ทาร์ตบลูเบอรี่ครีมชีส

credit คาร์เนชั่นสีม่วง bloggang.com


ตัวแป้งทาร์ตใช้สูตรที่ไปอบรมที่บ.เกตุวานิชมาค่ะ เมื่อปลายปีที่แล้ว
สูตรนี้ทำได้ประมาณ 20-23 ถ้วย ถ้าจะให้ใกล้เคียงกับไส้ครีมชีสด้านล่างก็ทำประมาณ 1.5 สูตร(ประมาณ 30 ถ้วย)

น้ำตาลทรายป่น 100 กรัม
มาการีนโอลิมปิคเค้ก 200 กรัม (ที่ทำใช้เนยสดและมาการีนอย่างละครึ่ง)
น้ำ 40 กรัม
แป้งอเนกประสงค์ 300 กรัม
ผิวมะนาว 5 กรัม (1 ลูก)

1. ร่อนแป้ง เทใส่อ่างผสม
2. ใส่เนยลงไปในอ่างแปัง ตีเข้าด้วยกัน ใส่น้ำ ตีพอเข้ากัน หรือจะใช้ที่สับเนยสับๆ ให้เข้ากันก็ได้ค่ะ พอเนยเข้ากับแป้งเป็นเม็ดทรายร่วนๆ ก็ค่อยๆ ใส่น้ำลงไป สับๆ ไปใส่น้ำไปจนหมด
3. รวบเป็นก้อน ห่อพลาสติกเข้าตู้เย็นพักไว้ประมาณ ครึ่งชม.
4. นำมากรุในพิมพ์ถ้วย ใช้ส้อมจิ้มที่ฐานด้วย แล้วเข้าอบ 170C ประมาณ 10 นาที หรือดูแล้วออกสีเหลืองๆ นำออกมาเคาะออกจากพิมพ์ พักให้เย็น

รูปไม่ค่อยเยอะนะคะ พอดีรีบทำ แต่เห็นว่าอร่อยดี เลยนำมาลงให้ชิมกัน

หลังพักในตู้เย็น นำออกมากรุในพิมพ์



ออกจากเตาพักไว้ในพิมพ์สักครู่ แล้วเคาะออกจากพิมพ์


รูปหลังจากพิมพ์เย็นตัวแล้ว เตรียมใส่ไส้ครีมชีสกันค่ะ




มาทำไส้ครีมชีสกันค่ะ (ดัดแปลงเล็กน้อยจากหนังสือแม่บ้าน)
ขอปรับลงแค่ครึ่งสูตรนะคะ จะได้ปริมาณใกล้เคียงกับตัวทาร์ต 1.5 เท่าของสูตร

ครีมชีส 125 กรัม
เนยเค็ม 55 กรัม
น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม
น้ำมะนาว ตามชอบ (ชิมดูตามรสที่ชอบเปรี้ยวมากน้อยแค่ไหน)

1. ครีมชีสออกจากตู้เย็นพักให้คลายเย็นประมาณ ครึ่งชม. แล้วใส่อ่างผสม พร้อมเนย ตีให้เข้ากัน แล้วใส่ไอซิ่ง ตีให้ขึ้นฟู

2. ใส่น้ำมะนาวผสมให้เข้ากัน ชิมรสดูที่ชอบ



3. หยอดครีมชีสในถ้วยทาร์ตที่เตรียมไว้ ก่อนเสิร์ฟราดหน้าด้วยซอสบลูเบอรี่ หรือนำเข้าตู้เย็นไว้ ทานตอนทาร์ตเย็นๆ ก็อร่อยดีค่ะ


ยำไข่สามทัพ

credit เตยจ๋า bloggang.com




นอก จากไข่สดแล้ว ไข่เค็ม และไข่เยี่ยวม้า ยังเป็นทางเลือกยอดฮิต เพราะเก็บได้นานโดยไม่ต้องเข้าตู้เย็น ยำจานนี้จึงรวมสารพัดไข่ มาไว้ในจานเดียวทั้ง ไข่เค็ม ไข่ดาว และไข่เยี่ยวม้า โดยมีตัวผสานความอร่อย คือ น้ำยำรสเปรี้ยว เค็ม หวาน กลมกล่อมที่ผสมเครื่องยำครบสูตร ด้วยขิง หอมเล็ก กุ้งแห้ง และขึ้นฉ่าย ตามแบบฉบับร้านข้าวต้ม จนกลายเป็นเมนูยำแสนอร่อยที่ยกพลมารายงานตัวครับผม

ส่วนผสมสำหรับ 2 ที่
เตรียม 15 นาที ปรุง 10 นาที


ไข่เค็มปอกเปลือกผ่าครึ่ง 1 ฟอง
ไข่เยี่ยวม้าปอกเปลือกผ่าครึ่ง 1 ฟอง
ไข่ดาวทอดพอสุกตัดแบ่งเป็นสองส่วน 2 ฟอง
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
หอมเล็กซอย 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ ผสมน้ำยำโดยใส่กุ้งแห้ง หอมเล็ก ขิงซอย ปรุงรสด้วยพริกขี้หนู น้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาล ชิมรสตามชอบ คนพอเข้ากัน
จัดไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า และไข่ดาวลงจาน ราดน้ำยำ แล้วโรยหน้าด้วยใบขึ้นฉ่ายก่อนเสิร์ฟ

Health & Cuisine ปีที่ : 11 ฉบับที่ : 132 เดือน : มกราคม 2555 

ซุปหน่อไม้ฝรั่ง

credit cookingwater bloggang.com

ส่วนประกอบ
  • หน่อไม้ฝรั่งหั่นฝอย 250 กรัม
  • หอมใหญ่ซอย 2 หัว
  • น้ำซุปประมาณ 3–4 ถ้วย
  • เนยสด 3 ช้อนโต๊ะ
  • นมสด 1 ถ้วย
  • แป้งสาลี 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายเล็กน้อย
  • ลูกจันป่นสำหรับโรยหน้าซุปเล็กน้อย
วิธีการทำ
  • ตั้งกระทะบนเตา ผัดเนยกับหอมใหญ่จนมีกลิ่นหอม จากนั้นใส่หน่อไม้ฝรั่ง ผัดจนสุกดี
  • เติมน้ำซุป เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนเปื่อยนุ่ม ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ยกพักไว้ให้เย็น
  • นำมาปั่นให้ละเอียด ใส่นมสด น้ำตาลทราย แป้งสาลี ตั้งไฟต้มให้เดือด คนให้เข้ากัน ยกลงจากเตา
  • ก่อนเสิร์ฟโรยลูกจันป่นเล็กน้อย เสิร์ฟคู่กับขนมปังและเนยสด

“Rakuza Tokyo” ฉีกรสชาติ อร่อยแนวใหม่สไตล์ญี่ปุ่นฟิวชั่น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2555 16:17 น.
บรรยากาศโต๊ะนั่งชั้น 2 ของร้านRakuza Tokyo
       สำหรับคออาหารญี่ปุ่นทั้งหลาย “ตระเวนกิน” เชื่อแน่ว่าทุกคนต่างพิสมัยในรสชาติของอาหารญี่ปุ่นแบบแท้ๆ ที่มีความอร่อยอยู่ที่รสชาติอันสดใหม่ของอาหารไม่ว่าจะเป็นซาซิมิหรือซูชิ นานาชนิด ซึ่งเราก็เคยพาไปลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นขนานแท้เหล่านี้มาก็มากหลากหลายร้านแล้ว
      
       แต่มาในมื้อนี้ “ตระเวนกิน” อยากจะขอพาแฟนๆ คออาหารญี่ปุ่นมาฉีกแนวความอร่อยแบบดั้งเดิมกันสักนิด ไปสัมผัสกับอาหารญี่ปุ่นแนวใหม่สไตล์ฟิวชั่นอันชวนลิ้มลองกันที่ร้าน “Rakuza Tokyo” (ระคุสะ โตเกียว) ซึ่งตั้งอยู่ที่โครงการ Grass Thonglor ที่นี่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแนวใหม่ ตกแต่งร้านอย่างสวยงามมีสไตล์แบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ เน้นบรรยากาศแบบโมเดิร์นชวนนั่งสบายๆ
โต๊ะนั่งสบายๆ ที่ชั้น 1
       มีโต๊ะให้เลือกนั่งชั้นล่าง แบบได้เห็นเชฟปรุงอาหารจากครัวเปิด มีมุมโต๊ะนั่งหน้าเคาน์เตอร์ที่ให้บริการซูชิและซาซิมิ และใกล้ๆ กันมีมุมเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ที่บริการเครื่องดื่มแบบฟูลบาร์ ส่วนถ้าใครชอบนั่งสัมผัสลมเย็นๆ จากธรรมชาติ ด้านนอกร้านมีเทอเรสจัดเป็นโต๊ะนั่งในบรรยากาศสวนรื่นรมย์ และยังมีโต๊ะนั่งชั้น 2 ตกแต่งด้วยรูปวาดนกที่สวยงาม และยังมีห้องวีไอพีบริการด้วย 2 ห้อง
      
       สำหรับอาหารอย่างที่บอก ที่นี่เน้นเป็นอาหารญี่ปุ่นแนวฟิวชั่น ที่ผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นกับยุโรป ออกมาเป็นอาหารญี่ปุ่นแนวฟิวชั่นสไตล์พิเศษเฉพาะที่ทางร้านได้คิดค้นสูตร ขึ้นมาเอง แต่ก็ยังมีอาหารญี่ปุ่นแบบออริจินัลด้วย ซึ่งที่นี่จะเน้นเรื่องการใส่ใจคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ สดใหม่ และส่วนใหญ่สั่งมาเป็นพิเศษจากญี่ปุ่น เพื่อนำมาปรุงแต่งเป็นเมนูเลิศรสที่ชวนลิ้มลองมากมาย
ปูนิ่มทอดเสิร์ฟพร้อมกับสลัดผัก
       อย่างที่มื้อนี้เราขอเลือกนำเสนอเมนูจานเด็ดจานเด่นของทางร้านให้ได้เลือกสั่งมาชิมกัน เริ่มเรียกน้ำย่อยในกระเพาะด้วย ปูนิ่มทอดเสิร์ฟพร้อมกับสลัดผัก (330 บาท++) เป็นปูนิ่มชุบแป้งที่ปรุงรสไว้แล้วทอดกรอบ และมีสลัดผักไฮโดรโพนิกส์หลากชนิดใส่มาด้วยพร้อมกับราดด้วยสลัดน้ำมันงาน้ำ ข้นสูตรพิเศษสไตล์ญี่ปุ่น กินแล้วผักสลัดสดกรอบกินเข้ากันกับปูนิ่มกรอบกรุบชุ่มน้ำสลัดรสเข้มข้นหอม กลิ่นน้ำมันงา
ซาซิมิรวม
       จานต่อมาเอาใจคนชอบกินปลาดิบ อร่อยกับ ซาซิมิรวม (เริ่มต้นที่ 1,180 บาท) ที่สามารถเลือกชนิดของปลาดิบได้ 5 อย่างตามใจชอบ อย่างในเมนูนี้ที่เลือกมา มีปลาบลูฟินทูน่าส่วนช่วงท้อง ปลาบลูฟินทูน่าส่วนสันหลัง กุ้งหวาน หมึกยักษ์ ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งตรงมาจากญี่ปุ่น และยังมีปลาแซลมอนสดจากนอร์เวย์ ทุกอย่างจะสไลด์มาแบบชิ้นหนากำลังดี กินแล้วขอบอกว่าเนื้อนุ่มสดหวานโดนใจปากมากๆ เลย
ทูน่าพาสต้า
       ตามด้วยมาชิมเมนู ทูน่าพาสต้า (390 บาท++) เป็นฟิวชั่นลูกผสมที่นำเอาพาสต้าเส้นแองเจิ้ลแฮร์ ที่ต้มสุกและทำให้เย็นแล้วมาคลุกกับยูซึวาซาบิเดรสซิ่งสูตรพิเศษ ใส่กระเจี๊ยบสด เนื้อปลาทูน่าสดหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ คลุกให้เข้ากันและโรยหน้าด้วยเมียวงะ(เป็นผักญี่ปุ่น) ผักชีลาว และสาหร่าย ม้วนเส้นแองเจิ้ลแฮร์เคี้ยวนุ่มเด้งเย็นๆ อยู่ในปากผสานเข้ากับเดรสซิ่งออกรสวาซาบิเข้มข้น และละมุนด้วยเนื้อปลาทูน่านุ่มหวาน
สเต็กเนื้อออสเตรเลีย
       และถ้าใครชอบกินเนื้อแนะนำ สเต็กเนื้อออสเตรเลีย (950 บาท++) เป็นเนื้อสันนอกนำเข้าจากออสเตรเลียนำมาหมักกับเครื่องเทศต่างๆ แล้วนำมากริลล์ (เลือกความสุกของเนื้อได้) เสิร์ฟมากับทาร์ทาร์ซอส สปริงออเนียน หัวไชเท้าและโชยุ เครื่องเคียงมีมันฝรั่งอบกับชีส บล็อกโคลีกับเบบี้แครอทผัดกับเนย แล่ชิ้นเนื้อส่งเข้าปากเคี้ยวนุ่มละลายในปากโดนใจคนชอบกินเนื้อมากๆ
ชอคโกแลตพุดดิ้ง
       ส่งท้ายล้างปากด้วยของหวาน ชอคโกแลตพุดดิ้ง (180 บาท++) หน้าตาชวนกินด้านล่างสุดเป็นพุดดิ้งชอคโกแลตรสเข้มหวานมัน ด้านบนเป็นไอศกรีมรสวนิลาหวานเย็น และบนสุดราดด้วยราสเบอร์รี่ซอสรสเปรี้ยว กินแล้วสดชื่นใจปากดีแท้
มุมโต๊ะนั่งหน้าเคาน์เตอร์ซูชิ-ซาซิมิ
       แม้ว่าจะนำเสนอเมนูจานเด็ดไปก็หลายอย่างแล้ว แต่ว่าก็ยังมีเมนูเลิศรสอื่นๆ ที่น่าลองลิ้มอีก อาทิ ทูน่าสแกลลอปฟัวกราส์เสิร์ฟพร้อมกับบัลซามิคซอยซอส (720 บาท++) ทูน่าสไลด์เสิร์ฟพร้อมกับเห็ดทรัฟเฟิลและพอนซึซอส (450 บาท++) อะลา ดิอาโวล่า (ซูชิโรล 390 บาท++) สไปซี่มากุโระโรล (490 บาท++) และอีกหลากหลายเมนูญี่ปุ่นฟิวชั่น ที่ทางร้าน “Rakuza Tokyo” อยากจะชวนให้แฟนๆ คออาหารญี่ปุ่นได้ฉีกหนีรสชาติแบบเดิมๆ มาลองสัมผัสกับอาหารญี่ปุ่นแนวใหม่กันบ้าง
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Rakuza Tokyo” (ระ คุสะ โตเกียว) ตั้งอยู่ที่ 264/1 โครงการ Grass Thonglor ซ.ทองหล่อ 10 - ทองหล่อ 12 ถ.สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. การเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อ เลี้ยวเข้าถ.สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ผ่านท็อปส์มาร์เก็ตทองหล่อ ผ่านซ.ทองหล่อ 10 จะเห็นโครงการ Grass Thonglor อยู่ระหว่างซอย 10 และ 12 ร้าน Rakuza Tokyo อยู่ภายในโครงการ Grass Thonglor ร้านเปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00-23.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-14.30 และ 18.00-23.00 น. โทร. 0-2714-9897, 0-2713-8502 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.facebook.com/RakuzaTokyo พิเศษสำหรับผู้ที่มากินอาหารที่ร้านแล้วบอกว่าอ่านมาจากนสพ.astvผู้จัดการ ทางร้านยินดีมอบส่วนลดเฉพาะค่าอาหารให้ 30% ตั้งแต่วันนี้ - 31 ก.ค. นี้

“เฉาก๊วย” เด้งดึ๋งหนึบหนับคลายร้อน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤษภาคม 2555 16:03 น.
       ของหวานสีดำๆ เด้งดึงที่เคี้ยวหนึบหนับ และมีรสหวานจากน้ำเชื่อม รวมถึงความเย็นฉ่ำจากน้ำแข็งที่ใส่ผสมลงไป ทำให้ “เฉาก๊วย” นั้น กลายเป็นหนึ่งในของหวานยอดฮิตในช่วงหน้าร้อนมากๆ แบบนี้ แต่นอกจากความหวานเย็นที่กินแล้วสดชื่นขึ้นมาในทันใด เฉาก๊วยก็ยังมีสรรพคุณอื่นๆ ที่ช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วย
      
       เฉาก๊วยแท้ๆ จะทำมาจากต้นเฉาก๊วย ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูลเดียวกับมินต์ (พืชจำพวกสะระแหน่) พบได้มากในประเทศจีน จึงทำให้ขนมเฉาก๊วยมีที่มาจากเมืองจีน และมีชื่อเรียกเป็นภาษาจีน (แต้จิ๋ว) แต่ก็ยังมีการเรียกที่แตกต่างกันออกไปตามภาษาถิ่นอีกด้วย อาทิ ในภาษาจีนกลางจะเรียกว่า เหลียงเฝิ่น หรือ เซียนเฉ่า ที่แปลว่า หญ้าเทวดา ขณะที่ชาวมาเลย์ จะเรียกว่า จินเจา เป็นต้น ส่วนภาษาไทยเราก็เรียกว่า เฉาก๊วย ตามอย่างภาษาจีนแต้จิ๋ว
      
       ความหนึบหนับของเฉาก๊วยนั้น มาจากกรรมวิธีการผลิตที่เริ่มจากนำต้นเฉาก๊วยแห้งมาต้มกับน้ำ จนยางไม้ และแพคตินละลายออกมาได้น้ำสีน้ำตาลดำ (ปัจจุบันบางร้านอาจมีการใส่สีลงไปผสมเพิ่มเติมเพื่อความสวยงาม) จากนั้นกรองเอาแต่น้ำแล้วนำไปผสมกับแป้ง ซึ่งตามตำรับโบราณนิยมใช้แป้งท้าวยายม่อม และแป้งมันสำปะหลัง ตามสัดส่วน หรือตามสูตรของแต่ละคน ซึ่งจะทำให้ได้ความเหนียวหนึบนุ่มนิ่มที่แตกต่างกัน นิยมกินคู่กับน้ำตาลทรายแดง น้ำเชื่อม หรือจะใส่ส่วนผสมอื่นๆ ลงไปตามแต่ความชอบ
      
       สรรพคุณของเฉาก๊วยที่เรารู้กันดีอยู่แล้ว ก็คือ ช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ นอกจากนี้แล้ว ยังช่วยขับเสมหะ แก้คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ช่วยลดไข้ แก้ตัวร้อน ร้อนใน ลดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ลดอาการตับอักเสบ ลดอาการไขข้ออักเสบ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หรือหากว่านำเฉาก๊วยมาต้มให้เดือดแล้วนำน้ำเฉาก๊วยมาดื่มเป็นประจำจะช่วยลด อาการโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน แต่ข้อควรระวังก็คือ น้ำตาลที่ใส่ผสมลงไปเพื่อให้มีรสชาติเพิ่มขึ้นนั้นต้องไม่มากเกินไปด้วย เพราะแทนที่จะได้ประโยชน์ อาจจะได้ผลเสียจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินไปได้