"FABB" อร่อยหรู คู่เพลงแจ๊ซ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 ธันวาคม 2552 13:32 น.
arometic roast duck เมนูขึ้นชื่อจากร้านข้างขึ้น
       วันเวลาเดินทางรวดเร็วอย่างกับติดจรวด ปีเก่าอย่าง"ปีวัว"กำลังจะเดินทางลาลับไป แล้วปีใหม่คือ"ปีเสือ"กำลังจะมาแทนที่ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หน้าอาหารของ "ASTV ผู้จัดการรายวัน"ได้ คัดสรรร้านอาหารรสเด็ดอันหลากหลายมานำเสนอแด่มิตรรักนักกินกันมาโดยตลอด และร้านอาหารที่ได้นำเสนอมาหลายๆ ร้านนั้น ก็มีบรรดาร้านอาหารของพี่น้องเพื่อนพ้องพันธมิตรรวมอยู่ด้วยกันอยู่หลายร้าน ซึ่งแต่ละร้านก็ล้วนแล้วแต่ขายอาหารรสเลิศลิ้น อันชวนกินทั้งนั้นเลย
      
       ดังนั้นในช่วงเทศกาลปีใหม่แห่งความสุขนี้ เราเลยขอพามิตรรักนักกินร่วมย้อนอดีตวันวาน ไปอิ่มอร่อยหวานชื่นกับบรรดาร้านอาหารของพี่น้องพันธมิตรกัน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการหาร้านอาหารน่าสนใจเฉลิมฉลองในเทศกาล ปีใหม่นี้ ซึ่งจะมีร้านไหนบ้าง ขอเชิญทัศนากันได้
      
       "ข้างขึ้น" เป็นร้านอาหารของคุณศศินันท์ ควัช หนึ่งในแฟนพันธุ์แท้พันธมิตรที่ชอบทำอาหารไปเลี้ยงพี่น้องพันธมิตรอยู่เสมอ ที่ร้านข้างขึ้นนี้เน้นขายอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งและอาหารไทย โดยสูตรอาหารต่างๆ ทางร้านได้คิดค้นขึ้นมาเอง เพื่อเป็นสูตรเฉพาะที่ปรุงออกมาแล้วให้ถูกปากนักกินชาวไทย อีกทั้งเรื่องของการคัดสรรวัตถุดิบต่างๆ ที่นี่ก็พิถีพิถันเลือกสรรแต่ของที่ดี มีคุณภาพมาปรุงเป็นเมนูอาหารอันเลิศรส แถมอาหารของที่นี่ยังปรุงโดยไม่ใส่ผงชูรสทำลายสุขภาพด้วย
      
       สำหรับเมนูอาหารอันเลิศรสและโด่งดังของที่นี่ ก็เห็นจะหนีไม่พ้น เมนู arometic roast duck เป็นเป็ดโฟร์ซีซั่นส์ ที่หนังเป็ดบางกรอบเนื้อเป็ดนุ่มชุ่มลิ้นรสเด็ดจริงๆ หรือจะเป็นarometic duck เป็นเป็ดฉีก เคี้ยวนุ่มทั้งหนังและเนื้อ และยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่ากินอีกเพียบ อาทิ บาร์บีคิวซี่โครง, หอยนิวซีแลนด์ซอสเอ็กซ์โอ, ปลาหมึกสดผัดน้ำพริกฮ่องกง, กุ้งยำตะไคร้ ร้านตั้งอยู่ที่ 99/1 พระราม 5 เพลส (เชิงสะพานพระราม 5) ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี การเดินทางจากสี่แยกกรุงเทพ-นนทบุรี มุ่งหน้ามาทางถ.นครอินทร์ ขับตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นร้านข้างขึ้นตั้งอยู่ด้านซ้ายบริเวณเชิงสะพานพระราม 5 มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน มีที่จอดรถหน้าร้านและด้านใน เปิดอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10.00-14.00 น. และ 17.00-23.00 น. ถ้ามาทานอาหารแนะนำว่าโทร.มาจองก่อนจะดีที่เบอร์ 0-2526-9006-7, 08-5070-8172
Lamb chop เมนูเด็ดของร้านDelicatezza
       "Delicatezza" ร้านนี้ถ้าใครเป็นคออาหารอิตาเลียนอันเลิศรสต้องพากันมาให้ได้ เพราะว่าที่นี่บริการอาหารอิตาเลียนระดับพรีเมี่ยมแบบโฮมเมดขนานแท้อันเลิศ รส โดยมีคุณศริยา พอลลา เจริญผล หรือ พี่แป๊ว ซึ่งเป็นแฟนพันธมิตรกู้ชาติ ตัวยง ผู้ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของร้านและเป็นเชฟฝีมือเอกเข้าครัวปรุงอาหารเองด้วย
      
       อาหารอิตาเลียนของที่นี่มีหลายเมนูที่ชวนกิน อาทิ Grilled vegetable เป็นผักย่างหลายอย่างสีสันชวนกิน Smoked salmon เป็นแซลมอนญี่ปุ่นรมควันรสชาติดี Seafood Soup ซุปชามโตอุดมไปด้วยของทะเลนานา ถ้าชอบกินพาสต้าแนะนำ Penne smoked salmon cream sauce และ Spaghetti with Rock Lobster and white wine แต่ถ้าชอบกินสเต็กนำเสนอ Lamb chop แล้วยังมีไอศกรีมโฮมเมดที่ทางร้านทำเองให้ลองลิ้มแบบชื่นใจ อาทิSunkist Sorbet, Chestnut Ice Cream (210 บาท++) และไม่ควรพลาดของหวานที่ขึ้นชื่ออย่าง Tiramisu ร้านตั้งอยู่ที่ 145 ซ.ทองหล่อ 10 ถ. สุขุมวิท คลองตันเหนือ วัฒนา กทม. การเดินทางนั่งรถไฟฟ้าBTS มาลงที่สถานีทองหล่อ แล้วตรงเข้ามาที่ทองหล่อซ.10 เข้ามาในซอยนิดเดียวจะเห็นร้านเดลิคาเตซซ่าตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ภายในร้านมีที่จอดรถ เปิดอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.30-14.30 และ 17.30-23.00 น. โทร. 0-2392-4977 ถึง 8, 08-1989-8947
สเต็กปลาซอสมะนาว จากร้าน 29 สเต็ก
       "29 สเต็ก" เห็นชื่อร้านแล้วอย่านึกว่าจะมีแต่สเต็กให้กินกันเท่านั้นน่ะ เพราะว่าเจ้าของร้านคุณ จิณต์ขจี จิราพัชญ์หิรัญ พันธมิตรนครปฐม บอกไว้ว่าหากมาที่นี่จะได้อิ่มกับแบบหลากหลาย มีทั้งอาหารไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น หรืออาหารอีสานรสแซบ มารวมตัวกันอยู่ในที่เดียว
      
       เอาเป็นว่ามาดูกันดีกว่ามาที่ร้านนี้มีเมนูเด็ดอะไรที่น่ากินกันบ้าง ถ้าเป็นสเต็กขอแนะนำ สเต็กปลาซอสมะนาว ที่สเต็กปลากรอบนอกเนื้อในนุ่ม ชุ่มน้ำซอสออกรสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม หรือจะกินเมนูไทยๆ อย่าง ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ อาหารอีสานรสแซบก็มี ส้มตำปูม้า แล้วก็มาซดน้ำซุปร้อนๆ แซบๆ กับต้มแซ่บเอ็นหมู ยังๆ ยังไม่หมดยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนกินอีกเพียบ อาทิ ไก่ตะเกียบ, ข้าวแกงกะหรี่ไก่ญี่ปุ่น, ข้าวหน้าปลาแซลมอน, สลัดสี่สหาย ร้านตั้งอยู่ที่ 203/4 ถ.ราชมรรคา ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม การเดินทางจากกทม.มุ่งตรงมายัง จ.นครปฐม ใช้เส้นทางเพชรเกษมเลี่ยงเมือง วิ่งจนมาถึงสี่แยกไฟแดงพระราชวังสนามจันทร์ แล้วเลี้ยวขวาเข้ามาประมาณ 1 กม. จะเจอสามแยกที่มีเกาะกลาง (ก่อนถึงไฟแดงสี่แยก ม.ศิลปากร) ให้เลี้ยวขวาตรงสามแยกนี้เพื่อเข้า ถ.ราชมรรคา ตรงมาประมาณ 200 ม. ก็จะเห็นร้าน 29 สเต็ก เป็นตึกแถวอยู่ขวามือ มีที่จอดรถด้านข้างและด้านหลังร้าน เปิดทุกวัน (ปิดทุกวันที่ 14 ของเดือน) เวลา 10.00-22.00 น. โทร. 08-1820-1443, 0-3427-3359
ก๋วยเตี๋ยวหมูสมุนไพรร้อนๆ ของร้านก๋วยเตี๋ยวหมูสมุนไพร
       "ก๋วยเตี๋ยวหมูสมุนไพร" แค่ชื่อร้านก็บ่งบอกได้แล้วว่าที่นี่มีก๋วยเตี๋ยวหมูสมุนไพรรสเด็ดให้ลิ้ม ลอง แถมกินแล้วดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นความตั้งใจของเจ้าของร้าน คุณเจี๊ยบ อภิญญา พันธุ์ภักดี แฟนพันธมิตรตัวยง ขนาดที่ว่าหากมาถึงร้านจะเห็นรถก๋วยเตี๋ยวที่มีสมุนไพรวางอยู่เต็มตู้ แล้วก็ยังมือตบห้อยอยู่เต็มรถเลย แถมเดี๋ยวนี้พี่เจี๊ยบยังได้ขยับขยายเข็นรถก๋วยเตี๋ยวมาตั้งขายอยู่หน้า บ้านพระอาทิตย์ด้วย เรียกว่ามาบริการความอร่อยให้แฟนๆพันมิตรกันถึงที่
      
       สำหรับก๋วยเตี๋ยวหมูสมุนไพรของที่นี่ได้นำเอาสมุนไพรต่างๆ ที่มีประโยชน์มาเป็นส่วนผสมหลักในการทำก๋วยเตี๋ยว ซึ่งจะเลือกใช้ทั้งสมุนไพรไทยและสมุนไพรจีนแห้งกว่า 20 ชนิด อาทิ ใบกระวาน ลูกกระวาน ชะลูด อบเชย ดอกจันทน์ ลูกจันทน์ เก๋ากี้ หล่อฮังก้วย และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงมีสมุนไพรสดอย่าง หัวหอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใส่มาด้วย สำหรับเครื่องที่มใส่มาก็มีเยอะแยะมากมายมีทั้งคั่วตับหมูที่ตุ๋นจนเคี้ยว นุ่ม หมูสดนิ่ม ลูกชิ้นหมูเคี้ยวนุ่มแน่นเด้งปาก หมูเด้งที่เคี้ยวเด้งหนึบหนับปาก มากินก๋วยเตี๋ยวหมูสมุนไพรที่นี่แนะนำให้สั่งแบบน้ำมากินจะอร่อยมากๆ จะได้ซดน้ำซุปสมุนไพรร้อนๆ รสหวานกลมกล่อม กรุ่นกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ไหลลื่นลงคอชุ่มชื่นดีต่อสุขภาพ ร้านตั้งอยู่ที่ 115 ตรอกนาวา (หลังโบสถ์พราหมณ์) ถ.ตะนาว เสาชิงช้า กทม. การเดินทางจากสี่แยกคอกวัว วิ่งตรงมาที่ถ. ตะนาว มาจนถึงศาลเจ้าพ่อเสือ ตรงมาอีกนิดจะเจอธนาคารกรุงเทพฯ แล้วเห็นซอยข้างธนาคารกรุงเทพฯ ตรงเข้ามาประมาณกลางซอย จะเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมูฯ อยู่ทางขวามือ เปิดทุกวัน เวลา08.00-16.00 น. ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ด้วย โทร. 08-3138-1386
อร่อยกับกวยจั๊บญวนจากร้านแดงก๋วยจั๊บญวน
       "แดงก๋วยจั๊บญวน" ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องกวยจั๊บญวนรสเด็ด โดยมีคุณแดง วลัยทิพย์ อภิชญายศอนันต์ เป็นเจ้าของร้านและเป็นผู้คิดค้นสูตรกวยจั๊บญวนตามสไตล์ของตัวเอง ที่เน้นใส่เครื่องเคราในกวยจั๊บหลายอย่าง จนเรียกได้ว่าเป็น กวยจั๊บญวนทรงเครื่องก็ว่าได้
      
       กวยจั๊บญวนของที่นี่โดดเด่นอยู่ตรงที่ทางร้านจะทำกวยจั๊บแบบชามต่อ ชาม พอลูกค้าสั่งปุ๊บก็ลงมือทำปั๊บเสิร์ฟมาร้อนๆ ความน่าลิ้มลองของกวยจั๊บญวนที่ร้านนี้อยู่ตรงที่เส้นกวยจั๊บญวนของที่นี่จะ ใช้เป็นเส้นสดที่สั่งมาเป็นพิเศษจากอุบลราชธานี ส่วนเครื่องที่ใส่มาก็มีให้เลือกมากมาย มีหมูยอ หมูตุ๋น หมูเด้ง ไข่นกกระทา เห็ดหอม หอมใหญ่ โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่ง ต้มหอม และหอมเจียวหอมๆ (ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามใจชอบ) และนอกจากกวยจั๊บญวนแล้วยังมียำหมูยอรสเด็ดให้กินด้วย ร้านตั้งอยู่ที่ 32 ถ.พระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. จากแยกบางลำพูเลี้ยวเข้าถ.พระสุเมรุ มุ่งหน้ามาป้อมพระสุเมรุ จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือเป็นตึกแถวมีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน จุดสังเกตร้านอยู่เยื้องกับปั๊มปตท. ร้านเปิดทุกวันเวลา 11.00-22.00 น. โทร. 08-5246-0111
แซบหลายอาหารอีสานจากร้านส้มตำหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์
       "ร้านส้มตำหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์" มาที่ร้านนี้เป็นได้แซบอีหลีกับอาหารอีสานรสเด็ดสไตล์อีสานแท้ๆ เพราะเจ้าของร้านอย่างคุณทัย ศุภามาศ บุญงอก แฟนพันธ์แท้พันธมิตรลูกอีสานจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้มีรสมือในการทำอาหารอีสานจึงแซบอีหลีถูกปากอย่าบอกใคร
      
       สำหรับเมนูอาหารอีสานสุดแซบที่ชวนกินของที่ร้านนี้มีมากมาย อย่างที่อยากแนะนำก็มี ส้มตำปูปลาร้า มะละกอกรุบกรอบได้รสชาติน้ำตำที่เข้มข้นกลมกล่อมแซบอีหลี น้ำตกหมู เนื้อหมูนุ่มชุ่มน้ำลาบรสจัดจ้าน คอหมูย่างจิ้ม เนื้อหมูเคี้ยวนุ่มหวาน ไก่ทอดหนังกรอบเนื้อไก่นุ่มกำลังดี ปลาดุกทอดกรอบเนื้อนิ่มนุ่มหวาน จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วแซบถูกปากดีแท้ รวมถึงยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่ากินอีกมากมาย อาทิ ลาบปลาดุก, ลาบหมู, แกงอ่อม, ยำมะเขือยาว, และอีกสารพัดเมนูอีสานสุดแซบอีหลี ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามกับป้อมตำรวจตรงบ้านป๋าเปรม จุดสังเกตเป็นบ้านอยู่ติดริมถนน หน้าบ้านมีต้นเฟื่องฟ้าขนาดใหญ่ เปิดจันทร์-เสาร์ (หยุดวันอาทิตย์) เวลา 09.00-17.00 น. โทร. 0-2281-8196
นานาเค้กชวนกินของร้านแซฟฟร่อน
       "แซฟฟร่อน” ร้านเบเกอรี่เล็กๆน่ารักๆ ที่อยู่คู่ถนนพระอาทิตย์มานานกว่า 10 ปี ที่ร้านนี้มีความโดดเด่นในเรื่องการทำเบเกอรี่โฮมเมดใหม่สดทุกวัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปให้ลูกค้าที่พิสมัยเบเกอรี่หอมๆ นุ่มๆ ได้มาลองลิ้มรสชาติกัน สำหรับเบเกอรี่เด่นๆ ที่ชวนชิมก็มี ทีรามิซุ มีความโดดเด่นอยู่ที่ความนุ่มของเนื้อเค้ก รสไม่หวานมาก ฮังกาเรียนวอลนัทเค้ก เค้กเนื้อร่วนนุ่มผสมเหล้าอ่อนๆและวอลนัท รสชาติหวานๆมันๆ แบล็คฟอเรสเค้ก เนื้อเค้กเป็นช็อคโกแลตนุ่มลิ้น ท็อปปิ้งเชอร์รี่เคลือบช็อคโกแลตและช็อคโกแลต รสชาติออกหวานเปรี้ยวกำลังดี
      
       นอกจากนี้ยังมีบานอฟฟี่, ไวท์ช็อค, พราลีนคอฟฟี่เค้ก, คุกกี้ลิ้นแมว, คุกกี้นิ่มอย่างอเมริกัน, บราวนี่อัลมอนต์ช็อคชิพคุกกี้, บลูเบอร์รี่พาย, พายแอปเปิ้ล, พายเชอร์รี่ และนอกจากเบเกอรี่หอมหวานแล้ว ที่ร้านนี้ยังมีเมนูอาหารคาวอันหลากหลายให้เลือกกินกัน อาทิ ข้าวมันน้ำพริกมะขามอ่อน, สปาเก็ตตี้คาโบนาราแบบแซฟฟร่อน, ราดหน้าทะเล, ข้าวราดผัดเผ็ดหมูยี่หร่า, สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล, ข้าวผัดน้ำพริกปลาร้าหมูสับ รวมถึงยังมีน้ำผลไม้ ชาและกาแฟ ให้ดื่มเพิ่มความสดชื่นใจอีกด้วย ร้านตั้งอยู่ที่ 86 ถ.พระอาทิตย์ ชนะสงคราม พระนคร กทม. เปิดทุกวันเวลา 08.00-21.00 น. ทางร้านรับสั่งทำเค้กล่วงหน้า 2 วันโทร.0-2281-4228
สารพัดลูกชิ้นเคี้ยวเด้งปากจากร้านลูกชิ้นปิ้งธงชัย
       "ลูกชิ้นปิ้งธงชัย" เป็นร้านขายลูกชิ้นปิ้งร้านเล็กๆ ของคุณธงชัย ลีลายิ่งยศ ที่เปิดขายลูกชิ้นปิ้งอย่างเดียวมานานถึง 20 กว่าปี ตรงบางลำพู ร้านนี้มีทีเด็ดอยู่ที่ลูกชิ้นที่ปิ้งอยู่บนเตาถ่านร้อนๆ และมาพร้อมกับน้ำจิ้มลูกชิ้นรสเด็ดนี่ แหละที่เชิญชวนให้กินเสียเหลือเกิน และต้องบอกไว้ด้วยว่าลูกชิ้นของที่นี่ไม่มีการใส่สารบอแรกซ์ให้ลูกชิ้นเด้ง ได้
      
       สำหรับลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ ที่ชวนกินของที่ร้านนี้จะมีให้เลือกอยู่ด้วยกันถึง 3 แบบ คือ มีลูกชิ้นหมู ที่เน้นเนื้อหมูและมีหนังหมูผสมอยู่ด้วย ทำให้ได้ลูกชิ้นหมูที่ลูกค้ามักเรียกว่าลูกชิ้นหมูเด้ง และก็มีลูกชิ้นเนื้อซึ่งที่นี่ก็มีลูกชิ้นเนื้อถึง 2 แบบให้เลือกกินกันคือ มีแบบลูกชิ้นเนื้อ ที่มีส่วนผสมของเนื้อวัวเป็นหลักโดยไม่ได้ผสมแป้งมาก และก็มีลูกชิ้นเอ็นเนื้อ ซึ่งเป็นลูกชิ้นเนื้อที่มีส่วนผสมของเอ็นวัวลงไปด้วย เมื่อมีลูกชิ้นปิ้งอร่อยๆ แล้วย่อมที่จะขาดน้ำจิ้มรสเด็ดไปไม่ได้ สำหรับน้ำจิ้มของที่นี่เป็นน้ำจิ้มแบบเข้มข้นที่ทางร้านทำเอง มีรสชาติกลมกล่อมหวาน เปรี้ยว เผ็ดกำลังดี กินเข้ากันกับลูกชิ้นที่เคี้ยวเด้งหนึบหนับอยู่ในปาก ร้านลูกชิ้นปิ้งธงชัยตั้งอยู่ที่หน้าร้านไอศกรีม Swensens สาขาบางลำพู อยู่ตรงหัวมุมปากทางถนนรามบุตรี จะเห็นเตาปิ้งลูกชิ้นเป็นจุดสังเกต เปิดทุกวัน (แต่วันจันทร์จะขายเฉพาะจันทร์ต้นเดือนกับปลายเดือน) เวลา 10.00-18.00 น. โทร. 08-9616-5810
ขนมเบื้องโบราณร้านละเมียด
       "ละเมียด" เป็นร้านขายขนมเบื้องไทยโบราณเจ้าเก่าแก่ที่อยู่ยั่งยืนยงคู่กับถ.ตะนาวมา นมนาน มีลุงพิมาย พุฒประเสริฐ เจ้าของร้านนั่งละเลงขนมเบื้องอยู่บนเตาร้อนๆ โชว์อยู่หน้าร้านให้เห็นกัน ต้องบอกเลยว่าเดี๋ยวนี้ขนมเบื้องโบราณแบบนี้หากินได้ยากแล้วในปัจจุบันนี้ แต่ถ้ามาที่ร้านละเมียดนี้จะได้อร่อยกับขนมเบื้องโบราณที่มีเอกลักษณ์ และมีความพิเศษของแป้งขนมเบื้องที่กรอบและหอม และไส้ขนมเบื้องของที่นี่มีให้เลือกกินอยู่ 2 ไส้ คือ ไส้หวาน และไส้คาว (หรือไส้เค็ม) ไส้หวานมีส่วนประกอบของมะพร้าวขูด ชิ้นฟักเชื่อม ลูกพลับแห้ง และฝอยทองที่ทางร้านทำเองรสชาติไม่หวานมาก ส่วนไส้เค็มหรือไส้กุ้ง เป็นการนำเอากุ้งมาสับละเอียด ผัดกับมะพร้าวขูดด้วยกระต่าย และผัดผสมกับมันกุ้ง ปรุงรสด้วยรากผักชี พริกไทย ออกมาเป็นไส้กุ้ง รสเค็มๆ มันๆ หอมกลิ่นพริกไทยอ่อนๆ
      
       และยังมีอีกหนึ่งความพิเศษของขนมเบื้องคือ มีขนมเบื้องใส่ไข่ โดยจะใส่เฉพาะไข่แดง เกลี่ยรวมไปกับหน้าสังขยา แล้วจึงเลือกใส่ไส้เค็ม ไส้หวาน หรือไส้ทูอินวันก็ได้ตามชอบ และนอกจากขนมเบื้องไทยโบราณแล้ว ที่นี่ยังมีขนมเบื้องญวนรสดีที่ชวนกินไม่แพ้กัน ร้านตั้งอยู่ที่ 286 ถ.ตะนาว หน้าวัดมหรรณพาราม กทม. การเดินทางจากสี่แยกคอกวัว ตรงมาที่ถ.ตะนาว ตรงเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงวัดมหรรณฯ ก็จะเห็นร้านละเมียดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 09.00-17.00 น. ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ด้วย (เฉพาะขนมเบื้องไทย) โทร. 0-2224-2117
บ๊วยเกี๊ยหวานเย็นจากร้านบ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย
       "บ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย" ร้านนี้ขายขนมหวานเย็นที่มีชื่อว่า "โบ๊กเกี้ย" "โบ๊ะเกี๊ย" หรือ"บ๊วยเกี้ย" เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งของคนจีนไหหลำ ที่นับวันขนมหวานชนิดนี้จะหากินได้ยากแล้วในบ้านเรา แต่ว่ายังมีเจ๊น้อย หรือคุณคำปัง ประชุมเหล็ก แฟนพันธมิตรของเราได้ทำบ๊วยเกี๊ยะนี้ขึ้นมาขาย ซึ่งเป็นแบบสูตรของคนจีนไหหลำแท้ๆ
      
       บ๊วยเกี้ยทีนี่มีเครื่องที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เรียกว่าเป็นดัง พระเอกของขนมชนิดนี้นั่นก็คือ ตัวบ๊วยเกี้ย ที่มีลักษณะคล้ายกับลอดช่องแต่ว่ามีสีขาว ซึ่งตัวบ๊วยเกี้ยนี้เจ๊น้อยจะลงมือทำด้วยตัวเองแบบสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน และปั้นด้วยมือทุกตัว ขนมหวานบ๊วยเกี้ยของที่ร้านนี้จะใส่เครื่องหลายอย่าง มีบ๊วยเกี้ย แล้วก็มันเชื่อม ถั่วแดงเม็ดเล็กๆ แปะก๊วยและถั่วลิสงที่คั่วเองแบบสดใหม่ ซึ่งขาดไม่ได้เลยถ้ากินบ๊วยเกี้ยแบบสูตรไหหลำแท้ๆ จะต้องโรยถั่วลิสงมาด้วยและยังมีเฉาก๊วยและลูกชิดใส่มาด้วย (ลูกค้าสามารถเลือกสั่งเฉพาะเครื่องที่ชอบได้) และราดด้วยน้ำเชื่อมที่มีให้เลือกอยู่ 2 แบบคือ น้ำเชื่อมที่ทำมาจากน้ำตาลทรายแดง หรือที่เรียกว่าโอทึ้งเคี่ยวใส่ใบเตยหอมหวาน หรือจะเลือกน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายขาวธรรมดาๆ และก็ใส่น้ำแข็งป่นมาด้วย ลิ้มรสชาติบ๊วยเกี้ยเย็นๆ สดชื่นฉ่ำใจจริงๆ ร้านตั้งอยู่ที่ 267/3 ถ.เจริญกรุง 67 แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. การเดินทางมาตามถ.เจริญกรุง มาจนถึงซ.เจริญกรุง 67 (หรือตลาดแสงจันทร์) ให้เลี้ยวเข้าซอยแล้วตรงมาจากปากซอยมาประมาณ 300 ม. จะเห็นป้ายร้านบ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย สีเหลืองติดอยู่ตรงหน้าปากตรอกเล็กๆ เดินเข้ามาก็จะเห็นร้านตั้งอยู่ด้านใน เปิดทุกวัน เวลา 12.00-22.00 น. โทร.0-2211-4812, 08-7823-1884
      
       แล้วทั้งหมดนี้ก็คือบรรดาร้านอาหารของพี่น้องผองเพื่อนพันธมิตร ที่ต่างก็มีอาหารรสเด็ดนานาชนิดให้แฟนๆ นักกินได้เลือกไปอิ่มหนำกันให้สุขสำราญใจ ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000159881

"โฮมควิซีน" รสเลิศ อาหารฮาลาลแท้

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มกราคม 2553 17:52 น.
ยามค่ำบนดาดฟ้าชั้น25 ของห้องอาหาร “The roof”
       การกินอาหารดีๆสักมื้อนั้น นอกจาก รสชาติอาหารจะต้องถูกปาก บริการจะต้องถูกใจเราแล้วนั้น เรื่องของบรรยากาศก็เป็นสักสำคัญที่จะช่วยเพิ่มสุนทรีย์ในการกินให้เราได้
      
       "ตระเวนกิน"ก็เลยพาตัวเองไปอิ่มเอมลิ้มรส ในบรรยากาศยากาศดีๆกันที่ ห้องอาหาร "The roof" โรงแรมสยาม แอ็ทสยาม ดีไซน์ โฮเต็ล แอนด์สปา ย่านปทุมวัน ห้องอาหารที่ตั้งอยู่มุมสูงสุดของโรงแรม บนชั้นดาดฟ้าที่ 25 ภายใต้คอนเซ็ปต์ SKYDINE DESIGN ON 25 ความโดดเด่นของที่นี่ คือ เราสามารถมองเห็นวิวกรุงเทพฯได้รอบทิศ360 องศา เห็นทั้ง ภูเขาทองที่วัดสระเกศ พระที่นั่งอนันตสมาคม วัดเบญจมบพิตร สนามศุภฯ(อยู่ติดกันเลย) สนามม้านางเลิ้ง เป็นต้น
อีกหนึ่งมุมของ “The roof”
       ด้านการออกแบบของห้องอาหารก็เก๋ไก๋ด้วยแนวIndustrial HIP Design และ งานตกแต่งภายในแบบ Industrial-Art Design ใช้วัสดุหลักในการทำเสา คานและแนวระเบียงเป็นเหล็กและสแตนเลส ภายใต้โทนสีร้อนอย่างแดง น้ำเงิน สลับกับโทนสีส้มที่ให้ความอบอุ่น ในอารมณ์เหมือนกินอาหารอยู่ที่บ้าน
      
       ส่วนเมนูอาหารก็โดดเด่นไม่แพ้สถานที่ เพราะเป็นอาหารแนว Europe Stone Grill เป็นเมนูอาหารที่ต้องเสิร์ฟบนหินร้อน ซึ่งเป็นหิน Volcano Stone หินคืนสภาพหลังการระเบิดของภูเขาไฟลาวา ซึ่งสามารถเก็บความร้อนและปรุงอาหารได้นานถึง 20 นาที ด้วยอุณหภูมิความร้อนในหินสูงกว่า 400 องศาเซลเซียส ย่างอาหารให้สุกได้ทันใจ
Australian Lamp Chops บนหินร้อน
       ว่าแล้วก็ต้องลองของกันหน่อยด้วยการสั่ง Australian Lamp Chops (1,100 บาท++) ซี่โครงแกะออสเตรเลีย ที่คัดสรรคุณภาพพิเศษ เสิร์ฟแบบสดๆบนโต๊ะ ก่อนจะถูกนำไปย่างบนหินภูเขาไฟ โดยการย่างนั้นหากลูกค้าต้องที่จะย่างเองก็สามารถทำได้ แต่ถ้าหากต้องการแบบสบายๆเขาก็มีบริกรทำหน้าที่คอยย่างให้ เมื่อสุกแล้วก็จะได้ซี่โครงแกะรสหอม หวาน เนื้อนุ่ม
      
       ขึ้นบกแล้วลงทะเลกันบ้าง อีกหนึ่งจานที่พร้อมเสิร์ฟกับหินภูเขาไฟ คือ Mixed grill (1,300บาท++) เป็นประเภทย่างรวมมิตร ได้แก่ กุ้งลายเสือจัมโบ้ หอยเชลล์ยูเอส สเต็กปลาแซลมอนจากแทสมาเนียน สด หวาน กลมกล่อม
Mixed grill
       อ้อ...แล้วที่ขาดไปเสียมิได้ก็คือ น้ำจิ้มหลากหลายรสชาติกว่า11ชนิด ที่จะเสิร์ฟมา อย่างน้อย 3รสชาติไว้ให้เลือกลิ้มชิมรสกันแต่ละแบบก็ปรุงรสแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกัน คือ เข้าคู่กับเมนูย่างๆของเราได้ดีทุกตัว ทั้ง พริกฝรั่งอบพร้อมด้วยกระเทียมหมักในน้ำมันมะกอกกับซอสบาร์บีคิวรสส้ม หรือจะเป็น มะเขือม่วงหมักในน้ำมันมะกอก ซอสพริกไทยดำ ก็เข้าท่า หรือเป็น มะเขือเทศแดง และเขียวหมักซาลซ่าซอสครีมพริกไทอ่อน ก็เข้าที
Trio of Norwegian Salmon
       แล้วเปลี่ยนอารมณ์ด้วยการสั่ง Trio of Norwegian Salmon (490บาท++)เมนูปลาแซลมอน 3 สไตล์ ทั้งแซลมอนรมควัน แซลมอนดิลมัสตาด และแซลมอนแช่เย็นสไลด์ เสริฟกับฮอสราดิสครีมซอส และอโวคาโดสลัด กลมกล่อมเข้ากัน
Mixed mushroom frittata with smoked salmon
       ต่อด้วยMixed mushroom frittata with smoked salmon (350บาท++) ฟริททาร์ทาร์เห็ดรวมกับแซลมอนรมควัน ใช้ปลาแซลมอนรมควัน เห็ดชิตาเกะผัดกับพริกสามสี ปรุงรสแบบลับเฉพาะ ก่อนนำเข้าเตาอบ 30 นาที จนเนื้อฟูเนียนเวลาเสิร์ฟตัดเป็นชิ้น ๆ สามเหลี่ยม วาง Smoked salmon และผักร็อกเก็ตคุลกกับ Balsamic sauce รสชาติหวานมัน เค็มนิดๆ
3 kind of cheeses
       และอีกเมนูกับ3 kind of cheeses (400บาท++) ชีสรสเยี่ยมจากทุกมุมโลกมารวมกันที่นี่ สามารถเลือกสั่งชีสได้ 3 อย่าง อาทิ เอ็มเมนตาล (Emmental) ชีสแบบสวิส รสออกหวานจัดเป็นชีสที่พิถีพิถันในการทำและทำยากมากที่สุดชนิดหนึ่งในบรรดา ชีสสวิส หรือจะเป็นแบบที่สอง บรี (Brie) ชีสสัญชาติฝรั่งเศส ชีสคุณภาพเยี่ยม กลิ่นหอมละเลียดลิ้น เหมาะสำหรับการกินคู่แชมเปญสักแก้ว ชีสอีกตัวที่แนะนำคือสัญชาติฝรั่งเศสเช่นกัน โรโบลช็อง (Reblochon)หนึ่งในชีสยุคต้นตำรับแห่งฝรั่งเศส เสิร์ฟดัวยขนมปังเคร็กเกอร์ ขนมปังเฟร้นเบรด องุ่นไร้เมล็ด 1 ช่อ ตามด้วยถั่ววอลนัท Quince Paste และองุ่นแห้งนอก
Pistachio & strawberry mousse topped with lemon glace
       ตบท้ายให้กระเพาะกันด้วยเมนูแนะนำที่ทาง The roof ภูมิใจนำเสนอกับของหวานอย่าง Pistachio & strawberry mousse topped with lemon glace (350บาท++) โดดเด่นด้วยสตอเบอรี่มูสกับพิสตาชิโอ ราดด้วยแยมรสมะนาว,Passion Fruit parfait with bitter chocolate cream (350บาท++) แพทชั่นฟรุตพาเฟ่เสิร์ฟฟกับครีมรสช็อกโกแลต พร้อมค็อกเทลไว้จิบสไตล์สยาม แอ็ม สยามกับ Cocktail Siam @ Siam (250บาท++) และทุกเดือนที่นี่ยังมีการจัดงาน Full Moon Dining อีกด้วย ใครที่เสาะหาบรรยากาศดีๆกินมื้อหรูๆแบบไม่ซ้ำใคร ลองแวะไปได้ที่ "The roof"
Passion Fruit parfait with bitter chocolate cream
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       
“The roof Restaurant” ตั้งยู่ที่ ชั้น 25 โรงแรมสยามแอ็ทสยามดีไซน์ โฮเต็ล แอนด์ สปา ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติปทุมวัน กทม. การเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า-สนามกีฬาแห่งชาติ มุ่งหน้าสู่ซอยเกษมสันต์3จะพบที่ตั้งของโรงแรมอยู่ทางด้านซ้ายมือของปากซอย เปิดให้บริการ ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 23.00 น. มีที่จอดรถภายในโรงแรม ควรจองก่อนล่วงหน้า สอบถามและสำรองที่นั่งได้ที่โทร. 0 -2217- 3070, 08- 7989 -2525
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000000298

ลุกเดินในเวลางาน ลดความเสี่ยงหัวใจวายได้



เกร็ดสุขภาพ

ลุกเดินในเวลางาน ลดเสี่ยงหัวใจวายได้ (ไทยโพสต์)

          งาน วิจัยซึ่งตีพิมพ์ผลงานนี้ในวารสาร European Heart Journal พบว่า คนที่หยุดพักวางมือลุกจากโต๊ะทำงาน เดินไปคุยกับเพื่อน หรือชงกาแฟเป็นพัก ๆ แทนที่จะจมอยู่กับที่ทั้งวัน มีความเสี่ยงลดลงที่จะเกิดอาการหัวใจวาย

          โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ออสเตรเลียบอกว่า คนที่ลุกเดินในสำนักงานเป็นช่วง ๆ แม้เพียงห้วงเวลาสั้น ๆ แค่นาทีเดียว มีโอกาสน้อยลงที่จะมีน้ำหนักตัวมากเกิน และมีความดันโลหิตสูง เพราะการหยุดพักเป็นระยะในระหว่างเวลาทำงาน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจได้

          นักวิจัยพบว่า คนที่ลุกเดินเป็นครู่ ๆ รวมแล้ววันละ 2 ชั่วโมง มักมีรอบเอวบาง และความดันโลหิตไม่สูง โดยทีมวิจัยได้ศึกษาพฤติกรรมของผู้ใหญ่ 4,757 คนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ให้ผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยได้สวมอุปกรณ์วัดระยะเวลาที่ใช้ในการเดิน และวิ่ง รวมทั้งขนาดรอบเอว ความดันโลหิต ระดับโปรตีนจำพวกซี-รีแอคทีฟ ซึ่งมักมีอยู่สูงในคนที่เสี่ยงต่อโรคหัวใจ

          ทั้งนี้ หลังจากสิ้นสุดการทดลอง พบว่า กลุ่มคนที่หยุดพักบ่อยที่สุด มีเส้นรอบเอวน้อยกว่าพวกที่นั่งทั้งวันถึง 4 เซนติเมตร

          ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะค่ะ!!!



http://health.kapook.com/view21089.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินได้แต่ไม่ควรเกินวันละ 1 ซอง


บะหมี่สำเร็จรูป
บะหมี่สำเร็จรูป

บะหมี่สำเร็จรูปกินได้แต่ไม่ควรเกินวันละ 1 ซอง (มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค)


          แนะกินบะหมี่อย่างปลอดภัย ไม่กินเกินวันละ 1 ซองควรจะใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป

          นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร บรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ ให้ความเห็นต่อการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปว่า นิตยสารฉลาดซื้อ เคยทำการสำรวจปริมาณโซเดียมหรือเกลือ อันตรายที่ซ่อนในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่าจากการเก็บตัวอย่าง จำนวน 32 ตัวอย่าง ฉบับที่ 68 มาทดสอบโดยสถาบันอาหาร เพื่อหาปริมาณโซเดียมที่มีอยู่ในเครื่องปรุงรส พบว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่มีปริมาณโซเดียมร้อยละ 50-100 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน และมีบางยี่ห้อที่ทำขนาดใหญ่กว่าปกติ ที่เรียกว่าบิ๊กแพ็ค พบว่ามีโซเดียมสูงถึงร้อยละ 112 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคแต่ละวัน

          "การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่า 1 ซองต่อวัน โดยใช้เครื่องปรุงทั้งซอง จะทำให้ได้รับโซเดียมมากเกินไป เพราะแต่ละวันจะได้รับปริมาณโซเดียมจากเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา ซอส เกลือ สูงอยู่แล้ว ที่ผ่านมา เคยมีการวิจัยถึงปริมาณการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนไทยในปี 2548 พบว่า มีมากถึง 120,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 9,500 ล้านบาท หากจะเทียบกับซองบะหมี่มาตรฐานที่บรรจุซองละ 60 กรัม หมายความว่าคนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึง 2,000 ล้านซองต่อปี โดยปัจจัยสนับสนุนให้คนไทยบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปจำนวนมาก น่าจะเป็นเพราะสินค้านี้มีหลายรส หลายระดับราคาให้เลือก ปรุงได้สะดวกรวดเร็ว" บรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อกล่าว

          ปริมาณ โซเดียมที่แนะนำไว้ในบัญชีสารอาหาร ที่ควรบริโภคในแต่ละวันสำหรับคนไทย อยู่ที่ 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ขณะนี้การบริโภคเกินกว่ากำหนด และถือเป็นความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้ เป็นโรคหัวใจ เพราะฉะนั้น จึงมีการทบทวนปริมาณโซเดียมที่ควรบริโภคต่อวัน โดยปริมาณใหม่ที่แนะนำให้บริโภคจะอยู่ที่ ผู้ชายควรบริโภค 475-1,475 มิลลิกรัม ผู้หญิงควรอยู่ที่ 400-1,200 มิลลิกรัม

          พร้อมแนะนำการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปว่าควรจะใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ไม่ควรทานบะหมี่สำเร็จรูปดิบ ๆ เพราะเส้นบะหมี่จะไปพองตัวในกระเพาะ อาจทำให้ท้องอืดได้ และไม่ควรทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่าวันละ 1 ซอง เพื่อป้องกันโรคที่เกิดกับไต และโรคความดันโลหิต


http://health.kapook.com/view21015.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, ฉลาดซื้อ.com

เตือนลวดเย็บกระทงขนม อันตราย!!!






อย.เตือนอันตรายจากลวดเย็บกระดาษเย็บกระทงขนม (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
        อย.หวั่น! ผู้บริโภคอาจได้รับอันตรายจากลวดเย็บกระดาษที่ใช้เย็บกระทงขนม อาจตกหล่นลงไปในอาหาร เพราะปัจจุบันมีผู้ผลิตหลายราย มักนิยมนำมาเย็บถุงหรือกระทงบรรจุอาหารแทนไม้กลัด อย.ขอให้ผู้ผลิตหลีกเลี่ยงที่จะนำลวดเย็บกระดาษมาใช้เย็บกระทงขนม เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคโดยเฉพาะเด็กที่โชคร้ายกลืนสิ่งของที่ไม่พึงประสงค์ เข้าไป ส่วนผู้บริโภคเองขอให้ระมัดระวังควรสำรวจอาหารก่อนนำเข้าปากว่ามีลวดเย็บ กระดาษปะปนอยู่หรือไม่
        นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา อย. เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ผลิตหลายรายมักนิยมนำลวดเย็บกระดาษมาเย็บถุงหรือกระทงบรรจุอาหาร เนื่องจากมีความสะดวกและรวดเร็วในกระบวนการผลิต อาทิ กระทงขนมตาล ขนมกล้วย ขนมถ้วยโบราณ ขนมตะโก้ และห่อหมก ซึ่งในความเป็นจริงหากผู้บริโภคซื้อไปรับประทานโดยไม่ทันระวัง ลวดเย็บกระดาษอาจจะตกลงไปในอาหารและเมื่อรับประทานเข้าไปก็อาจก่อให้เกิด อันตรายต่อร่างกายได้ ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายในการรับประทานอาหาร กลุ่มนี้มากที่สุดคือ เด็ก ๆ ที่มักจะไม่ค่อยระวังในการบริโภค หากผู้ใหญ่ไม่ได้ดูแลอย่างใกล้ชิด เด็กอาจกลืน ลวดเย็บกระดาษเข้าไปติดที่บริเวณโคนลิ้น ผนังคอ ต่อมทอนซิลหรืออาจลึกลงไปถึง ฝาปิดกล่องเสียงอาจทำให้เกิดอาการเจ็บคอเวลากลืนน้ำลายหรืออาหาร หากโชคดีก็สามารถคายออกมาเองได้ แต่บางรายอาจอันตรายถึงขั้นต้องพบแพทย์เพื่อผ่าตัด

        เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่อาจมองข้าม อย.จึงขอความร่วมมือผู้ผลิตควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก จึงขอให้ผู้ผลิตใช้วัสดุชนิดอื่น เช่น ไม้กลัดซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่และสามารถมองเห็นได้ชัดเจน หรือวิธีการบรรจุอื่น ๆ ที่ปลอดภัยแทนการใช้ลวดเย็บกระดาษ และห้ามมิให้ผู้ผลิตใช้ลวดเย็บกระดาษสัมผัสกับอาหารโดยตรง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และขอเตือนผู้บริโภคให้มีความระมัดระวังในการบริโภคอาหารที่มีลวดเย็บกระดาษ ติดอยู่ อีกทั้งหากจะซื้ออาหารที่ใช้ลวดเย็บกระดาษให้เด็กหรือผู้สูงอายุรับประทาน ควรเพิ่มความระมัดระวังและดูแลอย่างใกล้ชิด โดยควรนำอาหารเทใส่ภาชนะก่อน แทนการรับประทานจากถุงหรือกระทงที่ใช้ลวดเย็บกระดาษโดยตรง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ตัวท่านเองและคนใกล้ชิดของท่านอีกด้วย



http://health.kapook.com/view21036.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

เชื้อโรคร้าย ที่มาจากเครื่องใช้ IT


คอมพิวเตอร์


เชื้อโรคที่มาจากเครื่องใช้ IT (Modern Mom)
โดย: ผศ.นสพ.ดร.ศุภชัย เนื้อนวลสุวรรณ ภาควิชาสัตว์แพทยสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

          การใช้ชีวิตในปัจจุบันของเรานั้นมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องใช้ IT อาทิ โน้ตบุ๊ก แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์ ซึ่งส่วนประกอบของอุปกรณ์ทั้งคีย์บอร์ด และเม้าส์ ล้วนสัมผัสโดยตรงกับตัวผู้ใช้ แล้วอุปกรณ์เหล่านี้นี่เองที่เป็นประตูของเชื้อโรคสู่ร่างกาย

          หมอซุปเชื่อครับว่า ตั้งแต่เริ่มใช้อุปกรณ์เหล่านี้ คงนับคนได้เลยที่จะมีการทำความสะอาด หรือฆ่าเชื้อโรคหน้าสัมผัสของอุปกรณ์เหล่านี้ และจนถึงวาระสุดท้ายของเครื่องมือเหล่านี้ ไม่ว่าจะล้าสมัย หรือเสียหายคามือ ก็ยังไม่เคยได้ลิ้มรสความสะอาดเลย

          ประเด็นที่หมอซุปอยากจะกระตุ้นเตือนบรรดาผู้ใช้งานคือ ให้ระมัดระวังเรื่องความสะอาด รวมไปถึงการปนเปื้อนของเชื้อโรค ซึ่งการใช้มือ นิ้วมือแตะสัมผัสกับคีย์บอร์ด กุมเม้าส์ เพื่อสั่งงานคอมพิวเตอร์นั้นย่อมได้รับเชื้อโรค สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งานส่วนบุคคลก็อาจจะพอควบคุมความสะอาดได้บ้าง แต่อุปกรณ์ที่มีการใช้งานอย่างสาธารณะ โดยเฉพาะร้านอินเทอร์เน็ต จุดบริการอินเทอร์เน็ตที่สนามบิน โรงพยาบาล โรงแรม ฯลฯ ที่ไม่มีการจำกัดผู้ใช้งานต้องระมัดระวังครับ

เชื้อโรคแฝงจาก IT

          เชื้อโรคที่ควรให้ความระมัดระวัง ก็คงหนีไม่พ้น 2 กลุ่มใหญ่ คือ แบคทีเรียและไวรัส ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้ ก็ทำให้เจ็บป่วยได้อย่างรุนแรงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยก็ว่าได้

          แบคทีเรีย ที่ปนเปื้อนมักจะทำให้เกิดอาการ ไข้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ บางกรณีอาจจะรุนแรงกระทั่งถ่ายเป็นมูกเลือดเลยทีเดียว นอกจากนี้แล้วอาการโรคอาหารเป็นพิษจากแบคทีเรียบางชนิด อาจจะทำให้เกิดอาการไตวายในเด็กได้ด้วย

          ไวรัส ที่ก่อโรค อาจจะแบ่งได้เป็นกลุ่มที่ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร เหมือนแบคทีเรีย ซึ่งพบว่าก่อโรคได้ทุกเพศ ทุกวัย และกลุ่มที่ก่อให้เกิดโรคตับอักเสบ อย่างที่หมอซุปเคยเล่าให้ฟังกรณีของการปนเปื้อนน้ำทะเลครับ

          ข้อ แนะนำ: เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรคในสถานการณ์ต่าง ๆ คือ การทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคที่ผิวสัมผัสของคีย์บอร์ดและเม้าส์อย่างสม่ำเสมอ ก่อนการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ควรมีการล้างทำความสะอาดมือและนิ้วมือด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการใช้ห้องน้ำด้วย เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่อาจจะมาจากทางเดินอาหาร และปนเปื้อนไปสู่หน้าสัมผัสของอุปกรณ์ ซึ่งเท่ากับเป็นการวางยา (เชื้อโรคที่ปนเปื้อน) ไปสู่ผู้ใช้งานคนถัด ๆ ไป (หมายความว่า อาจจะมีเหยื่อมากกว่า 1 ราย)

          แม้ว่าเชื้อโรคส่วนมากจะไม่สามารถเจริญเติบโตบนผิวสัมผัสเหล่านี้ได้ แต่เชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่อาจจะยังไม่ตาย เพียงแต่รอเวลาให้ผู้โชคร้ายรายต่อไป รับเอาเชื้อโรคเข้าสู่ทางเดินอาหาร แล้วก่อให้เกิดโรคต่อไป

          นอกจากนี้ให้อนุมานว่า อุปกรณ์ IT สาธารณะไม่สะอาด ดังนั้น ระหว่างการใช้งาน ไม่ควรใช้มือหรือนิ้วมือ นำอาหารเข้าปากเป็นอย่างยิ่ง และที่ลืมไม่ได้ คือ การล้างมือทำความสะอาดหลังการใช้งานอุปกรณ์ ITสาธารณะทุกชนิด ในทุกสถานที่ด้วยครับ


http://health.kapook.com/view20892.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

สธ.เตือนร้านค้าอย่าใช้น้ำมันทอดซ้ำเกิน 2 ครั้ง




น้ำมัน


จุรินทร์เตือนร้านค้าอย่านำน้ำมันทอดซ้ำเกิน 2 ครั้งมาใช้ (กระทรวงสาธารณสุข)

          "จุ รินทร์" เตือนร้านค้าอย่านำน้ำมันทอดซ้ำเกิน 2 ครั้งมาใช้ เนื่องจากมีอันตราย เผยผลการตรวจในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบน้ำมันทอดซ้ำ ตกมาตรฐานร้อยละ 5 ชี้หากฝ่าฝืน มีโทษปรับ 5 หมื่นบาท ฐานจำหน่ายอาหารไม่ได้มาตรฐาน

          วันนี้ (26 มกราคม 2554) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการนำน้ำมันทอดซ้ำมาใช้ว่า เนื่องจากขณะนี้น้ำมันปาล์มราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเกรงว่า ผู้จำหน่ายอาหารจะนำน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารแล้วไปใช้ทอดซ้ำหลายครั้ง จะเป็นอันตรายกับผู้บริโภค เพราะการนำ น้ำมันมาทอดซ้ำหลายครั้ง จะมีสารโพลาร์เป็นซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นระหว่างการทอดอาหาร มีฤทธิ์ต่อการกลายพันธุ์ คือทำให้เซลล์ดีกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้

          นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า จากการสุ่มตรวจตัวอย่างน้ำมันที่ใช้ทอดอาหาร ในร้านขายอาหารในปี 2553 จำนวนทั้งหมด 4,397 ตัวอย่าง พบมีสารโพลาร์เกิน 294 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 6.69 ของตัวอย่างที่ตรวจทั้งหมด ในช่วงวันที่ 1–14 มกราคม 2554 ได้ตรวจน้ำมันทอดซ้ำในเขตพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล 494 ตัวอย่าง พบน้ำมันทอดซ้ำไม่ได้มาตรฐานร้อยละ 5.06 เช่น น้ำมันทอดลูกชิ้น จากตรวจ 58 ตัวอย่าง พบตกมาตรฐาน 3 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 5.18 น้ำมันทอดไก่ ตรวจ 108 ตัวอย่าง ตกมาตรฐาน 5 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 4.63 น้ำมันทอดปลา ตรวจ 41 ตัวอย่าง พบตกมาตรฐาน 1 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 2.44 เป็นต้น

          นายจุรินทร์กล่าวต่อไปอีกว่า ผู้ที่จำหน่ายอาหาร ถ้าใช้น้ำมันทอดซ้ำเกิน 2 ครั้ง มีสารโพลาร์เกินมาตรฐาน จะมีความผิดฐานจำหน่ายอาหารไม่ได้มาตรฐาน มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท โดยมาตรฐานน้ำมันทอดซ้ำ จะมีสารโพลาร์ได้ไม่เกินร้อยละ 25 ต่อน้ำหนักน้ำมันที่ใช้ ซึ่งที่ผ่านมาหากพบทำผิดครั้งแรกจะทำการตักเตือน แต่หากพบทำผิดซ้ำจะดำเนินการปรับทันที

          สำหรับการนำน้ำมันมาใช้ทอดอาหารซ้ำ ไม่ควรใช้เกิน 2 ครั้ง หลังจากใช้ทอดครั้งแรกแล้วจะต้องกรองกากทิ้งก่อน จึงจะสามารถนำน้ำมันมาใช้ทอดครั้งที่ 2 ได้ และควรทิ้งทันที เพราะจะมีสารโพลาร์สูงเกินมาตรฐาน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

          "อาหารประเภททอด ถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้น้ำมันสัตว์ เช่น น้ำมันหมู น้ำมันวัว เนื่องจากมีโคเลสเตอรอลสูงมาก สำหรับอาหารประเภทผัด ควรใช้น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันข้าวโพด หรือน้ำมันดอกคำฝอยได้" นายจุรินทร์กล่าว



http://health.kapook.com/view20966.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เตือนดื่มกาแฟสด เสี่ยงเบาหวาน-โรคอ้วน


กาแฟ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          แพทย์ เตือนดื่มกาแฟสดเสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน พร้อมเตือนเครื่องดื่ม-อาหารเสริม ที่โฆษณาว่า มีกรดอะมิโอแอคซิส ไม่ได้ช่วยบำรุงสมองและร่างกายดังที่อ้าง

          นพ.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษาสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้นิยมดื่มกาแฟสดมากขึ้น แต่จากผลวิจัยของสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย พบว่า กาแฟ สดมีแคลอรีสูงมาก โดยการดื่มกาแฟสด 1 แก้ว จะให้พลังงานสูงเท่ากับการทานข้าวมากถึง 7 ทัพพี และถ้าหากผู้ดื่มเติมน้ำตาล หรือครีมเพิ่มเข้าไปอีก ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน และโรคอ้วนมากขึ้นไปด้วย

          ทั้งนี้ นพ.สง่า กล่าวด้วยว่า นอกจากกาแฟสดแล้ว ปัจจุบันคนยังนิยมทานอาหารเสริม และเครื่องดื่มที่อ้างว่า มีส่วนประกอบของโปรตีน หรือกรดอะมิโอแอคซิส ซึ่งโฆษณาว่า มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย เสริมสร้างการทำงานของสมองและระบบประสาท แต่ ในความเป็นจริงแล้ว กรดอะมิโนแอซิสจะทำงานได้ดีนั้น ต้องประกอบไปด้วยส่วนประกอบอีกกว่า 20 ชนิด ดังนั้น เครื่องดื่มหรืออาหารเสริมที่อ้างในโฆษณา จึงไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะบำรุงร่างกายและสมองดังที่กล่างอ้าง ซึ่งถ้าหากต้องการเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่จะดีที่สุด




http://health.kapook.com/view21166.html
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

วิจัยชี้ เช้าวันอังคาร คนทำงานเครียดที่สุด






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          แม้ว่าวันจันทร์จะเป็นวันเริ่มต้นของการทำงาน ที่มีอะไรรอให้คนวัยทำงานอย่างเรา ๆ ต้องสะสางอีกมากมาย แต่ใครจะเชื่อบ้างว่า วันที่เครียดที่สุดสำหรับคนวัยทำงาน ไม่ใช่วันแรกของการทำงานอย่างวันจันทร์หรอกค่ะ แต่มันคือ วันอังคารต่างหาก

          เว็บไซต์เดลิเมล์ ของอังกฤษ รายงานว่า ทีมนักวิจัยชาวอังกฤษชี้ คนวัยทำงานมักจะตกอยู่ในภาวะเครียดมากที่สุดในช่วงเช้าของวันอังคาร โดยเฉพาะในช่วงเวลาประมาณ 10 โมงเช้า โดยงานวิจัยระบุว่า ในวันทำงานวันแรกของสัปดาห์อย่างวันจันทร์ คนวัยทำงานมักจะใช้ความสนใจกับการพูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องราวสนุกสนานที่พบเจอมาในช่วงวันหยุด หรือพูดคุยเกี่ยวกับรายการทีวี ภาพยนตร์ที่ไปดูมา มากกว่าจะเร่งเครื่องเดินหน้าสะสางงานที่กองอยู่ตรงหน้า บรรยากาศการทำงานในวันจันทร์จึงเหมือนเป็นการเตรียมพร้อมโหมงานหนัก และวางแผนการทำงานในสัปดาห์เสียมากกว่า

          ส่วน วันอังคารนั้น ถือเป็นวันที่ได้ลงมือทำอย่างแท้จริง และคนวัยทำงานส่วนใหญ่ก็มักจะให้ความสนใจกับงานที่อยู่ตรงหน้า อีกทั้งยังต้องเริ่มเดินเครื่องทำงานต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างจริงจัง และก็ยังมีความกังวลและความกดดันอีกมากมาย เกี่ยวกับงานที่ทำว่าจะเสร็จทันเวลาหรือไม่ บางคนก็ต้องให้ความสนใจอย่างละเอียดกับอีเมล์งานที่ส่งมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หลังจากที่ได้อ่านมันผ่าน ๆ ไปบ้างแล้วในวันจันทร์ และงานต่าง ๆ ก็เริ่มกองทับถมกันให้สะสางภายในเวลาที่เหลืออยู่เพียงแค่ 4 วันเท่านั้น ดังนั้น บรรยากาศการทำงานในเช้าวันอังคารที่ทุกคนต้องเอาจริงเอาจังกับงาน ก็เลยดูเหมือนจะเงียบเชียบ และเคร่งเครียดมากกว่าทุกวัน เพราะพนักงานมักจะจับจ้องอยู่กับงานบนโต๊ะทำงานของตัวเอง มากกว่าจะนั่งผ่อนคลายอารมณ์และเตรียมพร้อมเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนกับเช้าวันจันทร์

          นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า 3 ใน 4 ของพนักงานบริษัทในอังกฤษ จะเผชิญกับภาวะเคร่งเครียดที่สุด ตั้งแต่เริ่มทำงานตอนเช้าไปจนถึงเวลาประมาณ 11.15 น. ของทุกวันทำงาน ขณะที่ 1 ใน 5 ของพนักงานบริษัทจะรู้สึกเครียดที่สุดในช่วงก่อน 09.00 น. ส่วนสาขาอาชีพที่พบกับความเครียดมากที่สุด ได้แก่ งานการตลาด การขาย และการเมืองท้องถิ่น

          อย่างไรก็ดี แม้ว่าคนทำงานจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่เครียดที่สุดในวันอังคาร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกวันอังคารจะเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดสำหรับวัยทำงานอย่างเรา ๆ เลยแม้แต่น้อย หากเราเตรียมตัวรับมือกับมัน ด้วยการทำจิตใจให้แจ่มใส เตรียมพร้อมสู่การโหมงานหนักในวันนี้ ไม่ว่าจะด้วยการออกกำลังกายในตอนเช้า ทำสมาธิให้สมองปลอดโปร่ง หรือฟังเพลงเบา ๆ ให้อารมณ์ดี เพียงแค่นี้ก็อาจจะเปลี่ยนเช้าวันอังคารที่เครียดที่สุดให้กลายเป็นเช้าวัน ธรรมดาวันหนึ่งก็เป็นได้

http://health.kapook.com/view21106.html