัด ซึ่งถ้าจะกินคู่กับบรรดาผักให้ออกแนวสลัดกุ้งเลยก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
       จากเบาๆ ไม่ต้องออกแรงมาก จานถัดมาก็จะสนุกสนานกับการแกะปู เพราะเป็น ปูผัดผงกะหรี่ (ขีดละ 120 บาท) แต่ถ้าไม่ชำนาญจะให้พนักงานช่วยแกะ หรือจะสั่งเป็น เนื้อปูผัดผงกะหรี่ ไปเลยก็ได้ รับรองว่าเนื้อปูสดหวานหอม ส่วนรสชาติของเครื่องเทศน้ำพริกเผาก็กำลังดีไม่จัดจ้านมากเกินไปพอมาผัดเข้า กันกับไข่เป็ด ก็ยิ่งเพิ่มสีสันและความหอมมัน
ปูผัดผงกะหรี่
       กุ้งแม่น้ำผัดพริกเกลือ (ขีดละ150 บาท)ที่สั่งมาปิดท้ายเห็นแล้วก็ต้องทำตาโต เพราะเป็นกุ้งแม่น้ำตัวโตมากๆ หมักกับเกลือแล้วผัดให้สุกพอดีกับเครื่องผัดที่มีทั้งพริกชี้ฟ้า ทั้งกระเทียม และเครื่องเทศสมุนไพร นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าจะลิ้มลอง ทั้ง เส้นหมี่ผัดผักกระเฉด (80-200 บาท) อกเป็ดอบใบชา (150 บาท) ขาห่านอบหม้อดิน (500 บาท) ส่วนของหวานก็มี เผือกหิมะ(เล็ก 100บาท,ใหญ่ 200 บาท) และ กล้วยหอมสโนไวท์ (เล็ก 100 บาท,ใหญ่ 200 บาท)
กุ้งแม่น้ำผัดพริกเกลือ
       สำหรับคนที่กำลังหาจุดหมายปลายทางลงให้กระเพาะ แบบเป็นหมู่คณะ หรือแบบอเมริกันแชร์ หรือจะกินเป็นคู่ กินเดี่ยวๆ ที่ภัตตาคารหวางเทียนนั้นมีอาหารจีนรสดีไว้บริการ ใครสนใจก็ลองไปตระเวนกินได้ตามสะดวก
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       
"ภัตตาคาร หวาง เทียน" ตั้งอยู่ในอาคารปานะวงศ์ ติดริมถนนสุรวงศ์ เลยโรงแรมตะวันนารามาดาประมาณ 100 เมตร มีอาคารจอดรถอยู่ด้านหลัง เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.30-22.30 น. โทรศัพท์ 0-2236-8470-1 และ พิเศษสำหรับผู้ที่บอกว่าอ่านมาจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการจะได้รับส่วนลดค่าอาหาร 10 %