โยคะงู เทรนด์การออกกำลังกายแบบใหม่


โยคะ

โยคะงู เทรนด์การออกกำลังกายแบบใหม่ (ไทยโพสต์)

          การ ออกกำลังกายด้วยโยคะนั้นมีหลายแบบ แต่หลายคนคงยังไม่ทราบว่าหนึ่งในนั้นมีโยคะงู ซึ่งเป็นเทรนด์การออกกำลังกายแบบใหม่ ที่สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้เล่นเป็นอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดกลับนำผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงมาสู่คุณสาว ๆ อย่างมหาศาล

          คะวารี คูมารา ครูผู้สอนโยคะงู กล่าวว่า ผู้เล่นต้องเผชิญหน้ากับความกลัว และพบกับความสุขแบบใหม่ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ผ่านการออกกำลังกายแบบใหม่ที่เรียกกันว่าโยคะงู เพราะพวกเราต้องเชื่อมต่อกับความกลัวระหว่างคนและงู และคุณเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว เพราะนี่เป็นเรื่องจริงของการใช้ งูเหลือม และงูหลาม รวมทั้งงูข้าวโพด ซึ่งนอนขดเป็นวงกลมภายใต้ผ้าคลุม เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนโยคะงู และพวกมันก็กำลังคอยเวลาที่จะเข้ามาร่วมเรียนกับคุณ

          พร้อมกันนี้ คะวารีกล่าวว่า คุณจะลืมโยคะที่ใช้พลังและโยคะต้นแบบไปได้เลย ถ้าหากคุณต้องการเป็นผู้นำของคนอื่น เพราะโยคะงูนี้เป็นแนวใหม่ล่าสุด และเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากที่สุดก็ว่าได้ โดยเฉพาะห้องเรียนที่เปิดสอนอยู่ในเมือง หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า "คูมารา ศาสตร์แห่งการรักษาด้วยงู" เธอกล่าวว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของโยคะ "คูนดาลินี" หรือโยคะม้วน พูดง่าย ๆ ว่า โยคะคูนดาลินีนั้นเป็นศาสตร์หนึ่งที่ผสมผสานระหว่างส่วนต่าง ๆ  ของร่างกายกับระบบการหายใจ การตั้งจิตสมาธิ รวมถึงการสวดมนต์ภาวนาเข้าไว้ด้วยกัน

          สำหรับวัตถุประสงค์ของการเรียนโยคะงูนั้น คือ การลงลึกไปสู่จิตวิญญาณ เพื่อเชื่อมต่อระหว่างจิตวิญญาณและธรรมชาติของโลกเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้ความเป็นมิตรและการบำบัดจากงู และต้องได้รับคำแนะนำจากเราเท่านั้น เพราะการเอาชนะธรรมชาติเรื่องของการไม่ชอบงูได้นั้น จะช่วยเปิดระบบจักระของคุณ เพื่ออนุญาตให้พลังงานไหลผ่านเข้าไปสู่ร่างกาย ซึ่งจะช่วยปรับปรุงพื้นที่ทุกส่วนในชีวิตของคุณให้ดีขึ้น และจะดีมากหากเรื่องนี้ไปได้ไกลในทุก ๆ ที่

          หลัก สูตรแรกมี 8 ขั้นตอนหลักของการทดลอง ที่สอดคล้องกับ 8 ระบบภายในร่างกายเพื่อหาจุดสำคัญทั้ง 8 ร่วมกัน โดยเริ่มจากโยคะการฝังเข็มจากภาคตะวันออก ซึ่งระบบจักระเป็นศูนย์รวมของพลังงานในร่างกาย โดยจะไหลผ่านเข้าไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในลักษณะแนวตั้ง หรือพูดง่าย ๆ ว่าจากแนวของกระดูกสันหลังไปสู่กลางศีรษะนั่นเอง ส่วนความเชื่อในเรื่องของการที่พลังงานจะสามารถไหลเข้าไปสู่จุดทั้ง 8 ในร่างกายได้นั้น บางคนอาจเกิดการอุดตันได้ในบางจุด จนทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น มันอาจจะทำให้เกิดความไม่สมบรูณ์ และเกิดความผิดพลาดจนไม่สามารถทำสิ่งที่ฝันได้สำเร็จก็เป็นได้

          และความวิตกกังวลเหล่านี้สามารถทำให้ระบบจักระในร่างกายเกิดการอุดตันได้ สำหรับการเอาชนะความวิตกกังวลได้นั้น ก็จะช่วยให้พลังงานในชั้นต่าง ๆ ทำงานได้อย่างอิสระ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้งู ซึ่งเริ่มขั้นตอนแรกโดยการจับจุดของจักระ ที่ตั้งอยู่บริเวณโคนของกระดูกสันหลัง หลังจากนั้น คะวารีจะเทน้ำมันที่มีกลิ่นหอมลงบนหน้าผาก และพวกเราก็จะเริ่มทำการออกกำลังกายบริเวณอุ้งเชิงกราน

          หลังจากนั้นก็ไล่ไปสู่หัวเข่า ลักษณะท่าทางนั้นคล้ายกับอีการ้อง และมีกิ่งไม้ติดที่บริเวณลิ้น ขณะเดียวกันผู้ฝึกเองต้องหายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วยอาการหอบและปั๊มลมหายใจเข้าไปสู่บริเวณท้องน้อย ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันเป็นเรื่องยากนั่นเอง ดังนั้น งูจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับท่าโยคะ "คูนดาลินี" เพราะวิธีนี้เชื่อว่าพลังงานจะเกิดจากการนั่งนิ่ง ๆ หรืออาจกล่าวได้ว่า การม้วนกระดูกสันหลังนั้นเป็นท่าเลียนแบบงูนั่นเอง และจุดสำคัญของโยคะประเภทนี้ จะช่วยผ่อนคลายและทำให้พลังในร่างกายไหลเวียนได้สะดวก เพราะความเครียดและกรรมพันธุ์เป็นสิ่งที่สร้างความวุ่นวายให้กับชีวิต หลังจากการฝึกโยคะงูแล้ว ก็จะมีการนั่งสมาธิไปพร้อมกับการฟังเพลง เพราะโยคะประเภทนี้ค่อนข้างรุนแรงและหนักหน่วง

          พร้อม กันนี้ คะวารีก็ได้กล่าวว่า ความกังวลนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะประชาชนประมาณ 7 ล้านคนในสหราชอาณาจักรที่ประสบปัญหาต่าง ๆ จากความกังวล และปัญหานี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ การเรียนโยคะงูนั้นก็เช่นกัน โดยเฉพาะเวลาที่พวกเรานั่งล้อมวง ครูสอนโยคะได้เตือนพวกเราว่า เมื่อไรที่เราลืมตา เขาก็จะนำงูพันคอและเดินไปรอบ ๆ วงล้อมที่พวกเรานั่งอยู่ แต่หลังจากที่ลืมตานักเรียนก็ได้เห็นงูทั้งหมด 11 ตัววางอยู่ในตะกร้า โดยมีงูเหลือม 3 ตัว งูหลามยักษ์ 4 ตัว และงูข้าวโพดตัวเล็กอีก 4 ตัว พวกเขาทำเสียงขู่เลียนแบบงูหลังจากที่งูถูกนำออกไป ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจขึ้น ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่า นักเรียนจะรู้สึกปลอดโปร่งเมื่อไม่มีงูอยู่ในบริเวณที่เรียนโยคะ ท้ายนี้ครูผู้สอนจึงได้กล่าวว่า ถ้าคนกลัวงูจะทำให้พวกเขากลัวจิตวิญญาณของตนเองด้วย เพราะงูจะเป็นตัวที่เชื่ยมโยงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจไปสู่มนุษย์นั่นเอง



http://health.kapook.com/view24989.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก