วันที่ 06 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7494 ข่าวสดรายวัน พิณเพียะ รู้ไปโม้ด nachart@yahoo.com ตูน ตอบ ตูน มี ความรู้เรื่องพิณเพียะ หรือ พิณเปี๊ยะ รวบรวมและเรียบเรียงโดย นพดล คชศิลา บัณฑิตสาขาวิชาดุริยางคศาสตร์ไทย ภาควิชาศิลปกรรมศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร สรุปความได้ว่า พิณเพียะเป็น 1 ใน 3 เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายของล้านนาที่มีอยู่ในปัจจุบัน เครื่องสายทั้งสาม ได้ แก่ พิณเพียะ ซึง สะล้อ กล่าวสำหรับพิณเพียะ เครื่องดนตรีโบราณที่ทุกวันนี้มีผู้บรรเลงได้น้อยมาก นักดนตรีและผู้ศึกษาทางด้านดนตรีได้เปรียบเสียงของพิณเพียะไว้ว่า "ดังม่วนเหมือนเหมยตกใส่ต๋องกล้วยยามเดิ๋ก" แปลว่า เสียงเพียะไพเราะเหมือนเสียงหยดน้ำค้างหยดกระทบใบตองกล้วยยามค่ำคืน พิณ เพียะมีสาย 1-7 สาย กล่องเสียงทำด้วยกะลามะพร้าวผ่าครึ่ง คันทวนทำด้วยไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้ชิงชัน ไม้มะเกลือ ส่วนหัวหล่อด้วยโลหะสำริด หรือทองเหลือง เป็นรูปนกหัสดิลิงค์ หัวช้าง หรือนกยูง และมีส่วนประกอบต่างๆ ดังนี้ 1.กล่องเสียง หรือ กะโหล้ง ทำด้วยกะลามะพร้าวผ่าครึ่งตามแนวขวาง ตรงกลางเจาะรูเพื่อร้อยเชือกกับเสาค้ำและคันทวย 2.เสาค้ำ ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง เป็นส่วนต่อระหว่างกล่องเสียงกับคันเพียะ มีรูสำหรับเชือกรัดร้อยผ่านเพื่อผูกให้ยึดแน่นกับคันเพียะ 3.เชือกหรือหวายรัด เป็นเส้นเล็กๆ สำหรับรัดสายเพียะให้ติดกับคันเพียะ และรัดกะโหล้งให้ติดกับคันเพียะ มีเสาค้ำคั่นกลาง ด้านในของเสาค้ำมีรูให้ร้อยผ่านและมีไม้ขัดสำหรับผูกเชือก 4.คัน เพียะ ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ช่วงต้นใหญ่แล้วเรียวเล็กไปถึงช่วงปลายที่ใช้สำหรับสวมหัวเพียะ 5.ลูกบิด หรือหลักเพียะ ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง สำหรับทำหน้าที่ขันสายเพียะเพื่อปรับระดับเสียง 6.สายเพียะ ทำด้วยเส้นโลหะ เช่นทองเหลือง ทองแดง 7.หน่อง คือการรั้งสายเพียะด้วยเชือกเส้นเล็กๆ ตามตำแหน่งเสียงที่ต้องการทำให้สายเพียะเส้นนั้นมี 2 เสียง การหน่องจะมีเฉพาะเพียะที่มีสายตั้งแต่ 3 สายขึ้นไปถึง 7 สาย 8.หัวเพียะ ทำด้วยสำริดหล่อเป็นรูปหัวสัตว์ต่างๆ และมีรูสำหรับสวมกับปลายคันเพียะ พิณ เพียะมีวิธีการบรรเลงโดยถือด้วยมือซ้าย แนบกล่องเสียงที่ทำด้วยกะลามะพร้าวไว้กับหน้าอกหรือท้อง ดีดด้วยมือซ้ายและขวาพร้อมขยับเปิด-ปิดกล่องเสียงเพื่อให้เกิดความสั่น สะเทือน และใช้วิธีการ "ป๊อก" คือใช้ปลายนิ้วนางมือขวา หรือเล็บ สะกิดสาย แล้วใช้โคนนิ้วชี้มือขวานั้นประคบสายไว้ เทคนิคนี้จะทำให้เกิดเสียงฮาร์โมนิค หรือโอเวอร์โทน เป็นเสียงที่มีความถี่สูงกว่าเสียงธรรมดาประมาณ 1 ช่วงคู่เสียงขึ้นไป ทำให้เสียงกังวานไพเราะ แต่เบากว่าเสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนโดยปกติ ด้วย เอกลักษณ์ดังกล่าว การบรรเลงพิณเพียะจะต้องใช้การฝึกฝนเป็นอย่างมากเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญ ทั้งการป๊อก การดีด การจ๊ก (ล้วงสาย) การไข (ขยับเปิดกล่องเสียง) การหับ (ขยับปิดกล่องเสียง) ซึ่งในการทำให้เกิดเสียงแต่ละครั้งอาจต้องใช้เทคนิคทั้งหมดโดยต่อเนื่องกัน จนการที่จะเล่นพิณเพียะได้นั้นมีความยากอยู่มาก ถึงขั้นที่นักดนตรีจาวเหนือมักพูดกันว่า "หัดเพียะสามปี๋ หัดปี่สามเดือน" ปี่คือปี่ซอ หรือปี่จุม ใช้บรรเลงประกอบการขับร้อง โดยผู้เป่าต้องใช้ไหวพริบที่จะเป่าให้สอดคล้องประสานกับเนื้อร้องและปี่เล่ม อื่นๆ ในกลุ่ม จึงต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกฝนค่อนข้างนาน การนำมาเปรียบเทียบแสดงให้เห็นว่าการหัดดีดเพียะเป็นเรื่องยากมาก ประกอบ กับหัวเพียะทำด้วยโลหะ ชาวบ้านทั่วไปไม่สามารถหล่อขึ้นเองได้ ผู้ที่มีหัวเพียะส่วนมากได้มาจากบรรพบุรุษ ด้วยเหตุต่างๆ เหล่านี้ และรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายประการทำให้จำนวนของพิณเพียะมีน้อย ผลที่ตามมาคือทุกวันนี้มีผู้สามารถบรรเลงพิณเพียะได้น้อยคน |
homeowners insurance Claim
home insurance Claim
state farm car insurance Claim
comprehensive insurance Claim
commercial insurance Claim
cheap auto insurance Claim
cheap health insurance Claim
indemnity Claim
car insurance companies Claim
progressive quote Claim
usaa car insurance Claim
insurance near me Claim
term life insurance Claim
auto insurance near me Claim
state farm car insurance Claim
comprehensive insurance Claim
progressive home insurance Claim
house insurance Claim
progressive renters insurance Claim
state farm insurance quote Claim
metlife auto insurance Claim
best insurance companies Claim
progressive auto insurance quote Claim
cheap car insurance quotes Claim
allstate car insurance Claim
rental car insurance Claim
car insurance online Claim
liberty mutual car insurance Claim
cheap car insurance near me Claim
best auto insurance Claim
home insurance companies Claim
usaa home insurance Claim
list of car insurance companies Claim
full coverage insurance Claim
allstate insurance near me Claim
cheap insurance quotes Claim
national insurance Claim
progressive home insurance Claim
house insurance Claim
health insurance quotes Claim
ameritas dental Claim
state farm renters insurance Claim
medicare supplement plans Claim
progressive renters insurance Claim
aetna providers Claim
title insurance Claim
sr22 insurance Claim
medicare advantage plans Claim
aetna health insurance Claim
ambetter insurance Claim
umr insurance Claim
massmutual 401k Claim
private health insurance Claim
assurant renters insurance Claim
assurant insurance Claim
dental insurance plans Claim
state farm insurance quote Claim
health insurance plans Claim
workers compensation insurance Claim
geha dental Claim
metlife auto insurance Claim
boat insurance Claim
aarp insurance Claim
costco insurance Claim
flood insurance Claim
best insurance companies Claim
cheap car insurance quotes Claim
best travel insurance Claim
insurance agents near me Claim
car insurance Claim
car insurance quotes Claim
auto insurance Claim
auto insurance quotes Claim
long term care insurance Claim
auto insurance companies Claim
home insurance quotes Claim
cheap car insurance quotes Claim
affordable car insurance Claim
professional liability insurance Claim
cheap car insurance near me Claim
small business insurance Claim
vehicle insurance Claim
best auto insurance Claim
full coverage insurance Claim
motorcycle insurance quote Claim
homeowners insurance quote Claim
errors and omissions insurance Claim
general liability insurance Claim
best renters insurance Claim
cheap home insurance Claim
cheap insurance near me Claim
cheap full coverage insurance Claim
cheap life insurance Claim
สโลว์ฟู้ด
รู้ไปโม้ด
nachart@yahoo.com
ถึง น้าชาติดิฉันเคยได้ยินคำว่า "สโลว์ฟู้ด" เป็นครั้งแรกจากเพื่อน แต่ไม่ค่อยเข้าใจความหมายมากนัก น้าชาติช่วยไขข้อข้องใจด้วยค่ะ
จาก ธัญญา
ตอบ ธัญญา
คนต้นคิดการกินแบบสโลว์ฟู้ดหรือการกินแบบเนิบช้า คือ นายคาร์โล เปตรินี (Carlo Petrini) นักข่าวชาวอิตาเลียน ประจำคอลัมน์อาหารและไวน์ ซึ่งต่อต้านกิจการร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่งที่ขยายสาขาเข้ามาในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ในปี 2529 เปตรินีจึงชักชวนเพื่อนฝูงที่อยากรักษาวัฒนธรรมการกินแบบช้าๆ ละเมียดละไมของชาวอิตาเลียนเอาไว้ และร่วมกันก่อตั้ง "สมาคมสโลว์ฟู้ด" ขึ้นมาโดยใช้หอยทากเป็นสัญลักษณ์
ปรัชญาของสโลว์ฟู้ด คือ ดี (Good) สะอาด (Clean) และเป็นธรรม (Fair) คือ อาหารต้องผ่านกระบวนการผลิตที่สะอาด ใส่ใจสุขภาพผู้บริโภค ราคาสมเหตุสมผล และเกษตรกรหรือผู้ผลิตอาหารควรได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม
หัวใจสำคัญของสโลว์ฟู้ด คือ ให้ความสำคัญกับศิลปะการทำอาหารและการชื่นชมรสชาติอาหาร พร้อมๆ กับการสังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูงที่ล้อมวงกินข้าวด้วยกัน
เริ่มตั้งแต่ การใส่ใจตั้งแต่วัตถุดิบที่เน้นพืชผักที่ปลูกในท้องถิ่น ไม่ใช้สารเคมีมากนัก และความหลากหลายของพืชผักตามฤดูกาล สมาคมสโลว์ฟู้ดต่อต้านมาตรการที่ซูเปอร์มาร์เก็ตตั้งไว้เพื่อกีดกันพืชผัก ของชาวไร่ที่สีไม่สวยโดยถือว่าไม่ได้มาตรฐาน แล้วไปรับพืชผักที่ผลิตจากโรงงานมาวางขายตามชั้นวางแทน ทำให้ผักที่ผู้บริโภคเคยเลือกซื้อกลับมีเหลือให้เลือกไม่กี่ชนิด
ขั้นตอนการปรุงอาหารมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะผู้ปรุง อาหารต้องมีอารมณ์ดี ใส่ใจการปรุงอาหารและมีศิลปะในการทำอาหารจึงจะสรรค์สร้างอาหารจานอร่อยได้ ต่างจากการทำอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เน้นปริมาณอาหารเพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการ ความเร่งด่วนในการกิน ส่วนผู้นิยมอาหารแบบสโลว์ฟู้ดจะค่อยๆ กินกันไปคุยกันไป
เว็บไซต์ gourmetthai.com บอกข้อดีของการบริโภคแบบสโลว์ฟู้ดว่า ได้กินอาหารที่เป็นธรรมชาติจากท้องถิ่นเพราะเกษตรกรอาจไม่ใช้สารเคมีหรือใช้ แต่น้อย จึงปลอดภัยและมีความสด มีคุณค่าทางโภชนา การมากกว่าอาหารที่ต้องขนส่งมาจากที่ไกลๆ ซึ่งจะทำให้คุณค่าทางโภชนา การสูญเสียไปในระหว่างการขนส่ง โดยเฉพาะวิตามิน
ส่วนการปรุง อาหารแบบสโลว์ฟู้ดพิถีพิถันเพื่อกินเพียงมื้อเดียว ไม่ใช้สารเคมีประเภทสารกันบูด กันเชื้อรา จึงทำให้ความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลดลง
การผลิตอาหารตามแนวคิดสโลว์ฟู้ดยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยเพิ่มความหลากหลายของพืชพันธุ์ตามธรรมชาติอีกด้วย
ด้านเว็บไซต์ slowfood.com ระบุว่าสมาคมสโลว์ฟู้ดมีสมาชิกกว่า 1 แสนคนใน 153 ประเทศ และมีสำนักงานในหลายประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี สหรัฐ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อังกฤษและชิลี อีกทั้งมีสมาชิกหน้าใหม่กว่า 5 พันคนต่อปี ขณะเดียวกัน มีผู้ผลิตอาหารรายย่อยเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1 หมื่นแห่ง และมีโรงเรียนกว่า 100 แห่งทั่วโลกที่ปลูกพืชผักสวนครัวในโรงเรียน
องค์ กรสโลว์ฟู้ดยังจัดประชุมชุมชนอาหารโลก Terra Madre ทุกๆ สองปี ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี เป็นการพบปะกันระหว่างเกษตรกร ชาวประมง คนเลี้ยงสัตว์ นักวิชาการและผู้สนใจมาหารือและทำเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการผลิตแบบยั่งยืน และการอนุรักษ์พืชผักพันธุ์ท้องถิ่นที่กำลังสูญหาย
รู้ไปโม้ด
nachart@yahoo.com
จาก ธัญญา
ตอบ ธัญญา
คนต้นคิดการกินแบบสโลว์ฟู้ดหรือการกินแบบเนิบช้า คือ นายคาร์โล เปตรินี (Carlo Petrini) นักข่าวชาวอิตาเลียน ประจำคอลัมน์อาหารและไวน์ ซึ่งต่อต้านกิจการร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่งที่ขยายสาขาเข้ามาในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ในปี 2529 เปตรินีจึงชักชวนเพื่อนฝูงที่อยากรักษาวัฒนธรรมการกินแบบช้าๆ ละเมียดละไมของชาวอิตาเลียนเอาไว้ และร่วมกันก่อตั้ง "สมาคมสโลว์ฟู้ด" ขึ้นมาโดยใช้หอยทากเป็นสัญลักษณ์
ปรัชญาของสโลว์ฟู้ด คือ ดี (Good) สะอาด (Clean) และเป็นธรรม (Fair) คือ อาหารต้องผ่านกระบวนการผลิตที่สะอาด ใส่ใจสุขภาพผู้บริโภค ราคาสมเหตุสมผล และเกษตรกรหรือผู้ผลิตอาหารควรได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม
หัวใจสำคัญของสโลว์ฟู้ด คือ ให้ความสำคัญกับศิลปะการทำอาหารและการชื่นชมรสชาติอาหาร พร้อมๆ กับการสังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูงที่ล้อมวงกินข้าวด้วยกัน
เริ่มตั้งแต่ การใส่ใจตั้งแต่วัตถุดิบที่เน้นพืชผักที่ปลูกในท้องถิ่น ไม่ใช้สารเคมีมากนัก และความหลากหลายของพืชผักตามฤดูกาล สมาคมสโลว์ฟู้ดต่อต้านมาตรการที่ซูเปอร์มาร์เก็ตตั้งไว้เพื่อกีดกันพืชผัก ของชาวไร่ที่สีไม่สวยโดยถือว่าไม่ได้มาตรฐาน แล้วไปรับพืชผักที่ผลิตจากโรงงานมาวางขายตามชั้นวางแทน ทำให้ผักที่ผู้บริโภคเคยเลือกซื้อกลับมีเหลือให้เลือกไม่กี่ชนิด
ขั้นตอนการปรุงอาหารมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะผู้ปรุง อาหารต้องมีอารมณ์ดี ใส่ใจการปรุงอาหารและมีศิลปะในการทำอาหารจึงจะสรรค์สร้างอาหารจานอร่อยได้ ต่างจากการทำอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เน้นปริมาณอาหารเพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการ ความเร่งด่วนในการกิน ส่วนผู้นิยมอาหารแบบสโลว์ฟู้ดจะค่อยๆ กินกันไปคุยกันไป
เว็บไซต์ gourmetthai.com บอกข้อดีของการบริโภคแบบสโลว์ฟู้ดว่า ได้กินอาหารที่เป็นธรรมชาติจากท้องถิ่นเพราะเกษตรกรอาจไม่ใช้สารเคมีหรือใช้ แต่น้อย จึงปลอดภัยและมีความสด มีคุณค่าทางโภชนา การมากกว่าอาหารที่ต้องขนส่งมาจากที่ไกลๆ ซึ่งจะทำให้คุณค่าทางโภชนา การสูญเสียไปในระหว่างการขนส่ง โดยเฉพาะวิตามิน
ส่วนการปรุง อาหารแบบสโลว์ฟู้ดพิถีพิถันเพื่อกินเพียงมื้อเดียว ไม่ใช้สารเคมีประเภทสารกันบูด กันเชื้อรา จึงทำให้ความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลดลง
การผลิตอาหารตามแนวคิดสโลว์ฟู้ดยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยเพิ่มความหลากหลายของพืชพันธุ์ตามธรรมชาติอีกด้วย
ด้านเว็บไซต์ slowfood.com ระบุว่าสมาคมสโลว์ฟู้ดมีสมาชิกกว่า 1 แสนคนใน 153 ประเทศ และมีสำนักงานในหลายประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี สหรัฐ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อังกฤษและชิลี อีกทั้งมีสมาชิกหน้าใหม่กว่า 5 พันคนต่อปี ขณะเดียวกัน มีผู้ผลิตอาหารรายย่อยเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1 หมื่นแห่ง และมีโรงเรียนกว่า 100 แห่งทั่วโลกที่ปลูกพืชผักสวนครัวในโรงเรียน
องค์ กรสโลว์ฟู้ดยังจัดประชุมชุมชนอาหารโลก Terra Madre ทุกๆ สองปี ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี เป็นการพบปะกันระหว่างเกษตรกร ชาวประมง คนเลี้ยงสัตว์ นักวิชาการและผู้สนใจมาหารือและทำเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการผลิตแบบยั่งยืน และการอนุรักษ์พืชผักพันธุ์ท้องถิ่นที่กำลังสูญหาย
เฟรชชี่และรุ่นพี่ในมหา"ลัย
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
ถึง น้าชาติ
ถึง ฤดูต้อนรับน้องใหม่แล้ว น้องปี 1 เรียกว่า เฟรชชี่ ส่วนนักศึกษาปี 2-4 เรียกว่าอะไร และคณะที่ต้องเรียนมากกว่า 4 ปี มี คำเรียกนักศึกษาแต่ละชั้นปีว่าอย่างไรคะ
จาก น้องใหม่
ตอบ น้องใหม่
หลัก สูตรส่วนใหญ่ในระดับอุดม ศึกษาของประเทศไทยมีระยะเวลาเรียน 4 ปี ส่วนคณะที่เรียน 5 ปี อาทิ คณะสถาปัตยกรรม ศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะครุศาสตร์ สำหรับสาขาด้านการแพทย์ที่ใช้เวลาเรียน 6 ปี เช่น คณะแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทย ศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์
รุ่นน้องและรุ่นพี่มีคำเรียกในแต่ละชั้นปีที่เรียกตามระบบการศึกษาของสหรัฐ
วิ กิพีเดีย ระบุระบบการศึกษาในสหรัฐว่า นักศึกษาปี 1 เรียกว่า เฟรชชี่ (freshie) หรือ เฟรช แมน (freshman) และมีศัพท์สแลงว่า ฟิช (ปลา), นิว-จี, ฟรอช, นิวบี, สนอตเตอร์, เฟรชมีต (เนื้อสด) แต่โดยรวมแล้วมักจะเรียกว่านักศึกษาปี 1
ส่วน นักศึกษาปีที่ 2 เรียกว่า ซอฟะ มอร์ (sophomore) หมายถึง ความโง่ที่เฉลียวฉลาด เพราะนักศึกษาปี 2 เริ่มจะมีความรู้ แต่ยังรู้ไม่ถ่องแท้
นัก นิรุกติศาสตร์บอก ที่มาของคำนี้ว่ามีรากศัพท์มาจากภาษากรีกสองคำ คือ sophos ที่แปลว่า ฉลาด และคำว่า moros แปลว่า โง่ นำมาสู่คำว่า sophisma ที่แปลว่า ต้องการทักษะหรือวิธีการในการนำมาสู่ความเฉลียวฉลาด
ใน อดีตคำๆ นี้ในภาษาอังกฤษ สะกดว่า Sophumer แปลว่า ฉลาด มีทักษะ ใช้เรียกครั้งแรกในศตวรรษที่ 7 กระทั่ง พ.ศ.2269 ชาวสหรัฐนำคำนี้ไปใช้ แต่สะกดว่า sophomore คำที่สะกดแบบนี้จึงใช้กันอย่างแพร่หลายต่อมา
นัก ศึกษาปีที่ 3 เรียกว่า จูเนียร์ (junior) และเรียก นักศึกษาปีที่ 4 หรือปีสุดท้ายว่า ซีเนียร์ (senior) ส่วน นักศึกษาที่ใช้เวลาเรียนเกิน 4 ปี เรียกว่า ซูเปอร์ซีเนียร์ (super senior)
ยังมีคำอื่นๆ ที่ใช้เรียก น้องปี 1 และ ปี 2 ว่า อันเดอร์คลาสแมน (underclassman) แทนคำว่าเฟรชแมนและซอฟะมอร์ และเรียก นักศึกษาปี 3 และ 4 ว่า อัพเพอร์คลาสแมน (upperclassman) แทนคำว่า จูเนียร์และซีเนียร์
มหาวิทยาลัย บางแห่ง และบางคณะที่ใช้เวลาเรียน 5 ปี จะเรียกนัก ศึกษาปี 3 ว่า มิดด์ เลอร์ (middler) และเรียกนักศึกษาปี 4 ว่า จูเนียร์ ส่วนนักศึกษาปี 5 เรียกว่า ซีเนียร์
สำหรับการเรียนแพทยศาสตร์ในประ เทศไทยใช้เวลาเรียน 6 ปี ปีแรกเรียนวิทยา ศาสตร์ทั่วไป เน้นเกี่ยว ข้องทางชีววิทยา ปีที่ 2-3 เรียนวิชาที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ เรียกระยะ นี้ว่า ปรีคลินิก ปีที่ 4-5 เรียนและฝึกงานผู้ป่วยจริงร่วมกับแพทย์รุ่นพี่และอาจารย์ เรียกว่า ชั้นคลินิก (Clinic) และปีสุดท้ายเน้นฝึกปฏิบัติกับผู้ป่วยจริงภายใต้การดูแลของแพทย์รุ่นพี่และ อาจารย์ เรียกระยะนี้ว่า เอ็กซ์เทิร์น (Extern) จากนั้น แพทย์จบใหม่จะต้องใช้ทุนของแพทย์เป็นเวลา 3 ปี โดยต้องทำงานให้รัฐบาลรัฐแห่งใหญ่ๆ ภายใต้การดูแลของแพทย์รุ่นพี่ที่มีประสบการณ์เป็นเวลา 1 ปี เรียกระยะนี้ว่า อินเทิร์น (Intern)
หลังจากนั้นสามารถสมัครเพื่ออบรมเป็น แพทย์ประจำบ้าน (Medical Resident) เมื่อจบหลักสูตรการอบรมและสามารถสอบใบรับรองจากราชวิทยาลัยแพทย์ต่างๆ ได้แล้ว จึงจะได้เป็นแพทย์ เฉพาะทางต่อไป
ส่วนนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีธรรมเนียมเรียกน้องปี 1 ว่า เซตัส (setus) หมายถึง ตัวอ่อนในครรภ์มารดา นักศึกษา ปี 2 เรียกว่า เฟรชชี่ นักศึกษาปี 3 เรียก เธิร์ด เยียร์ (third year) นักศึกษาปี 4 เรียกว่า ซอฟะมอร์ นักศึกษาปี 5 เรียกว่า จูเนียร์ และนักศึกษาปี 6 เรียกว่า ซีเนียร์
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
ถึง ฤดูต้อนรับน้องใหม่แล้ว น้องปี 1 เรียกว่า เฟรชชี่ ส่วนนักศึกษาปี 2-4 เรียกว่าอะไร และคณะที่ต้องเรียนมากกว่า 4 ปี มี คำเรียกนักศึกษาแต่ละชั้นปีว่าอย่างไรคะ
จาก น้องใหม่
ตอบ น้องใหม่
หลัก สูตรส่วนใหญ่ในระดับอุดม ศึกษาของประเทศไทยมีระยะเวลาเรียน 4 ปี ส่วนคณะที่เรียน 5 ปี อาทิ คณะสถาปัตยกรรม ศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะครุศาสตร์ สำหรับสาขาด้านการแพทย์ที่ใช้เวลาเรียน 6 ปี เช่น คณะแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทย ศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์
รุ่นน้องและรุ่นพี่มีคำเรียกในแต่ละชั้นปีที่เรียกตามระบบการศึกษาของสหรัฐ
วิ กิพีเดีย ระบุระบบการศึกษาในสหรัฐว่า นักศึกษาปี 1 เรียกว่า เฟรชชี่ (freshie) หรือ เฟรช แมน (freshman) และมีศัพท์สแลงว่า ฟิช (ปลา), นิว-จี, ฟรอช, นิวบี, สนอตเตอร์, เฟรชมีต (เนื้อสด) แต่โดยรวมแล้วมักจะเรียกว่านักศึกษาปี 1
ส่วน นักศึกษาปีที่ 2 เรียกว่า ซอฟะ มอร์ (sophomore) หมายถึง ความโง่ที่เฉลียวฉลาด เพราะนักศึกษาปี 2 เริ่มจะมีความรู้ แต่ยังรู้ไม่ถ่องแท้
นัก นิรุกติศาสตร์บอก ที่มาของคำนี้ว่ามีรากศัพท์มาจากภาษากรีกสองคำ คือ sophos ที่แปลว่า ฉลาด และคำว่า moros แปลว่า โง่ นำมาสู่คำว่า sophisma ที่แปลว่า ต้องการทักษะหรือวิธีการในการนำมาสู่ความเฉลียวฉลาด
ใน อดีตคำๆ นี้ในภาษาอังกฤษ สะกดว่า Sophumer แปลว่า ฉลาด มีทักษะ ใช้เรียกครั้งแรกในศตวรรษที่ 7 กระทั่ง พ.ศ.2269 ชาวสหรัฐนำคำนี้ไปใช้ แต่สะกดว่า sophomore คำที่สะกดแบบนี้จึงใช้กันอย่างแพร่หลายต่อมา
นัก ศึกษาปีที่ 3 เรียกว่า จูเนียร์ (junior) และเรียก นักศึกษาปีที่ 4 หรือปีสุดท้ายว่า ซีเนียร์ (senior) ส่วน นักศึกษาที่ใช้เวลาเรียนเกิน 4 ปี เรียกว่า ซูเปอร์ซีเนียร์ (super senior)
ยังมีคำอื่นๆ ที่ใช้เรียก น้องปี 1 และ ปี 2 ว่า อันเดอร์คลาสแมน (underclassman) แทนคำว่าเฟรชแมนและซอฟะมอร์ และเรียก นักศึกษาปี 3 และ 4 ว่า อัพเพอร์คลาสแมน (upperclassman) แทนคำว่า จูเนียร์และซีเนียร์
มหาวิทยาลัย บางแห่ง และบางคณะที่ใช้เวลาเรียน 5 ปี จะเรียกนัก ศึกษาปี 3 ว่า มิดด์ เลอร์ (middler) และเรียกนักศึกษาปี 4 ว่า จูเนียร์ ส่วนนักศึกษาปี 5 เรียกว่า ซีเนียร์
สำหรับการเรียนแพทยศาสตร์ในประ เทศไทยใช้เวลาเรียน 6 ปี ปีแรกเรียนวิทยา ศาสตร์ทั่วไป เน้นเกี่ยว ข้องทางชีววิทยา ปีที่ 2-3 เรียนวิชาที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ เรียกระยะ นี้ว่า ปรีคลินิก ปีที่ 4-5 เรียนและฝึกงานผู้ป่วยจริงร่วมกับแพทย์รุ่นพี่และอาจารย์ เรียกว่า ชั้นคลินิก (Clinic) และปีสุดท้ายเน้นฝึกปฏิบัติกับผู้ป่วยจริงภายใต้การดูแลของแพทย์รุ่นพี่และ อาจารย์ เรียกระยะนี้ว่า เอ็กซ์เทิร์น (Extern) จากนั้น แพทย์จบใหม่จะต้องใช้ทุนของแพทย์เป็นเวลา 3 ปี โดยต้องทำงานให้รัฐบาลรัฐแห่งใหญ่ๆ ภายใต้การดูแลของแพทย์รุ่นพี่ที่มีประสบการณ์เป็นเวลา 1 ปี เรียกระยะนี้ว่า อินเทิร์น (Intern)
หลังจากนั้นสามารถสมัครเพื่ออบรมเป็น แพทย์ประจำบ้าน (Medical Resident) เมื่อจบหลักสูตรการอบรมและสามารถสอบใบรับรองจากราชวิทยาลัยแพทย์ต่างๆ ได้แล้ว จึงจะได้เป็นแพทย์ เฉพาะทางต่อไป
ส่วนนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีธรรมเนียมเรียกน้องปี 1 ว่า เซตัส (setus) หมายถึง ตัวอ่อนในครรภ์มารดา นักศึกษา ปี 2 เรียกว่า เฟรชชี่ นักศึกษาปี 3 เรียก เธิร์ด เยียร์ (third year) นักศึกษาปี 4 เรียกว่า ซอฟะมอร์ นักศึกษาปี 5 เรียกว่า จูเนียร์ และนักศึกษาปี 6 เรียกว่า ซีเนียร์
วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7497 ข่าวสดรายวัน
เสาตอม่อร้างกลางกรุง
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
ถึง น้าชาติ
โคนเสาตอ ม่อเลียบทางสถานีรถไฟสามเสนถึงสถานีรถไฟดอนเมือง และตอม่อ กลางเกาะถนนเกษตร-นวมินทร์ เป็นโครงการรถไฟฟ้าสายไหน ครับ
จาก เด็กต่างจังหวัด
ตอบ เด็กต่างจังหวัด
โคน เสาตอม่อเลียบสถานีรถไฟสามเสนไปจนถึงสถานีรถไฟดอน เมืองเป็นโครงการรถไฟฟ้าใน "โครงการโฮปเวลล์" หรือโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกทม. เป็นโครงการก่อสร้างถนน ทางรถไฟ และรถไฟฟ้ายกระดับ บนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินการโดย บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ในเครือโฮปเวลล์โฮลดิงส์ บริษัทสัญชาติฮ่องกง ของ นายกอร์ดอน วู
โครงการก่อสร้างประกอบด้วย โครงสร้างยกระดับทางรถไฟขึ้นไปเหนือผิวการจราจร เพื่อลดจุดตัดกับทางรถยนต์เพื่อลดปัญหาการให้รถยนต์ต้องหยุดรอรถไฟ ก่อสร้างคร่อมทางรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบัน ระยะทางทั้งสิ้น 60.1 ก.ม. ใช้เงินลงทุนกว่า 8 หมื่นล้านบาท โดยเปิดประมูลสัมปทานโครงการในสมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายก รัฐมนตรี อายุของสัมปทาน 30 ปี กำหนดระยะเวลาก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.2534 - 5 ธ.ค.2542
การก่อสร้างโครงการโฮปเวลล์เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากปัญหาในการส่งมอบพื้นที่บริเวณริมทางรถไฟ เศรษฐกิจซบเซา อีกทั้งมีปัญหาเรื่องจุดตัดกับโครงการถนนยกระดับวิภาวดีรังสิต (ดอนเมืองโทลล์เวย์) และการก่อสร้างล่าช้า ก่อสร้างมานาน 7 ปี คืบหน้าเพียงร้อยละ 13.77 ขณะที่แผนงานกำหนดว่าควรจะคืบหน้าร้อยละ 89.75
ต่อ มา ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2540 ให้ความเห็นชอบบอกเลิกสัญญากับโฮปเวลล์ หลังจากบริษัทโฮปเวลล์หยุดการก่อสร้างอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เดือน ส.ค.2540 ต่อมาในสมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย สมัยที่ 2 หลังดำเนินการ กระทรวงคมนาคมได้บอกเลิกสัญญาสัมปทานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2541
หลังจากบอกเลิกสัญญา การรถไฟแห่งประเทศไทยถือว่าโครง สร้างทุกอย่างตกเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟ และพยายามนำโครงสร้างที่สร้างเสร็จแล้วบางส่วนมาใช้ประโยชน์ในรถไฟฟ้าชาน เมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-รังสิต
ส่วนตอม่อกลางเกาะถนน เกษตร-นวมินทร์ มีประมาณ 280 กว่าต้นนั้น พ.ท.ทวีสิน รักกตัญญู ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ระบุว่าเสาตอม่อดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อฐานรากสำหรับโครงการก่อสร้างระบบทาง ด่วนขั้นที่ 3 โดยเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร ตอน N2 มีเส้นทางซ้อนทับบนเกาะกลางถนนตัดใหม่เกษตร-นวมินทร์ของกรมทางหลวง เริ่มต้นจากสี่แยกเกษตรศาสตร์ถึงถนนนวมินทร์ ระยะทาง 9.2 ก.ม. ขณะนี้กทพ.อยู่ระหว่างกำหนดร่างขอบเขตงานหรือทีโออาร์เพื่อว่าจ้างบริษัทที่ ปรึกษาวงเงิน 84 ล้านบาท ศึกษาทบทวนแบบก่อสร้าง หลังจากศึกษามานานหลายปีแล้วแต่ยังไม่ดำเนินการก่อสร้าง เพราะได้รับเสียงคัดค้านจากประชาชนที่กลัวเรื่องการเวนคืนที่ดินในจุดขึ้นลง ทางด่วน ทำให้โครงการหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2543
สาเหตุที่ต้องสร้าง เสาตอม่อถนนเกษตร-นวมินทร์ไว้ล่วงหน้าเป็นเวลานาน เนื่องจากในช่วงนั้นกรมทางหลวงเตรียมตัดถนนเส้นใหม่ตั้งแต่สี่แยก เกษตรศาสตร์ ถนนพหลโยธิน ไปถึงถนนนวมินทร์ ขณะเดียวกันกทพ.มีโครงการก่อสร้างระบบทางด่วนขั้นที่ 3 เชื่อมต่อถนนดังกล่าว จึงทำเสาตอม่อทางด่วนลงเกาะกลางถนนรอไว้ก่อนที่กรมทางหลวงจะสร้างถนนตัดใหม่ เพื่อประหยัดงบประมาณ หากสร้างถนนก่อนแล้วค่อยทำทางด่วนจะทำให้ถนนเสียหายและสูญเสียค่าใช้จ่าย
เสาตอม่อร้างกลางกรุง
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
โคนเสาตอ ม่อเลียบทางสถานีรถไฟสามเสนถึงสถานีรถไฟดอนเมือง และตอม่อ กลางเกาะถนนเกษตร-นวมินทร์ เป็นโครงการรถไฟฟ้าสายไหน ครับ
จาก เด็กต่างจังหวัด
ตอบ เด็กต่างจังหวัด
โคน เสาตอม่อเลียบสถานีรถไฟสามเสนไปจนถึงสถานีรถไฟดอน เมืองเป็นโครงการรถไฟฟ้าใน "โครงการโฮปเวลล์" หรือโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกทม. เป็นโครงการก่อสร้างถนน ทางรถไฟ และรถไฟฟ้ายกระดับ บนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินการโดย บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ในเครือโฮปเวลล์โฮลดิงส์ บริษัทสัญชาติฮ่องกง ของ นายกอร์ดอน วู
โครงการก่อสร้างประกอบด้วย โครงสร้างยกระดับทางรถไฟขึ้นไปเหนือผิวการจราจร เพื่อลดจุดตัดกับทางรถยนต์เพื่อลดปัญหาการให้รถยนต์ต้องหยุดรอรถไฟ ก่อสร้างคร่อมทางรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบัน ระยะทางทั้งสิ้น 60.1 ก.ม. ใช้เงินลงทุนกว่า 8 หมื่นล้านบาท โดยเปิดประมูลสัมปทานโครงการในสมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายก รัฐมนตรี อายุของสัมปทาน 30 ปี กำหนดระยะเวลาก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.2534 - 5 ธ.ค.2542
การก่อสร้างโครงการโฮปเวลล์เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากปัญหาในการส่งมอบพื้นที่บริเวณริมทางรถไฟ เศรษฐกิจซบเซา อีกทั้งมีปัญหาเรื่องจุดตัดกับโครงการถนนยกระดับวิภาวดีรังสิต (ดอนเมืองโทลล์เวย์) และการก่อสร้างล่าช้า ก่อสร้างมานาน 7 ปี คืบหน้าเพียงร้อยละ 13.77 ขณะที่แผนงานกำหนดว่าควรจะคืบหน้าร้อยละ 89.75
ต่อ มา ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2540 ให้ความเห็นชอบบอกเลิกสัญญากับโฮปเวลล์ หลังจากบริษัทโฮปเวลล์หยุดการก่อสร้างอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เดือน ส.ค.2540 ต่อมาในสมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย สมัยที่ 2 หลังดำเนินการ กระทรวงคมนาคมได้บอกเลิกสัญญาสัมปทานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2541
หลังจากบอกเลิกสัญญา การรถไฟแห่งประเทศไทยถือว่าโครง สร้างทุกอย่างตกเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟ และพยายามนำโครงสร้างที่สร้างเสร็จแล้วบางส่วนมาใช้ประโยชน์ในรถไฟฟ้าชาน เมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-รังสิต
ส่วนตอม่อกลางเกาะถนน เกษตร-นวมินทร์ มีประมาณ 280 กว่าต้นนั้น พ.ท.ทวีสิน รักกตัญญู ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ระบุว่าเสาตอม่อดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อฐานรากสำหรับโครงการก่อสร้างระบบทาง ด่วนขั้นที่ 3 โดยเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร ตอน N2 มีเส้นทางซ้อนทับบนเกาะกลางถนนตัดใหม่เกษตร-นวมินทร์ของกรมทางหลวง เริ่มต้นจากสี่แยกเกษตรศาสตร์ถึงถนนนวมินทร์ ระยะทาง 9.2 ก.ม. ขณะนี้กทพ.อยู่ระหว่างกำหนดร่างขอบเขตงานหรือทีโออาร์เพื่อว่าจ้างบริษัทที่ ปรึกษาวงเงิน 84 ล้านบาท ศึกษาทบทวนแบบก่อสร้าง หลังจากศึกษามานานหลายปีแล้วแต่ยังไม่ดำเนินการก่อสร้าง เพราะได้รับเสียงคัดค้านจากประชาชนที่กลัวเรื่องการเวนคืนที่ดินในจุดขึ้นลง ทางด่วน ทำให้โครงการหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2543
สาเหตุที่ต้องสร้าง เสาตอม่อถนนเกษตร-นวมินทร์ไว้ล่วงหน้าเป็นเวลานาน เนื่องจากในช่วงนั้นกรมทางหลวงเตรียมตัดถนนเส้นใหม่ตั้งแต่สี่แยก เกษตรศาสตร์ ถนนพหลโยธิน ไปถึงถนนนวมินทร์ ขณะเดียวกันกทพ.มีโครงการก่อสร้างระบบทางด่วนขั้นที่ 3 เชื่อมต่อถนนดังกล่าว จึงทำเสาตอม่อทางด่วนลงเกาะกลางถนนรอไว้ก่อนที่กรมทางหลวงจะสร้างถนนตัดใหม่ เพื่อประหยัดงบประมาณ หากสร้างถนนก่อนแล้วค่อยทำทางด่วนจะทำให้ถนนเสียหายและสูญเสียค่าใช้จ่าย
จรัญสนิทวงศ์-บางพลัด
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
สวัสดี คุณน้าชาติ
เราเป็นสาว (เหลือ) น้อยชาวบางกอก อยากทราบประวัติถนนจรัญสนิทวงศ์ กับบางพลัด แต่งกิ๊ว แปลว่า ขอบคุณค่า
กวนจัง
ตอบ กวนจัง
ถนน จรัญสนิทวงศ์ (Thanon Charan Sanit Wong) เป็นถนนในฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม ที่สี่แยกท่าพระ ในแขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ ตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตัดกับถนนพณิชยการธนบุรี (จรัญสนิทวงศ์ 13) ที่สามแยกพณิชยการธนบุรี จากนั้นข้ามคลองมอญ เข้าสู่พื้นที่แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย ตรงไปทางทิศเหนือ ตัดกับถนนพรานนกที่สามแยกไฟฉาย จากนั้นโค้งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตัดกับทางรถไฟสายใต้ (จากสถานีรถไฟธนบุรี) เข้าแขวงบางขุนนนท์ ตัดกับถนนบางขุนนนท์ที่สามแยกบางขุนนนท์
จากนั้นข้ามคลองบางกอกน้อย เข้าสู่แขวงอรุณอมรินทร์ ตัดกับถนนบรมราชชนนีที่สี่แยกบรมราชชนนี เข้าสู่พื้นที่เขตบางพลัด โดยเป็นเส้นแบ่งเขตการปกครองระหว่างแขวงบางบำหรุกับแขวงบางยี่ขัน ไปจนตัดกับถนนสิรินธรและถนนราชวิถีที่สี่แยกบางพลัด จากนั้นจึงเข้าสู่แขวงบางพลัด มุ่งตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามคลองบางพลัดเข้าสู่พื้นที่แขวงบางอ้อ และไปสิ้นสุดที่เชิงสะพานพระราม 7 ในพื้นที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
สำหรับชื่อถนน "จรัญสนิท วงศ์" ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแด่ หลวงจรัญสนิทวงศ์ โดยที่เดิมกรุงเทพมหานครติดป้ายชื่อถนนว่า ถนนจรัลสนิทวงศ์ ซึ่งต่อมาได้แก้ไข เป็น จรัญสนิทวงศ์ ตามนามของ หลวงจรัญสนิทวงศ์ หรือนามเดิม หม่อมหลวงจรัญ สนิทวงศ์ เป็นบุตรของ เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) กับ ท่านผู้หญิงวงศานุประพัทธ์ (ตาด สิงหเสนี) ท่านเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ.2456 ก่อนไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ ท่านเคยเป็นอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และตำแหน่งสุดท้ายเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ในรัชกาลที่ 6 ได้รับพระราชทานราชทินนามเป็น หลวงจรัญสนิทวงศ์ นามของท่านถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของถนนที่กรมทางหลวงตัดใหม่ในฝั่งธนบุรี ขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นระยะทาง 11.4 กิโลเมตร ดังกล่าว
สำหรับ "บางพลัด" เป็น 1 ใน 50 เขตการปกครองของกรุงเทพ มหานคร อยู่ในกลุ่มเขตกรุงธนเหนือ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฝั่งธนบุรี) มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่การปกครองต่างๆ เรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอบางกรวย (นนทบุรี) มีทางรถไฟสายใต้เป็นเส้นแบ่งเขต ทิศตะวันออก ติดต่อกับเขตบางซื่อ เขตดุสิต และเขตพระนคร มีแนวกึ่ง กลางแม่น้ำเจ้า พระยาเป็นเส้นแบ่งเขต ทิศใต้ ติดต่อกับเขตบางกอกน้อย มีถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นเส้นแบ่งเขต ทิศตะวันตกติดต่อกับ เขตบางกอกน้อยและเขตตลิ่งชัน มีถนนบรมราชชนนีและคลองบางกอกน้อยเป็นเส้นแบ่งเขต
เดิมมีฐานะเป็น อำเภอชั้นในของพระนคร ชื่อ อำเภอบางพลัด ต่อมาถูกลดฐานะเป็น ตำบลบางพลัด ขึ้นกับอำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี กระทั่งรวมจังหวัดธนบุรีกับจังหวัดพระนครเข้าด้วยกันเป็นจังหวัดนครหลวง กรุงเทพธนบุรี ก่อนเปลี่ยนเป็นกรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ.2515 จึงเปลี่ยนฐานะเป็น แขวงบางพลัด เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ครั้นมกราคม พ.ศ.2532 กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งสำนักงานเขตบางกอกน้อย สาขาบางพลัด ดูแลพื้นที่แขวงบางพลัด บางอ้อ บางบำหรุ และบางยี่ขัน
ซึ่งต่อมาท้อง ที่ทั้ง 4 แขวงนี้ได้ยกฐานะขึ้นเป็นเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2532 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนแปลงพื้นที่เขตบางกอกน้อยและจัดตั้ง เขตบางพลัด และเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534 ได้มีประกาศของกระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนแปลงพื้นที่เขตบางพลัด โดยตัดพื้นที่แขวงบางบำหรุและบางยี่ขัน เฉพาะส่วนที่อยู่ทางทิศใต้ของถนน บรมราชชนนีและถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า กลับไปเป็นพื้นที่ในการปกครองของเขตบางกอกน้อยอีกครั้ง
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
เราเป็นสาว (เหลือ) น้อยชาวบางกอก อยากทราบประวัติถนนจรัญสนิทวงศ์ กับบางพลัด แต่งกิ๊ว แปลว่า ขอบคุณค่า
กวนจัง
ตอบ กวนจัง
ถนน จรัญสนิทวงศ์ (Thanon Charan Sanit Wong) เป็นถนนในฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม ที่สี่แยกท่าพระ ในแขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ ตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตัดกับถนนพณิชยการธนบุรี (จรัญสนิทวงศ์ 13) ที่สามแยกพณิชยการธนบุรี จากนั้นข้ามคลองมอญ เข้าสู่พื้นที่แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย ตรงไปทางทิศเหนือ ตัดกับถนนพรานนกที่สามแยกไฟฉาย จากนั้นโค้งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตัดกับทางรถไฟสายใต้ (จากสถานีรถไฟธนบุรี) เข้าแขวงบางขุนนนท์ ตัดกับถนนบางขุนนนท์ที่สามแยกบางขุนนนท์
จากนั้นข้ามคลองบางกอกน้อย เข้าสู่แขวงอรุณอมรินทร์ ตัดกับถนนบรมราชชนนีที่สี่แยกบรมราชชนนี เข้าสู่พื้นที่เขตบางพลัด โดยเป็นเส้นแบ่งเขตการปกครองระหว่างแขวงบางบำหรุกับแขวงบางยี่ขัน ไปจนตัดกับถนนสิรินธรและถนนราชวิถีที่สี่แยกบางพลัด จากนั้นจึงเข้าสู่แขวงบางพลัด มุ่งตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามคลองบางพลัดเข้าสู่พื้นที่แขวงบางอ้อ และไปสิ้นสุดที่เชิงสะพานพระราม 7 ในพื้นที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
สำหรับชื่อถนน "จรัญสนิท วงศ์" ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแด่ หลวงจรัญสนิทวงศ์ โดยที่เดิมกรุงเทพมหานครติดป้ายชื่อถนนว่า ถนนจรัลสนิทวงศ์ ซึ่งต่อมาได้แก้ไข เป็น จรัญสนิทวงศ์ ตามนามของ หลวงจรัญสนิทวงศ์ หรือนามเดิม หม่อมหลวงจรัญ สนิทวงศ์ เป็นบุตรของ เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) กับ ท่านผู้หญิงวงศานุประพัทธ์ (ตาด สิงหเสนี) ท่านเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ.2456 ก่อนไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ ท่านเคยเป็นอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และตำแหน่งสุดท้ายเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ในรัชกาลที่ 6 ได้รับพระราชทานราชทินนามเป็น หลวงจรัญสนิทวงศ์ นามของท่านถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของถนนที่กรมทางหลวงตัดใหม่ในฝั่งธนบุรี ขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นระยะทาง 11.4 กิโลเมตร ดังกล่าว
สำหรับ "บางพลัด" เป็น 1 ใน 50 เขตการปกครองของกรุงเทพ มหานคร อยู่ในกลุ่มเขตกรุงธนเหนือ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฝั่งธนบุรี) มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่การปกครองต่างๆ เรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอบางกรวย (นนทบุรี) มีทางรถไฟสายใต้เป็นเส้นแบ่งเขต ทิศตะวันออก ติดต่อกับเขตบางซื่อ เขตดุสิต และเขตพระนคร มีแนวกึ่ง กลางแม่น้ำเจ้า พระยาเป็นเส้นแบ่งเขต ทิศใต้ ติดต่อกับเขตบางกอกน้อย มีถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นเส้นแบ่งเขต ทิศตะวันตกติดต่อกับ เขตบางกอกน้อยและเขตตลิ่งชัน มีถนนบรมราชชนนีและคลองบางกอกน้อยเป็นเส้นแบ่งเขต
เดิมมีฐานะเป็น อำเภอชั้นในของพระนคร ชื่อ อำเภอบางพลัด ต่อมาถูกลดฐานะเป็น ตำบลบางพลัด ขึ้นกับอำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี กระทั่งรวมจังหวัดธนบุรีกับจังหวัดพระนครเข้าด้วยกันเป็นจังหวัดนครหลวง กรุงเทพธนบุรี ก่อนเปลี่ยนเป็นกรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ.2515 จึงเปลี่ยนฐานะเป็น แขวงบางพลัด เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ครั้นมกราคม พ.ศ.2532 กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งสำนักงานเขตบางกอกน้อย สาขาบางพลัด ดูแลพื้นที่แขวงบางพลัด บางอ้อ บางบำหรุ และบางยี่ขัน
ซึ่งต่อมาท้อง ที่ทั้ง 4 แขวงนี้ได้ยกฐานะขึ้นเป็นเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2532 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนแปลงพื้นที่เขตบางกอกน้อยและจัดตั้ง เขตบางพลัด และเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534 ได้มีประกาศของกระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนแปลงพื้นที่เขตบางพลัด โดยตัดพื้นที่แขวงบางบำหรุและบางยี่ขัน เฉพาะส่วนที่อยู่ทางทิศใต้ของถนน บรมราชชนนีและถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า กลับไปเป็นพื้นที่ในการปกครองของเขตบางกอกน้อยอีกครั้ง
Subscribe to:
Posts (Atom)