homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

“ไอติมผัด ice mania” อร่อยแปลก เย็นชื่นใจ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มกราคม 2555 13:22 น. 
บรรยากาศร้านไอติมผัดที่ตลาดน้ำมหานคร
       วันหยุดที่ผ่านมานี้ “ผ่านมาแวะกิน” อยู่บ้านว่างๆ ก็เลยออกมาเดินเล่นที่ตลาดน้ำมหานคร ที่อยู่แถวๆ สุวรรณภูมิ-ลาดกระบัง แล้วก็เลยชวนเพื่อนสาวมาด้วย บรรยากาศภายในตลาดก็เดินกันได้แบบสบายๆ มีขายทั้งของกินของใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน มีมุมสวยๆ ให้นั่งเล่นถ่ายรูป แล้วยังนั่งสบายๆ ริมลำคลองให้เย็นชื่นใจได้ด้วย
      
       เดินกันรอบตลาดในยามบ่ายๆ ก็เริ่มเหนื่อยเริ่มร้อนเลยหาที่นั่งพักหาอะไรเย็นๆ กินเสียหน่อย จนมาเจอร้าน “ไอติมผัด ice mania” เห็นชื่อแล้วก็ข้องใจ ต้องลองเข้าไปลองชิมให้รู้
กรรมวิธีการผัดให้เป็นไอศกรีม
       สอบถามเจ้าของร้านเกี่ยวกับไอติมผัด ก็ได้ความว่า ไอติมผัด หรือไอศกรีมผัดนี้ ถูกคิดค้นสูตรขึ้นมาโดยคนไทย และยังผลิตเครื่องทำไอศกรีมผัดขึ้นเองได้ในประเทศ ซึ่งเมื่อเห็นจากชื่อแล้ว ก็แน่นอนว่าจะต้องนำลงไปผัดในกระทะ แต่กระทะของที่ร้านจะเป็นกระทะเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำถึง -30 องศาเซลเซียส
      
       วิธีการทำก็คือ นำน้ำไอศกรีมสดเทลงในกระทะเย็น จากนั้นก็ผัดไปเรื่อยๆ จนเกาะตัวกันเป็นเนื้อไอศกรีม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที โดยที่ตัวน้ำไอศกรีมสดนั้นจะทำมาจากผงไอศกรีมและนมสดรวมกัน ส่วนรสชาติพื้นฐานของไอศกรีมนั้นมีอยู่ 2 อย่าง คือ ไอศกรีมนมสด และไอศกรีมโยเกิร์ต
วนิลา+แอลมอนด์+คอนเฟล็ก
       ความแตกต่างระหว่างไอศกรีมทั้งสองอย่างนี้ อยู่ที่ไอศกรีมนมสดจะสามารถนำไปทำเป็นรสชาติต่างๆ ได้ อาทิ ช็อคโกแลต ชาเขียว วนิลา ม็อคค่า เป็นต้น ส่วนไอศกรีมโยเกิร์ต จะเป็นไอศกรีมโลว์แฟต ที่มักจะกินคู่กับผลไม้ต่างๆ
      
       สำหรับไอศกรีมผัด 1 ถ้วยนั้น จะขายกันในราคา 59 บาท โดยสามารถเลือกรสชาติไอศกรีม และท้อปปิ้งได้อีก 2 อย่างจากเมนูแนะนำของทางร้าน หรือจะเลือกสั่งผสมกันตามใจชอบก็ได้ ซึ่งท้อปปิ้งที่เลือกนั้นก็จะใส่ลงไปผัดพร้อมๆ กับไอศกรีม ทำให้ได้รสชาติกลมกลืนไปในเนื้อไอศกรีมเลยทีเดียว
กล้วยหอม+โอริโอ้
       อย่างรสชาติที่ได้ลองชิม ก็คือ วนิลา+แอลมอนด์+คอนเฟล็ก เป็น ไอศกรีมรสวนิลา ที่จะนำแอลมอนด์ลงไปผัด แล้วโรยหน้าด้วยคอนเฟล็ก ลองชิมรสชาติหอมมันวนิลา ไม่หวานมากนัก ได้ความกรอบกรุบจากคอนเฟล็กและแอลมอนด์
      
