ตั้งตู้ถุงยางในสวน เกย์ใช้บริการเพียบ


ถุงยาง

ตั้งตู้ถุงยางในสวน เกย์ใช้บริการเพียบ(ไทยโพสต์)


          กทม.เตรียมขยายผลติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยในสวนสาธารณะทั่วกรุง หลังจากประเดิมที่สวนรมณีนาถและสวนสราญรมย์ พบคนใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 500 กล่อง กลุ่มชายรักชายและคนเร่ร่อนรอบสนามหลวงมาหยอดเหรียญซื้อถุงยาง ส่วนตู้ถุงยางในโรงเรียนต้องยกเลิกแล้ว หลังถูกกระแสผู้ปกครองนักเรียนต่อต้าน

          เมื่อวันที่ 8 มีนาคม นางอินทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กล่าวถึง โครงการติดตั้งเครื่องจำหน่ายถุงยางอนามัยในโรงเรียนมัธยม สังกัด กทม.ว่า เป็น โครงการป้องกันการติดเชื้อเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคเอดส์มากที่สุด โดยทดลองติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยในโรงเรียนมัธยมบ้านบางกะปิ จำนวน 4 ตู้ ซึ่งเป็นสถานศึกษานำร่องในช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะนี้สิ้นสุดโครงการแล้ว จากการทำแบบสอบถามสำรวจความคิดเห็นนักเรียน ผู้ปกครองและอาจารย์ ผลปรากฏว่า ส่วนใหญ่คัดค้าน โดยเฉพาะพ่อแม่นักเรียนต่อต้านตั้งแต่แรก ๆ เนื่องจากมองว่า การขายถุงยางในโรงเรียนเป็นการส่งเสริมให้เด็กมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น ดังนั้นสำนักอนามัยจึงได้นำตู้ขายถุงยางอนามัยออกจากโรงเรียนดังกล่าวแล้ว

          นางอินทิรากล่าวว่า นอกจากการติดตั้งตู้จำหน่ายถุงยางอนามัยในโรงเรียนที่ยกเลิกไปแล้วนั้น กทม.ยังได้ติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยหน้าห้องน้ำภายในสวนสาธารณะ 2 แห่งคือ สวนรมณีนาถ 2 ตู้ และสวนสราญรมย์ 1 ตู้ พบว่าได้ผลตอบรับดี มีผู้สนใจเยอะมาก โดยสวนรมณีนาถมียอดจำหน่ายถุงยางเฉลี่ย 300 กล่องต่อเดือน และสวนรมณีนาถ 500 กล่องต่อเดือน ขณะนี้ระยะเวลาโครงการหมดแล้ว แต่อนุมัติให้ติดตั้งต่อไป เพราะได้รับความสนใจอย่างดี พร้อมกับทำหนังสือถึงสำนักงานสวนสาธารณะ สำนักสิ่งแวดล้อม พิจารณาขยายระยะเวลาและสถานที่ติดตั้งที่สวนสาธารณะอื่น ๆ ของ กทม. เช่น สวนจตุจักร สวนรถไฟ สวนลุมพินี และสวนสันติภาพ เป็นต้น

          "ตู้ จำหน่ายถุงยางอนามัยที่สวนรมณีนาถและสวนสราญรมย์ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ บริการครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ส่วนใหญ่เป็นชายที่มาออกกำลังกายในสวนสาธารณะ กลุ่มชายรักชาย กลุ่มคนเร่ร่อนรอบสนามหลวงและเด็กนักเรียนก็ซื้อเช่นกัน ขณะนี้กำลังรอคำตอบจากสำนักงานสวนสาธารณะว่าจะติดตั้งสวนสาธารณะแห่งไหน" ผอ.สำนักอนามัยเผย

          พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า โครงการติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยภายในโรงเรียนมัธยมเป็นการส่งเสริมให้เกิด การเรียนรู้วิธีป้องกันการติดเชื้อเอดส์และคุมกำเนิดในกลุ่มวัยรุ่น แต่ไม่ใช่การสนับสนุนให้มีเพศสัมพันธ์ในวัยเด็ก การที่เด็กพกถุงยางอนามัย ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เมื่อผู้ปกครองและอาจารย์ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ก็ต้องยอมรับความคิดเห็น อย่างไรก็ตามจะหารือกับกระทรวงศึกษาธิการและสำนักการศึกษา กทม. เพื่อเดินหน้าการใช้ถุงยางอนามัยให้แก่เด็กนักเรียน เพราะไม่ต้องการให้เยาวชนติดเชื้อเอดส์เพิ่มมากขึ้นกว่านี้

          "ส่วนการติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยในสวนสาธารณะแล้วมีกลุ่มชายรักชายและหญิง ขายบริการมาซื้อถุงยางก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยเพิ่มช่องทางการเข้าถึงถุงยางอนามัยในราคาถูก กล่องละ 10 บาท มี 3 ชิ้น จากการสำรวจความคิดเห็นพบว่าส่วนใหญ่เห็นด้วย จึงต้องการขยายผลการติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยไปยังสวนสาธารณะอื่น ๆ ส่วนจะเป็นสถานที่ใดขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมของสำนักงานสวน สาธารณะ" พญ.มาลินีเผย

          รองผู้ว่าฯ กทม.บอกว่า การที่มีกลุ่มชายรักชายมาซื้อถุงยางอนามัยในสวนสาธารณะถือว่าประสบความ สำเร็จในแง่ของการกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการมีเพศสัมพันธ์ ที่ปลอดภัย เนื่องจากกลุ่มชายรักชายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอดส์มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ นอกจากนี้ กทม.เตรียมลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับประเทศออสเตรเลียในด้านการ ลดอัตราติดเชื้อเอดส์ให้เหลือศูนย์ในอนาคต
credit  link  http://health.kapook.com/view23997.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก