“ฝ้ายคำ” รสเลิศล้ำ ท่ามกลางแมกไม้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์31 พฤษภาคม 2555 17:48 น.

บรรยากาศโต๊ะนั่งสบายๆ ที่ร้าน “ฝ้ายคำ”
       หากใครอยากนั่งหม่ำอาหารท่ามกลางแมกไม้ร่มรื่น ร้าน “ฝ้ายคำ” ที่ตั้งอยู่ตรงถนนบางนา-ตราด กม. 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ชื่นชอบในบรรยากาศรื่นรมย์แบบนี้
     
       ร้านนี้เปิดมานานแล้วกว่า 20 ปี ตัวร้านกว้างขวาง มี 2 ชั้นเปิดโล่งรับลมธรรมชาติ มีโต๊ะนั่งในมุมสบายๆ ท่ามกลางแมกไม้น้อยใหญ่ นั่งแล้วรับลมเย็นๆ พาใจให้สบายสดชื่น แต่ถ้าใครชอบนั่งแบบห้องแอร์ฉ่ำทางร้านก็มีบริการ แถมยังมีห้องวีไอพีให้บริการอีก 4 ห้อง
     
       จากบรรยากาศร้านที่ชวนนั่งสบายๆ มาถึงเรื่องอาหารของที่นี่ก็ชวนกินมากมาย ทางร้านเน้นขายอาหารไทย รวมถึงยังมีอาหารจีน และอาหารซีฟู้ด ซึ่งเมนูต่างๆ ที่มีขายทางร้านได้คิดค้นสูตรขึ้นมาโดยเฉพาะ และเน้นปรุงแต่งแบบให้ได้รสชาติที่เข้มข้นจัดจ้าน ซึ่งมีเมนูแบบหลากหลายให้ได้เลือกลิ้มลองกันตามชอบใจ
ยำถั่วพู
       อย่างในมื้อนี้เราก็เลือกที่จะลิ้มลองเมนูจานเด็ดมากมาย นำเสนอเมนูแรกเป็น ยำถั่วพู (100 บาท) ทางร้านนำถั่วพูสดไปลวกแล้วนำมายำคลุกเคล้ารวมกับถั่วลิสง มะพร้าวคั่ว กะทิ น้ำพริกเผา พริกป่น พริกขี้หนูสด ใส่กุ้งสดและเนื้อไก่ฉีก โรยหน้าด้วยหอมเจียวและพริกแห้งทอด เคียงมาด้วยไข่ต้ม ลิ้มรสยำถั่วพูเคี้ยวกรอบชุ่มรสชาติน้ำยำรสเข้มข้นหอมมันกะทิและมะพร้าวคั่ว
ส้มตำปูนิ่ม
       เมนูต่อมาอยากให้ลองชิม ส้มตำปูนิ่ม (160 บาท) เป็นส้มตำไทยครบเครื่องแบบจัดจ้าน เสิร์ฟมาให้กินคู่กับปูนิ่มชุบแป้งทอดกรอบ และเส้นหมี่ขาวลวก พร้อมกับผักสดต่างๆ กินส้มตำรสแซบ เข้ากับเส้นหมี่นุ่มๆ และปูนิ่มกรอบนอกนุ่มใน ถูกใจปากดีจริง
หน่อไม้ทะเลผัดบร็อคโคลี่
       ตามมาด้วยเมนูสไตล์จีน หน่อไม้ทะเลผัดบร็อคโคลี่ (350 บาท) หน่อไม้ทะเลที่ว่าก็คือหอยทะเลชนิดหนึ่ง ทางร้านนำมาผัดกับน้ำมันนิดหน่อยแล้วก็ราดด้วยน้ำแดงที่ปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษ มีเห็ดหอม แครอท และบร็อคโคลี่ใส่มาด้วย กินแล้วหน่อไม้ทะเลเคี้ยวนุ่มหนึบปากได้รสชาติน้ำแดงกลมกล่อมลิ้น
ปลาทับทิมทอดซอสกะหรี่
