ตั้งสติและมองโลกในแง่ดี รับความเครียดหลังน้ำลด



น้ำท่วม สุขภาพจิต


ตั้งสติและมองโลกในแง่ดี รับความเครียดหลังน้ำลด (ไทยโพสต์)

          ความ เครียดที่เกิดขึ้นในช่วงน้ำท่วมนั้น เป็นสิ่งที่สร้างผลเสียต่อทั้งสุขภาพจิตใจ และร่างกายของผู้ที่กำลังประสบเหตุการณ์เป็นอย่างมาก เพราะในช่วงดังกล่าว เป็นเวลาที่คนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิต หรือทรัพย์สิน พญ.เรขา กลลดาเรืองไกร จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ได้ออกมาเผยถึงวิธีรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นในช่วงหลังน้ำลดว่า

          อย่าง แรกนั้นคือ ต้องตั้งสติให้ได้ก่อน และอย่าตระหนกตกใจมากจนเกินไป จากนั้นให้คิดว่าจะต้องทำอะไรต่อไป เช่น การขนย้ายสิ่งของที่จำเป็นไว้ในที่สูง หรือพาตนเอง หรือครอบครัวไปอยู่ในที่ปลอดภัย โดยอย่าจมอยู่กับความสูญเสีย หลังจากนั้นต้องวางแผนจัดการกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขอความช่วยเหลือ จำพวกอาหาร สิ่งของที่จำเป็นช่วงน้ำท่วม หรือขอความช่วยเหลือในเรื่องของการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง และที่สำคัญอีกเรื่องคือ การปรับตัวปรับใจหากต้องเข้าไปอยู่ในสถานที่ใหม่ ๆ บางครั้งอาจไม่สะดวกเหมือนการอาศัยอยู่ในที่เก่าของตนเอง แต่ในภาวะฉุกเฉินนั้นจำเป็นต้องปรับตัวอย่างมาก

          และที่ขาดไม่ได้คือ การได้พูดคุยหรือระบายความเครียดที่มีอยู่ภายในจิตใจให้สมาชิกในครอบครัวฟัง รวมทั้งการให้จิตแพทย์รับทราบความรู้สึกของเราก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วง 1 เดือนแรกของน้ำท่วม เพราะเป็นช่วงที่ทุกคนกำลังหาทางออก หรือพูดง่าย ๆ ว่ากำลังอยู่ในช่วงโศกเศร้าจากการสูญเสีย หากได้ระบายออกมาก็จะทำให้ลดความเครียดได้ดีทางหนึ่ง

          คุณหมอยังกล่าวว่า การสวดมนต์ภาวนา การนั่งสมาธิ การออกกำลังกาย ตลอดจนการเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา ก็สามารถช่วยลดความเครียดในช่วงน้ำท่วมได้ แต่อย่างไรก็ต้องจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่กล่าวมาข้างต้นให้ได้เสียก่อน เพราะ สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของความเครียดในช่วงน้ำท่วมนั่นเอง ส่วนต้นตอของความเครียดที่แท้จริงนั้น คุณหมอกล่าวว่า เกิดจากความตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น จึงทำให้ไม่สามารถเตรียมรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้ จนทำให้เกิดความวิตกกังวลและเกิดอาการซึมเศร้า จนนำไปสู่ความเครียดนั่นเอง


น้ำท่วม ข่าวน้ำท่วม


          พร้อมกันนี้คุณหมอกล่าวว่า ระดับความเครียดที่เกิดขึ้นในแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางร่างกาย จิตใจ และสังคม สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานทางจิตใจที่ดี เช่น เป็นคนเตรียมพร้อมรับมือในทุก ๆ เรื่อง ก็จะสามารถรับมือกับความเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี หรือผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงก็จะเครียดน้อยกว่าผู้ที่มีสุขภาพค่อนข้าง อ่อนแอ โดยเฉพาะเรื่องการหาทุนทรัพย์มาซ่อมแซม หรือปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้นหลังน้ำท่วม รวมทั้งคนกลุ่มนี้เป็นผู้ที่พร้อมจะช่วยผู้อื่นได้มากที่สุด

          สุดท้ายเป็นเรื่องของพื้นฐานทางสังคมที่ดีก็จะช่วยคนให้เกิดความเครียดได้ น้อยลงเช่นกัน โดยเฉพาะการช่วยเหลือจากคนภายนอก สิ่งนี้จะช่วยในแง่ของการสร้างกำลังใจที่ดีให้กับผู้ที่กำลังเครียด จากการสูญเสียในช่วงหลังน้ำลด เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็จะรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว 

          ขณะ เดียวกันคุณหมอกล่าวว่า หากปล่อยความเครียดเอาไว้จะส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ โดยหากเป็นผลกระทบด้านร่างกายนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังและปวดกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร เนื่อง จากเกิดอาการเครียดจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้ รวมถึงโรคซึมเศร้าซึ่งเกิดมาจากการนอนไม่หลับอีกด้วย นอกจากนี้ อาจทำให้ผู้ป่วยโรคเครียดหันไปพึ่งพายาเสพติด เช่น การดื่มสุรา หลังจากนั้นจะส่งผลให้ผู้ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับตับและระบบประสาทตามมา

          ส่วน ผลกระทบด้านจิตใจนั้น ความเครียดจะทำให้ผู้ป่วยเกิดความวิตกกังวลใจ จนไม่มีสมาธิและฝันร้ายบ่อยครั้ง จนนำไปสู่ความท้อแท้และหมดหวังในชีวิตได้ แต่อย่างไรก็ตาม โรคที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นในแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจและการปรับตัวที่ดีด้วย

          ท้ายนี้ คุณหมอได้ฝากถึงผู้ประสบภัยที่ได้รับความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินว่า ให้ยอมรับและบอกตัวเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ อย่าโทษตัวเอง อย่าโทษผู้อื่น หรืออย่าโทษธรรมชาติ เพราะทุกสิ่งอย่างล้วนมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ดังนั้นชีวิตที่เหลืออยู่ก็ต้องก้าวเดินต่อไป




http://health.kapook.com/view25042.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก