สธ.ชวนคนไทยดื่มสมุนไพรแทน “น้ำเมา”

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2554 10:44 น.
 “สธ.” สร้างค่านิยมคนไทยดื่ม “น้ำสมุนไพร” แทนน้ำเมา ตลอดเทศกาลเข้าพรรษา หลังพบคอทองแดงเข้ารักษาตัว ในโรงพยาบาล จากอาการทางจิต-โรคตับจากพิษแอลกอฮอล์ มากกว่า 90,000 ราย
      
       นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ให้สัมภาษณ์ว่า ในเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข ขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศ ลด ละ เลิกดื่มเหล้า โดยหันมาดื่มน้ำสมุนไพรแทน ซึ่งประเทศไทยมีผลไม้ พืชสมุนไพรจำนวนมากที่ให้ประโยชน์ มีทั้งวิตามินต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น น้ำส้มเขียวหวาน น้ำตะไคร้ น้ำเสาวรส น้ำว่านหางจระเข้ น้ำฝรั่ง น้ำดอกคำฝอย น้ำใบเตยหอม น้ำมะนาว น้ำลำไย น้ำแครอท น้ำบีทรูท น้ำมะพร้าว ซึ่งสามารถทำเองได้หรือหาซื้อได้ง่าย ราคาถูกกว่าเหล้า หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3-7 เท่าตัว และมีผลดีต่อสุขภาพ ขณะเดียวกันได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศ ให้ลด ละ หรือเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพื่อลดการทำลายสุขภาพ เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชนด้วย
      
       โฆษก สธ.กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ผล สำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุด ในปี 2550 พบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มเครื่องดื่มมึนเมา 14 ล้าน 9 แสนคน เป็นชาย 12 ล้าน 6 แสนกว่าคน หญิง 2 ล้าน 3 แสนกว่าคน กล่าวได้ว่า ในคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปทุกๆ 4 คน จะมีคนดื่มเครื่องดื่มมึนเมา 1 คน โดยดื่มเฉลี่ยคนละ 39 ลิตรต่อปี เพิ่มจากปี 2540 ซึ่งดื่มเฉลี่ยคนละ 27 ลิตรต่อปี กลุ่มเยาวชนเริ่มดื่มอายุประมาณ 17 ปี ส่วนกลุ่มวัยทำงานและวัยสูงอายุเริ่มดื่มอายุ 20 ปี และ 23 ปี สาเหตุการเริ่มดื่มส่วนใหญ่ร้อยละ 41 ตอบว่ามาจากการเข้าสังคม การสังสรรค์ รองลงมาคือ อยากทดลองดื่มร้อยละ 29 และดื่มตามเพื่อนร้อยละ 23
      
       นพ.สุพรรณ กล่าวต่อว่า ผลจากการที่คนไทยดื่มเหล้าในปริมาณที่มากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ จากสถิติของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2551 มีผู้ป่วยที่ติดเหล้าและเข้ารับการรักษาตัว ในโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ จากปัญหาความผิดปกติทางพฺฤติกรรมและอาการทางจิตประสาท รวมทั้งหมด 64,434 ราย ร้อยละ 88 เป็นชาย จำนวน 56,483 ราย ที่เหลือเป็นหญิง 7,951 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุดจำนวน 22,029 ราย รองลงมาคือภาคเหนือจำนวน 18,591 ราย ภาคกลางจำนวน 15,916 ราย และในปีเดี่ยวกันยังพบนักดื่มเป็นโรคตับเพราะพิษแอลกอฮอล์เข้ารักษาตัวอีก 33,985 ราย ร้อยละ 79 เป็นชาย
      
       “สำหรับผู้ที่ตั้งใจจะเลิก ดื่มเหล้าในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา มีเทคนิควิธีการลดการดื่มเพื่อไม่ให้มีอันตรายจากผลข้างเคียงที่ดื่มเหล้ามา นาน ดังนี้ คือ ดื่มพร้อมอาหารเท่านั้น ให้ดื่มน้ำเปล่าดับกระหาย และดื่มน้ำเปล่าสลับบ้างในระหว่างที่ดื่มแอลกอฮอล์ เปลี่ยนแก้วใหญ่เป็นแก้วเล็กแทน เปลี่ยนไปดื่มเบียร์ชนิดที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ หลีกเลี่ยงไม่ไปผับหรือสถานบันเทิงหลังเลิกงาน หลีกเลี่ยงหรือจำกัดเวลาที่จะพบปะกับเพื่อนที่ดื่มจัด หากถูกกดดันให้ดื่ม ให้ปฏิเสธว่า หมอสั่งให้ดื่มน้อยลง หากมีความเครียด ให้ไปเดินเล่น หรือออกกำลังกายแทน จะทำรู้สึกดีขึ้น และหากเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ จะทำให้ความจำดีขึ้น สุขภาพแข็งแรงกว่าเดิม นอนหลับดีขึ้น น้ำหนักลดลง รูปร่างดีขึ้น ปัญหาในครอบครัวลดลง ที่สำคัญคือลดความเสี่ยงเป็นโรคตับแข้ง โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ความจำเสื่อม และการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเมาแล้วขับ” นพ.สุพรรณ กล่าว

credit link  http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000087153