       จากนั้นมากิน ปลาทับทิมทอดซอสกะหรี่ (240 บาท) เป็นปลาทับทิมที่แล่เอาแต่เนื้อมาคลุกกับผงกะหรี่และเครื่องเทศไทยต่างๆ คลุกแป้งแล้วทอดจนเหลืองกรอบ และมาประกอบเป็นตัวปลาเหมือนเดิม มียำมะม่วงให้กินคู่กับเนื้อปลาทับทิมนุ่มกรอบหอมกลิ่นผงกะหรี่และได้รสชาติ เครื่องเทศนิดๆ กินเข้ากันดีกับยำมะม่วงรสจัดจ้าน
แกงเขียวหวานลูกชิ้นยัดไส้ไข่เค็ม
       แล้วก็ต้องลองลิ้มเมนูนี้ แกงเขียวหวานลูกชิ้นยัดไส้ไข่เค็ม (130 บาท) เป็นแกงเขียวหวานที่เข้มข้นด้วยกะทิคั้นสดและเครื่องแกงที่ทางร้านโขลกเอง ใส่เนื้อปลากรายแท้ๆ ที่ทางร้านทำเองถมยังยัดไส้ไข่เค็มไว้ในเนื้อปลากรายที่ปั้นมาเป็นลูกชิ้น กลมๆ และก็ใส่มะเขือยาวกับใบโหระพา ซดน้ำแกงเขียวหวานได้กลิ่นหอมๆ ของเครื่องแกงและรสชาติอันเข้มข้นถึงเครื่องพริกแกงจริงๆ ส่วนลูกชิ้นปลากรายเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปากและได้รสชาติไข่เค็มที่กินแล้วเค็ม มันดีแท้
ต้มยำกุ้งน้ำข้น
       และขอปิดท้ายมื้ออิ่มด้วย ต้มยำกุ้งน้ำข้น (150 บาท) เสิร์ฟมาแบบหม้อไฟร้อนๆ เป็นต้มยำกุ้งน้ำข้นแบบครบเครื่องต้มยำ ใส่นมสดและกะทิสดนิดหน่อย ใส่กุ้งตัวโต เห็ดฟางและยอดมะพร้าว ชิมน้ำต้มยำกุ้งร้อนๆ แซบจัดจ้านถูกปาก กุ้งตัวโตเนื้อหวาน และเคี้ยวยอดมะพร้าวกรอบกรุบ
มุมโต๊ะนั่งร่มรื่นด้วยแมกไม้
       ถึงแม้จะปิดมื้ออิ่มไปแล้ว แต่เราก็ยังขอเมนูอาหารมาดู ก็เห็นว่ายังมีเมนูจานเด่นอื่นๆ ที่ชวนกินอีกมากมาย อาทิ เป็ดกาแฟ (320 บาท) กุ้งอบเกลือ (เป็นกุ้งแม่น้ำ 380 บาท) ปลากะพงนึ่งมะนาว (เริ่มต้น 260-300 บาท) แกงส้มแป๊ะซะปลาช่อน (240 บาท) หมูสะเต๊ะ (120 บาท) และอีกสารพัดอาหารรสดี ที่อยากจะเชิญชวนแฟนๆ นักกินลองแวะมาเติมเต็มความอิ่มกับอาหารรสเลิศ ท่ามกลางบรรยากาศร้านสบายๆ ที่ร้าน “ฝ้ายคำ” กันด้วยตัวเอง
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
     
       “ฝ้ายคำ” ตั้งอยู่ ที่ 1120 กม. 3 ถ.บางนา-ตราด บางนา กทม. การเดินทางจากแยกบางนา ให้วิ่งเส้นบางนา-ตราด ขาออก ตรงมาเรื่อยๆ จนเลยเซ็นทรัลบางนา แล้วให้กลับรถที่สะพานกลับรถ แล้ววิ่งชิดซ้ายตรงไปเรื่อยๆ สังเกตซ้ายมือจะเห็นโรงพยาบาลบางนา ร้านฝ้ายคำจะอยู่ปากซอยบางนา-ตราด 30 เปิดทุกวัน เลา 11.00-23.00 น. ทางร้านรับจัดงานเลี้ยงโต๊ะจีน, บุฟเฟต์ ทั้งในและนอกสถานที่ด้วย โทร. 0-2393-0736, 0-2393-0652, 0-2746-8772-4

“ฟองดูว์ เฮ้าส์” บ้านของคนรักฟองดูว์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์7 มิถุนายน 2555 12:58 น.

บรรยากาศโต๊ะนั่งแบบสบายๆ ภายในร้านฟองดูว์ เฮ้าส์
       “ฟองดูว์” (Fondue) เป็นอาหารดั้งเดิมของชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่มักจะนิยมกินกันในฤดูหนาว โดยนำเอาชีสมาตั้งไฟและหลอมละลายรวมกับไวน์ขาว และก็มีส้อมหรือเหล็กแหลมเสียบขนมปังแล้วจุ่มชีสร้อนๆ กิน เพื่อเสริมสร้างพลังงานและให้แคลอรีที่สูงมากๆ
      
       สำหรับเมืองไทยเราแล้วหากนักกินคนไหนคิดอยากจะกิน “ฟองดูว์” คงไม่ต้องรอให้ถึงหน้าหนาว เพราะหน้าหนาวบ้านเราเรียกว่าแทบจะไม่หนาวเลย หรือหนาวน้อยวันก็ว่าได้ แต่ว่าเราสามารถเลือกที่จะกินฟองดูว์ได้ตลอดทุกหน้า และได้ทุกวันตามใจปรารถนา
บรรยากาศโต๊ะนั่งดูอบอุ่น
       เพียงแค่พากันมาที่ “ฟองดูว์ เฮ้าส์” (Fondue House) ก็จะได้ลิ้มรสฟองดูว์เลิศรสกันแล้ว ซึ่งที่นี่เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักของคนไทยมากว่า 30 ปีแล้ว มีฟองดูว์สไตล์สวิสเซอร์แลนด์และฝรั่งเศสขนานแท้ให้ได้ลิ้มรส และยังมีอาหารยุโรปให้ได้ลิ้มลองกันด้วย
ฟองดูว์ชีส
       ว่าแล้วเมื่อมาถึงร้านแล้วก็อย่ามัวรอช้าสั่งฟองดูว์มาลิ้มรสกันเลยดีกว่า เริ่มด้วย ฟองดูว์ชีส (600 บาท+/หม้อ) เป็นฟองดูว์สไตล์สวิสฯ แท้ๆ เสิร์ฟมาแบบครบชุด คือมีหม้อตั้งไฟ ที่ภายในหม้อเป็นชีสจากสวิสฯ ที่คัดเลือกมาเป็นพิเศษ นำมาผสมกับไวน์ขาว และเหล้า คนผสมรวมกันกว่าครึ่งชั่วโมง เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังอบที่ทางร้านทำเอง เวลากินให้คนชีสไปเรื่อยๆ แล้วใช้แท่งเหล็กยาวปลายแหลมจิ้มขนมปังอบแล้วจุ่มลงไปในชีสร้อนๆ แล้วเอาขึ้นมาจะเห็นได้ถึงสัมผัสของชีสที่เหนียวยืด พอส่งเข้าปากกินแล้วละมุนลิ้นกับชีสหอมๆ รสเข้มข้นนุ่มยืดเข้ากับขนมปังกรอบเป็นที่สุด
ฟองดูว์น้ำมัน
       แล้วก็ตามติดมาด้วย ฟองดูว์น้ำมัน (400 บาท+/คน) เป็นฟองดูว์น้ำมันสไตล์ฝรั่งเศส ที่เสิร์ฟมาแบบครบชุดเช่นกัน คือมีหม้อสเตนเลสที่ใส่น้ำมันลัมตั้งไฟมา และก็มีเนื้อสัตว์ให้เลือกต่างๆ ซึ่งใน 1 ชุด สามารถเลือกเนื้อได้ 4 อย่าง ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแกะนำเข้าจากออสเตรเลียหมักกับไวน์และบรั่นดีสูตรพิเศษ เนื้อไทยส่วนสันในที่คัดสรรมาอย่างดีหมักด้วยเครื่องสูตรพิเศษ กุ้ง ไก่ เนื้อหมู ตับ หอยนางรมห่อเบคอน ปลากะพง เวลากินก็นำเนื้อสัตว์จุ่มลงไปในน้ำมันร้อนๆ พอสุกได้ที่ก็นำขึ้นมาจิ้มกับซอสรสเด็ดที่ทางร้านทำเอง ซึ่งมีหลายรสชาติ คือ ทาร์ทาร์ซอส บาร์บีคิวซอส เทาซันด์ไอส์แลนด์ซอส ซอสแตงกวา และยังมีสลัดผักและขนมปังกระเทียมเสิร์ฟมาให้กินเคียงกันด้วย
ฟองดูว์ชอคโกแลต
       จากนั้นสลับรสชาติจากของคาวมากินของหวาน คือ ฟองดูว์ชอคโกแลต (300 บาท+/ที่) เป็นฟองดูว์สไตล์ฝรั่งเศสเช่นกัน โดยมีหม้อใส่ชอคโกแลตที่ทางร้านคัดสรรสชอคโกแลตแท้ๆ อย่างดี นำมาผสมกับบรั่นดีด้วย และจุดไฟมาพร้อมกับผลไม้สด อย่างกล้วยหอม สตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล และขนมปังกรอบเป็นแท่งๆ ที่ทางร้านทำเอง เวลากินก็ให้นำผลไม้จุ่มลงไปในชอคโกแลต แล้วส่งเข้าปากจะสัมผัสได้ถึงรสชาติอันเข้มข้นของชอคโกแลตแท้ๆ ที่หอมหวานได้ใจ
ซุปหัวหอม
       และใช่ว่าที่นี่จะมีแต่ฟองดูว์เลิศรสให้ได้ลิ้มลองเท่านั้น เพราะว่ายังมีเมนูยุโรปอื่นๆ ที่ชวนกินไม่แพ้กันด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซุปหัวหอม (150 บาท+) สไตล์ฝรั่งเศสที่ตัวน้ำซุปได้จากน้ำสต็อกเนื้ออย่างดี ใส่หัวหอมลงไปเคี่ยวด้วยนานกว่า 5-6 ชม. และใส่ขนมปังที่อบมากับชีสลงไปในซุปด้วย เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ เป็นซุปหัวหอมที่เข้มข้นหวานหอมกลมกล่อมละมุนลิ้นเป็นยิ่งนัก
ลีลาการปรุงเครปซูเซท
       เครปซูเซท (320 บาท+) เป็นอีกหนึ่งของหวานสไตล์ฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อของทางร้าน ที่ถ้าสั่งเมื่อไหร่จะได้เห็นขั้นตอนการทำ ซึ่งทางร้านจะโชว์การทำซอสส้มตามสูตรเด็ดที่จะนำมาราดลงบนแป้งเครปที่ทาง ร้านทำเอง เสิร์ฟคู่มากับไอศกรีมรสวนิลา โรยด้วยอัลมอนด์และใส่เชอร์รี่ ลิ้มรสแป้งเครปนุ่มนิ่มชุ่มซอสส้มเปรี้ยวหวาน กินคู่กับไอศกรีมเย็นๆ สดชื่นปากดีจริง
เครปซูเซท
       นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าลองลิ้มอีก อาทิ สเต็กคาเฟเดอปารีส (400 บาท+) สันในหมูราดซอสเห็ดเนยแข็ง (320 บาท+) เนื้อแกะนิวซีแลนด์ (400 บาท+) เป็ดซอสส้ม (300 บาท+) ไก่ย่างอบชีส (200 บาท+) ฯลฯ เรียกว่าหากใครที่ชื่นชอบกินฟองดูว์สไตล์สวิสฯ และฝรั่งเศสแท้ๆ ก็อยากให้ลองแวะเวียนมาที่ ”ฟองดูว์ เฮ้าส์” เพราะไม่แน่ที่นี่อาจจะกลายเป็นร้านประจำของคนรักฟองดูว์อย่างคุณไปเลย
โต๊ะนั่งด้านนอกรับลมเย็นๆ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ”ฟองดูว์ เฮ้าส์” (Fondue House) ตั้งอยู่ที่ 25/4 ซ.ชำนาญอักษร ถ.พหลโยธิน9 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. การเดินทางจากรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีอารีย์ ลงฝั่งมุ่งหน้าไปสะพานควาย ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซ.พหลโยธิน 9 ตรงเข้ามาในซอยประมาณ 200 เมตร แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าซ.ชำนาญอักษร ตรงเข้ามาอีก 50 เมตร ร้านฟองดูว์ เฮ้าส์จะอยู่ด้านซ้ายมือ เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 18.00-23.00 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร .มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2279-4731

“Sushicyu & Carnival Yakiniku” อร่อย 2 สไตล์ อาหารญี่ปุ่นรสแท้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์14 มิถุนายน 2555 15:01 น.

บรรยากาศโต๊ะนั่งเคาน์เตอร์ซูชิร้าน Sushicyu & Carnival Yakiniku
       เห็นซูชิหลากหลายหน้าก็อยากกิน!! ส่วนยากินิกุปิ้งย่างร้อนๆ ก็อยากกิน!!
      
       หากว่าแฟนๆ นักกินคนไหนกำลังเกิดอาการอยากกินอาหารญี่ปุ่นทั้ง 2 อย่างพร้อมๆ กันในมื้อเดียวขึ้นมาแบบ “ตระเวนกิน” แล้วล่ะก็ อยากจะขอจูงมือพามาอิ่มอร่อยให้สมใจปรารถนากันที่ร้าน “Sushicyu & Carnival Yakiniku” ตั้งอยู่ที่โครงการ Ei8ht Thonglor
      
       มาที่นี่ที่เดียวจะได้ลิ้มรสทั้งซูชิสารพัดหน้าแบบญี่ปุ่นแท้ๆ รวมถึงยังมีอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ อีกด้วย ส่วนยากินิกุก็เป็นแบบสไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้เช่นกัน ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ต้องสั่งตรงมาจากญี่ปุ่นโดยเฉพาะ และเน้นคัดสรรแต่วัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ
บรรยากาศโต๊ะนั่งกินยากินิกุ
       เมื่อมาถึงร้านก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศร้านที่แบ่งโซนเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน ในส่วนของซูชิจะมีเคาน์เตอร์ซูชิให้ได้เลือกนั่ง และมีห้องส่วนตัวบริการ ส่วนอีกด้านเป็นส่วนของยากินิกุที่มีโต๊ะให้เลือกนั่งแบบสบายๆ และที่โต๊ะจะมีเตาที่เลือกใช้ถ่านและมีระบบดูดควันไว้ด้วย แต่ก็ยังพอให้ได้กลิ่นของเนื้อเวลาย่างหอมๆ ชวนกินเสียจริง
      
       แต่ก่อนที่จะไปกินยากินิกุ เราสั่งซูชิของที่นี่มาลิ้มรสกันก่อนดีกว่า ซึ่งที่นี่เน้นซูชิที่มีสารพัดหน้า และมีความหลากหลายตามแต่เชฟจะรังสรรค์ขึ้นมา และเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลทุกเดือนเพื่อจะได้ไม่จำเจ
Nigiri Omakase
       สำหรับซูชิที่สั่งมากินจนติดใจและอยากแนะนำให้ชิมกันก็คือ Nigiri Omakase (1,460 บาท++) มาแบบจัดเต็ม มีซูชิหลายหลากหน้ากว่า 10 อย่างในจานเดียว ที่วัตถุดิบสั่งตรงมาจากญี่ปุ่นทั้งหมด มีหน้าปลาไหลทะเล หน้าไข่ปลาแซลมอนห่อสาหร่าย หน้าไข่หอยเม่นห่อสาหร่าย หน้าโทโร่ หน้าปลาฮามาจิ หน้าเนื้อก้ามปู หน้าหอยปีกนก แล้วมีมากิหน้าโทโร่สับ และไข่หวานด้วย เรียกว่ากินเมนูนี้แล้วอิ่มท้องกับซูชิรสชาติดี มีความสดอร่อยของวัตถุดิบชั้นยอด
Ayu Shioyaki
       เมนูต่อมาเป็นอาหารจานพิเศษมีให้ลิ้มรสถึงแค่เดือนมิ.ย. นี้ Ayu Shioyaki (320 บาท++) เป็นปลาอายุจากญี่ปุ่นนำมาคลุกเคล้ากับเกลือแล้วย่างจนปลาสุกหอม ลิ้มรสเนื้อปลาแน่นนุ่มหวานและได้รสชาติเค็มนิดๆ จากเกลือ มาพร้อมกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษ และมีมะนาวมาให้บีบเพิ่มรสชาติ
Tokujyo Karubi
       จากนั้นมากินเมนูยากินิกุกัน ซึ่งมีเนื้อหลากหลายให้เลือกสั่งมาย่างกิน แต่ที่เราสั่งมาลิ้มลองก็มี Tokujyo Karubi (760 บาท++) เป็นเนื้อวัวส่วนสันคอที่คัดมาแบบดีที่สุด สไลด์มาเป็นชิ้นราดด้วยน้ำซอสหมักเนื้อสูตรเฉพาะ ย่างเนื้อบนเตาถ่านร้อนๆ เนื้อสุกได้ที่ส่งเข้าปากเคี้ยวนุ่มละลายในปาก จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มโชยุรสเด็ด หรือถ้าใครชอบเผ็ดก็มีพริก กระเทียมให้ใส่เพิ่ม
Toku Tan Shio
       Toku Tan Shio (390 บาท++) เป็นลิ้นวัวคัดมาเป็นพิเศษสไลด์มาแบบชิ้นใหญ่หมักกับเกลือ แล้วโรยหน้าด้วยพริกไทยกับเกลืออีกที นำมาย่างพอสุกแล้วจะได้ลิ้มรสลิ้นวัวเนื้อนุ่มเด้งกรึบ
Tontoro
       แล้วถ้าใครอยากกินเนื้อหมูแนะนำ Tontoro (250 บาท++) เป็นเนื้อหมูส่วนสันคอคัดมาอย่างดีสไลด์มาเป็นชื้นราดด้วยน้ำหมักหมูสูตร เฉพาะ นำมาย่างบนเตาร้อนๆ เนื้อหมูสุกได้ที่หอมน่ากิน ชิมแล้วเนื้อหมูนุ่มมีมันแทรกกำลังดี
อร่อยกับเมนูยากินิกุร้อนๆ
       มื้อนี้ทำเอาเราอิ่มท้องทั้งกับซูชิและยากินิกุอร่อยๆ แต่อย่างที่บอกว่าที่นี่ยังมีอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ ที่ชวนลิ้มรสอีกมากมาย อาทิ Gindara Saikyo Yaki (390 บาท++) Syabu Syabu Wagyu (1,800 บาท++) Kimuchi Soup (180 บาท++) Yukke (280 บาท++ ) เรียกว่าหากใครเป็นแฟนอาหารญี่ปุ่นมาที่ร้าน “Sushicyu & Carnival Yakiniku” ไม่มีคำว่าผิดหวังเป็นได้อิ่มอร่อยกลับบ้านกันไป
บรรยากาศโต๊ะนั่งแบบห้องส่วนตัว
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Sushicyu & Carnival Yakiniku” (ซูชิชูแอนด์ คาร์นิวัล) ตั้งอยู่ที่ โครงการ Ei8ht Thonglor (เอท ทองหล่อ) 88/1 ถ.สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ซ.ทองหล่อ 8 คลองตันเหนือ วัฒนา กทม. การเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อ เลี้ยวเข้าถ.สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ตรงมาที่ ซ.ทองหล่อ 8 จะเห็นโครงการ Ei8ht Thonglor ให้เข้ามาในโครงการฯ แล้วขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเห็นร้าน Sushicyu & Carnival Yakiniku มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.30-14.00 น. และ 18.00-22.30 น. เสาร์-อาทิตย์ 11.00-22.00 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร.จองโต๊ะก่อน โทร. 0-2713-8312 และยังมีอีก 1 สาขาอยู่ที่ All Seasons Place โทร. 0-2251-1995 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sushicyu.com