"นนท์นที" อาหารรสดี บรรยากาศรีสอร์ท

บรรยากาศภายในร้านนนท์นที
       "ตระเวนกิน" เป็นคนชอบเข้าวัดไหว้พระทำบุญ อย่างเมื่อวันก่อนเราก็ได้แวะเวียนเข้าไปทำบุญที่วัดสังฆทานตรงสะพานพระราม 5 มา หลังจากทำบุญอิ่มใจแล้ว เราก็นึกอยากอิ่มท้องขึ้นมาด้วย พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีคนรู้จักเคยแนะนำร้านอาหารบรรยากาศดีที่อยู่แถวๆ นี้ให้รู้จัก ไหนๆ ก็ผ่านมาแล้ว เลยแวะเข้าไปลองชิมเสียหน่อย
      
       ร้านนี้ชื่อ "นนท์นที" เป็นร้านอาหารที่อยู่ในนนท์นทีรีสอร์ท ถ้าพูดถึงบรรยากาศแล้วก็เรียกว่ากินขาดเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นร้านที่อยู่ในรีสอร์ท ทำให้การตกแต่งร้าน และสวนที่อยู่รอบๆ นั้นสวยงาม ได้อารมณ์รีสอร์ทสไตล์บาหลี โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่มีการเปิดไฟ เล่นแสงสีต่างๆ อีกส่วนก็เพราะว่าตัวร้านอาหารตั้งอยู่ริมลำน้ำ แถมยังมีสระน้ำอยู่กลางสวนอีกด้วย เลยทำให้บรรยากาศเย็นสบายยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งโต๊ะนั่งมุมสบาย
       จุดเริ่มต้นของร้านก็มาจากการทำรีสอร์ท โดยแรกเริ่มนั้นตั้งร้านเพื่อทำอาหารให้กับลูกค้าที่มาใช้รีสอร์ท แต่ต่อมาเมื่อมีคนเข้ามากินมากขึ้น ก็ขยับขยายจนได้แบบทุกวันนี้ เมนูอาหารในร้านก็มีทั้งไทย จีน ซีฟู้ด เกือบๆ 300 เมนู ซึ่งวัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาใช้นั้น เน้นที่ความสด สะอาด มีคุณภาพ
      
       บรรยากาศในร้านนั้นร่มรื่นเย็นสบาย ที่นั่งแต่ละโต๊ะจะได้สัมผัสกับธรรมชาติ ทั้งที่เป็นส่วนริมน้ำ และติดสวน ซึ่งจะมีดนตรีเล่นสดคอยขับกล่อมเสียงเพลงไพเราะตั้งแต่เวลาประมาณ 18.30 น. นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เป็นห้องคาราโอเกะไว้รองรับลูกค้าที่ชื่นชอบการร้อง เพลงอีกด้วย
ปลาช่อนโบราณ
       และแล้วก็ได้เวลามาลองชิมกันบ้าง จานแรกของวันนี้คือ ปลาช่อนโบราณ (260 บาท) ที่ใช้ปลาช่อนสดขนาดพอเหมาะ มาทอดจนกรอบนอกนุ่มใน วางด้านบนด้วยเนื้อส้มโอ ราดด้วยน้ำยำที่มีส่วนผสมของตะไคร้ หอมแดงซอย ผักชีใบเลื่อย กุ้งสดลวก น้ำพริกเผา น้ำตาล น้ำปลา มะนาว และพริกสด ชิมแล้วได้รสเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อยจากส้มโอ เข้ากันกับน้ำยำสามรส ส่วนเนื้อปลาก็นุ่มหวาน อร่อยดีจริงๆ
ยำถั่วพู
       จานที่สองคือ ยำถั่วพู (120 บาท) โดยเลือกถั่วพูสด นำมาลวกแล้วคลุกกับน้ำยำสูตรเฉพาะ ที่ผสมกับหัวกะทิ มะพร้าวคั่ว พริกสดตำ น้ำพริกเผา หอมแดงซอย เพิ่มคุณค่าด้วยปลาหมึก และกุ้งสดลวก กินคู่กับไข่ต้ม ยำถั่วพูรสจัดจ้าน ถั่วพูลวกสุกแต่ยังคงความกรอบ เข้าคู่กันดีกับไข่ต้มที่มาลดความเผ็ด แถมด้วยความหอมจากหัวกะทิและมะพร้าวคั่ว จานนี้กินแล้วอร่อยไม่หยุดไม่หย่อนเลยทีเดียว
เห็ดออรินจิผัดฉ่า
       ต่อกันด้วยอีกเมนูที่จัดจ้านไม่แพ้กัน เห็ดออรินจิผัดฉ่า (180 บาท) ที่นำเห็ดออรินจิขาวอวบมาผัดลวกแล้วพักไว้ จากนั้นนำเครื่องผัดฉ่ามาคั่วจนหอม ใส่กุ้งสดและเห็ดออรินจิที่เตรียมไว้ ผัดจนสุก แล้วโรยด้วยใบโหระพา จานนี้ต้องกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ได้รสจัดจ้านถึงใจ หอมเครื่องผัดฉ่า ทั้งกระชาย พริกไทยอ่อน และใบโหระพา
      
       มาคั่นความเผ็ดด้วย ผัดผักสี่สหาย (120 บาท) ที่พาเหรดกันมาทั้ง ผักกาดขาว แครอท ยอดข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง และเห็ดหอม นำทั้งหมดมาลวกจนสุก แล้วจัดใส่จานให้สวยงาม แล้วราดด้วยน้ำแดงที่ผัดร้อนๆ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ผักแต่ละอย่างสดหวาน เข้ากับน้ำแดงรสออกเค็มน้อยๆ ช่วยดับความเผ็ดได้เป็นอย่างดี
ผัดผักสี่สหาย
       ขอแถมผัดผักอีกสักจาน ผัดผักหวานไฟแดง (120 บาท) กลิ่นหอมฟุ้งด้วยพริกสดและกระเทียมที่นำไปคั่วจนหอม ก่อนจะใส่ยอดผักหวานสดๆ ลงไปผัด ปรุงรสให้ออกเค็ม เสิร์ฟร้อนๆ อร่อยจนต้องขอเติมข้าวอีกจาน
      
       และอีกสักจานกับเมนูนี้ กุ้ง 7 กษัตริย์ (260 บาท) ที่ฟังแค่ชื่อก็กินขาดแล้ว จานนี้ใช้กุ้งแม่น้ำตัวโตมาผ่าครึ่ง แล้วนำไปทอด ราดด้วยน้ำยำสมุนไพร 7 อย่างที่มี มะนาว ตะไคร้ ขิง หอมแดง ถั่ว กุ้งแห้ง และพริกซอย น้ำยำได้รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด และได้รสหวานน้อยๆ จากเนื้อกุ้ง แถมยังได้สุขภาพดีจากบรรดาสมุนไพรอีกด้วย
ผัดผักหวานไฟแดง
       แล้วมาซดน้ำซุปร้อนๆ ให้คล่องคอกับเมนู แกงเลียงกุ้งสด (150 บาท) ที่ตำเครื่องแกงสดๆ ใหม่ๆ นำมาต้มกับน้ำเดือด ใส่ยอดข้าวโพดอ่อน ฟักทอง บวบ เห็ดฟาง และกุ้งสด ต้มจนสุก แล้วใส่ใบตำลึง และใบแมงลัก ยกมาเสิร์ฟร้อนๆ ได้กลิ่นหอมพริกไทยในน้ำแกง รสชาติกลมกล่อม ซดคล่องคอดีนักแล
กุ้ง 7 กษัตริย์
       ส่งท้ายด้วยสาระพัดน้ำปั่น อย่างเช่น น้ำแคนตาลูป น้ำมะพร้าว และน้ำสะระแหน่ (แก้วละ 50 บาท) ที่เลือกสรรวัตถุดิบที่สดๆ ใหม่ๆ ปรุงรสเพียงเล็กน้อย แล้วปั่นกับน้ำแข็งจนเนียนละเอียด ดื่มแล้วหวานเย็น ชื่นใจ สบายอารมณ์
แกงเลียงกุ้งสด
       แถมด้วยเมนูอร่อยๆ ที่อยากจะแนะนำ อาทิ รวมมิตรทะเลเผา (480 บาท) ส้มตำนนท์นทีปลากระพง (300 บาท) ปลาหมึกผัดไข่เค็ม (250 บาท) ห่อหมกทะเล (180 บาท) ต้มแซ่บกระดูกอ่อน (150/200/250 บาท) และอีกหลากหลายเมนู ที่ชวนให้สั่งมากินแบบอิ่มเอม ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นชวนนั่งสบายๆ สามารถแวะมาสัมผัสกันได้ที่ร้าน "นนท์นที"