อร่อยล้ำ ดื่มด่ำแจ๊ส ที่ “Brown Sugar”

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2555 17:22 น.
บรรยากาศร้าน Brown Sugar นั่งสบายๆ ฟังเพลงแจ๊ส
       ท่วงทำนองของดนตรีเพลงแจ๊สดังขึ้นอย่างสนุกสนาน พาใจให้ “ตระเวนกิน” ต้องรีบเยื้องกรายเดินตามเสียงดนตรีอันไพเราะสะเนาหู เพื่อไปยังต้นตอของเสียงเพลงแจ๊สที่ชวนฟัง ซึ่งกำลังดังมาจากร้าน “Brown Sugar the Jazz Boutique” ที่ตั้งอยู่ตรง ถ.พระสุเมรุ
      
       สำหรับคอเพลงแจ๊สทั้งหลาย เชื่อว่าถ้าเอ่ยชื่อร้าน “Brown Sugar the Jazz Boutique”ขึ้นมาแล้วต้องรู้จักถึงชื่อเสียงของร้านกันเป็นอย่างดี เพราะว่าร้าน Brown Sugar โด่ง ดังมาจากที่ย่านหลังสวน มานานเกือบ 30 ปี จัดได้ว่าเป็นร้านตำนานแจ๊สผับของเมืองไทย แต่ว่าทุกวันนี้ได้ย้ายมาอยู่ที่ ถ.พระสุเมรุ และเนรมิตให้ตึกแถวเก่าที่มีมนต์ขลัง กลายมาเป็นร้านแจ๊สที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง โดดเด่นด้วยบรรยากาศร้านที่ตกแต่งแบบคลาสสิค มีงานศิลปะประดับอย่างลงตัว
วงดนตรี Brown Sugar House Band
       ด้านในร้านจัดเป็นโต๊ะนั่งแบบสบายๆ มีโต๊ะหลายโซนให้เลือกนั่ง มีทั้งโต๊ะนั่งโซนติดเวทีด้านหน้าที่จะได้เห็นนักดนตรีเล่นเพลงอย่างใกล้ชิด และมีโต๊ะนั่งติดกับเคาเตอร์บาร์ที่คอยบริการเครื่องดื่มแบบครบครัน หรือถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวสักนิดก็มีห้องวีไอพีบริการ 1 ห้อง ส่วนถ้าใครชอบสัมผัสความเป็นธรรมชาติรับลมเย็นๆ ก็มีโซนเทอเรสโต๊ะนั่งด้านหลังที่อยู่ติดกับคลองบางลำพูชวนนั่งแบบรื่นรมย์ กับสายน้ำตกจำลอง
      
       แล้วยังมีชั้น 2 ที่จัดให้เป็นส่วนของ Gallery & Play House มีพื้นที่กว่า 80ตร.ม. ทางร้านอยากให้เป็นพื้นที่สำหรับการแสดงนิทรรศการศิลปะแขนงต่างๆ หรือจัดงานคอนเสิร์ต งานอีเว้นท์ จัดกิจกรรมต่างๆ ที่ถ้าใครสนใจก็สามารถมาเลือกใช้บริการพื้นที่ได้
       และหากใครที่เป็นคอกาแฟโดยเฉพาะ ทางด้านหน้าร้านยังเปิดเป็น Brown Sugar Café ที่จะมีอาหารเช้าและกลางวันแบบจานด่วนแต่เน้นคุณภาพและรสชาติ พร้อมให้ลิ้มรสควบคู่ไปกับการจิบกาแฟหอมๆ รสละมุน และมีเค้กโฮมเมดให้ได้ละเลียดลิ้นกันอีกด้วย ซึ่งส่วนนี้เปิดตั้งแต่ 08.00-19.00 น.
      
       นี่แค่บรรยากาศร้านก็ชวนให้เคลิบเคลิ้มน่านั่ง ถ้าพูดถึงดนตรีแจ๊สแล้วรับรองว่าไม่ผิดหวัง ทางร้านจัดเต็มเรื่องดนตรีแจ๊ส โดยทุกวันตั้งแต่ 21.00 น. เป็นต้นไปจะมีนักดนตรีวงประจำอยู่ 3 วง คือ Brown Sugar House Band, Mellow Motif และวงสาวสะดุ้ง แล้วในวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินแจ๊สชื่อดังจากทั่วโลกมาเล่นดนตรีแจ๊สให้ฟัง อย่างสนุกสนานสลับหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป
      
       แต่ถ้าจะมานั่งฟังเพลงแจ๊สให้อิ่มใจอย่างเดียวก็กระไร ต้องขออิ่มท้องแบบครบสูตรกันไปด้วย ซึ่งที่นี่มีอาหารเลิศรสคอยให้ได้ลิ้มรสกันด้วย ซึ่งอาหารของที่นี่มีทั้งอาหารไทย, เม็กซิกัน, เยอรมัน, อิตาเลียน และอาหารเมนูใหม่ๆ แนวฟิวชั่นที่ทางร้านคิดค้นสูตรขึ้นมาโดยเฉพาะ และคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นดีมาปรุงเป็นอาหารจานเด็ดให้ได้ลิ้มรสกันมากมาย
สโมกแซลมอนลุยสวน
       อย่างที่อยากจะแนะนำให้ลองลิ้มกันก็มี สโมกแซลมอนลุยสวน (240 บาท) จะได้ลิ้มรสเแซลมอนรมควันจากนอร์เวย์เนื้อหอมนุ่ม กินคู่กับเครื่องสมุนไพรไทยต่างๆ ที่คลุกเคล้ากับน้ำยำ 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวานเจือรสเผ็ดนิดหน่อย และมีผักสดมาให้กินเคียงเหมือนกินเมี่ยง
กุ้งคั่วพริกกะเกลือ
       กุ้งคั่วพริกกะเกลือ (350 บาท) เป็นกุ้งทะเลตัวใหญ่ทอดแล้วคั่วกับเกลือและพริกขี้หนู เพิ่มความหอมด้วยเม็ดพริกไทยสดและใบมะกรูดทอด เต็มปากเต็มคำกับกุ้งเนื้อแน่นหวานผสานความเค็มนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศ
แซลมอนราดซอสมะขามพริกเผา
       แซลมอนราดซอสมะขามพริกเผา (280 บาท) เมนูนี้จะได้ลิ้มรสเนื้อปลาแซลมอนสดจากนอร์เวย์ที่นำมาทอดกรอบนอกนุ่มในชุ่ม ด้วยซอสมะขามน้ำพริกเผาสูตรเด็ด เเปรี้ยว หวาน เค็มโดนใจปากดี
หมูดำผัดกิมจิ
       หมูดำผัดกิมจิ (220 บาท) เมนูใหม่ที่นำหมูดำมาหมักกับซอสสูตรพิเศษ แล้วนำมาผัดกับกิมจิที่ทางร้านทำเอง ปรุงรสใส่ขิง งาขาวคั่ว พริกเกาหลี เสิร์ฟมาแบบกระทะร้อน ลิ้มรสหมูดำเคี้ยวนุ่มปากเข้าเนื้อกับกิมจิที่ถึงเครื่องถูกลิ้น
สปาเก็ตตี้ต้มยำซีฟู้ดซอสครีม
       สปาเก็ตตี้ต้มยำซีฟู้ดซอสครีม (250 บาท) เป็นเมนูฟิวชั่นที่นำเส้นสปาเก็ตตี้มาผัดกับซอสครีมชีสและเครื่องต้มยำไทย ใส่หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งทะเล และหมึก ราดหน้าด้วยซอสครีมชีสอีก ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เคี้ยวเหนียวนุ่มปากได้รสชาติเครื่องต้มยำจัดจ้านผสานรส ชาติซอสครีมชีสรสละมุนลิ้นที่เข้ากันได้อย่างลงตัว กินแล้วไม่เลี่ยน
สเต็กเนื้อ
       สเต็กเนื้อ (380 บาท) เสิร์ฟมาแบบกระทะร้อน เป็นเนื้อวัวอย่างดีนำเข้าจากออสเตรเลียผ่านการหมักและกริลล์จนได้ที่ ราดด้วยน้ำเกรวี่สูตรพิเศษ แล่ชิ้นเนื้อส่งเข้าปากเคี้ยวเนื้อนุ่มหนึบหนับปากฉ่ำน้ำเกรวี่รสจัดจ้านออก เผ็ดนิดๆ
      
       แล้วยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนกินอีกเพียบ อาทิ ข้าวลาบหมูทอด (190 บาท) สเต็กหมูดำซอสวาซาบิจิ้มแจ่ว (220 บาท) ขาหมูทอดเยอรมัน (380 บาท) กุ้งซอสมะขาม (350 บาท) ขาวัวตุ๋นไวน์สไตล์อิตาเลียน (320 บาท)
      
       นอกจากนี้ยังมีอีกสารพัดเมนูเลิศรสที่ชวนให้สั่งมากินคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมเพลิดเพลินไปกับดนตรีแจ๊สอันชวนฟัง จากร้าน “Brown Sugar” หนึ่งในตำนานแจ๊สผับของไทยที่ยังมีมนต์ขลังอย่างเหลือเฟือ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Brown Sugar the Jazz Boutique” ตั้ง อยู่ที่ 469 ถ. พระสุเมรุ บางลำพู กรุงเทพฯ การเดินทางจากแยกบางลำพูมุ่งหน้ามายังวัดบวรนิเวศฯ ตรงมาถึงแยกสะพานวันชาติ แล้วตรงมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงโค้งของถนน จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือเป็นห้องแถวติดริมถนน มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน สามารถจอดรถได้ริมถนน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 19.00-01.00 น. ถ้าจะมาที่ร้านแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อน โทร. 08-9499-1378, 08-1805-7759 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.brownsugarbangkok.com  หรือที่ www.facebook.com/brownsugarbangkok

“Icedea”...ไอศกรีมใส่ไอเดีย เย็นฉ่ำ รสชาติแหวกแนว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 เมษายน 2555 12:16 น.
ด้านหน้าร้าน Icedea
       หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือที่รู้จักกันในนามหอศิลป์กรุงเทพฯ นับว่า เป็นแหล่งรวมตัวของคนที่ชื่นชอบงานด้านศิลปะ “ผ่านมาแวะกิน” ก็ มีโอกาสไปเดินเล่มชมงานศิลปะอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งในช่วงนี้อยู่บ้านร้อนๆ ก็ออกไปเสพงานศิลป์ในที่เย็นสบาย แถมยังได้ไปลองชิมไอศกรีมหวานๆ เย็นๆ ให้ชื่นใจด้วย และที่ร้านนี้ก็ไม่ได้มีดีแค่ความหวานเย็นอร่อย แต่ยังเป็นไอศกรีมที่ใส่ไอเดียลงไปผสมผสานจนกลมกล่อม ซึ่งมีให้ชิมที่ร้าน “Icedea”
ไอศกรีมรสชาต่างๆ ที่ชวนลิ้มลอง
       ร้าน “Icedea” เกิดขึ้นเพื่อเป็นสถานที่โชว์ผลงาน Ice cream design ที่เคยออกแบบให้สำหรับลูกค้า ซึ่งนอกจากจะสามารถมาเดินชมผลงานได้แล้ว ก็ยังทดลองชิมความอร่อยที่สอดแทรกความคิดสร้างสรรค์ที่สนุกสนานของคุณพริมา จักรพันธุ์ ณ อยุธยา เจ้าของร้าน และเจ้าของไอเดียแสนอร่อยนี้
      
       ไอศกรีมของทางร้านจะเป็นไอศกรีมโฮมเมดที่มีทั้งแบบครีม และเชอร์เบท แต่ละวันจะมี 20 รสชาติให้ลองชิม และจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนรสชาติใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ เรียกว่าไปครั้งไหนก็ต้องได้ลองชิมของใหม่ๆ แปลกๆ อยู่เสมอ
ทงคัตซึไอศกรีม
       มาลองดูไอศกรีมที่ผสมผสานไอเดียน่าลิ้มลองดูบ้างว่ามีอะไรกันบ้าง เริ่มต้นที่ ทงคัตซึไอศกรีม (120 บาท) เป็นไอศกรีมที่มีให้เลือกระหว่างรสวานิลลา ชาเขียว เจแปนนิสเมล่อน และ บราวนี่ นำมาคลุกกับแป้งและเกล็ดขนมปัง จากนั้นนำลงไปทอดให้เหลือง ราดด้วยช็อกโกแลต มองดูคล้ายกับทงคัตซึราดซอส ลองชิมแป้งกรอบนอกนุ่มใน ซอสช็อกโกแลตเข้ากับไอศกรีมรสวานิลลาที่เราเลือกสั่งมาได้อย่างลงตัว
Grass Brownie Set
       ต่อด้วยเมนูน่ารักน่าลองชิม Grass Brownie Set (150 บาท) ที่แม้ว่าจะเป็นตัวบราวนี่ธรรมดา แต่ความพิเศษอยู่ที่ด้านบนมองดูคล้ายกับต้นหญ้าในสนาม ซึ่งทำมาจากฝอยทองสีเขียว เสิร์ฟคู่กับไอศกรีม 1 ลูก เลือกรสชาติได้ตามชอบ เหมือนกับยกลูกฟุตบอลมาพร้อมกับสนามหญ้าให้อยู่ในจานเดียวกัน เมนูนี้เราเลือกไอศกรีมชาเอิลเกรย์ ลิ้มรสแล้วหอมหวานเข้มข้น ตัดกับบราวนี่ที่ได้รสช็อกโกแลตเต็มคำ นุ่มอร่อย พร้อมกับฝอยทองที่ไม่หวานมากนัก
พาร์เฟ่ต์ไอศกรีม
       สำหรับ พาร์เฟ่ต์ไอศกรีม (139 บาท) ก็มีให้เลือก 3 รส ไม่ว่าจะเป็นกล้วย สตรอเบอร์รี่ หรือ แบล็กฟลอเรส คราวนี้เลยขอลองชิมรสกล้วย ที่เป็นไอศกรีมโตเกียวบานาน่าสลับชั้นกับท็อปปิ้งหลากหลาย อย่างทั้งกล้วย คอนเฟล็ก วิปปิ้งครีม และซอสช็อกโกแลต ตัดขึ้นมาชิมก็ได้ลิ้มรสกล้วยๆ หอมหวานเต็มปาก พร้อมกับความกรุบกรอบของคอนเฟล็ก
      
       นอกจากเมนูที่ลองชิมไปแล้ว คราวนี้มาลองชิมแบบเป็นสกู๊ปดูบ้าง โดยจะขายในราคาสกู๊ปละ 65 บาท ไอศกรีม 2 สกู๊ป ราคา 120 บาท หรือหากอยากชิมแบบใส่โคนที่ทางร้านทำเองก็ขายในราคา 80 บาท นอกจากนี้ ยังมีซื้อกลับบ้านได้ด้วย
(แถวบน) รสตะโก้แห้วมะพร้าวอ่อน และ รสวาซาบิ (แถวล่าง) รส Globla Warming และ รสราสเบอร์รี่
       รสชาติแรกที่ลิ้มรสคื อ ไอศกรีมตะโก้แห้วมะพร้าวอ่อน เป็น ไอศกรีมไทยๆ ที่ผสมผสานมะพร้าวเข้ากับแห้วที่เป็นชิ้นๆ ละเลียดเข้าไปคำแรกก็ยังคิดอยู่ว่าไปลองชิมตะโก้อร่อยๆ ที่เย็นจนเป็นน้ำแข็ง ต่อด้วย ไอศกรีมรสวาซาบิ ที่ผสมวาซาบิเข้าไปในเนื้อไอศกรีมด้วยจริงๆ ซึ่งพอตักเข้าปากคำใหญ่ก็ได้รสเผ็ดฉุนขึ้นจมูกเล็กๆ
      
       ส่วน ไอศกรีม Global Warming รสชาตินี้เป็นแบบโลกร้อน สีสันสวยงาม เป็นไอศกรีมรสมิ้นท์ ผสมกับโอริโอ้ และช็อกโกแลตชิปเข้าไปด้วย และยิ่งเมื่อละลายก็จะยิ่งเหมือนโลกร้อนจนละลายเลยทีเดียว สุดท้ายลองชิม ไอศกรีมราสเบอร์รี่ ที่ เป็นไอศกรีมผสมกับลูกราสเบอร์รี่ และบัตเตอร์เค้กปั่นรวมกัน เวลาเคี้ยวจะเหมือนมีเค้กเป็นชิ้นๆ อยู่ในคำ พร้อมกับเนื้อของราสเบอร์รี่ออกเปรี้ยวๆ เล็กน้อย
นั่งชิมไอศกรีมให้เย็นฉ่ำ
       แต่หากว่าใครอยากให้อิ่มท้องเสียหน่อย ก็ขอแนะนำ Waffle Set (129-139 บาท) ที่มีให้เลือก 3 แบบ และยังมีไอศกรีมรสชาติแปลกๆ ทั้งคาวหวาน แถมยังมีรสชาติแหวกแนวไม่ซ้ำใคร ผสานกับไอเดียสนุกๆ ให้ได้ลองชิมลิ้มรสอร่อยกันอีกมากมาย
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “Icedea” ตั้ง อยู่บนชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถ.พระรามที่ 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.การเดินทางจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มุ่งหน้าไปทางถนนพญาไท ข้ามสะพานหัวช้าง ชิดขวา ทางเข้าหอศิลป อยู่ก่อนข้ามสี่แยกปทุมวัน หากมาจากถนนพระราม 1 ผ่านสนามกีฬาแห่งชาติ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพญาไท และเลี้ยวซ้ายอีกครั้งก็จะถึงหอศิลป หรือหากใช้บริการ BTS ให้ลงที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ จะมีทางเชื่อมเข้าสู่หอศิลป ร้านจะตั้งอยู่บนชั้น 4 บริเวณทางขึ้นลงบันไดเลื่อน ร้านเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.30-18.30 น.โทร.0-2331-1741-51 ส่วนอีกสาขาตั้งอยู่ที่ชั้น G เซ็นทรัลลาดพร้าว โทร.0-2103-4058 www.facebook.com/icedea

ขนมกลีบลำดวน

credit takecareyou bloggang.com

 

ส่วนผสม  แป้งสาลี 5 ถ้วยตวง น้ำตาลป่น 2 1/2 ถ้วยตวง น้ำมันพืช 1 1/2 ถ้วยตวง ฟักเชื่อมสีแดง
วิธีการทำ
 ผสมแป้งสาลีกับน้ำตาลป่นเข้าด้วยกัน ควรคนให้กระจาย ตัวทั่วกันดีเสียก่อน จึงเทน้ำมันลงในแป้งนวดเบา ๆ ให้เข้า กันดี ถ้ายังแป้งมากไม่อาจเกาะกันได้ เติมน้ำมันได้อีกเล็ก น้อย คลึงออกเป็นแท่งกลมยาว แล้วตัดเป็นท่อน ให้ท่อนหนึ่ง ๆ หนึ่ง เมื่อปั้นเป็นก้อนกลมจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางสักประมาณ 1 1/2 เซนติเมตร และปั้นเป็นก้อนกลมไว้ให้หมด ใช้มีดคม ๆ ผ่าแต่ละก้อนออกเป็น 4 ส่วน ปั้นแต่ละส่วนให้ คล้ายกลีบดอกลำดวน แล้วจับปลายชนกันเป็น 3 กลีบ ส่วนที่ 4 ให้ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ วางลงตรงกลาง แล้วใช้มีด กรีดเบา ๆ ให้เป็น 3 แฉก เผยอนิด ๆ อย่าให้ขาดจากกัน ให้เหมือนกลีบชั้นในที่สับหว่างกับกลีบชั้นนอกแล้ว วางชิ้น ฟักลงตรงกลางเหมือนเกษรโผล่แผลมอยู่ ปั้นเรียงให้เต็มถาดที่ทาน้ำมันไว้แล้ว นำเข้าอบที่ 350 องศาฟาเรนไฮท์ ประมาณ 8-10 นาที ให้ได้สีนวล ๆ เหมือนดอกลำดวนจริง ๆ จึงนำออกจากเตา พักไว้ให้เย็นสนิทเสียก่อนจึงแซะใส่ขวดโหล อบด้วยดอกมะลิ กระดังงาหรือควันเทียน
กลเม็ดเคล็ดลับ
ปัจจุบันนี้ ดอกลำดวน ถือว่าเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด ศีรษะเกษ เป็นไม้หอมของไทยชนิดหนึ่ง
ขนมดอกลำดวน ควรมีสีนวลอย่าอบจนสีเข้ม จะไม่เหมือน ดอกไม้จริง ขนาดต้องเท่าของจริง การปั้นกลีบควรให้คล้ายของจริง ด้วย
ขนมนี้แป้งจะกรอบร่วน ไม่กระด้าง รสหวานมัน และมีกลิ่น หอม

ความเชื่อเรื่องแมวดำ

“แมวดำ” จัดเป็นหนึ่งในตัวแทนแห่งลางร้ายคนไทยเชื่อถือกันว่าหากมีแมวดำข้ามโลงศพ ศพนั้นจะเฮี้ยนนัก หรือแม้แต่มันเดินผ่านหน้าก็ถือว่าจะเป็นลางร้าย ภัย อาถรรพณ์ ในคติความเชื่อโบราณ เปรียบดังเงาร้าย ที่เชื่อว่าหากเข้าใกล้ชีวิตเรา จะหาความสุขไม่ได้  มีทุกข์ภัยที่ประดังเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน  ในบรรดาลาง ร้ายที่แสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ นั้น ความผูกพันระหว่างคนกับแมวในลักษณะของความเชื่อมีมาแต่โบราณกาลแล้ว เมื่อราว ๓,๐๐๐ ปี ก่อนคริสตกาล แมวทุกตัวในสมัยนั้นรวมทั้งแมวดำจะได้รับการยกย่องมาก มีกฎคุ้มครองไม่ให้ผู้ใดทำร้ายหรือฆ่าแมว หากครอบครัวใดมีแมวตาย คนในครอบครัวนั้นจะเศร้าโศกมาก และสำหรับศพของมันไม่ว่าเจ้าของจะยากดีมีจนเพียงใดก็จะแต่งตัวให้แมวอย่าง สวยงาม ใช้ผ้าลินินเนื้อนุ่มห่อศพเอาไว้เหมือนมัมมี่แล้วเก็บในโลงที่ทำจากโลหะมี ค่าเช่น บรอนช์ หรือทำด้วยไม้ซึ่งเป็นของที่หายากมากในอียิปต์  แมวมีนิสัยรักอิสระ ดื้อ ชอบขโมย และยังสามารถเพิ่มจำนวนพลเมืองแมวได้อย่างรวดเร็วตามเมืองใหญ่ ๆ ดังนั้นความงามสง่าของมันจึงดูลดน้อยลงในสายตาของผู้คน แมวที่พบเห็นอยู่ตามตรอกมักเลี้ยงกันในหมู่คนยากจนและหญิงชราที่ถูกทอดทิ้ง ต่อมาเมื่อความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เวทมนตร์ระบาดไปทั่วยุโรปหญิงชราไร้บ้าน เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเล่นไสยศาสตร์ และแมว (โดยเฉพาะแมวดำ) เพื่อนยากของพวกเธอก็ถูกมองว่าเป็นพวกแม่มดหมอผีไปด้วยแต่น่าแปลกที่พันธุ กรรมของขนแมวสีดำกลับไม่เคยถูกลบเลือนไปจากเผ่าพันธุ์ของมัน… หรือแมวจะมี ๙ ชีวิตจริง ๆ


ความเชื่อเรื่องแมวดำ

แมว จัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงในแง่ที่ว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อของคนเป็น ตัวแทนความศักดิ์สิทธิ์ และเหนือจริง จนมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า “หากฆ่าแมวสักตัวถือว่าบาปหนักหนา  เท่ากับฆ่าเณรรูปหนึ่งเลยทีเดียว” ความเชื่อไม่ได้มีระบุที่มาแน่ชัด หากเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ที่นักประวัติศาสตร์ตั้งข้อสังเกตเอาไว้  เนื่องจากคติความเชื่อเรื่องแมวดำ ไม่ได้มีเฉพาะในไทยเท่านั้น  หากมีในหลากชาติหลายภาษาโดยในตำนานเก่าแก่ของ อินเดียโบราณ เชื่อว่า แมวดำเป็นสัตว์ผี  เป็นพาหนะของพระษัษฐี เทวีแห่งความตายของทารก หรือผีแม่ซื้อประจำตัวเด็กในวันที่ 6 ซึ่งพระษัษฐีเป็นเทวีที่มีอิทธิฤทธิ์  หากใครเห็นแมวดำที่ไหน  มักต้องเห็น พระษัษฐีปรากฏกายที่นั่น และจะมีเด็กหรือคนตายที่นั่นด้วยเช่นกัน  โดยเฉพาะในงานศพจะระมัดระวังไม่ ให้แมวมาถูกต้องศพ ด้วยเชื่อว่าจะเกิดมลทินกับศพนั้นๆ ไปตลอด และในคติความเชื่อของจีนโบราณ ถือว่าหากแมวข้ามศพ ผีนั้นจะดุร้ายมาก ต้องเอาตะไกรหรือเหล็กวางไว้บนอกศพ จึงจะไม่เป็นไร เช่นเดียวกับในความเชื่อของแขกมาลายู ที่ต้องเอาตะไกรหนีบมาวางบนอกศพ เผื่อว่าแมวกล้ำกรายเข้ามาใกล้ศพหรือถูกศพ เหล็กตะไกรจะเป็นเครื่องบังคับไม่ให้ศพลุกขึ้นมา กลายเป็นผีร้าย เป็นที่หวาดเกรงของชาวบ้านได้

ระเบียงอาถรรพณ์

ดิฉันอยู่เขตดินแดง กรุงเทพฯ นี่เองค่ะ ระหว่างถนนรัชดาฯ กับวิภาวดีฯ มีถนนและซอยต่างๆ แผ่กระจายเหมือนใยแมงมุม...เหตุการณ์สยองขวัญอุบัติขึ้นที่หน้าบ้านดิฉัน เอง!
ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถวเรียงราย มีซอยคั่นทุกหลังขนาดรถแล่นเข้าได้ก็มี เป็นทางเดินแคบๆ ก็มี ตึกแถวมีทั้งเรียงรายราว 5-6 ห้อง กับมีแค่ 2 ห้องที่ทะลุถึงกัน แต่ทุกวันนี้เป็นตึกร้างไปแล้ว

มองจากระเบียงบ้านดิฉันไป คือตึกแถว 5 ห้องที่เปิดเป็นร้านอาหาร ร้านขายของชำ อีก 2 ห้องริมซอยเล็กๆ เป็นที่อยู่อาศัย มีรถราแล่นผ่านไปมาขวักไขว่ตอนกลางวัน ผู้คนก็เดินเข้าออกหนาตา บางคนเงยขึ้นมาร้องทักทาย บางคนดิฉันก็ทักลงไป ล้วนแต่คุ้นๆ หน้ากันทั้งนั้นค่ะ

มอเตอร์ไซค์ทั้งส่วนตัวและรับจ้างแล่นกระหึ่ม ส่วนมากจะระมัดระวังอันตรายกันพอสมควร...เสียแต่ไม่ค่อยชอบสวมหมวกนิรภัยกันเสียเลย!
ขนาด ออกถนนใหญ่ยังไม่สวมเลยค่ะ เห็นแล้วเสียวไส้แทน ตำรวจก็ไม่สนใจจับกุมหรือว่ากล่าวตักเตือนหรอกค่ะ รู้ทั้งรู้ว่าอันตรายเหลือเกิน ถ้าสวมหมวกกันน็อกจะช่วยได้มากเชียว

เพราะเหตุนี้เอง เรื่องสยองขวัญจึงอุบัติขึ้นต่อหน้าต่อตาดิฉันเอง!

วัน เกิดเหตุเป็นบ่ายวันอาทิตย์ ดิฉันไปนั่งที่ม้ายาวริมระเบียงกับหลานชาย มองดูรถราและผู้คนที่เดินเข้าออกไม่ขาดระยะ ร้านเสริมสวยมีลูกค้าหนาตาเป็นพิเศษ เพราะมาสระผมไดร์ผมสำหรับไปทำงานในวันรุ่งขึ้น...

เสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มจนไม่น่าใส่ใจ แต่แล้วคล้ายมีลางสังหรณ์บางอย่าง ทำให้ดิฉันหันไปมองทางก้นซอยโดยไม่ได้ตั้งใจ!

รถ เครื่องสีแดงเลือดนกกำลังแล่นลิ่วออกมา คนขับไม่ได้สวมหมวกนิรภัยตามเคย! เสื้อวินสีเขียวทำให้รู้ว่าเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง...มีการเคลื่อนไหวทางขวา มือ ดิฉันหันขวับไปมองก็ต้องชาวาบไปทั้งตัวบัดดล

เด็กชายวัยสิบขวบกำลังวิ่งออกมาจากซอยเล็กพอดี!
ตา อั้น...แม่ของแกกำลังรอคิวทำผมอยู่ในร้าน...มอเตอร์ไซค์กับเด็กชายกำลังจะพบ กันตรงหัวมุมตึกแถว แต่ต่างฝ่ายต่างก็มองไม่เห็นกันหรอกค่ะ...เหมือนภาพ สโลว์โมชั่นน่าสยดสยองสิ้นดี

รถสีแดงพุ่งเข้าชนเด็กชายเสียงโครม! ทั้งรถทั้งคนกระเด็นลงไปกลิ้งบนถนน ตามด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนเข้าไปถึงหัวใจ ผู้คนวิ่งถลาออกมามุงดู ดิฉันเองก็ลุกพรวดพราดขึ้นไปเกาะลูกกรงระเบียงมองลงไป เห็นแต่หัวดำๆ กับเสียงพูดเซ็งแซ่...เลือดแดงฉานไหลนองอยู่บนพื้นถนนจนดิฉันรู้สึกปวดมวนใน ช่องท้อง ภาพต่างๆ พร่าเลือนไปชั่วขณะ

ตั้งแต่เกิดมา ดิฉันไม่เคยเห็นภาพสุดสยองแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

ทรุด ร่างลงนั่งแปะตามเดิม เสียงหลานชายซักถามอะไรดังแว่วๆ รู้สึกหัวใจเต้นแรงแทบกระทบโพรงอก มือเท้าเย็นชืดไปหมด...ได้ข่าวว่าเด็กชายสลบคาที่ คนขับมอเตอร์ไซค์ศีรษะแตก ดูเหมือนแหลกยับเยินเพราะไม่ได้สวมหมวกนิรภัย

ไปตายที่โรงพยาบาลทั้งคู่เลยค่ะ!!

เวลา ผ่านไปเกือบเดือน มีอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นหลายราย ชาวบ้านแทบจะลืมเหตุการณ์สยองขวัญนั้นไปเกือบหมด แต่ดิฉันยังจำได้ว่าคนขับมอเตอร์ไซค์คันนั้นชื่อนายชิต บ้านอยู่แถวตลาดใกล้ๆ กัน กับตาอั้น-เด็กน้อยที่ต้องมาตายก่อนวัยอันสมควร

ดิฉัน ยังออกไปนั่งเล่นกับหลานชายที่ระเบียงบ้านเสมอ นึกถึงเหตุการณ์สยองขวัญวันนั้นแล้วไม่วายขนลุก...ภาวนาว่าขออย่าให้เกิด เหตุร้ายขึ้นมาอีกเลย!

เย็นนั้นกลับจากทำงานมาอาบ น้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ชวนหลานชายไปนั่งกินขนมที่ระเบียง ไม่ทราบมีอะไรมาดลใจให้นึกถึงนายชิตกับตาอั้นผู้ล่วงลับไปแล้ว

เสียงมอเตอร์ไซค์พลันดังกระหึ่มมาจากก้นซอย...

ดิฉัน หันไปมองก็เห็นเสื้อกั๊กสีเขียวของรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่เมื่อหันไปทางขวาก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาวิ่งออกมาจากซอยเล็กเร็วจี๋...
คุณพระช่วย! ภาพสโลว์โมชั่นแสนสยองอุบัติขึ้นมาอีกแล้วค่ะ!

มอเตอร์ไซค์คันนั้น...นรกเป็นพยาน! คนขับคือนายชิต...ส่วนเด็กชายก็คือตาอั้น! ทั้งสองคล้ายจะนัดพบกันตรงจุดเดิม

ดิฉัน ได้ยินเสียงโครมสนั่น ร่างตาอั้นกระเด็นไปพร้อมๆ กับรถนายชิตล้มคว่ำ ดิฉันลุกพรวดพราดขึ้นไปคุกเข่าเกาะลูกกรงระเบียง จ้องมองด้วยหัวใจเต้นระทึกแทบจะแตกสลายไป

ไม่มีเสียงหวีดร้อง...ไม่ มีใครมามุงดูเหมือนคราวนั้น...รถราและผู้คนยังขวักไขว่ไปมาตามปกติ ดิฉันขยี้ตาแล้วจ้องมองอีกครั้งก็ไม่เห็นภาพสยองอะไรเลย ชั่วขณะหนึ่ง ดิฉันคิดว่าตัวเองคงหมกมุ่นจนตาฝาดไปเองแน่ๆ

หรือไม่ก็พลัดหลงเข้าไปในแดนสนธยาไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ก็เล่นเอาขนหัวลุกไปเลยค่ะ!


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ปีศาจที่หนองเสือ

'ขาวผ่อง' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่

เพราะความสนใจใคร่รู้ถึงวิธีหากับแกล้มของเพื่อนฝูงชาวลาวแท้ๆ ที่ทำให้ผมพลอยโดนผีหลอกหลอนเอาแทบปางตายเชียว คุณเอ๋ย...

เหตุการณ์ สยองขวัญเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปีกลาย ตอนที่เมืองไทยโดนมหาอุทกภัยเล่นงานเอาพินาศย่อยยับ อ่วมอรทัยไปแทบทั้งประเทศนั่นแหละครับ

ผมเป็นคนหนองเสือ ธัญบุรีคลอง 12 นี่เอง ถ้าจะพูดถึงเรื่องน้ำท่วมก็โดนพอท้วมๆ ไม่หนักหนาสาหัสเหมือนพวกอยู่รังสิต ปทุมธานี เพราะย่านนั้นหนักหนาสาหัสชนิดรถราแล่นผ่านไม่ได้นับเดือน ไปตั้งแต่ดอนเมือง สะพานใหม่ บางบัว เกษตร จนถึงลาดพร้าว

ขนาดเบาะๆ ยังเล่นงานมะม่วงน้ำดอกไม้ของผมยืนต้นตายไปสิบกว่าต้น เพราะโดนแช่น้ำเป็นเดือนๆ น่ะ มันรับไม่ไหวหรอกครับ

ยัง ดีที่มีต้นรอดตายพอสมควร ตอนนี้ตกดอกออกผลงามสะพรั่ง ราวจะเป็นการทดแทนให้น่าชื่นใจ ได้เก็บใส่กระสอบไปขายที่ตลาดสี่มุมเมืองคราวละ 5-6 กระสอบ กิโลกรัมละ 10 บาท กระสอบหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่า 50-60 กิโลกรัม พอปะทะประทังกันไปยามยาก

พวกเพื่อนๆ จากเวียงจันทน์ของผมที่มีอยู่หลายสิบคนน่ะดูจะไม่ค่อยอนาทรร้อนใจเท่าไรหรอกแฮะ!

เพื่อนๆ ที่เป็นแรงงานต่างด้าวพวกนี้มายึดอาชีพเป็นลูกจ้างดูแล 'ไร่หญ้า' ให้เถ้าแก่ที่เขาปลูกขายสำหรับปูสนามนั่นไงครับ มีหน้าที่รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย แซะหญ้าที่เติบโตได้ที่ โดยมีกระท่อมเป็นสิบๆ หลังไว้เป็นที่อยู่อาศัย

หลายๆ คนก็พาลูกเมียดุ่มดั้นมาเผชิญโชคที่นั่นหลายปีแล้ว มีทั้งถูกและไม่ถูกกฎหมาย แต่ 'มีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้' อย่างเขาว่ากันน่ะแหละ จ่ายให้เจ้าที่เจ้าทางเป็นรายเดือนก็หมดปัญหาแล้ว

ข้อสำคัญคือ 'อย่าออกนอกเขต' ก็แล้วกัน!

อ้อ! ถ้าได้ยินใครบอกว่าลาวโง่อย่าไปเชื่อนะครับ เพราะช่วงหลังๆ มานี่พวกท่านท้าวส่วนใหญ่ไม่ยอมรับจ้างทำงานเป็นรายเดือนแล้ว แต่ขอค่าแรงแซะหญ้าเป็นตารางเมตรกันแล้ว...คิดดู!

ตกเย็นก็เป็นเวลา พักผ่อนหย่อนใจ ยังไงๆ ก็หนีไม่พ้นเหล้าขาวไปได้ นอกจากวันเงินออกถึงจะเล่นเหล้าสี ไม่ก็เดาะเบียร์ให้มันโก้หรูไปเลย แถมมีน้ำใจชวนผมไปร่วมวงอีกด้วย

กินเหล้าก็ต้องมีกับแกล้ม แหม! แถวนั้นสัตว์เลื้อยคลานชุมครับ โดยเฉพาะตะกวดกับ 'วรนุช' ที่เรียกว่ายั้วเยี้ยก็ยังได้ ทั้งบนต้นไม้ ทั้งในน้ำและชายฝั่ง หมาจรจัดโดนรถชนตายก็โดนพวกนี้งับหายวับไปแล้ว...พี่น้องชาวลาวของผมช่วยกัน จับเอามาย่างไฟจิ้มแจ่วแกล้มเหล้ากันสำราญไป

บ้างก็เอาไปต้มยำทำแกง ผัดเผ็ดหอมฟุ้งเป็นกับแกล้ม แถมกลายเป็นกับข้าวให้ลูกเมียได้อีกต่างหาก
จนกระทั่งถึงวันขนหัวลุก!

ตอน นั้นน้ำเริ่มปริ่มๆ เข้ามาแล้ว พวกตะกวดหรือ 'แลน' ไม่ค่อยโผล่มาให้เห็น คงจะหมกตัวอยู่ในน้ำที่มีทั้งหนองและคลองไม่ไกลนัก บักอุ่นกับบักโฮมเป็นคนเก่าอยู่มาหลายปี จัดการสั่งให้ลากข่ายออกมาดักปลาที่ชุกชุมขึ้นพะเรอ สำหรับเป็นกับแกล้มและกับข้าวมื้อเย็น

พรรคพวก 2-3 คนจัดการลงไปวางข่ายดักปลา ท่ามกลางเพื่อนๆ และผมที่ติดตามไปดูเป็นกำลังใจ

เย็น นั้นฟ้าครึ้มเร็วกว่าเดิม อากาศในฤดูหนาวก็เย็นยะเยือกผิดปกติ เสียงหัวหน้าสั่งการเร็วปรื๋อเป็นภาษาลาวจนผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง...คงจะ หมายถึงปลาเข้ามาติดข่ายแล้ว อะไรทำนองนั้น พวกลูกน้องก็ช่วยกันลากข่ายขึ้นมาพลัน

อุแม่เจ้า! แทนที่จะเป็นปลา กลับกลายเป็นตะกวดตัวเขื่องขนาดจระเข้ใหญ่ๆ แทบจะไม่น่าเชื่อว่าข่ายบางๆ จะรองรับน้ำหนักเอาไว้ได้!

เสียง ร้องเฮๆ ด้วยความดีใจ กรูกันเข้าหาเหยื่อตัวงาม บ้างก็ถือไม้วิ่งแร่เข้าไปหมายจะสำเร็จโทษตามระเบียบ ก่อนจะแล่เนื้อเถือหนังเอาไปย่างไฟเป็นอาหารโอชะต่อไป

ทัน ใดนั้นเอง ตะกวดประหลาดตัวนั้นก็หันขวับมาพุ่งพรวดขึ้นสูงลิ่วเหมือนมันยืนด้วยหาง อ้าปากกว้างจนเห็นเขี้ยวขาววับ นัยน์ตาแดงจ้าปานแสงไฟ เล่นเอาทุกคนผงะหน้าด้วยความตื่นตกใจไปตามๆ กัน
นรก เป็นพยาน! พริบตาต่อมา ขณะที่แสงสว่างจางหายรวดเร็ว ตะกวดปีศาจกลายร่างเป็นชายร่างสูงใหญ่ ดำทะมึน ผมยาวประบ่า กระชากข่ายที่พันร่างขาดกระเจิง แผดเสียงคำรามลั่นจนหลายๆ คนร้องจ้า เผ่นกระเจิงไปคนละทิศละทางในบัดดล!

ผมเองวิ่งล้มลุกคลุกคลาน มาถึงบ้านได้ยังไงก็สุดรู้...ต่อมาก็ไม่ได้ไปคลุกคลีกับต่างด้าวเหล่านั้น อีกเลย แต่ได้ข่าวว่าเลิกกินตะกวดกันหมดทุกคนแล้วละครับ! บรื๋อออ....


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

สถานที่บน และ วิธีแก้บน

credit tukdee bloggang.com



วัดมหาบุศย์ (ศาลย่านาค)
เรื่องที่บนบาน โชคลาภ ความรัก การเกณฑ์ทหาร
วิธีบน จุดธูป 9 ดอก
วิธีแก้บน แก้ตามคำกล่าว หรือ ถวายผ้าถุง ของเล่นเด็ก พวงมาลัย

ท้าวพรหมเอราวัณ
เรื่องที่บนบาน ค้าขาย การงาน การเรียน
วิธีแก้บน จุดธูป 12 ดอกไหว้ทั้ง 4 หน้า
วิธีแก้บน แกเตามคำกล่าว หรือรำแก้บน

พระเจ้าตากสิน (วงเวียนใหญ่)
เรื่องที่บนบาน ค้าขาย การเรียน งาน หนี้สิน (โดยมากจะเป็นเรื่องค้าขาย)
วิธีบน ใช้ธูป 16 ดอก มาลัยดาวเรือง มาลัยมะงิดาวเรือง หากขอพรใช้ 9 ดอก
วิธีแก้บน แก้บนตามคำกล่าว หรือโดยการนำอาหารมาถวายท่าน

ลานพระบรมรูปทรงม้า
เรื่องที่บนบาน การเรียน ขอให้มีสิทธิ์เรียนรักษาดินแดน
วิธีบน จุดธูป 16 ดอก กุหลาบสีชมพู (ครั้งแรกจุด 16 ดอก ครั้งต่อไป 9 ดอก)
วิธีแก้บน แก้บนตามคำกล่าว หรือนำ น้ำ มะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำว้า ทองหยอด บรั่นดี ซิการ์ ข้าวคลุกกะปิ กุหลาบชมพู

กรมหลวงชุมพร (เสด็จเตี่ย)
เรื่องที่บนบาน ส่วนมากจะเป็นการขอมากกว่าการบน
วิธีบน จุดธูป 19 ดอก และกุหลาบแดง
วิธีแก้บน แก้ตามคำกล่าวหรือถวายกุหลาบแดง ประทัด หมากพลู ผลไม้

ศาลเจ้าพ่อเสือ
เรื่องที่บนบาน การค้าขาย เสริมวาสนาบารมี
วิธีบน ธูป 18 ดอก ปีก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ มาลัย 1 พวง (หรือถวายเงินเติมน้ำมันตะเกียง)
วิธีแก้บน แก้ตามคำกล่าว

พระตรีมูรติ
เรื่องที่บนบาน เกี่ยวกับความรัก
วิธีบน เทียนแดง 1 เล่ม ธูป(ควรบนตั้งแต่ 09.30-21.30น.)
วิธีแก้บน แก้ตามคำกล่าว หรือน้ำผลไม้ กุหลาบแดง มาลัยกุหลาบ ช้าง

ศาลหลักเมือง
เรื่องที่บนบาน ความมั่นคงในหน้าที่การงาน
วิธีบน ธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ผ้าแพร่ 3 สี ดอกบัว
วิธีแก้บน ถวายพวงมาลัย หรือผูกผ้า 3 สี
****ใครอยากบนเรื่องอะไรลองขอและไหว้กันดูนะ สำเร็จแล้วมาบอกเพื่อนๆด้วย****

อาถรรพ์ ลืมแก้บน

ดิฉันเป็นคนตลาดเก่าเยาวราช ลูกสาวสอบเอ็นทรานซ์ก็ไปบนเจ้าที่วัดเล่งเน่ยยี่ เพราะนับถือมานานแล้วว่าท่านศักดิ์สิทธิ์นัก ใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปบน ไปขอยาสมุนไพรจีนทางเซียมซี ได้แล้วก็เอาไปให้ซินแสที่ร้านขายยา ซื้อหามากินไม่ช้าก็หาย

บางทีก็ไปซื้อยาบำรุงร่างกายพวกฮ่วยซัว, ฮีบี่, ง่วนเน็ก, เง็กเต๊ก, แปะฮะ...อะไรพวกนี้มาต้มกับเนื้อไก่หรือหมูเป็นน้ำแกง เป็นทั้งอาหารและยาค่ะ

คนค้าขายอย่างดิฉันกับสามีมักจะยุ่งอยู่กับ งานตลอดวัน จนลืมสนิทว่าลูกสาวเอ็นฯ ติดแล้วแต่ยังไม่ได้แก้บน (ส้มเช้งกับสับปะรด) เอาแต่ผัดวันประกันพรุ่งเรื่อยมา

คืนหนึ่งก็ฝัน เห็นเทพเจ้า 4 องค์ หน้าตาดุร้ายน่ากลัวจ้องเขม็ง เล่นเอาตกใจตื่นมาพอดีย่ำรุ่ง รีบกินข้าวต้มว่าจะรีบไปแก้บน ลูกค้าก็แห่มาเต็มเป็นประจำ ลูกจ้างสองคนยังขายไม่ทัน ดิฉันต้องช่วย...วุ่นวายจนมานึกได้ตอน 4 โมงเช้ากว่าๆ

ขอตัวไปซื้อ ของแก้บน ได้แต่ส้ม ส่วนสับปะรดไม่มีเลย เดินมาถึงถนนเยาวราชก็ไม่มี ข้ามถนนเข้าซอย 36 ไปทะลุเจริญกรุง เข้าตลาดข้างวัด มีของขายไหว้พระและแก้บนสารพัด แต่ไม่มีสับปะรดสักเจ้าเดียว

ตกลงยอม แพ้ค่ะ เข้าไปถวายส้มแก้บน บอกว่าวันหลังจะหาสับปะรดมาแก้บนตามสัญญา...ออกจากวัดก็ทั้งเหนื่อยทั้งหิว เพราะเดินมานาน เบียดผู้คนจนเหงื่อไหลไคลย้อยอีกต่างหาก...นึกถึงข้าวแกงเจ๊กปุ้ยที่ต้นซอย ใกล้ๆ วัดขึ้นมาได้

แหม...น้ำลายสอเชียวค่ะเมื่อนึกถึงแกงกะหรี่ ลูกชิ้นสูตรแต้จิ๋ว กินกับไข่ต้ม อาจาด กุนเชียง หรือแกงเขียวหวานไก่ ผัดหน่อไม้ แกงลูกชิ้นปลากราย...ต้องกลืนน้ำลายอย่างเดียว เพราะเขาจะขนของออกมาขายก็ตอนเย็นๆ โน่น

หาอะไรกินแก้หิวก่อนดีกว่า!

เดิน ไปถึงมุมตึกต้นซอยมังกร ร้านค้าส่วนมากปิดวันอาทิตย์ เห็นมีแผงก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นติดๆ กับกาแฟโบราณ พอดีมีโต๊ะตรงหัวมุมที่อาแปะคนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่...แกกินอิ่มแล้วค่ะแต่ยัง มีชามก๋วยเตี๋ยววางอยู่

ดิฉันเข้าไปนั่งด้วย หันหน้าไปที่แม่ค้าวัยกลางคนผิวคล้ำ กำลังพูดคุยกับสาวขายกาแฟร่างใหญ่ นุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืด ผิวขาว หน้าตา...มาดทอมจริงๆ ค่ะ

สัก ครู่หญิงอ้วนดำก็มาถามว่าจะรับอะไร ดิฉันสั่งเส้นใหญ่น้ำ แกก็ผละไปปรุงก๋วยเตี๋ยว...เอ! ไม่ยักเก็บชามหรอกแฮะ คงเห็นลูกค้านั่งอยู่มั้ง?

ไม่ช้าก็ได้กินก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ่น มีเนื้อราว 4-5 ชิ้นกับน่องเป็ด 1 ขา ดิฉันสั่งกาแฟเย็น คนขายกำลังอุ้มเด็กอายุขวบเศษ หยอกล้อเล่นกับคนขายก๋วยเตี๋ยว ท่าทางไม่ค่อยสนใจลูกค้า...ดิฉันตักพริกน้ำส้ม น้ำตาลน้ำปลาปรุงเท่าไหร่ก็ไม่อร่อยถูกปากเอาเลย

ทันใดนั้น อาซิ้มผอมกงโก้ชุดดำ สารรูปบอกว่าเป็นคนจรจัด เดินจากในซอยผ่านด้านหลังอาแปะที่นั่งสูบบุหรี่เพลิน...หันไปยื่นมือพึมพำขอ เงิน!

ดิฉันทำเป็นคีบก๋วยเตี๋ยวใส่ปากไม่สนใจ...อาแปะชั่งใจเดี๋ยว หนึ่งก็ควักกระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบแบงก์ใบละ 20 บาทเก่าๆ ส่งให้ อาซิ้มคงดีใจที่ได้มากเกินคาดเลยรีบเดินผ่านไปทางวัด...ริมฟุตปาธมีกระถาง ต้นไม้วางขายหลายกระถางด้วยค่ะ

อ้าว? คนขายก๋วยเตี๋ยวมาเก็บชามเปล่าตรงหน้าอาแปะแล้ว เอาใส่กะละมังข้างแผงแล้วหันไปเล่นกับเด็ก ผลัดกันอุ้มกับสาวทอมขายกาแฟ

รถ ราเล่นขวักไขว่ บางทีก็ติดกันเป็นแพ สรรพสิ่งคึกคัก สับสน ดิฉันคิดว่าจะกินน่องเป็ดเพราะเสียดาย แล้วพอกันที จะเหลือครึ่งค่อนชามก็ช่างเพราะกินไม่ลงจริงๆ

อาแปะสูบบุหรี่มองสบตาดิฉันเป็นครั้งแรก...

ความ หนาวเย็นแล่นวูบเข้าจับหัวใจ ตะเกียบแทบหล่นจากมือเมื่อจำนัยน์ตาคู่นั้นได้แม่นยำ...นัยน์ตาดุดันของเจ้า ทั้งสี่องค์ที่ดิฉันฝันเห็นเมื่อตอนย่ำรุ่งนี่เอง!

ทันใดนั้นเสียง เด็กร้องไห้จ้า ดิฉันมองข้ามไหล่อาแปะไปก็เห็นเขาหัวเราะกัน...ขณะที่ผู้คนกับรถรา ขวักไขว่สับสนราวจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ดิฉันเย็นวาบไปที่แผ่นหลัง

ไม่ มีอาแปะที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงข้ามเสียแล้ว ราวกับแกละลายกลายเป็นอากาศธาตุไปต่อหน้าต่อตา รถเข็นผลไม้กำลังจะออกจากซอย สับปะรดเต็มเพียบ แม้ม่านตาจะพร่าพรายก็ยังมองเห็น รีบจ่ายเงินแล้ววิ่งไปซื้อสับปะรด 1 ลูกโดยไม่ถามราคาเลย...

คุณๆ ที่เคยบนบานศาลกล่าวไว้ที่ไหนอย่าลืมแก้บนเชียวนะคะ...ขนลุกค่ะ!

เรื่องเล่าจาก ข่าวสด

แผ่นดินไหวรุนแรง 8.7 ถล่มอิเหนา จับตาคลื่นยักษ์ก่อตัวในมหาสมุทรอินเดีย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 เมษายน 2555 15:56 น.
เอเอฟพี/เอเจนซี - เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.7 นอกชายฝั่งเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย วันนี้ (11) ทำให้ประชาชนในพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลหลายประเทศแตกตื่นอพยพหนีตาย ขณะที่ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิกประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์ในฝั่งมหาสมุทรอินเดียแล้ว

กรมสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ หรือยูเอสจีเอสระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความรุนแรงขนาด 8.7 เกิดขึ้นห่างจากจังหวัดบันดา อาเจะห์ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 500 กิโลเมตร ที่ความลึก 33 กิโลเมตร โดยปรับลดความรุนแรงลงจากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 8.9

ด้านสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติของอินโดนีเซียเผยว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.5 ในจังหวัดอาเจะห์ หลังแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งนี้ด้วย

ขณะที่แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้สามารถรับรู้ได้ในหลายประเทศ ทั้งสิงคโปร์ อินเดียตอนใต้ และไทย อีกทั้งยังมีการประกาศเตือนภัยสึนามิในอินเดีย บริเวณหมู่เกาะอันดามัน และนิโคบาร์ ศรีลังกา บริเวณชายฝั่งทางตะวันออก เช่นเดียวกับหลายจังหวัดทางภาคใต้ของไทย

ยิ่งไปกว่านั้น แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังเกิดใกล้เคียงกับพื้นที่เดียวกับแผ่นดินไหวระดับ 9.1 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี 2004 ซึ่งส่งคลื่นยักษ์ถล่มเกาะสุมาตรา คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 170,000 ราย จากยอดเหยื่อรวม 230,000 คนใน 13 ประเทศฝั่งมหาสมุทรอินเดีย

เริงรื่นชื่นฉ่ำ สนุกสนานกับ “ไฮไลต์สงกรานต์” ทั่วไทย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 เมษายน 2555 17:55 น.
เล่นน้ำอย่างสุภาพตามประเพณีไทย
       ผ่านปีใหม่สากลมาได้ไม่กี่เดือน พอย่างเข้าเดือนเมษายน ก็มาถึงวันขึ้นปีใหม่ไทยอีกครั้ง ซึ่ง “วันสงกรานต์” นั้น ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย ที่นอกจากจะได้เล่นน้ำให้ฉ่ำใจตามสมัยนิยมแล้ว ก็ยังนับว่าเป็นช่วงที่ครอบครัวกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ได้รดน้ำดำหัว ขอพรจากผู้ใหญ่ และรำลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับ
      
       สำหรับในปี 2555 นี้ วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันศุกร์ที่ 13 เมษายน 2555 เวลา 19.46 น.12 วินาที นางสงกรานต์ มีนามว่า “กิมิทาเทวี” ทรงพาหุรัด ทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ หัตถ์ขวาทรงขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จไสยาสน์ลืมเนตร (นอนลืมตา) มาเหนือหลังมหิงส์ (กระบือ) เป็นพาหนะ ทำนายว่า ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข
รดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่เอกลักษณ์อันดีงามในวันสงกรานต์
       เกณฑ์พิรุณศาสตร์ ปีนี้ พฤหัสบดี เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 500 ห่า ตกในเขาจักรวาล 200 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 150 ห่า ตกในมหาสมุทร 100 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 50 ห่า เกณฑ์ธาราธิคุณ ชื่อ วาโย (ธาตุลม) น้ำพอประมาณ พายุจัด เกณฑ์นาคราชให้น้ำ ปีมะโรง นาคราช ให้น้ำ 3 ตัว ทำนายว่า ฝนต้นปีมาก กลางปีงาม แต่ปลายปีน้อยแล เกณฑ์ธัญญาหารชื่อ วิบัติ ข้าวกล้าในไร่นา จะเกิด กิมิชาติ คือ มีด้วงแมลงรบกวน ข้าวกล้า จะได้ผล 1 ส่วน เสีย 5 ส่วน บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม จะฆ่าฟันกัน จะนิราชจากกัน จะฉิบหายเป็นอันมากแล
      
       และในช่วงสงกรานต์นี้ ก็ถือว่าเป็นเทศกาลท่องเที่ยวอีกช่วงหนึ่ง ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เสนอไฮไลต์สงกรานต์จากทั่วทุกภาคในประเทศไทย เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการไปสัมผัสประเพณีสงกรานต์จากแหล่งต่างๆ ได้แก่
ขบวนแห่สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ เชียงใหม่
       ภาคเหนือ
      
       เริ่มต้นที่ภาคเหนือ กับงานสงกรานต์ที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง คือ “ประเพณีสะรีปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 เม.ย.นี้ บริเวณทั่วเมืองเชียงใหม่ โดยมีกิจกรรมสำคัญ คือ การจัดขบวนแห่และสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม ขี่รถถีบกาลางจ้อง รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ ขนทรายเข้าวัด การแสดงพื้นเมือง การสาธิตศิลปะพื้นบ้าน การเล่นน้ำสงกรานต์ ปีใหม่เมืองรอบคูเมือง ถนนวัฒนธรรมคนเมืองอาหารนานาชาติ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-5324-8604, 0-5324-8607, 0-5330-2500
      
       และ “ประเพณีสงกรานต์ จ.สุโขทัย” ซึ่งมีหลากหลายงานที่น่าสนใจ เริ่มจาก “ประเพณีสรงน้ำโอยทานสงกรานต์ศรีสัชนาลัย” วันที่ 8-12 เม.ย. ณ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ร่วมบวงสรวงพระมหาธรรมราชาที่ 1 และบูรพกษัตริย์ พร้อมชมขบวนแห่งช้างพ่อเมืองและขบวนวัฒนธรรม “งานเที่ยวตลาดโบราณเล่นสงกรานต์” และ “งานย้อนอดีตมหาสงกรานต์กรุงเก่าสุโขทัย” วันที่ 13-15 เม.ย.ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ชมการแข่งขันก่อเจดีย์ทราย ขบวนล้อเกวียนโบราณ การประกวดเทพีสงกรานต์ และเที่ยวตลาดโบราณ “ประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮงสรงน้ำเจ้าหมื่นด้ง” วันที่ 17-19 เม.ย.ณ อนุสาวรีย์เจ้าพ่อหมื่นด้ง อ.ศรีสัชนาลัย ชมประเพณีแห่น้ำโดยขบวนช้างสวยงามกว่า 50 เชือก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-5561-6228-9, 0-5561-6366
การละเล่นสงกรานต์แบบสาวผู้ไท
       ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
      
       สำหรับที่ภาคอีสาน เริ่มที่ “สงกรานต์นครพนม-รื่นรมย์บุญปีใหม่ไทย-ลาว” ระหว่างวันที่ 11-15 เม.ย.นี้ ณ บริเวณถนนข้าวปุ้น เขื่อนหน้าเมือง เขตเทศบาลเมืองนครพนม และในเขตเทศบาลตำบลเรณู จ.นครพนม พบกิจกรรมตลาดโบราณ ตลาดเก่าท่าน้ำเมืองนคร การแสดงวัฒนธรรม การละเล่นพื้นบ้านชาวผู้ไท กิจกรรมวันผู้ไทโลก และการเล่นน้ำสงกรานต์บนถนนข้าวปุ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-4251-3490-1
สงกรานต์บนถนนข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น
       “ประเพณีสงกรานต์อีสาน เทศกาลดอกคูณ-เสียงแคน และถนนข้าวเหนียว” จัดขึ้นวันที่ 11-18 เม.ย.นี้ บริเวณถนนข้าวเหนียว อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีพิธีเปิดในวันที่ 11 เม.ย.และมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ พิธีทำบุญตักบาตรในช่วงเช้า ณ ลานน้ำพุบึงแก่นนคร ขบวนแห่บุปผชาติและแห่สงกรานต์ การเล่น Human Wave คลื่นมนุษย์บันทึกสถิติโลก รำวงย้อนยุค และวันข้าวเหนียวครอบครัวเดียวกัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-4324-4498-9
สรงน้ำหลวงพ่อพระใส จ.หนองคาย
       และงาน “มหาสงกรานต์อีสานหนองคาย” ระหว่างวันที่ 12-15 เม.ย.นี้ ณ บริเวณวัดโพธิ์ชัย และหาดจอมมณี อ.เมือง จ.หนองคาย ร่วมกิจกรรมรดน้ำดำหัว ทำบุญตักบาตร อัญเชิญหลวงพ่อพระใสสรงน้ำปิดทอง เวียนเทียนสมโภชน์หลวงพ่อพระใส ขบวนบุปผชาติ และประกวดเทพีสงกรานต์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-4232-5406-7
อุ้มสาวลงน้ำ หนึ่งในกิจกรรมสงกรานต์เกาะสีชัง
       ภาคตะวันออก
      
       ที่ จ.ชลบุรี มีเทศกาลสงกรานต์จัดขึ้นในหลายๆ แห่ง เริ่มที่ “งานนมัสการพระพุทธสิหิงค์และงานสงกรานต์ชลบุรี” วันที่ 11-19 เม.ย.ณ หอพระพุทธสิหิงค์ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี ร่วมนมัสการพระพุทธสิหิงค์ ขบวนแห่สงกรานต์ การแข่งขันกีฬาไทย “ประเพณีสงกรานต์เกาะสีชัง” วันที่ 13-19 เม.ย.ณ เกาะสีชัง เกาะขามใหญ่ อ.เกาะสีชัง ร่วมทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัว ก่อเจดีย์ทราย กีฬาพื้นบ้าน และอุ้มสาวลงน้ำ “งานก่อพระทรายวันไหลบางแสน” วันที่ 16-17 เม.ย.ณ ชายหาดบางแสน ร่วมทำบุญตักบาตร ประกวดพระทราย แข่งขันการละเล่นพื้นบ้าน และเล่นน้ำสงกรานต์วันไหล
ก่อพระทรายที่ชายหาดบางแสน
       “ประเพณีแห่พญายม” วันที่ 16-18 เม.ย.ณ ชายทะเลบางพระ อ.ศรีราชา ร่วมพิธีบวงสรวงพญายม ขบวนแห่พญายม และรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน และการแสดงแสงสีเสียง “ประเพณีวันไหลพัทยา-นาเกลือ” วันที่ 18-20 เม.ย.ณ ลานโพธิ์นาเกลือ ชายหาดพัทยา และวัดชัยมงคล ร่วมพิธีรดน้ำดำหัว ขบวนแห่พระพุทธรูป สรงน้ำพระ และเล่นน้ำวันไหลงานกองข้าว “งานสงกรานต์ศรีมหาราชาและงานกองข้าว” วันที่ 19-21 เม.ย.ณ สวนสุขภาพเทศบาลเมืองศรีราชา ร่วมขบวนแห่กองข้าว การละเล่นพื้นบ้าน รำวงย้อนยุค สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-3842-7667, 0-3842-8750, 0-3842-3990
ขบวนแห่พญายม ชายทะเลบางพระ
       ภาคใต้
      
       ส่วนที่ภาคใต้ ร่วมฟื้นฟูการท่องเที่ยวหาดใหญ่ในงาน “หาดใหญ่มิดไนท์สงกรานต์” จัดขึ้นวันที่ 11-13 เม.ย.นี้ ณ บริเวณสี่แยกโอเดี้ยน ถนนเสน่หานุสรณ์ ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ชมขบวนแห่งานเทศกาลหาดใหญ่มิดไนท์สงกรานต์ กิจกรรมทำบุญตักบาตร รดน้ำผู้สูงอายุ ขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ ประกวดเทพีสงกรานต์ ปาร์ตี้โฟม และการเล่นน้ำตลอดเส้นทาง โดยมีการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวจากหน่วยงานต่างๆ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-7424-3747, 0-7423-8518
วันไหลพัทยา-นาเกลือ
       งาน “Songkran On The Beach 2012” วันที่ 12-13 เม.ย.นี้ ณ ซอยบางลา หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต พบกิจกรรมขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์รอบหาดป่าตอง การรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ การแสดงทางวัฒนธรรม และการละเล่นแบบไทย การเล่นน้ำสงกรานต์หาดป่าตอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-7621-1036, 0-7621-2213
สนุกสนานกับปาร์ตี้โฟม
       นอกจากนี้ ยังมีงาน “เทศกาลมหาสงกรานต์แห่นางดานเมืองนคร” ระหว่างวันที่ 11-15 เม.ย.นี้ ณ สนามหน้าเมือง สวนศรีธรรมาโศกราช หอพระอิศวร จ.นครศรีธรรมราช กิจกรรมสำคัญ คือ พิธีแห่นางดานหนึ่งเดียวในสยาม นอกจากนี้ ยังมีมหกรรมขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง กิจกรรมนั่งรถชมเมือง เล่าเรื่องลิกอร์ การแสดง แสง สี เสียง ชุด “ศรีธรรมาโศกราช” สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-7534-6515-6
สรงน้ำพระริมทะเล ที่ชายหาดป่าตอง
       ภาคกลาง
      
       ปิดท้ายที่ภาคกลาง “ประเพณีสงกรานต์กรุงเก่า” จ.พระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.นี้ โดยในวันที่ 13 เม.ย.จัดขึ้นหน้าวิหารพระมงคลบพิตร มีพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงค์จำนวน 999 รูป ในเวลา 07.09 น.วันที่ 13-14 เม.ย.บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธรูปและพระนเรศวรมหาราช การแสดงดนตรีและเล่นน้ำสงกรานต์ และวันที่ 13-15 เม.ย.บริเวณหน้าสำนักงาน ททท.พระนครศรีอยุธยา ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์กรุงเก่ากับช้าง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-3524-6076-7
ขบวนแห่นางดานเมืองนคร
       “ประเพณีอัศจรรย์วันสงกรานต์” ระหว่างวันที่ 13-16 เม.ย.บริเวณคลองส่งน้ำชลประทาน ถ.เณรแก้ว ด้านทิศใต้ หน้าสถานีขนส่ง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ร่วมขบวนอันเชิญหลวงพ่อโตทองคำ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัด ขบวนบุปผชาติ แห่เทพีสงกรานต์ การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรม และร่วมกิจกรรมเส้นทางมหามงคล 5 กิโล สรงน้ำพระ 9 วักโบราณ ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-3553-6030, 0-3553-5789, 0-3553-6189
      
       “ประเพณีสงกรานต์พระประแดง” ระหว่างวันที่ 22-24 เม.ย.นี้ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอพระประแดง จ.สมุทรปราการ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ ขบวนแห่หงส์ธงตะขาบ ขบวนนางสงกรานต์ ขบวนรถบุปผชาติ การละเล่นสะบ้าของชาวไทยรามัญ การละเล่นพื้นบ้าน ประกวดหนุ่มลอยชาย และการเล่นน้ำสงกรานต์แบบชาวไทยรามัญ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-2250-5500
สงกรานต์กรุงเก่า หน้าวิหารพระมงคลบพิตร
       และที่ กรุงเทพมหานคร ก็มีการจัดงาน “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” ระหว่างวันที่ 11-16 เม.ย.นี้ ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรวิหาร (วัดโพธิ์) บริเวณ 9 พระอารามหลวง และพื้นที่รอบเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ มีกิจกรรมจำลองงานสงกรานต์ 4 ภาค กิจกรรมสรงน้ำพระ สาธิตการทำอาหารพื้นบ้านและการแสดงทางวัฒนธรรม (เวลา 10.00-20.00 น.ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ) นอกจากนี้ ทาง ททท.ยังจัดกิจกรรม “สงกรานต์ไหว้พระ 9 วัด” ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 11-16 เม.ย. โดยมี 3 กิจกรรม คือ ไหว้พระ 9 วัด พระอารามหลวง, ไหว้พระ 9 วัดประจำรัชกาล และ ไหว้พระ 9 วัดล่องแม่น้ำเจ้าพระยา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-2250-5500 ต่อ 3470-3
ชื่นฉ่ำเล่นน้ำกับช้างอยุธยา
       ทั้งหมดนี้คือ ไฮไลต์สงกรานต์ทั่วประเทศไทย ที่สามารถไปเข้าร่วมกันได้ตามสะดวก แต่นอกจากนี้แล้ว ในพื้นที่อื่นๆ ก็ยังมีการจัดเทศกาลสงกรานต์ท้องถิ่น สงกรานต์พื้นบ้าน เพื่อฉลองการย่างก้าวเข้าสู่ปีใหม่ไทย เปิดให้เล่นน้ำคลายร้อนกัน และยังเป็นการร่วมสืบสารประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยต่อไป