สาว ๆ ฟังไว้ น้ำอัดลม 1 ขวด ต้องวิ่งเบิร์นถึง 50 นาที

Lisa 






ผลวิจัยเผย น้ำอัดลม 1 ขวด = วิ่ง 50 นาที

เล่น เอาสาว ๆ ที่กลัวอ้วนไม่กล้าดื่มน้ำอัดลมกันไปเลยล่ะสิ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ การศึกษาตีพิมพ์ใน American Journal of Public Health เปิดเผยว่า คนเรามักจะประเมินแคลอรีที่ตัวเองกินเข้าไปผิดพลาด และแทนที่อาหารจะติดฉลากอาหารว่ามีแคลอรีเท่าไหร่นั้น ฉลากที่เขียนว่าต้องวิ่งเพื่อเบิร์นพลังงานกี่นาทีจะได้ผลดีมากกว่า

งานวิจัยค้นพบว่า วัยรุ่นกว่าครึ่งรู้สึกไม่อยากดื่มน้ำอัดลม หากได้เห็นฉลากเตือนว่า จะต้องออกกำลังกายด้วยการวิ่ง 1 ชั่วโมงต่อการดื่มน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋อง โดย ดร.ซาราห์ เบลช ผู้นำการวิจัยกล่าวว่า ผู้คนทั่วไปมักประเมินจำนวนแคลอรีที่ได้รับจากอาหารขยะต่ำไป แต่การเปรียบเทียบปริมานแคลอรีจากอาหารเป็นการออกกำลังกาย จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจง่ายขึ้น เช่น เปรียบจำนวนแคลอรีจากน้ำหวานเท่ากับการวิ่งกี่นาที

นักวิจัยจาก Johns Hopkin’s Bloomberg School of Public Health ชี้ว่า แม้น้ำอัดลมจะมีแคลอรีสูง แต่ก็มีสารอาหารเป็นศูนย์ ดังนั้น สำหรับคนหนัก 55 กิโลกรัม อาจต้องใช้เวลาวิ่งถึง 50 นาทีในการเบิร์นน้ำอัดลม 20 ออนซ์ ส่วนคนหนัก 75 กิโลกรัมก็อาจต้องใช้เวลาถึง 40 นาที

...ไม่อยากคิดเลยว่าคนดื่มน้ำอัดลมทั้งวัน จะต้องวิ่งกี่ชั่วโมงกว่าจะเบิร์นหมด


Lisa 

อินไซด์ "สาว 30+" วัยที่ชีวิตสุดเฟอร์เฟกต์

credit มติชน






เมื่อก่อน เลข 3 เป็นเลขอายุที่สาวๆ หลายคนขยาด แต่เมื่ออะไรๆ เปลี่ยนไป เลข 3 กลายเป็นเลขที่ผู้หญิงหลายคนภูมิอกภูมิใจเพราะ
วัย 30+ นี่แหละ เป็นวัยที่ชีวิตกำลังประสบความสำเร็จ ทุกอย่างเฟอร์เฟกต์
ทั้งหน้าที่การงานที่มั่นคง ความมีเหตุผลทางอารมณ์ และการตัดสินใจที่ดีขึ้น


ยืนยันได้จากการสำรวจ "อยากเป็นแบบไหน? ในวัย 30+ ยังแจ๋ว"
ของ
สถาบันวิจัยพอนด์ส ร่วมกับบริษัท อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ จำกัด
สำรวจความคิดเห็นของผู้หญิงอายุ 28-41 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 50 คน

โดยสาวๆ
แสดงความเห็นในข้อความเปลี่ยน แปลง เลิศเลอเพอร์เฟกต์ ที่สุดในวัย 30+
อันดับหนึ่งร้อยละ 34 สาวๆ บอกว่าเธอมีเหตุผลมากขึ้น รองลงมาร้อยละ 28
เธอบอกว่าชีวิตเฟอร์เฟกต์และการงานก็กำลังรุ่ง สุดท้ายร้อยละ 24
ทุกคนเทคะแนนให้กับความมั่นใจที่มีมากขึ้นถึงร้อยละ 24

ส่วนของขวัญที่สาววัยนี้อยากได้มากที่สุด อันดับแรกก็คงหนีไม่พ้นเรื่องสวยๆ งามๆ
ร้อยละ 34 อยากให้หน้าเด็กเสมอเหมือนสมัยเรียนหนังสือ และร้อยละ 20
อยากได้ของ แบรนด์เนม เช่น กระเป๋าชาแนล หลุยส์ วิตตอง
และเครื่องประดับเพชรหรือสร้อยทองหรูๆ สำหรับหนุ่มโสดในฝันของสาววัยนี้
มาแรงอันดับหนึ่ง ร้อยละ 62 ให้ความสำคัญกับผู้ชายที่จิตใจ ชอบผู้ชายอบอุ่น
ใจดี ร้อยละ 26 อยากให้เป็นสปอตแมน ปกป้องพวกเธอได้ มีเพียงร้อยละ 12
เท่านั้นที่ชอบผู้ชาย หล่อ รวย เทกแคร์เก่ง

จากผลสำรวจเห็นได้ว่า สาววัย 30 มีความกังวลเรื่องหน้าที่การงาน และชีวิตรักในระดับที่น้อยมาก

สาววัย 30 กะรัตอย่าง วันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์
เผยว่า ในวัย 30 ปี สิ่งที่ภูมิใจมากที่สุดคือมีครอบครัวที่สม บูรณ์
การงานก็มั่นคงทุกๆ อย่างในชีวิตลงตัวแบบสมบูรณ์แบบ
สุขภาพก็แข็งแรงชีวิตก็มีความสุขมาก

ส่วน แพร วัชราภัย บอก
เสริมอีกว่า ในวัยนี้หน้าที่การงานเริ่มคงที่
ได้เรียนรู้ที่จะยืนและใช้ชีวิตด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกอย่างเต็มตัว
ส่วนของขวัญฉลองปี 2012
ของแพรในเมื่อทุกอย่างมันลงตัวแล้วจึงทำให้ไม่อยากได้อะไรเท่าไหร่
แต่สิ่งที่ขออยู่ทุกวันตั้งแต่เด็กจนโตคือ
ขอเป็นผู้หญิงที่มีผิวพรรณสวยตลอดไป

อย่างไรก็ตาม
ก็ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพที่สาววัยนี้กังวล อันดับหนึ่งร้อยละ 42
ก็ต้องยกให้เรื่องของหุ่นที่ไม่เฟิร์มเหมือนตอนสาวๆ รองลงมาร้อยละ 22
ผู้หญิงวัย 30+ กังวลเรื่องผิวพรรณ และกลัวถูกทักว่าหน้าแก่ และอีกร้อยละ
20 กลัวสุขภาพทรุดโทรม

ดร.พักตร์พิไล ทวีสิน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยของผิวพรรณ บอกว่า ย่างเข้าวัย
30+ สาวๆ ควรต้องยิ่งดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีกว่าเดิม
โดยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณที่บำรุงลึกถึงระดับเซลล์ผิวเป็นประจำ
เพื่อแก้ปัญหา ริ้วรอยแห่งวัยของสาววัย 30+ อย่างตรงจุด
พร้อมกับใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ และนอนหลับให้เพียงพอ
จะสามารถช่วยชะลอความเยาว์วัยของอายุได้ถึง 3-6 ปี
ควบคู่กับการหลีกเลี่ยงการใช้สารเพิ่มฮอร์โมนและไม่สูบบุหรี่
จะส่งผลให้สาวๆ ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้เฉลี่ย 1-2 ปี

สาวคนไหนที่เคยกลัวเลข 3 ลองสำรวจตัวเอง แล้วจะรู้ว่า ..อายุเป็นเพียงตัวเลข


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

วิธีง่าย ๆ เพื่อเช้าวันใหม่ที่สดชื่น

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ตื่นเช้า




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เชื่อ
ว่าหลาย ๆ คนคงเกลียดการตื่นเช้า
เพราะการผละจากเตียงนุ่มสบายเพื่อแต่งตัวไปโรงเรียนหรือทำงานนั้นไม่ใช่
เรื่องง่าย ๆ เลย แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณรู้วิธีตื่่นที่ถูกต้อง
เช้าวันใหม่ของคุณจะสดชื่นขึ้นอย่างแน่นอน


1. เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนเข้านอน

        
เตรียมอุปกรณ์ที่คุณต้องใช้พรุ่งนี้ให้พร้อมก่อนเข้านอน
ถ้าคิดว่าพรุ่งนี้จะใส่ชุดไหนก็เอาออกมาแขวนไว้ในที่ ๆ มองเห็น
รวมทั้งเอกสารที่ต้องเอาไปก็ควรจะวางอยู่ใกล้ ๆ กัน
คุณจะได้ไม่ต้องมารีบเร่งตอนเช้า ทำให้รู้สึกสดชื่นแจ่มใสขึ้นเยอะ

2. นอนให้เร็วขึ้น

        
ถ้าได้นอนเต็มอิ่มก็จะทำให้รู้สึกเพลียน้อยลง
ถ้าคุณกลัวว่าจะดูโทรทัศน์หรือเล่นอินเทอร์เน็ตเพลินจนลืมเวลานอน
จะลองตั้งนาฬิกาเตือนตัวเองดูก็ได้

3. อย่ากินเยอะก่อนเข้านอน

        
ถ้ารู้สึกหิวมากจริง ๆ ควรกินขนมทานเล่นหรือผลไม้ชิ้นเล็ก ๆ แทนจะดีกว่า
เพราะการกินก่อนจะเข้านอนทันที นอกจากจะทำให้กระเพาะทำงานหนักแล้ว
ยังทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นอีกด้วย

4. เขียนแพลนของวันพรุ่งนี้ไว้ล่วงหน้า

        
การเขียนแพลนไว้ล่วงหน้าแบบนี้จะทำให้คุณมีความกระตือรือร้นมากขึ้น
เพราะมันช่วยเตือนให้คุณรู้ว่าวันพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นไปทำอะไรบ้าง

5. รู้จักจัดลำดับความสำคัญ

        
ตอนที่เขียนแพลนควรใส่เรื่องสำคัญ ๆ
หรือเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีมาเป็นอันดับแรก
จะช่วยทำให้วันต่อไปน่าสนใจมากขึ้น
และทำให้คุณรู้สึกมีกำลังใจที่จะตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่

6. ตื่นทันทีที่นาฬิกาปลุกดัง

        
การกดปิดนาฬิกาและนอนต่ออีก 5 นาทีไม่ได้ทำให้คุณเพลียน้อยลง
มีแต่จะทำให้คุณไปสาย และทำให้เช้าวันใหม่ยุ่งยากกว่าเดิมเสียเปล่า ๆ
เพราะฉะนั้นเวลานาฬิกาปลุกดังควรกดปิดมันแล้วลุกขึ้นจากเตียงทันที

          อ่าน
จบกันแล้วก็ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดู
เผื่อว่าจะช่วยทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นทุกครั้งที่ตื่นนอน
จะได้เตรียมตัวรับเช้าวันใหม่ได้สดใสมากกว่าเดิมยังไงล่ะจ๊ะ
 

"การออกกำลังกาย" ที่เหมาะสมตาม "อายุ"

ที่มา thaiza.com 
ด้วยวัยที่ต่างกัน สภาพร่างกายก็ย่อมแตกต่างกัน การออกกำลังกายที่เหมาะสมก็ต้องเหมาะกับวัยต่างๆ มิฉะนั้นก็อาจเกิดโทษได้

วัยเด็ก

เด็กๆ ก่อนวัยอนุบาล ควรปล่อยให้เล่นตามใจชอบ การวิ่ง กระโดด ปีนป่ายเป็นวิธีของธรรมชาติสำหรับส่งเสริมการเติบโต ผู้ใหญ่คอยแต่ระวังป้องกันอันตราย เด็กที่ไม่ชอบเล่นควรกระตุ้นและชักจูงให้ออกกำลังบ่อยๆ จนเปลี่ยนนิสัยได้
ในวัยอนุบาลเด็กๆ ควรหัดท่ากายบริหารง่ายๆ อาจจัดในรูปของการฟ้อนรำหรือการเล่นสนุก การปีนป่ายเป็นเรื่องของธรรมชาติและมีประโยชน์ ควรระวังเพียงไม่ให้กระทำอย่างเสี่ยงอันตราย การออกกำลังหนักยังไม่ควรให้ทำเพราะหัวใจยังเจริญไม่เต็มที่ ควรปล่อยให้วิ่งเล่นตามใจโดยไม่พยายามบีบบังคับ การพักผ่อนภายหลังเล่นควรจะกำหนดให้พอเพียงเสมอ
เด็กในวัยประถม (อายุ ๗-๑๒ ปี) ควรมีเวลาเรียนพลศึกษาสัปดาห์ละ ๒-๓ ชั่วโมง และเล่นกีฬาที่ยากขึ้นเป็นลำดับ ให้เหมาะกับสภาพของสมองและร่างกาย การวิ่งและกระโดดช่วยเสริมการเติบโตและทำให้ความอดทนดีขึ้นเรื่อยๆ ในวัยนี้ยังไม่ต้องแยกเด็กชายกับเด็กหญิง แต่ต้องระวังการเล่นหนักเกินไปและต้องแน่ใจว่าได้รับอาหารและการพักผ่อน เพียงพอ
เด็กในวัยมัธยม (อายุ ๑๓ ปีขึ้นไป) ควรแยกระหว่างหญิงกับชาย เพราะความแตกต่างระหว่างเพศเริ่มปรากฏชัดเจน เด็กหญิงควรให้เล่นกีฬาที่ส่งเสริมทรวดทรงให้สวยงาม การเคลื่อนไหวนุ่มนวลชดช้อยนาฎศิลป์ (ซึ่งเป็นการออกกำลังแบบหนึ่ง) ของไทยเรามีประโยชน์ในเรื่องนี้ไม่แพ้การเต้นรำปลายเท้าหรือบัลเล่ต์ของ ฝรั่ง กีฬาของเด็กชายบางอย่างก็ใช้ได้สำหรับเด็กหญิง แต่บางอย่างก็ไม่เหมาะสม เช่น ตะกร้อฟุตบอล ซึ่งนอกจากไม่เหมาะในเรื่องความงดงามทางจิตใจแล้ว ยังอาจทำอันตรายต่อสุขภาพด้วย สำหรับเด็กชายในวัยนี้กล่าวโดยสรุปว่าเล่นได้เหมือนผู้ใหญ่เว้นแต่ ต้องลดความหนักและรุนแรงลงบ้าง ต้องระวังการตกจากที่สูงและหกล้มรุนแรง เพราะอาจทำอันตรายต่อแนวงอกของกระดูก ทำให้การเติบโตชะงักงัน

วัยหนุ่มสาว (อายุ ๑๘-๒๕ ปี)

ระยะนี้เป็นเวลาที่สมรรถภาพทางกายดีที่สุด การออกกำลังกายจะใช้วิธีใดก็ได้ทั้งนั้น แต่พึงระวังไม่ให้หนักหรือมากเกินสมควร ในปัจจุบันนี้มีความโน้มเอียงที่ผู้หญิงจะทำตนเสมอกับผู้ชาย ในเรื่องอื่นๆ เป็นการสมควรอยู่ แต่ในเรื่องการกีฬาหรือออกกำลังกายเป็นการไม่สมควรเพราะธรรมชาติสร้าง ผู้หญิงมาเป็น "แม่" มีความอ่อนหวานนุ่มนวล จิตใจอ่อนโยน ส่วนผู้ชายนั้นเป็น "พ่อ" ผู้ต้องหาอาหารและปกป้องครอบครัว ร่างกายบึกบึนและมีจิตใจเข้มแข็ง องอาจ การที่ผู้หญิงจะเล่นกีฬาเหมือนผู้ชายไปเสียทั้งหมด นอกจากขัดกับประเพณีนิยม ยังอาจมีผลร้ายต่อร่างกายเนื่องจากความรุนแรง ความหนัก หรือการเคลื่อนไหวที่ไม่เหมาะและผลทางใจอีกด้วย

วัยผู้ใหญ่หรือวัยฉกรรจ์ (อายุ ๒๖-๓๕ หรือ ๔๐ ปี)

ในครึ่งระยะเวลาแรกร่างกายกำลังแข็งแกร่งเต็มที่ พ้นจากนั้นแล้วก็เริ่มเสื่อม ในระยะแข็งแกร่งจะเล่นกีฬาอะไรก็ได้ รวมทั้งกีฬาแข่งขันต่างๆ แต่ใน ระยะหลังต้องลดความหนักลงและงดการแข่งขันในประเภทหนักมากๆ

วัยกลางคน (อายุ ๓๕ หรือ ๔๐-๕๕ ปี)

ในวัยนี้กำลังความคิดขึ้นสูงเต็มที่ แต่กำลังกายและสมรรถภาพทางกายลดลงเรื่อยๆ ผู้ที่เคยออกกำลังมาก่อนแล้วพึงระลึกถึงความจริงข้อนี้ มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายเนื่องจากออกกำลังหนักเกินไป เพราะคิดว่ายังแข็งแรงเช่นแต่ก่อน

วัยสูงอายุ (อายุ ๕๕ ปีขึ้นไป)

เมื่ออายุย่างเข้าขั้นนี้ความตกต่ำของร่างกายมักปรากฏชัดเจน แต่ก็ยังออกกำลังได้ และจำเป็นต้องออกกำลัง เพื่อรักษาสภาพและ "ชะลอชรา" การออกกำลังและการกีฬาของคนปูนนี้จำเป็นต้องกำหนดเป็นพิเศษ ให้เหมาะกับความเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้นในร่างกาย มีข้อที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ
(1 หลีกเลี่ยงการออกกำลังที่มีการแบ่งหรือออกแรงหนักอย่างกะทันหัน เช่น ยกน้ำหนัก กระโดด ฯลฯ
(2 หลีกเลี่ยงการแข่งขันแม้แต่ฉันมิตร (ยกเว้นผู้ที่เคยแข่งขันติดต่อมาตั้งแต่ยังหนุ่ม)
(3 หลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องใช้ความเร็วสูง
(4 หลีกเลี่ยงการออกกำลังที่หนักและติดต่อไปเป็นเวลานาน

ปลาเค็มผัดไข่หมูสับ ข้าวต้มรุ่งโรจน์ บางโพ

credit tangmo_tsu bloggang.com
ร้านข้าวต้มเก่าแก่ย่านบางโพ ต้องยกให้ร้านข้าวต้มรุ่งโรจน์ เปิดให้บริการมากว่า 30 ปี

รุ่งโรจน์ จารีตนิเวศน์ เจ้าของร้านและต้นตำรับข้าวต้มลือชื่อ กล่าวว่า ข้าวต้มของทางร้าน มีทั้ง ต้ม ผัด แกง และทอด เน้นวัตถุดิบสดใหม่วันต่อวัน และต้องคัดคุณภาพเกรดเอ ทุกอย่างเน้นคุณภาพของวัตถุดิบ เพื่อประโยชน์ของลูกค้า ที่เข้ามากินอาหารที่ร้าน

คุณรุ่งโรจน์จ่าย ตลาดเองทุกวัน เพื่อจะได้คัดเลือกวัตถุดิบที่ต้องการ โดยพ่อค้าแม่ค้าก็เป็นเจ้าประจำที่ค้าขายกันมาตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน จนทำให้รู้ใจกันว่าควรที่จะนำวัตถุดิบอย่างไรมาขายตนถึงซื้อ หากไม่ได้คุณภาพก็จะไม่ซื้อมาให้เสียชื่ออย่างเด็ดขาด

อาหารของทาง ร้านมีหลายอย่าง แต่ที่นิยมกันแทบทุกโต๊ะ ที่เข้ามานั่งกินที่ร้านคือ ?ปลาเค็มผัดไข่หมูสับ? เป็นอาหารที่เข้ากันอย่างลงตัวด้วยวัตถุดิบ ใช้หมูสับตัดความเค็มของเนื้อปลาอินทรีเค็ม แล้วเพิ่มความหอมมันด้วยไข่ไก่ ผัดจนเข้ากันแล้วจึงปรุงรสชาติอาหารอีกเล็กน้อย จะได้เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน เป็นเมนูดูเหมือนธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดาเลยทีเดียว 1 จาน กินได้ 2-3 คน



?ปลา ดุกกรอบผัดพริกสด? เมนูประจำของทางร้านที่คุณรุ่งโรจน์ได้คิดเมนูเด็ดนี้ขึ้นมา จนเป็นอาหารประจำร้าน สำหรับเนื้อปลาดุกจะไม่ใช้ ปลาดุกสด แต่ใช้ปลาดุกย่าง นำมาสับแบบหยาบๆ ทั้งตัว ไม่ใช้ส่วนหัวปลา หลังจากนั้นนำไปทอดจนเนื้อปลาเหลืองกรอบ ก่อนที่จะนำไปผัดกับกระเทียมพริกขี้หนูสด ปรุงรสชาติตามสูตรของทางร้าน 1 จาน กินได้ 2-3 คน

เมนูที่ทุกคนต้องบอกเป็นสียงเดียวกันเลยว่าร้าน ข้าวต้มมีทุกร้าน คือผัดผักบุ้งจีนไฟแดง แต่ที่ร้านนี้นอกจากรสชาติอาหารที่ไม่ธรรมดาแล้ว การจัดเรียงผักบุ้งจีนไฟแดงหลังจากผัดแล้ว เรียงได้อย่างเป็นระเบียบ สวยงามน่ากิน ถือว่าเป็นเคล็ดลับที่สามารถดึงดูดใจลูกค้า ที่มานั่งกินอาหารต้องสั่งเมนูนี้ทุกโต๊ะเลยก็ว่าได้ 1 จาน กินได้ 2-3 คน

?ต้ม จืดบ๊วยหมูสับ? เป็นสูตรเฉพาะของทางร้านอาหาร ไม่แพ้เมนูอื่นๆ โดยเป็นสูตรจีนโบราณ ถ่ายทอดมาจากเจ้าของต้นตำรับชาวจีน ต้มกับเครื่องปรุงรสสูตรของทางร้าน ใส่หมูสับที่หมักเครื่องปรุงรสชาติกลมกล่อม อัดแน่นอยู่ในถ้วยเสิร์ฟ โรยด้วยต้นหอมหั่นเป็นท่อนๆ รสชาติน้ำซุปจะหอม เปรี้ยวน้ำบ๊วยเล็กน้อย ตัดด้วยความหวานนุ่มของหมูสับ กินแล้วรู้สึกเลยว่าชุ่มคอ 1 ถ้วย กินได้ 3-4 คน

?ต้มยำน้ำใสไก่? จัดจ้านด้วยเครื่องต้มยำ ขิง ข่า ตะไคร้ แล้วปรุงรสด้วยน้ำมะนาวแท้ น้ำปลา พริกขี้หนูบุบพอแตก หากต้องการรสชาติจัดจ้านมากน้อยเพียงใด สามารถบอกกับทางร้านได้เลย ทางร้านเสิร์ฟในหม้อไฟที่ร้อนตลอดเวลา ก่อนเสิร์ฟโรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งซอย 1 หม้อ กินได้ 3-4 คน

คุณรุ่งโรจน์ฝากบอกว่า มากินอาหารที่ร้านต้องใจเย็น เพราะพ่อครัวมีเพียง 2 คนเท่านั้น

ร้าน ตั้งอยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย 1 ปากซอยประชาราษฎร์ 26 หยุดทุกวันที่ 20 ของเดือน สอบถามเส้นทางหรือรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-2585-5987

เด็ดสะระตี่ 15 ร้านมีเส้น

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
บะหมี่เกี๊ยวหรูหราก้ามปูอันน่ากินของร้าน "โอเดียน"
วันเวลาผ่านพ้นไปรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวห้วงเวลาแห่งปีเก่าก็พ้นผ่านไปแล้ว ก้าวเข้าสู่ "ปีใหม่ 2009" ซึ่งพอปีใหม่มาถึงหลายๆ คนคงจะไปเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุขกันเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามในปีวัวที่มาถึงนี้ ถือว่าเป็นปีที่เราทุกคนต่างจะต้องช่วยกันทำดี ทำให้ประเทศชาติของเราสามัคคี และรู้จักประหยัดอดออม พอเพียงกับเรื่องของการใช้จ่ายกันมากขึ้นสักหน่อย เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว
นั่งกินก๋วยเตี๋ยวในบรรยากาศสบายๆ ที่ "บะหมี่มังกรคู่ (ซังเล้ง)"
ดังนั้นเรื่องของการใช้จ่ายทั้งอุปโภคและบริโภค หากช่วยกันประหยัดก็จะเป็นการดี ฉะนั้นในปีใหม่นี้เราจึงอยากจะชวนทุคนไปฉลองแบบอิ่มท้องและประหยัดเงินกัน โดยเรามีร้านอาหารจากคอลัมน์ "ผ่านมาแวะกิน" มานำเสนอ โดยขอคัดเลือกเอาร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด และอีกหลายร้านอาหารที่ขายเมนูจานเส้นมาแนะนำ ซึ่งล้วนแล้วแต่ชวนกินทั้งนั้น ซึ่งจะมีร้านไหนและเมนูอะไรบ้างนั้น เชิญทัศนากันได้ตามสบาย
บะหมี่เกี๊ยวหมูทอด(บน)เกี๊ยวกุ้งหมูรวม(ล่าง) จากร้าน "บะหมี่มังกรคู่ (ซังเล้ง)"
รวมเด็ดร้านก๋วยเตี๋ยว

"โอเดียน"
ร้านนี้โด่งดังในเรื่องบะหมี่เกี๊ยวปู ที่มีก้ามปูทะเลแท้ๆ ก้ามโตๆ ให้เลือกกินกันอย่างจุใจ ใส่มาแบบก้ามใหญ่ๆ ไม่ใช่เศษเนื้อปูหรือวิญญาณปูแบบบะหมี่ปูบางร้าน อีกทั้งบะหมี่ของที่นี่ก็ทำเองเส้นเล็กเหนียวนุ่มกินเข้ากันกับปูสดเนื้อ แน่นหวาน ส่วนเกี๊ยวนั้นก็เป็นเกี๊ยวกุ้งลูกโตรสกลมกล่อม และนอกจากบะหมี่เกี๊ยวปูแล้ว ก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนกินอีก ไม่ว่าจะเป็น บะหมี่เกี๊ยวกุ้งหมูแดง บะหมี่เกี๊ยวหน้าไก่ ข้าวผัดปู หอยจ้อปู ข้าวหน้าไก่ ขนมจีบกุ้งสด กระเพาะปลาน้ำแดง ร้านตั้งอยู่ตรงวงเวียนโอเดียน (ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ) เยื้องรพ.เทียนฟ้า ข้างประตูเล็กวัดไตรมิตร เปิดทุกวัน (หยุดทุกวันอังคารสุดท้ายของเดือน) เวลา 08.30-21.00 น. โทร. 08-6888-2341, 08-4703-4042
อิ่มกับบะหมี่ที่ร้าน "บะหมี่จับกัง" แถวตั้งฮั่วเส็ง
"บะหมี่มังกรคู่ (ซังเล้ง)" เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดที่ถ้าใครผ่านมาแถว ม.หอการค้าไทย ไม่ควรพลาดแวะมาฝากท้องอิ่มกับก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด ที่มีให้เลือกกินอย่างหลากหลาย อย่างบะหมี่เกี๊ยวหมูทอด เมนูแปลกไม่เหมือนร้านไหน มีบะหมี่ที่ทางร้านทำเองเส้นเล็กเหนียวนุ่ม มาพร้อมกับหมูชุปแป้งทอดกรอบนอกนุ่มใน หรือจะลิ้มรส เมนูอื่นๆ ก็ชวนกินไม่แพ้กัน อาทิ บะหมี่หมูแดง บะหมี่เกี๊ยวต้มยำ เส้นเล็กต้มยำพริกเผา ข้าวหมูแดงหมูกรอบ ข้าวหมูทอด+ซุปกระดูกหมู ร้านตั้งอยู่ซ.วิภาวดีรังสิต 2 (ซ.หน้าม.หอการค้าไทย) ดินแดง กรุงเทพฯ ร้านบะหมี่มังกรคู่(ซังเล้ง)อยู่ทางขวามือติดกับร้าน 7/11 เปิดทุกวัน เว้นวันอาทิตย์ เวลา 07.00-19.00 น. โทร.08-1116-6886, 08-1777-6996

เย็นตาโฟน้ำและเย็นตาโฟเส้นใหญ่แห้งจากร้าน "เย็นตาโฟปักกิ่ง"
"ก๋วยเตี๋ยวชาติหน้า" เห็นชื่อแล้วอย่าเพิ่งตกใจว่าจะชวนไปกินกันชาติหน้า ขอบอกว่ากินกันที่ชาตินี้แหละ เพราะที่จริงแล้วก๋วยเตี๋ยวชาติหน้าร้านนี้ ก็คือร้าน"ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ เย็นตาโฟ" รสเด็ดอันเลื่องชื่อแถวม.หอการค้าไทย ที่เหล่านักศึกษาและลูกค้าเขาตั้งให้ เพราะบ่อยครั้งเวลามากินก๋วยเตี๋ยวที่นี่ ต้องรอนานเพราะร้านมีลูกค้าเยอะ สำหรับก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดที่ชวนชิมของที่นี่มีมากมาย อาทิ เส้นเล็กต้มยำ เกี้ยมอี๋ต้มยำเย็นตาโฟ เซี่ยงไฮ้ไข่มุกหมูแดงต้มยำน้ำข้น บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงต้มยำ ต้มยำลูกชิ้นทะเล หมี่หยกเกี๊ยวต้มยำ เย็นตาโฟน้ำ-แห้ง ต้มยำเครื่องเย็นตาโฟ และอีกสารพัดเมนูชวนกินซึ่งแต่ละเดือนทางร้านจะคิดค้นหาเมนูใหม่ๆมากำนัลแด่ ลูกค้า ร้านตั้งอยู่ที่ซอยวิภาวดีรังสิต 2 ดินแดง กรุงเทพฯ หรือซอย ม.หอการค้าไทย เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ (จะเปิดจันทร์เว้นจันทร์) เวลา 08.00-19.00 น.โทร.08-1570-4299
"ก๋วยเตี๋ยวชาติหน้า" ก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดขายอยู่ที่ข้างม.หอการค้าไทย
"บะหมี่จับกัง" ข้างตั้งฮั่วเส็ง ร้านนี้เหมาะมากสำหรับนักกินที่ชอบแบบอิ่มท้องคุ้มค่ากับเงินในกระเป๋าอัน น้อยนิด เพราะร้านบะหมี่จับกัง ที่ร้านนี้เขาจะขายก๋วยเตี๋ยวแบบให้ปริมาณเยอะเป็นพิเศษ คือให้เส้นเยอะกว่าปกติที่เขาขายกันแบบว่าสั่งมาชามเดียวก็เล่นเอาอิ่มแปล้ เลย และเมนูก๋วยเตี๋ยวอันชวนลิ้มรสของที่นี่ก็มี บะหมี่แห้ง ที่ให้บะหมี่ถึง 3 ก้อน คลุกเคล้าปรุงรสใส่แต่หมูแดงที่ทางร้านทำเอง และพิเศษตรงที่มีน้ำหมูแดงจากหมูที่อบราดมาในชามด้วย แล้วถ้าสั่งแบบแห้งทางร้านจะมีน้ำซุปกระดูกหมูเสิร์ฟมาให้ซดน้ำแก้ฝืดคอด้วย และเมนูอื่นก็มี บะหมี่น้ำ บะหมี่เกี๊ยวน้ำ เกี๊ยวแห้ง เกี๊ยวน้ำ ร้านตั้งอยู่ที่ 293 ถ.สิรินธร แขวงบางบำรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ด้านข้างห้างตั้งฮั่วเส็ง เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. โทร.08-7999-6533
บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงต้มยำและเกี้ยมอี๋ต้มยำเย็นตาโฟจากร้าน "ก๋วยเตี๋ยวชาติหน้า"
"เย็นตาโฟปักกิ่ง" แค่ชื่อร้านก็บอกได้แล้วว่าถ้ามาที่ร้านนี้ก็จะได้ลิ้มรสกับก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟรสเด็ด ที่ถือว่าเป็นสูตรมาจากปักกิ่งเลยทีเดียว ที่นี่ขายแต่เย็นตาโฟอย่างเดียว เย็นตาโฟของร้านนี้มีเครื่องมากมาย มีทั้งลูกชิ้นปลาที่ทางร้านทำเอง ฮือก๊วย ลูกชิ้นแบนที่มีเห็ดหอมด้วย ปลาหมึกกรอบ เลือด เต้าหู้ เกี๊ยวทอด มีเผือกทอดกรอบใส่มาด้วย และความพิเศษของเย็นตาโฟร้านนี้ก็อยู่ตรงที่ซอสเย็นตาโฟ ที่เน้นใช้เต้าหู้ยี้นำมาปรุงรสชาติและใส่พริกขี้หนูสวนบดลงไป เคี่ยวจนได้ที่เป็นซอสเย็นตาโฟที่มีความเข้มข้น สีสันสวยโดยไม่ได้ใส่สีผสมอาหาร มากินเย็นตาโฟที่ร้านนี้จะสั่งแบบน้ำหรือแบบแห้งก็สั่งได้ตามใจชอบ ร้านตั้งอยู่ที่ 25/47 ถ. บางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. จุดสังเกตอยู่ตรงข้ามกับวัดศรีสุดาราม เปิดทุกวัน เวลา 08.00-15.00 น. โทร. 0-2424-9489
ร้าน "ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด" มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรมะนาวให้ชิมกัน
"ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด" เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ อันร่มรื่นที่ซ่อนตัวลึก แต่ไม่ลับอยู่ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งที่นี่มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรมะนาวรสเด็ด เป็นเมนูของดีอันชวนให้มาลิ้มลองรสชาติ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรมะนาว ของที่นี่เป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำใส โดดเด่นตรงที่ทางร้านจะปรุงรสชาติต้มยำแบบจัดจ้าน ใช้มะนาวคั้นสดๆ พริกขี้หนูป่นทำเอง ใส่ถั่วลิสงที่คั่วใหม่ๆ ปรุงรสชาติแบบชามต่อชาม และเครื่องก็ใส่มาหลากหลาย มีทั้งหมูสับ หมูหมักลวกสุก ลูกชิ้นหมู และนอกจากก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสเด็ดแล้วก็ยังมีเมนูอาหารจานเด็ดอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมูตุ๋น ซี่โครงหมูตุ๋นราดข้าว ยำหนังปลาแซลมอน ยำหมูมะนาว ร้านตั้งอยู่ภายในซอยวัดมะพร้าวเตี้ย บนถ.จรัญสนิทวงศ์ ซ. 13 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-16.00 น. (หยุดทุกศุกร์สุดท้ายของสิ้นเดือน) โทร. 08-6786-4071

ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาอันชวนกินของร้าน "ลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ"
"ลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ" เป็นหนึ่งในร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเก่าแก่ลือชื่อแห่งย่านบางขุนนนท์ ที่นี่ขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลารสดีและมีคุณภาพ เพราะทางร้านเลือกใช้เนื้อปลาล้วนๆ ถึง 3 ชนิดนำมาผสมรวมกัน คือมีปลาดาบยาว ปลาหางเหลือง และปลาอินทรี ทำเป็นลูกชิ้น และลูกชิ้นของที่นี่ใช้มื้อปั้นล้วนๆ และไม่ได้ใส่สารแต่อย่างใด ลูกชิ้นปลาของที่นี่มีหลายอย่าง มีลูกชิ้นกลม ลูกชิ้นรักบี้ ลูกชิ้นเหลี่ยมใส่เห็ดหอมกับกุ้งแห้ง ฮือก๊วย ลูกชิ้นกุ้ง เกี๊ยวปลา เส้นปลา และที่นี่ก็มีหลายเส้นให้เลือกสั่งมากิน มีทั้งเส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ขาว บะหมี่ เกี้ยมอี๊ ร้านตั้งอยู่ที่ 61/46 ถ.บางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. เปิดทุกวัน (หยุดเฉพาะช่วงสงกรานต์) เวลา 9.00-18.00 น. โทร. 0-2433-2092, 0-2424-8767, 08-4676-5556 และมีอีก 1 สาขา ตั้งอยู่ที่ถ.พุทธมณฑลสาย 4 โทร. 0-2441-0655, 0-2888-9010
ร้านก๋วยเตี๋ยว "ลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ" ตั้งอยู่ที่ย่านบางขุนนท์
"ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูเจ๊หมวยฯ" หากใครผ่านไปแถววัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน เป็นต้องแวะไปฝากท้องอิ่มกับก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ที่มีลูกชิ้นหมูรสเด็ดให้กิน กัน ลูกชิ้นหมูของที่นี่เขาทำเอง ลูกโตเนื้อเนียนแน่นเด้งดึ๋ง โดยไม่ต้องพึ่งสารบอแรกซ์ มีให้เลือกกินทั้งแบบลูกชิ้นหมูธรรมดาและลูกชิ้นเอ็นหมู ซึ่งเมื่อนำมาใส่ในก๋วยเตี๋ยวช่างชวนกิน เพราะว่าเด็ดทั้งก๋วยเตี๋ยวแห้ง ถ้าเป็นและน้ำก็จะได้ซดน้ำซุปกระดูกหมูหอมกรุ่น รสกลมกล่อมโดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม และใช่ว่าจะมีแต่ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูเท่านั้น ที่นี่ยังมีเมนูอื่นๆ ให้สั่งมากินอีก อาทิ ลูกชิ้นปิ้ง พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด ยำลูกชิ้น เกี๊ยวทอด มีของหวาน อย่าง ซ่าหริ่ม ลอดช่อง ข้าวเม่า-ข้าวตอก ร้านตั้งอยู่ใกล้กับวัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน อยู่ริมถนนตรงหน้าปากซอยพหลโยธิน 55 เปิดจันทร์-เสาร์ (หยุดวันอาทิตย์) เวลา 08.30-20.00 น. โทร. 08-9920-5568
เมนูก๋วยเตี๋ยวของร้าน "ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูเจ๊หมวย ฯ"
"ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ชินเขต2/8" ใครที่ชื่นชอบกินก๋วยเตี๋ยวร้านแบบรสชาติจัดจ้าน โดนใจ มาที่ร้านนี้ขอบอกว่าไม่ผิดหวัง เพราะก๋วยเตี๋ยวเรือของร้านนี้ปรุงได้ถึงรส ถึงเครื่อง โดยไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย เมนูเด่นๆ ที่ชวนกินก็มี เส้นหมี่เนื้อแห้ง ที่เส้นหมี่ถูกลวกจนเหนียวนุ่มพอดี ใส่ทั้งลูกชิ้น เนื้อสดที่เหนียวนุ่ม เนื้อและเนื้อเปื่อยที่ใช้เวลาตุ๋นนานกว่า 3 ชม. หากใครไม่กินเนื้อ ที่นี่ก็ยังมี ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมูเป็นอีกตัวเลือก อย่างเส้นใหญ่หมูแห้ง
อิ่มท้องกับ "ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ชินเขต2/8"
และถ้าใครกังวลว่าที่นี่จะปนหมูกับเนื้อ หายห่วงได้ เพราะก๋วยเตี๋ยวที่นี่จะแยกเป็นสองหม้อ คือหม้อเนื้อกับหม้อหมู เพื่อให้ลูกค้าเลือกกินได้ตามใจไม่ปะปนกัน ร้านตั้งอยู่ที่ 117/151 อยู่ตรงปากซอยชินเขต 2/8 ถ.งามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. เปิดทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ หยุดทุกวันจันทร์ เวลา 08.30-15.00น. โทร.08-5845-5241, 08-1291-2340
ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ร้อนๆ จากร้าน "ชลธิชา"
"ชลธิชา" ร้านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในเรื่องก๋วยเตี๋ยวคั่วอันหลากหลาย หากใครเป็นแฟนก๋วยเตี๋ยวคั่วร้อนๆ หอมๆ แล้วล่ะก็ต้องไม่พลาดที่จะมาที่ร้านนี้ เพราะว่ามีก๋วยเตี๋ยวคั่วให้เลือกสั่งมากินมากมาย อาทิ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ คั่วหมู หรือว่าคั่วทะเล ก๋วยเตี๋ยวคั่วรวมมิตร ความเด่นของก๋วยเตี๋ยวคั่วที่ร้านนี้เห็นจะอยู่ตรงที่รสชาติอันลูกลิ้น เป็นก๋วยเตี๋ยวคั่วเส้นใหญ่ที่คั่วได้แห้งเหนียวนุ่ม ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ และพิเศษตรงที่ ก๋วยเตี๋ยวคั่วของที่นี่จะใส่ปาท่องโก๋ทอดกรุบกรอบมาให้กินแกล้มคู่กันด้วย และนอกจากก๋วยเตี๋ยวคั่วแล้วที่นี่ยังมี สุกี้ที่มีทั้งแห้งและน้ำเป็นอีกเมนูเด็ด มีกระเพาะปลา ผัดพริกหมูราดข้าว ผัดขี้เมาเส้นใหญ่ ราดหน้าเส้นใหญ่ และยังมีเต้าทึงร้อนและเย็น ให้กินกันอีกด้วย ร้านตั้งอยู่ที่ 63/8-9 ถ.อำนวยสงคราม ดุสิต บางกระบือ กทม. เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. โทร. 0-2244-8887, 0-2244-8777, 08-1372-2115
"กวยจั๊บอ้วนโภชนา" กวยจั๊บเจ้าดังย่านเยาวราช
รวมมิตรเมนูเส้น จากหลายร้านเด็ด

หลังจากแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดกันไปหลายร้าน และหลายเมนูก๋วยเตี๋ยวที่ชวนกินมากมายแล้ว คราวนี้มากินเมนูจานเส้นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวกันบ้าง มาดูกันดีกว่าว่าจะมีเมนูเส้นๆ จากร้านไหนที่ชวนไปกินกันบ้าง

"กวยจั๊บอ้วนโภชนา"
เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ ที่ตั้งอยู่หน้าโรงหนังไชน่าทาวน์ราม่า ตรงเยาวราช มีชื่อเสียงมานานในเรื่องของกวยจั๊บน้ำใส ที่ถ้าใครชื่นชอบกินกวยจั๊บร้อนๆ หอมกรุ่นพริกไทย มาที่นี่แล้วจะได้สมใจปาก เพราะที่นี่ขายกวยจั๊บน้ำใสอย่างเดียวที่ชวนกินแบบสุดๆ ซึ่งกวยจั๊บน้ำใสของที่นี่ใช้เส้นใหญ่อย่างดีทำให้เส้นเหนียวนุ่มไม่เกาะกัน ไม่เละแฉะ ในชามมีหมูกรอบที่หนังกรอบเนื้อนุ่ม มีเครื่องในสารพัดอย่างทั้งกระเพาะหมู ลิ้นหมู หัวใจหมู ตับหมู ปอดหมู กระดูกหมูอ่อน และโดดเด่นที่น้ำซุปซดร้อนๆ รสเข้มข้น เผ็ดร้อนพริกไทย และยังมีอีกหนึ่งความพิเศษ คือมีปาท่องโก๋กรอบตัวเล็กไว้ให้ใส่กินคู่กวยจั๊บด้วย การเดินทางมาที่ร้านตรงจากวงเวียนโอเดียนมาเรื่อยๆร้านจะอยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามห้างขายทองเลี่ยงเซ่งเฮง ร้านอยู่หน้าโรงหนังไชน่าทาวน์รามา (นิวแหลมทอง) เปิดทุกวัน เวลา 18.00-03.00 น. วันหยุดไม่แน่นอน โทร.08-6508-9979
อิ่มกับกวยจั๊บญวนร้อนๆ ของร้าน "แดงก๋วยจั๊บญวน"
"แดงก๋วยจั๊บญวน" ร้านนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกินกวยจั๊บญวน หรือที่เรียกอีกชื่อว่า "ข้าวเปียก" เพราะว่าที่ร้านนี้มีกวยจั๊บญวนรสเด็ดให้ได้ลิ้มชิมรสชาติกัน ซึ่งกวยจั๊บญวนของที่นี่มีความพิเศษโดดเด่นกว่าร้านอื่นๆ ก็ตรงที่เครื่องที่ใส่มาในกวยจั๊บญวนนั้นมีมากมายหลายอย่าง จนเรียกได้ว่าเป็นกวยจั๊บญวนทรงเครื่องก็ว่าได้ ที่สำคัญกวยจั๊บญวนของที่นี่เขาให้เส้นกวยจั๊บญวนสดๆ ที่สั่งมาจากอุบลราชธานี ส่วนเครื่องที่ใส่มาก็มีให้เลือกมากมาย (สามารถเลือกได้ตามใจชอบ) มีหมูยอเนื้อพริกไทยดำจากอุบลราชธานี มีหมูตุ๋น หมูเด้ง ไข่นกกระทา เห็ดหอม หอมใหญ่ ผักชีฝรั่ง ต้มหอม และหอมเจียวหอมๆ ร้านตั้งอยู่ที่ 32 ถ.พระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. จุดสังเกตร้านอยู่เยื้องกับปั๊มปตท. เปิดทุกวันเวลา 11.00-22.00 น. โทร. 08-5246-0111
กวยจั๊บน้ำใสและเกาเหลาหมู ที่ร้าน"เฮียเล็ก เกาเหลาหมู 3 อย่าง"
"เฮียเล็ก เกาเหลาหมู 3 อย่าง" เห็นแค่ชื่อก็คงจะเดาได้ว่าที่ร้านนี้ต้องมีเกาเหลาหมูรสเยี่ยมให้ได้กินกัน แต่ว่าที่นี่ก็มีเมนูเส้นๆ อย่าง กวยจั๊บน้ำใส ที่มีรสชาติเด็ดที่ชวนกินไม่แพ้กัน เพราะเส้นกวยจั๊บของที่นี่เนื้อเนียนนุ่ม ใส่เครื่องมาสารพัดอย่างสั่งมากินแล้วอิ่มท้องกันไป และสำหรับเมนูเกาเหลาหมู 3 อย่างที่เป็นเมนูชูโรงของที่นี่ ก็มีความเด่นอยู่ตรงที่เครื่องทั้ง 3 อย่าง ที่มีหมูชิ้น หมูสับ และหมูกรอบ ที่ทางร้านทำเองทุกอย่าง และมีน้ำซุปใสๆ ร้อนๆ ที่ซดแล้วรสเผ็ดร้อนพริกไทย และส่งกลิ่นหอมพริกไทยอ่อนๆ ขึ้นจมูก และถ้าใครชอบกินเครื่องใน ที่ร้านนี้ก็มีเครื่องในให้กินกัน มีกระเพาะ เลือด ปอด ไส้ ตับ หัวใจ ลิ้น ม้าม และเซี่ยงจี๊ ร้านตั้งอยู่กลางตลาดพาหุรัด เข้าทางซ.การไฟฟ้า และเลี้ยวซ้ายเข้ามาในตลาด จากนั้นก็ถามทางไปร้านเฮียเล็กได้เลยเพราะคนส่วนใหญ่รู้จักหมด เปิดทุกวัน (หยุดเฉพาะวันพุธ) เวลา 07.30-17.00 น. โทร. 08-9663-7063

ราดหน้ารสดีของร้าน "ราดหน้ายอดผักวัชรพล"
"ราดหน้ายอดผักวัชรพล" เป็นอีกหนึ่งร้านราดหน้าชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่ผู้คนที่อยู่อาศัยแถววัชรพล ต่างรู้จักกันดีว่าที่นี่มีราดหน้า รสกลมกล่อมที่ชวนกิน ราดหน้าของที่นี่จะทำแบบจานต่อจานไม่ได้ทำแบบหม้อใหญ่ๆ และมีให้เลือกกินทั้งเส้นใหญ่ เส้นหมี่ หรือว่าหมี่กรอบ ทางร้านจะผัดเส้นก๋วยเตี๋ยวคั่วด้วยไฟแรงๆ จนได้ที่สุกหอมและเหนียวนุ่ม แล้วก็มีน้ำราดหน้ารสกลมกล่อมเหนียวหนืดกำลังดีราดมา สำหรับราดหน้าที่น่าลองลิ้มรสก็มี ราดหน้าทะเล ราดหน้าใส่ไข่ ราดหน้าหมู ราดหน้ารวมมิตร แล้วก็ยังมีเมนูอื่นนอกจากราดหน้าที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอให้ชิมกันอีก อาทิ ผัดซีอิ้ว หมูแดง-หมูหรอบ เปาะเปี๊ยะสด ร้านตั้งอยู่ที่ 126/82-83 ถ.รามอินทรา ซ.วัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. จุดสังเกตอยู่ตรงข้ามกับเสถียรธรรมสถาน เปิดทุกวัน เวลา 08.30-21.00 น. โทร. 0-2945-5144
บ๊วยเกี้ยเย็นๆ กินแล้วชื่นใจ ที่ร้าน "บ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย"
"บ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย" เห็นชื่อร้านอาจจะงงหรือสงสัยว่าร้านนี้ขายอะไร ที่จริงแล้วร้านนี้เขาขาย "โบ๊กเกี้ย" "โบ๊ะเกี๊ย" หรือ"บ๊วยเกี้ย" เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งของคนจีนไหหลำ ที่ค่อนข้างจะหากินได้ยากแล้วในบ้านเรา แต่ว่าถ้ามาที่ร้านนี้รับรองว่าจะได้กินบ๊วยเกี๊ย ขนมหวานที่มีลักษณะเป็นแป้งปั้นเป็นตัวเส้นสั้นๆ คล้ายลอดช่องแต่ว่ามีสีขาว ซึ่งที่นี่ทำแป้งบ๊วยเกี้ยเอง และปั้นเองด้วยมือแบบสดใหม่ทุกวัน และบ๊วยเกี๊ยนั้นก็ยังมีเครื่องอย่างอื่นใส่มาด้วย ไม่ว่าจะเป็นมันเชื่อม ถั่วแดงต้มเม็ดเล็ก แปะก๊วย เฉาก๊วย ลูกชิด ถั่วลิสงคั่ว แล้วก็ราดด้วยน้ำเชื่อมที่มีให้เลือก 2 แบบคือ น้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทรายแดง หรือที่เรียกว่าโอทึ้งเคี่ยวใส่ใบเตย และน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายขาว แล้วก็ใส่น้ำแข็งป่น ได้ลิ้มรสบ๊วยเกี้ยหอมหวานเย็นชื่นใจ ร้านตั้งอยู่ที่ 267/3 ถ.เจริญกรุง 67 (หรือตลาดแสงจันทร์) แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. เปิดทุกวัน เวลา 12.00-22.00 น. โทร.0-2211-4812, 08-7823-1884

และทั้งหมดนี้ก็ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่จากใจ ที่เราอยากมอบให้มิตรรักกินนักกินทั้งหลาย ได้เลือกไปอิ่มอร่อยกับนานาเมนูอาหารจานเส้นที่ชวนกินมากมาย ขอให้อิ่มหนำสำราญปากกันเต็มที่ ต้อนรับปีวัว
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์

หอมชวนชิม “เนื้อผัดอบมันบด” อร่อยน่าทานขนมหวานหลากชนิด

หมึกแดง


http://www.mcdangguide.com
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญให้ไปกินข้าวกลางวันกับฝรั่งที่อยากจะได้ความรู้และคำปรึกษาจาก ผม เกี่ยวกับการที่เขาจะไปเรียนหนังสือเพื่อเปิดร้านอาหาร ซึ่งฝรั่งคนนี้เขาอายุเกือบจะ 40 ปีแล้วครับ แต่ว่าชีวิตเขาหันเห คือ มีรีสอร์ทในเมืองไทยที่ จังหวัดภูเก็ต แต่กำลังจะขายรีสอร์ท เพราะใจจริงแล้วสิ่งที่เขารักคือการทำอาหารและอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับร้าน อาหาร


เขา ถามผมว่าควรจะเรียนที่ไหน ควรจะทำอะไรต่าง ๆ อย่างไร ผมสงสารเขาและอยากจะให้คำปรึกษาเขา ก็เลยนัดกินข้าวกันที่ร้านอาหาร คาเฟ่ตาติน อยู่ต้น ๆ ซอยร่วมฤดี ถ้าเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยร่วมฤดี จากถนนเพลินจิตจะอยู่ขวามือครับ

ที่ร้านคาเฟ่ตาตินนี้มีอาหารคล้าย ๆ ร้านอาหารบิสโตร โดยอาหารจะเป็นลักษณะที่คนฝรั่งเศสเขาทำกินกันในบ้าน เป็นร้านที่ทำอะไรง่าย ๆ ลักษณะคล้าย ๆ อาหารตามสั่ง แต่ไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่งอย่างเมืองไทยนะครับ แต่จะมีอาหารที่คนฝรั่งเศสเขากินบ่อย ๆ แล้วก็ง่าย ๆ รวมทั้ง มีขนมหวานอะไรต่าง ๆ

ร้าน นี้ไม่หรูหรานะครับ แต่ว่าน่ารักดี หันไปมองรอบ ๆ ข้าง ไม่มีคนไทยเลยสักคนเดียว มีผมกับคนไทยอีก 2–3 คนที่มากับฝรั่ง โดยมากแล้วจะเป็นคนฮ่องกง คนสิงคโปร์ ผมไปนั่งกินที่นั่นโดดเดี่ยวเดียวดายครับ เพราะหาคนไทยด้วยกันยากเหลือเกิน

บรรยากาศ ร้านนี้โปร่งสบาย และสะอาด การกินอาหารฝรั่งเศสทุกครั้งจะต้องมีขนมปังฝรั่งเศส มีเนยมาให้เรากินครับ แต่ว่าขนมปังฝรั่งเศสที่เขาให้เรามาแทนที่จะอยู่ในตะกร้า กลับอยู่ในกระชอนที่ทำจากสเตนเลส แปลกดีนะครับ ขนมปังก็อร่อยดีครับ

หลัง จากนั้น พนักงานเสิร์ฟเข้ามาถามเราว่า อยากจะกินอะไรบ้าง ผมเองอดไม่ได้ที่จะต้องสั่งมาหลาย ๆ อย่าง ผมเลยสั่งอาหารจานหนึ่ง ซึ่งอาหารทุกจานจะมาพร้อมกับสลัด มี เนื้อผัดอบมันบด คือ เนื้อบดเอาไปผัดเสียก่อนกับเครื่องเทศกับหอมและอะไรต่าง ๆ แล้วก็มีมันบดอยู่ข้างบน เสร็จแล้วเอาไปเข้าเตาอบให้มันเหลือง จานนี้สั่งมากิน อร่อยดีครับ

ตามมาด้วย มงสิเยอร์ ซึ่งก็คือ แซนด์วิชแฮมกับชีส ครับ โดยเอาขนมปัง แฮม ไปนาบกับกระทะ แล้วมีซอสที่เป็นชีสรสชาติดีครับ เพราะว่าผมเป็นคนชอบกินแฮมอยู่แล้ว แต่ว่าที่นี่มีทั้งชีส ทั้งเนย ทั้งครีม ทั้งไข่ ทั้งนม ไม่ค่อยดีครับ ถึงแม้จะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยหนัก แต่มีไขมันสูงมาก ฉะนั้นจะต้องระมัดระวังการกินด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นน้ำหนักจะขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน ถ้ากินแบบนี้เป็นประจำ

ส่วนเพื่อน ๆ ผมที่ไปกินข้าวด้วย สั่งแปลกครับ แต่ว่าน่ากินมากคือสั่งสลัดผักธรรมดา ๆ แต่ว่าเสิร์ฟกับชีสที่ทำจากนมแพะนะครับ เป็น สลัดชีสทำจากนมแพะ โดยเอาชีสมาทาขนมปังแล้วใส่มาบนผักสลัด น่ากินมากครับ ผมเกือบเอื้อมไปขอเขากินเลยครับ เพราะอดไม่ไหวอยากรู้ว่าอร่อยแค่ไหน ปรากฏว่า อร่อยดีครับ

ส่วนเพื่อนผมอีกคนหนึ่งกิน สลัดปลาแซลมอนรมควัน มีปลาแซลมอนรมควัน ซึ่งมีไข่บดเข้าไปด้วย มีมะนาว ลูกเคเปอร์ หอมหัวใหญ่สีม่วงหั่นบาง ๆ กินกับผักสลัด ส่วนน้ำสลัดนั้นต้องเป็นน้ำสลัดแบบฝรั่งเศส ซึ่งน้ำสลัดน้ำใสของฝรั่งเศสนั้นเขาเรียกว่า วินิเกรต ความจริงแล้วจะใช้เป็นน้ำส้มสายชูธรรมดาก็ได้ หรือน้ำส้มบัลซามิกก็ได้ครับ แล้วใส่มัสตาร์ดเข้าไปเล็กน้อย อาจจะใส่หอมสับเข้าไปด้วย ตามด้วยเกลือ พริกไทย แล้วก็เอาไปตีกับน้ำมันมะกอก เสร็จแล้วเอาไปราดบนสลัด จานนี้ ผมชิมแล้วอร่อยมาก รสชาติดีมากเลยครับ

แต่ที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือ ของหวาน เราไปกัน 3 คน สั่งของหวานมา 3 อย่าง ความจริงแล้วอยากกินอีกหลาย ๆ อย่างนะครับ แต่เผอิญว่าของเขาหมดพอดีเลย เพราะเรามาสาย อย่างแรกคือ เครม บรูเล ซึ่งจะคล้าย ๆ คัสตาร์ด แต่ว่าข้างหน้าจะมีน้ำตาลโรย แล้วเอาไฟมาพ่นให้ละลายจนกลายเป็นน้ำตาลกรอบ ๆ เป็นแผ่น ๆ อยู่ข้างบน เครม บรูเลทำมาจากไข่ นม ครีม มีกลิ่นวานิลลาด้วยครับ แล้วก็น้ำตาล ถึงจะอร่อยแต่ก็ต้องระวังอ้วนด้วยนะครับ

จากนั้นสั่ง ช็อกโกแลตมูส มากิน ซึ่งช็อกโกแลตของที่นี่เข้มข้นจริง ๆ ทำจากช็อกโกแลตที่ละลายแล้ว มีไข่แดง มีน้ำตาล บางแห่งก็มีเนย มีครีมใส่เข้าไปด้วยครับแล้วเอาไปปั่นจนกระทั่งเหนียว ข้น แล้วเอาไปแช่เย็น ใส่วิปปิ้งครีมไว้ข้างบน เวลากินใช้ช้อนยาวตักลงไป รสชาติมันหวาน เข้มข้น อร่อยมากครับ

จานสุดท้ายที่ผมชอบมาก คือ เขาเอาขนมที่ทำจากสตรอเบอรี่สด ๆ ใส่วิปปิ้งครีม และ
แยม มาให้เรากิน ใส่ในภาชนะที่เป็นขวดโหลมีฝาปิดที่มียาง และแต่งหน้าด้วยใบสะระแหน่ด้านบน สวยงามมากครับ เขาจะแช่ไว้ในตู้เย็น แล้วเขาก็เอามาให้เรากิน ถ้าอาหารจานนี้หวานน้อยกว่านี้จะอร่อยมาก สำหรับผมคิดว่าหวานมากเกินไป แต่ว่าคนที่ไปกับผมกินหมดเลยครับ ที่ร้านยังให้ผมชิม พายมะนาว รสชาติดีเช่นกัน นุ่มอร่อยดีมากเลยครับ

ร้าน นี้ยังมีอาหารฝรั่งเศสที่ทำง่าย ๆ ที่ผมเรียกว่าง่าย ๆ ก็เพราะเด็กฝรั่งเศสหรือที่ปารีสกินกันอย่างนี้ครับ เหมือนเวลาเราไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยว แล้วอาหารของเขาก็ไม่หนักจนเกินไปนัก อร่อย ราคาก็ไม่แพง ฉะนั้นจึงอยากให้เพื่อน ๆ ลองไปชิมอาหารที่ร้านนี้กันดู พนักงานเสิร์ฟเป็นคนไทยครับ แต่ว่าเมนูนี้รู้สึกจะเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยไม่มีภาษาไทย แต่ก็สามารถถามน้อง ๆ เขาได้ครับเวลาจะสั่งอะไรมากิน ผมอยากจะให้ลองไปชิมดู แล้วจะติดใจอย่างผมครับ.

..........................................

ชิมให้เป็น : น้ำสลัด

อาทิตย์ นี้ชิมให้เป็นจะขอพูดถึง น้ำสลัด ครับ ผมต้องเรียนให้ทราบนะครับว่า น้ำสลัดที่ร้านนี้เขาทำหลายชนิด แต่ความจริงแล้ว น้ำสลัดทำได้มี 2 ชนิดเท่านั้นครับ เป็นน้ำสลัดน้ำใสที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า วินิเกรต ซึ่งจะเป็นแบบใสๆ ไม่ข้น กับสลัดน้ำข้น ซึ่งภาษาฝรั่งหรือภาษาเทคนิคทางวิทยาศาสตร์การอาหารเรียกว่า อิมัลชั่น ครับ

ซึ่ง อิมัลชั่น หรือสลัดน้ำข้น เวลาเราตีฟองอากาศเข้าไปบวกไฮโดรเจนจะทำให้มีลักษณะข้นได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราจะกินน้ำสลัดเกี่ยวกับสุขภาพ ให้กินวินีเกรต เพราะว่าสลัดน้ำข้น วัตถุดิบหลักๆ จะทำจากไข่แดงครับ

เวลาเราใส่น้ำ สลัดเข้าไป ถ้าเป็นร้านที่ฝรั่งเศสเขาจะคลุกมาให้เสร็จเรียบร้อยเลย แล้วเขาจะไม่ใส่น้ำสลัดมากๆ เพราะไม่ได้กินซุปที่มีผักสลัดด้วย แต่แค่ให้น้ำสลัดไปเคลือบใบของผักให้มีรสชาติ และมีความมัน มีความหอมเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นเวลาเรากินสลัดอย่าเทน้ำสลัดลงไป เยอะๆ เพราะไม่ใช่น้ำซุปนะครับ มันเป็นน้ำสลัดเพื่อไปเคลือบใบผักเท่านั้นเอง อย่าใช้มากเพราะว่าจะอ้วน แล้วเปลืองด้วยนะครับ



.........................................................

เข้าครัวกับหมึกแดง : ราดหน้าหอยเชลล์

เครื่องปรุง

- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

- ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ยีแล้ว 200 กรัม

- กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ

- เห็ดโคนญี่ปุ่น 100 กรัม

- น้ำซุป 2 ถ้วยตวง

- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ

- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

- แป้งมันฮ่องกง 2 ช้อนโต๊ะ

- น้ำเปล่า พอประมาณ

- หอยเชลล์หั่นเป็นแว่น 5 ตัว

- น้ำมันงา 1 ช้อนชา

- คะน้าฮ่องกงหั่นเป็นชิ้นลวกพอสุก 150 กรัม

วิธีทำ

1. นำกระทะใส่น้ำมันตั้งไฟพอร้อน นำก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ที่ยีแล้วลงไปผัดให้หอมและเส้นสุก ตักใส่จานพักไว้

2. ในกระทะอีกใบ ใส่น้ำมันพืชลงไปพอร้อน ใส่กระเทียมสับหยาบลงไปผัดพอหอม ใส่เห็ดโคนญี่ปุ่นลงไปผัดพอสลด แล้วเติมน้ำซุป ต้มให้เดือด

3. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย พริกไทยป่น ลงไปในกระทะ ชิมรส เค็มหวาน

4. ผสมแป้งมันกับน้ำเปล่าให้แป้งละลายแล้วเทลงไปในกระทะ แล้วคนปล่อยให้เดือด และแป้งสุก จากนั้นใส่หอยเชลล์หั่นแว่นลงไป พอเดือดใส่น้ำมันงา ปิดไฟยกลง

5. จัดเส้นลงบนจาน วางคะน้าฮ่องกงที่ลวกแล้วข้างเส้น แล้วตักน้ำราดหน้าหอยเชลล์ ราดบนเส้นใหญ่ที่ผัดไว้แล้ว โรยด้วยพริกไทยป่นเสิร์ฟร้อน ๆ



หมึกแดง

http://www.mcdangguide.com

ก๋วยเตี๋ยวที่อิมพอร์ตสูตรเด็ดมาจากฮ่องกง .. ก๋วยเตี๋ยวไหมซีนน้ำเสฉวน

ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
"ผ่านมาแวะกิน"
"ผ่านมาแวะกิน"


“เจ๊ใหญ่ไหมซีน” ซึ่งมีเมนูเด็ดคือก๋วยเตี๋ยวสไตล์เสฉวนที่นำสูตรมาจากฮ่องกงอีกที ซึ่งมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เรียกว่า “ไหมซีน” ลักษณะเป็นเส้นกลมๆ เล็กๆ สีขาว

ทางร้านจะสั่งนำเข้าโดยตรงมาจาก ฮ่องกง ส่วนน้ำซุปที่เป็นสไตล์เสฉวนนั้นต้มมาจากกระดูกหมู เคี่ยวเป็นวันเพื่อให้ได้ความหวานหอม แล้วนำมาปรุงกับพริกแห้งปรุงรส นำไปผัด แล้วนำมาต้มรวมกับน้ำซุป ทำให้คล้ายกับน้ำข้น




ก๋วยเตี๋ยวไหมซีนน้ำเสฉวน




ระดับ ความเผ็ดเข้มข้นของน้ำซุปนั้นจะมีอยู่ 4 ระดับ สำหรับคนที่ชอบกินเผ็ดนั้นแนะนำให้สั่งว่าเผ็ดมาก ซึ่งรับรองเลยว่าจะต้องเผ็ดจี๊ดโดนใจแน่ๆ แล้วก็มีความเผ็ดระดับกลาง เผ็ดน้อย และไม่เผ็ด ซึ่งก็คือก๋วยเตี๋ยวน้ำใสนั่นเอง

ส่วนเครื่องเคราที่ใส่แบบดั้งเดิมนั้นจะกินกับเครื่องในต่างๆ แต่สำหรับที่ร้านนี้ นอกจากจะมีเครื่องในใส่ลงไปให้ อาทิ กระเพาะ ตับ เซี่ยงจี้ หัวใจ ไส้อ่อน หัวใจ เป็นต้น แล้วก็ยังมีเนื้อหมูหมัก หมูสับ ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง และลูกชิ้นหมู ให้เลือกใส่ลงไปได้ด้วย ซึ่งหากว่าใครชอบอะไรไม่ชอบอะไรก็สามารถบอกได้




ก๋วยเตี๋ยวไหมซีนน้ำใส



อย่างเมนูแรกที่ได้ลองชิม คือ ก๋วยเตี๋ยวไหมซีนน้ำเสฉวน (40 บาท) ที่จะเป็นน้ำซุปสไตล์เสฉวนแบบเผ็ดร้อน ส่วนเส้นเป็นเส้นไหมซีน ใส่ทั้งเครื่องใน และหมูสับ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงที่กินคู่กันคือ ผักกาดดอง ถั่วงอก และกุ้ยฉ่าย ใส่ลงมาในชามด้วย ลองชิมดูเส้นไหมซีนเหนียวนุ่มเข้ากับน้ำซุปเข้มข้นเผ็ดร้อน เครื่องในก็อร่อยถูกปากไม่คาว

ส่วน ก๋วยเตี๋ยวไหมซีนน้ำใส (40 บาท) ซึ่งก็ใส่เครื่องทุกอย่างเหมือนกับน้ำเสฉวน เพียงแต่เปลี่ยนน้ำซุปเป็นน้ำใส ที่ลองชิมแล้วหอมหวานน้ำต้มกระดู ซดได้คล่องคอ




เกี๊ยวน้ำ หรือ ก๋าวจี๋



อีกเมนูที่ไม่ควรพลาดก็คือ เกี๊ยวน้ำ (40 บาท) หรือที่เรียกว่า ก๋าวจี๋ เป็นเกี๊ยวสูตรเซี่ยงไฮ้ หน้าตาเหมือนเกี๊ยวหมูของบ้านเรา เพียงแต่ไส้ในนั้นจะประกอบไปด้วยหมูสับ กุ้ยฉ่าย ผสมกับน้ำขิง กินได้กับทั้งน้ำใสและน้ำเสฉวน ซึ่งเมื่อลองชิมแล้วนั้นตัวไส้นุ่มหอมกลิ่นขิง ส่วนแป้งก็นุ่มอร่อยดีทีเดียว

นอกจากจะมีก๋วยเตี๋ยวแบบฮ่องกงแล้ว ก็ยังมีก๋วยเตี๋ยวแบบไทยๆ ด้วย เช่น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (30-40 บาท) ซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำใสแบบไทยๆ ที่ปรุงรสมาด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาล ใส่ถั่วลิสงคั่วบด และพริกป่น เครื่องที่ใส่ก็เลือกสั่งได้ตามชอบ อย่างในชามนี้มีทั้งลูกชิ้นปลาและหมูสับ อร่อยแบบเต็มคำ รสชาติเข้มข้นครบรส ลูกชิ้นก็เคี้ยวเด้งไม่คาว





ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ



ส่วนเมนู ข้าวเหนียวทรงเครื่อง (25 บาท) ก็น่าลิ้มลองไม่เบา ที่จะนำข้าวเหนียวมานึ่งสุก แล้วผัดกับเครื่องเคียงและซอสปรุงรสต่างๆ ให้ได้รสชาติเข้าที่ ส่วนตัวเครื่องเคียงนั้นก็มีทั้งกุ้งแห้ง เห็ดหอม และกุนเชียง โรยหน้าด้วยถั่วลิสงทอด และต้นหอมซอย ลองชิมแล้วข้าวเหนียวได้รสชาติเค็มนิดๆ เข้ากับความหวานจากกุนเชียง และยังได้ความหอมมันจากถั่วลิสงเพิ่มความอร่อย

เมนูเด็ดของร้านไม่ได้มีแค่นี้ ยังมีความอร่อยที่น่ามาลองชิมอีกหลากหลาย อาทิ ไหมซีนทงคัตสึ (50 บาท) ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใส (30 บาท) ขนมปังปิ้งหน้าต่างๆ (12 บาท) เป็นต้น ซึ่งหากว่าจะลองชิมก๋วยเตี๋ยวฮ่องกงอร่อยๆ ก็ไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไป แวะเวียนมาได้ทีร้าน “เจ๊ใหญ่ไหมซีน” แห่งนี้ก็อร่อยได้เช่นกัน




ข้าวเหนียวทรงเครื่อง


ร้าน “เจ๊ใหญ่ไหมซีน” อยู่ที่ 100/375-376 เสนานิคม 1 ซอย 40 แยก 6 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. ร้านเปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. โทร. 08-6995-2310


ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
"ผ่านมาแวะกิน"