       ส่วนถ้วยถัดมาลองชิม กล้วยหอม+โอริโอ้ ที่นำทั้ง กล้วยหอมและโอริโอ้ลงไปผัดพร้อมกับไอศกรีม นอกจากนี้ก็ยังแต่งหน้าด้วยกล้วยหอมสดฝานเป็นแว่น พร้อมกับชิ้นโอริโอ้ ลองชิมแล้วได้รสหวานๆ ขมๆ เล็กน้อย ได้รสชาติกล้วยหอมเต็มคำ แถมยังหอมกลิ่นกล้วยอีกด้วย
ช็อคโกแลต+บราวนี่
       สุดท้ายลิ้มรส ช็อคโกแลต+บราวนี่ สำหรับคนชอบรสชา ติของช็อคโกแลต ในเนื้อไอศกรีม ถ้าหากว่าได้ลองชิมและได้ลิ้มรสชาติช็อคโกแลตที่ไม่ขมมากเกินไปนัก พร้อมกับเคี้ยวชิ้นบราวนี่เล็กๆ ที่แทรกอยู่ในเนื้อไอศกรีม แถมด้านบนก็ยังตกแต่งด้วยบราวนี่ พร้อมกับราดช็อคโกแลตเพิ่มความหอมอร่อยถูกใจ
      
       ใครที่สนใจอยากลองชิมไอศกรีมผัด นอกจากจะมีสาขาอยู่ที่ตลาดน้ำมหานครแห่งนี้แล้ว ก็ยังมีอีกหลายสาขาทั่วประเทศ ซึ่งสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : itimpad และยังสามารถติดต่อขอซื้อแฟรนชายส์ได้อีกด้วย
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “ไอติมผัด ice mania” ตั้ง อยู่ภายในโซนพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ในตลาดน้ำมหานคร เขตลาดกระบัง กทม. การเดินทาง จาก ถ.อ่อนนุช-ลาดกระบัง ให้ตรงมาทางลาดกระบัง ผ่านโรงพยาบาลลาดกระบัง และสำนักงานเขต ข้ามสะพานข้ามคลองศีรษะจระเข้น้อย ลงสะพานแล้วตลาดน้ำมหานครจะอยู่ทางซ้ายมือ สามารถจอดรถได้บริเวณที่จอดรถของตลาด ร้านเปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เปิดเวลา 16.00-21.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เปิดเวลา 10.00-21.00 น. โทร. 08-4682-3923 ผู้ที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับแฟรนชายส์ไอติมผัด โทร. 08-1100-1081, 08-1111-2330, 08-9799-8900 www.facebook.com/itimpad

ก๋วยเตี๋ยวเรือสมุนไพร ซุปหอมข้น - ร้าน 'กาลนาน'

ก๋วยเตี๋ยวเรือสมุนไพร ซุปหอมข้น - ร้าน 'กาลนาน'


ก๋วยเตี๋ยวเรือสมุนไพร ร้าน 'กาลนาน'



อิ่มอร่อย


กลับมาอิ่มอร่อยกับเมนูก๋วยเตี๋ยวอีกครั้ง เพราะมีมากมายหลายร้านที่ต่างพัฒนาสูตรน้ำซุปให้โดดเด่นดึงดูดลูกค้า

ร้าน "กาลนาน" ก๋วยเตี๋ยวเรือสมุนไพร ในห้างเซ็นทรัล พระรามสอง เปิดให้บริการมากว่าสิบปี

คุณ เสาวนีย์ เงาวะบุญพัฒน์ เจ้าของร้าน กล่าวว่า ทางร้านเปิดกิจการขายก๋วยเตี๋ยวเรือ มีแต่เนื้อหมู น้ำข้น โดยน้ำซุปได้รับการถ่ายทอดมารุ่นต่อรุ่น จนมาถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นสูตรดั้งเดิมอยู่

เน้นเครื่องสมุนไพรจีน และส่วนของกระดูกป๊วยเล้งหมูวันละกว่า 10 กิโลกรัม ต้มเป็นน้ำซุป เคี่ยวกว่า 3 ชั่วโมงทุกวัน จึงทำให้ได้น้ำซุปที่เข้มข้น หอมหวานน้ำต้มกระดูก และหอมเครื่องสมุนไพรจีน ที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน

ลูกค้า ที่มากินที่ร้านส่วนใหญ่จะสั่งเส้นใหญ่ น้ำตกหมู ทางร้านเน้นความสดของเนื้อหมูนำมาหมักจนเนื้อหมูนุ่ม ละมุนลิ้น เนื้อหมูเปื่อย ก็เป็นที่ชื่นชอบอีกเช่นกัน

เพราะใช้ส่วนเนื้อหมู ติดเอ็นเล็กน้อย ตุ๋นด้วยเครื่องปรุงสมุนไพรจีนนานกว่า 4 ชั่วโมง ทำให้น้ำเครื่องปรุงค่อยๆ ซึมเข้าไปในเนื้อหมูจนหอมหวาน

ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยใบโหระพา ทางร้านแนะนำว่าควรชิมก่อนแล้วจึงค่อยปรุง เพราะว่ารสชาติของน้ำซุปมีความเข้มข้นอยู่แล้ว

ก๋วยเตี๋ยว เส้นเล็กแห้ง ใส่เนื้อหมูทุกอย่าง ประกอบด้วย เนื้อหมูสด เปื่อย ตับ ลูกชิ้นหมู โดยเส้นเล็กนั้นทางสั่งจากร้านเจ้าประจำที่ซื้อขายกันมานาน เพราะเส้นก๋วยเตี๋ยวมีความพิเศษตรงที่ความนุ่ม เหนียว

เมื่อกินคู่กับเนื้อหมูหมัก ของทางร้านเข้ากันได้อย่างลงตัว ทางร้านมีน้ำซุปบริการให้ด้วย

เนื้อ หมูรวมลวกจิ้ม เป็นเมนูยอดฮิตอีกเช่นกัน เพราะได้กินเนื้อหมูของทางร้านแบบเต็มๆ คำ ทางร้านใส่ในชามรูปก๋วยเตี๋ยวเรือ มีทั้งเนื้อหมูสด เปื่อย ตับหมู ลูกชิ้นหมู โรยด้วยกระเทียมเจียวเล็กน้อย กินคู่กับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้าน แกล้มด้วยใบโหระพา 1 ชาม กินได้ 2-3 คน

เกาเหลาหม้อไฟ ถือว่าเป็นเมนูเด็ดของทางร้านเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกินเส้น ทางร้านจัดมาเป็นหม้อไฟร้อนๆ รวมเนื้อหมูทั้งหมดอยู่ในหม้อนี้ ใช้ถั่วงอกและใบโหระพาเป็นผักแกล้ม กินคู่กับน้ำจิ้มของทางร้าน และข้าวสวยร้อนๆ

1 หม้อกินได้ 3-4 คน หากต้องการกินลูกชิ้นหมูอย่างเดียว ทางร้านจัดเมนูลูกชิ้นหมูปิ้ง กินคู่กับน้ำจิ้มสูตรเข้มข้น 1 ชุด มี 5 ไม้ ทางร้านยังมีหนังปลาแซลมอน และแคบหมู ให้กินคู่กับก๋วยเตี๋ยว เข้ากันได้เป็นอย่างดี

คุณ เสาวนีย์บอกถึงเคล็ดลับความอร่อยของก๋วยเตี๋ยว ว่าจะต้องดูแลเองทุกขั้นตอนก่อน ที่จะออกมาให้ลูกค้าได้กิน ตั้งแต่การคัดเลือกหมูที่เหมาะกับทางร้าน การต้มน้ำซุปที่มีความเข้มข้น และมีรสชาติที่เหมือนกันทุกวัน ความสด สะอาดของวัตถุดิบ

และความเอาใจใส่ในการดูแลบริการลูกค้าที่เป็นกันเอง

ทาง ร้านมีให้บริการหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นสาขาเซ็นทรัล พระราม 2 สาขาพาราไดซ์ พาร์ค และสาขาซีคอนสแควร์ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามได้ที่โทร.0-2721-8513, 0-2872-4648

หน้า 21


ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์

อร่อยหรู ดูวิวเจ้าพระยา ที่ “จักรพงษ์ไพรเวทไดนิ่ง”

อร่อยหรู ดูวิวเจ้าพระยา ที่ “จักรพงษ์ไพรเวทไดนิ่ง”
บรรยากาศชวนกินที่จักรพงษ์ไพรเวทไดนิ่ง


       หากใครเคยผ่านไปที่ถนนมหาราช บริเวณท่าเตียน คงจะเคยสังเกตเห็น "บ้านจักรพงษ์" หรือ “วังจักรพงษ์” ที่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ มีสถาปัตยกรรมอิทธิพลตะวันตกอันสวยงาม ซึ่งเมื่ออดีตสถานที่แห่งนี้เป็นวังของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ เพื่อ ใช้เป็นเรือนรับรองในโอกาสที่ต้องเสด็จมาร่วมงานพิธีต่างๆ ที่พระบรมราชวัง รวมถึงใช้เป็นสถานที่ปิกนิก ต่อมาเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถได้ประทานให้เป็นวังของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์





โต๊ะนั่งริมแม่น้ำชมวิวเจ้าพระยารับลมเย็นๆ


       แต่ ณ ปัจจุบันนี้วังจักรพงษ์เป็นที่พำนักและดูแลโดย หม่อมราชวงศ์นริศรา จักรพงษ์ และได้มีการเปิดวังให้เป็นบูติกโฮเต็ลที่มีชื่อว่า “จักรพงษ์ วิลล่า” อีกด้วย และอีกหนึ่งความพิเศษที่จะขอกล่าวถึงวังจักรพงษ์แห่งนี้ก็คือ “จักรพงษ์ไพรเวทไดนิ่ง” สถาน ที่นั่งรับประทานอาหารในบรรยากาศแบบไพรเวท มีความเป็นส่วนตัวสุดๆ และมีความโรแมนติกสูง เพราะอยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น มองเห็นวิวที่สวยงามอย่างวัดอรุณ





อิ่มกับอาหารแบบเป็นเซ็ต


       สำหรับ ผู้ที่จะมากินอาหารดื่มด่ำบรรยากาศที่นี่นั้น ต้องโทรศัพท์จองก่อนล่วงหน้า เพราะด้วยเนื้อที่จำกัดรองรับแขกได้จำนวนไม่เกิน 30 คน ในบรรยากาศศาลาริมน้ำตกแต่งอย่างหรูหรา ภายในห้องแอร์เย็นฉ่ำมีโต๊ะอาหารจัดตกแต่งอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีระเบียงด้านนอกที่สามารถจัดให้เป็นโต๊ะนั่งทานอาหารได้ ซึ่งจะได้สัมผัสกับสายลมเย็นๆ มองชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาอันงดงาม





หลนกุ้ง


       ใน ส่วนอาหารของที่นี่ เป็นอาหารไทยแท้โบราณต้นตำรับวังจักรพงษ์ มีเชฟฝีมือดีที่สืบทอดอาหารมาจากต้นตำรับแต่ก็มีบางเมนูที่มีการปรับรสชาติ ให้ทันสมัยขึ้น โดยพิถีพิถันและเน้นเป็นพิเศษในเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพมาปรุง อาหาร มีการจัดแบบเป็นเซตอาหารให้เลือกอยู่ 4 เซตด้วยกัน โดยในแต่ละเซตก็จะมีอาหารที่หลากหลายให้กินกัน ซึ่งราคาอาหารของที่นี่อยู่ที่เซตละ 2,000 บาท/คน รวมเครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ แต่ถ้าใครอยากดื่มไวน์ที่นี่ก็มีไวน์ไว้บริการให้เลือกดื่มกันอย่างหลากหลายจากทั่วโลก





ผัดคะน้าน้ำมันหอย


       ว่า แล้วก็มาดูเมนูอาหารเซตพิเศษที่อยากจะนำเสนอกัน เริ่มจากจะมีเมนูเรียกน้ำย่อยก่อน เป็นอาหารที่แล้วแต่เชฟจะทำออกมา และจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น ถุงทอง ปอเปี๊ยะ ข้าวตังหน้าตั้ง ช่อม่วง แล้วจึงเสิร์ฟมาด้วยเมนูหนักท้องอย่างเมนูแรกเป็น หลนกุ้ง หน้าตาน่ากินมากๆ เป็นหลนกุ้งที่มีส่วนผสมของกุ้งสับ หอมแดง พริกชี้ฟ้าเขียว เหลือง แดง ปรุงกับน้ำมะขาม น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำกะทิ ปรุงรสชาติรวมกัน ออกมาเป็นหลนกุ้งรสกลมกล่อม หวาน เปรี้ยว เค็ม มัน กินแนมกับผักสดสารพัด ทั้งขมิ้นขาว แตงกวา ถั่วพู มะเขือ ยอดผักบุ้ง





ลาบปลาดุกทอดกรอบ


       ตามมาด้วยเมนูผัดผักอย่าง ผัดคะน้าน้ำมันหอย ผัก คะน้าฮ่องกงยอดอ่อนก้านอวบเอามาลวก และผ่านน้ำเย็นเพื่อรักษาความสดและกรอบของผักไว้ แล้วจึงนำมาผัดกับกระเทียม ใส่น้ำมันหอย และเห็ดหอมสด กินผักคะน้าเคี้ยวกรอบกรุบผักหวานไม่ขมปาก ได้รสชาติน้ำมันหอยรสกลมกล่อมลิ้น
     
       จากนั้นมาชิมเมนูเด็ดชื่อว่า ลาบปลาดุกทอดกรอบ เป็น การนำปลาดุกที่แล่เอาก้างออกแล้วมาหมักและทอดจนกรอบ แล้วจึงนำมาปรุงกับเครื่องลาบรสเด็ด ที่คั่วข้าวคั่วเอง และพริกป่นก็ป่นเอง กินแล้วลาบปลาดุกเนื้อกรุบกรอบถึงเครื่องรสลาบเข้มข้น





ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ


       เมนูจานเด่นต่อมานำเสนอ ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ กุ้ง แม่น้ำสดๆ ตัวโตเอามาทอด และทำเครื่องฉู่ฉี่มาราดบนตังกุ้ง ราดด้วยหัวกะทิอีกที ชิมแล้วกุ้งเนื้อแน่นสดหวาน เคล้ากับรสชาติเครื่องฉู่ฉี่ที่เข้มข้นถึงเครื่องแกงกำลังดี
     
       ต่อมาเป็นเมนูซดน้ำร้อนให้ชุ่มคออย่าง ต้มข่าทะเล เป็น ต้มข่าใส่กะทิแบบครบเครื่อง และใส่พวกอาหารทะเลอย่างหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งกุลาตัวโต ปลาหมึก เนื้อปลากะพง กินแล้วซดน้ำต้มข่าร้อนๆ หอม เปรี้ยว หวาน เค็ม มัน กินเข้ากันกับอาหารทะเลสดๆ





ต้มข่าทะเล


       และอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ขาดไม่ได้คือ มัสมั่นเนื้อ ที่ ถ้าใครชอบกินเนื้อเป็นโดนใจ เพราะเป็นเนื้อสันในเกรดเอมาหมักกับผงเครื่องแกง เครื่องเทศไทยและกะทิ ต้มตุ๋นนานกว่า 2 ชม. แล้วจึงนำเนื้อมาเคี่ยวกับเครื่องแกงมัสมั่นสูตรเด็ด ได้ออกมาเป็นมัสมั่นเนื้อที่หอมกลิ่นเครื่องแกง รสชาติเข้มข้นถึงเครื่องแกง เนื้อเคี้ยวนุ่มนิ่มปาก
     
       ส่ง ท้ายด้วยเมนูของหวาน ซึ่งแล้วแต่ว่าเชฟจะนำเสนออะไร อาจจะเป็นข้าวเหนียวมะม่วง หรือขนมไทยต่างๆ แล้วก็ยังมีผลไม้ตามฤดูกาลให้กินปิดท้ายมื้ออิ่มกันด้วย





มัสมั่นเนื้อ


       โดย นี่คือ 1 เซตในจำนวนอาหารที่มีทั้งหมด 4 เซ็ต ส่วนเซตอื่นๆ จะมีอาหารอะไรที่ชวนกินบ้างนั้น เห็นทีว่าคงจะต้องเดินทางมาพิสูจน์รสชาติกันเอาเอง จะได้มาอิ่มเอมกับอาหารไทยรสดี ในบรรยากาศริมแม่น้ำจ้ำพระยาที่มีความเป็นส่วนตัวสูงที่ “จักรพงษ์ไพรเวทไดนิ่ง” แห่งนี้
     
       

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 
       
     
       "จักรพงษ์ไพรเวทไดนิ่ง"
ตั้งอยู่ที่ 396/1 ถ.มหาราช ท่าเตียน พระนคร กทม. การเดินทางถ้ามาจากท่าพระจันทร์วิ่งตรงมาที่ถ.มหาราช ผ่านท่าเตียน เลยวัดโพธิ์มาจะเห็นวังจักรพงษ์อยู่ทางขวามือ อยู่ติดกับ โรงเรียนราชินี สามารถนำรถเข้าไปจอดได้ เปิดทุกวัน เวลา 18.00-23.00 น.



ที่มา manager

"The roof" เลอลิ้น อิ่มอารมณ์ระฟ้า

"The roof" เลอลิ้น อิ่มอารมณ์ระฟ้า
ยามค่ำบนดาดฟ้าชั้น25 ของห้องอาหาร “The roof”
การกินอาหารดีๆสักมื้อนั้น นอกจาก รสชาติอาหารจะต้องถูกปาก บริการจะต้องถูกใจเราแล้วนั้น เรื่องของบรรยากาศก็เป็นสักสำคัญที่จะช่วยเพิ่มสุนทรีย์ในการกินให้เราได้

"ตระเวนกิน"
ก็เลยพาตัวเองไปอิ่มเอมลิ้มรส ในบรรยากาศยากาศดีๆกันที่ ห้องอาหาร "The roof" โรงแรมสยาม แอ็ทสยาม ดีไซน์ โฮเต็ล แอนด์สปา ย่านปทุมวัน ห้องอาหารที่ตั้งอยู่มุมสูงสุดของโรงแรม บนชั้นดาดฟ้าที่ 25 ภายใต้คอนเซ็ปต์ SKYDINE DESIGN ON 25 ความโดดเด่นของที่นี่ คือ เราสามารถมองเห็นวิวกรุงเทพฯได้รอบทิศ360 องศา เห็นทั้ง ภูเขาทองที่วัดสระเกศ พระที่นั่งอนันตสมาคม วัดเบญจมบพิตร สนามศุภฯ(อยู่ติดกันเลย) สนามม้านางเลิ้ง เป็นต้น
อีกหนึ่งมุมของ “The roof”
ด้านการออกแบบของห้องอาหารก็เก๋ไก๋ด้วยแนวIndustrial HIP Design และ งานตกแต่งภายในแบบ Industrial-Art Design ใช้วัสดุหลักในการทำเสา คานและแนวระเบียงเป็นเหล็กและสแตนเลส ภายใต้โทนสีร้อนอย่างแดง น้ำเงิน สลับกับโทนสีส้มที่ให้ความอบอุ่น ในอารมณ์เหมือนกินอาหารอยู่ที่บ้าน

ส่วนเมนูอาหารก็โดดเด่นไม่แพ้สถานที่ เพราะเป็นอาหารแนว Europe Stone Grill เป็นเมนูอาหารที่ต้องเสิร์ฟบนหินร้อน ซึ่งเป็นหิน Volcano Stone หินคืนสภาพหลังการระเบิดของภูเขาไฟลาวา ซึ่งสามารถเก็บความร้อนและปรุงอาหารได้นานถึง 20 นาที ด้วยอุณหภูมิความร้อนในหินสูงกว่า 400 องศาเซลเซียส ย่างอาหารให้สุกได้ทันใจ

Australian Lamp Chops บนหินร้อน
ว่าแล้วก็ต้องลองของกันหน่อยด้วยการสั่ง Australian Lamp Chops (1,100 บาท++) ซี่โครงแกะออสเตรเลีย ที่คัดสรรคุณภาพพิเศษ เสิร์ฟแบบสดๆบนโต๊ะ ก่อนจะถูกนำไปย่างบนหินภูเขาไฟ โดยการย่างนั้นหากลูกค้าต้องที่จะย่างเองก็สามารถทำได้ แต่ถ้าหากต้องการแบบสบายๆเขาก็มีบริกรทำหน้าที่คอยย่างให้ เมื่อสุกแล้วก็จะได้ซี่โครงแกะรสหอม หวาน เนื้อนุ่ม

ขึ้นบกแล้วลงทะเลกันบ้าง อีกหนึ่งจานที่พร้อมเสิร์ฟกับหินภูเขาไฟ คือ
Mixed grill (1,300บาท++) เป็นประเภทย่างรวมมิตร ได้แก่ กุ้งลายเสือจัมโบ้ หอยเชลล์ยูเอส สเต็กปลาแซลมอนจากแทสมาเนียน สด หวาน กลมกล่อม
Mixed grill
อ้อ...แล้วที่ขาดไปเสียมิได้ก็คือ น้ำจิ้มหลากหลายรสชาติกว่า11ชนิด ที่จะเสิร์ฟมา อย่างน้อย 3รสชาติไว้ให้เลือกลิ้มชิมรสกันแต่ละแบบก็ปรุงรสแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกัน คือ เข้าคู่กับเมนูย่างๆของเราได้ดีทุกตัว ทั้ง พริกฝรั่งอบพร้อมด้วยกระเทียมหมักในน้ำมันมะกอกกับซอสบาร์บีคิวรสส้ม หรือจะเป็น มะเขือม่วงหมักในน้ำมันมะกอก ซอสพริกไทยดำ ก็เข้าท่า หรือเป็น มะเขือเทศแดง และเขียวหมักซาลซ่าซอสครีมพริกไทอ่อน ก็เข้าที
Trio of Norwegian Salmon
แล้วเปลี่ยนอารมณ์ด้วยการสั่ง Trio of Norwegian Salmon (490บาท++)เมนูปลาแซลมอน 3 สไตล์ ทั้งแซลมอนรมควัน แซลมอนดิลมัสตาด และแซลมอนแช่เย็นสไลด์ เสริฟกับฮอสราดิสครีมซอส และอโวคาโดสลัด กลมกล่อมเข้ากัน
Mixed mushroom frittata with smoked salmon
ต่อด้วยMixed mushroom frittata with smoked salmon (350บาท++) ฟริททาร์ทาร์เห็ดรวมกับแซลมอนรมควัน ใช้ปลาแซลมอนรมควัน เห็ดชิตาเกะผัดกับพริกสามสี ปรุงรสแบบลับเฉพาะ ก่อนนำเข้าเตาอบ 30 นาที จนเนื้อฟูเนียนเวลาเสิร์ฟตัดเป็นชิ้น ๆ สามเหลี่ยม วาง Smoked salmon และผักร็อกเก็ตคุลกกับ Balsamic sauce รสชาติหวานมัน เค็มนิดๆ
3 kind of cheeses
และอีกเมนูกับ3 kind of cheeses (400บาท++) ชีสรสเยี่ยมจากทุกมุมโลกมารวมกันที่นี่ สามารถเลือกสั่งชีสได้ 3 อย่าง อาทิ เอ็มเมนตาล (Emmental) ชีสแบบสวิส รสออกหวานจัดเป็นชีสที่พิถีพิถันในการทำและทำยากมากที่สุดชนิดหนึ่งในบรรดา ชีสสวิส หรือจะเป็นแบบที่สอง บรี (Brie) ชีสสัญชาติฝรั่งเศส ชีสคุณภาพเยี่ยม กลิ่นหอมละเลียดลิ้น เหมาะสำหรับการกินคู่แชมเปญสักแก้ว ชีสอีกตัวที่แนะนำคือสัญชาติฝรั่งเศสเช่นกัน โรโบลช็อง (Reblochon)หนึ่งในชีสยุคต้นตำรับแห่งฝรั่งเศส เสิร์ฟดัวยขนมปังเคร็กเกอร์ ขนมปังเฟร้นเบรด องุ่นไร้เมล็ด 1 ช่อ ตามด้วยถั่ววอลนัท Quince Paste และองุ่นแห้งนอก
Pistachio & strawberry mousse topped with lemon glace
ตบท้ายให้กระเพาะกันด้วยเมนูแนะนำที่ทาง The roof ภูมิใจนำเสนอกับของหวานอย่าง Pistachio & strawberry mousse topped with lemon glace (350บาท++) โดดเด่นด้วยสตอเบอรี่มูสกับพิสตาชิโอ ราดด้วยแยมรสมะนาว,Passion Fruit parfait with bitter chocolate cream (350บาท++) แพทชั่นฟรุตพาเฟ่เสิร์ฟฟกับครีมรสช็อกโกแลต พร้อมค็อกเทลไว้จิบสไตล์สยาม แอ็ม สยามกับ Cocktail Siam @ Siam (250บาท++) และทุกเดือนที่นี่ยังมีการจัดงาน Full Moon Dining อีกด้วย ใครที่เสาะหาบรรยากาศดีๆกินมื้อหรูๆแบบไม่ซ้ำใคร ลองแวะไปได้ที่ "The roof"
Passion Fruit parfait with bitter chocolate cream
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์

หอมหวาน มันกรอบ “ขนมครกเข้าวัง” มนต์ขลังขนมไทย อร่อยจนลืมอิ่ม

หอมหวาน มันกรอบ “ขนมครกเข้าวัง” มนต์ขลังขนมไทย อร่อยจนลืมอิ่ม
บริเวณร้านขนมครกเข้าวัง
ขนมไทยๆ ที่มีส่วนผสมหลักเป็นกะทิอย่าง “ขนมครก” ที่ให้ทั้งความหอมและความหวาน ก็เป็นที่ถูกปากของใครหลายๆ คน แถมยังหาซื้อกินกันได้ง่าย มีขายกันทุกตลาดทั้งเช้าสายบ่ายค่ำ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหน้าแบบเดิมๆ ทั้งต้นหอม ข้าวโพด เผือก

แต่ถ้าหากอยากจะกินขนมครกที่หน้าแตกต่างออกไป และมีรสชาติอร่อยกลมกล่อม
“ผ่านมาแวะกิน” ก็จะพาไปลองชิมกันที่ร้าน “ขนมครกเข้าวัง” ที่อยู่ตรงข้ามตลาดราชวัตร
กรรมวิธีหยอด-แคะ ขนมครก
เห็นเป็นร้านตั้งอยู่ริมถนนแบบนี้ แต่ก็ขายกันมาเกือบ 30 ปีแล้ว ซึ่งสูตรของขนมครกก็เป็นสูตรดั้งเดิมที่นำมาปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยมาก ขึ้น ความอร่อยของขนมครกร้านนี้ การันตีได้จากที่ต้องมีบัตรคิวมานั่งรอซื้อกันเลยทีเดียว และนอกจากที่สาขานี้แล้ว “ขนมครกเข้าวัง” ก็ยังมีอีกสองสาขา คือ สาขาที่ตั้งอยู่ข้างตลาดบองมาร์เช่ และบริเวณปากซอยประชาชื่น 24 ซึ่งทั้งสามสาขาจะใช้สูตรเหมือนกันกัน จึงการันตีได้ว่าความอร่อยนั้นเป็นมาตรฐานเดียวกัน

ตัวขนมครกจะแบ่งส่วนผสมออกเป็น 2 อย่าง คือ แป้งและกะทิ โดยจะใช้แป้ง 2 ส่วน กะทิ 1 ส่วน ตัวแป้งนั้นใช้แป้งข้าวเจ้า แป้งอเนกประสงค์ ข้าวสุก น้ำตาล และเกลือมาปั่นผสมรวมกัน เติมน้ำปูนใสลงไปแล้วนำมากรองก่อนจะหยอดในหลุมขนมครกบนเตา ส่วนกะทิก็จะใช้หัวกะทิคั้นใหม่ๆ ผสมกับน้ำตาล และเกลือ ปรุงรสให้ออกหวานนำเค็มตาม จากนั้นก็หยอดตามลงไปในหลุม

ขนมครกหน้าดั้งเดิม
ขนมครกของร้านนี้จะมีทั้งหมด 5 แบบ คือ หน้าดั้งเดิม จะเป็นหน้ากะทิล้วนๆ ที่หอมมันหวานกลมกล่อม ไม่หวานแหลมจนแสบคอ หน้าแปะก๊วย ที่ใช้แปะก๊วยลูกใหญ่มาต้มทั้งลูก แล้วใส่ไปบนหน้าขนมครก ชิมแล้วแปะก๊วยไม่ขม เคี้ยวกันเพลินๆ หน้าอัลมอนต์ จะใช้เอล็ดอัลมอนต์มาอบจนกรอบ แล้วใส่บนหน้าขนมครก นี่ก็เคี้ยวแล้วมันกรอบหอม เป็นที่ถูกใจเช่นกัน

ส่วน
หน้าฝอยทอง ก็จะนำฝอยทองมาอบจนกรอบ ก่อนจะใส่ลงไปบนขนมครก ตัวฝอยทองก็ไม่ได้หวานมากเกินไป กินพร้อมๆ กันแล้วก็อร่อยดี และหน้าสุดท้าย คือหน้ากุ้ง ที่ทางร้านใช้เนื้อกุ้งสดมาสับ ผัดกับกระเทียม พริกไทย รากผักชีที่โขลกละเอียด มะพร้าวขูด และใบมะกรูดฝอย ก็จะได้เป็นหน้ากุ้งที่มาใส่บนขนมครก ชิ้นนี้จะออกเค็มๆ หอมๆ เผ็ดพริกไทยเล็กน้อย
ขนมครกทรงเครื่อง
สนนราคาขายของขนมครกหน้าดั้งเดิมมีตั้งแต่ 20, 30 และ 40 บาท ส่วนหน้าทรงเครื่องขายในราคา 40 บาท ซึ่งก็เลือกได้ว่าอยากจะกินหน้าไหนบ้าง

จุดเด่นของขนมครกที่นี่ก็คือความกรอบ ซึ่งก็มีเทคนิคในการกินเล็กน้อย คือ ถ้าซื้อใส่กล่องมาแล้ว ทางร้านแนะนำให้เดินถือไปก่อน ยังไม่ต้องใส่ถุงหิ้ว เพราะไอน้ำจากความร้อนจะทำให้ขนมครกนิ่ม ไม่กรอบอร่อย แต่ถ้าจะกินเลยก็ต้องระวังร้อนลวกลิ้น ฉะนั้นอย่าลืมเป่าก่อนกิน

ระบายความร้อนเพิ่มความกรอบอร่อย
ส่วนถ้ามาแล้วก็แนะนำให้ลองชิม ลูกชิ้นหมูปิ้ง (ไม้ละ 10 บาท) ที่ทางร้านทำเอง ไม่ได้ใส่แป้ง สารคงความกรอบ และวัตถุกันเสีย มีให้เลือกทั้งเนื้อหมู และเอ็นหมู ที่อร่อยนุ่มหนึบไม่แพ้กัน จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรเด็ดก็ยิ่งเคี้ยวมัน

ได้ลิ้มลองขนมครกร้อนๆ ที่หอมหวานมัน แถมด้วยลูกชิ้นหมูปิ้งอีกสักหน่อย
“ผ่านมาแวะกิน” ก็อร่อยเพลิดเพลิน จนลืมอิ่มกันเลยทีเดียว
ลูกชิ้นหมูปิ้ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์