"seasons" สีสันความอิ่มอร่อย

บรรยากาศภายในร้าน seasons
       การเดินทางออกมากินอาหารนอกบ้านของ "ตระเวนกิน" ในมื้อนี้ต้องบอกว่าเราได้มาพบกับร้านอาหารเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความน่ารัก นามว่า "seasons" (ซี ซั่นส์) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามโบสถ์มหาไถ่ เป็นร้านอาหารที่สร้างความประทับใจให้กับเราตั้งแต่แรกพบ เพราะเพียงแค่เปิดประตูเข้าไปในร้าน ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแบบเป็นกันเอง และความน่ารักอย่างมีสีสันของตัวร้านที่ทาผนังด้วยสีเหลืองสดใส ตัดกับสีฟ้า และตกแต่งร้านด้วยโต๊ะนั่งสีขาวสะอาดตา กรุกระจกใสดูโล่งโปร่งสบาย มีของประดับประดาแบบกุ๊กกิ๊กน่ารักๆ (ซึ่งทางร้านขายด้วย)
มุมโต๊ะนั่งสบายๆ
       ทำให้บรรยากาศแห่งการกินในมื้อนี้ดูมีสีสันขึ้นมาถนัดตา จากนั้นเราจึงขอเมนูมาเปิดดูว่าที่นี่มีอาหารอะไรที่ชวนกินบ้าง ซึ่งอาหารของที่นี่เน้นเป็นอาหารไทย มีทั้งแบบไทยแท้ๆ และแบบไทยประยุกต์ซึ่งเป็นเมนูที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาเอง เห็นจากรายการอาหารแล้วก็ต้องบอกว่ามีมากมาย และแต่ละอย่างก็ล้วนแล้วแต่น่ากินทั้งนั้นเลย จนทำเอาเลือกไม่ถูกว่าจะสั่งเมนูอะไรมากินดี
ลาบหมูทอด
       เราเลยให้ทางร้านยื่นมือมาช่วยแนะนำเมนูจานเด็ดที่ถือว่าเป็นเมนูขายดีประจำร้านมาให้ลองชิมกันดู โดยเมนูแรกเป็น ลาบหมูทอด (95บาท) อาจดูเหมือนจะธรรมดาๆ แต่ขอบอกว่าลาบหมูทอดของที่นี่กรอบนอกนุ่มในมีรสชาติจัดจ้านรสลาบแซ่บถูกปาก เพราะทางร้านใช้หมูสันนอก เอามาปั่นรวมกับเครื่องลาบครบเครื่อง ปั้นมาเป็นลูกกลมๆ พอคำแล้วทอดจนกรอบนอกนุ่มใน กินเคียงกับผักสดๆ หลายอย่าง
ยำพฤกษา
       พอลาบใกล้หมดจาน เมนูยำพฤกษา (95บาท) ก็ถูกเสิร์ฟต่อมาทันที เมนูนี้เป็นการนำเอากลีบดอกกุหลาบ และกล้วยไม้มาชุบแป้งทอด และกินกับน้ำยำสไตล์ซีฟู้ดสูตรพิเศษของทางร้านที่ประกอบไปด้วย กุ้ง ปลาหมึก หมูสับ แอ๊บเปิ้ลเขียวซอยบางๆ ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล โรยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เวลากินให้นำน้ำยำมาราดบนกลีบดอกไม้ทอด เคี้ยวเข้าปากกรุบกรอบเข้ากับน้ำยำ ออกรสเปรี้ยวๆจากแอบเปิ้ล และเผ็ดถูกลิ้นกำลังดี
ส้มตำทอด
       จากนั้นตามมาด้วย ส้มตำทอด (120บาท) ที่ช่างเป็นส้มตำที่กรอบได้ใจจริงๆ โดยทางร้านใช้เส้นแครอทและมะละกอมาคลุกกับแป้งแล้วทอดจนสุกกรอบ มาพร้อมกับส้มตำไทยครบเครื่อง ให้นำมาราดบนเส้นมะละกอและแครรอท ก่อนส่งเข้าปากเคี้ยวกร้วเส้นมะละกอและแครอทมกรอบกรุบมากๆ เข้ากับน้ำส้มตำรสเปรี้ยว หวาน เค็มโดนใจปากเต็มๆ
กุ้งซ่อนหา
       ถัดมาเป็นเมนูชื่อเก๋ไก๋ กุ้งซ่อนหา (95บาท) เป็นเมนูยอดฮิตของทางร้าน ที่ทางร้านใช้เนื้อกุ้งแชบ๊วยมาบดกับรากผักชี กระเทียม พริกไทย และปรุงรสนิดหน่อยมาวางบนแผ่นเปาะเปี๊ยะและนำกุ้งแก้วมาวางทับอีกทีแล้วห่อ เป็นรูปใบพัดและทอดให้กรอบจนเหลืองกรอบ กินคู่กับน้ำซอสที่ใช้น้ำมะขามไปเคี่ยวกับน้ำมัน ที่ได้ความอร่อยไปอีกแบบ กินกุ้งซ่อนหาแผ่นแป้งเคี้ยวกรอบนุ่มหวานเนื้อกุ้ง ยิ่งจิ้มกินคู่กับซอสได้กลิ่นหอมและน้ำซอสออกรสอมเปรี้ยวอมหวานเข้ากันแบบลง ตัว
ข้าวผัดพริกขิงหมูกรอบ
       อีกหนึ่งเมนูแนะนำคือ ข้าวผัดพริกขิงหมูกรอบ (95บาท) จานเดียวกินอิ่มท้องไม่ใช่เล่น เป็นข้าวผัดกับพริกแกงขิงที่ทางร้านทำเอง ใส่หมูกรอบ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โรยหน้าด้วยกากหมู พริกชี้ฟ้าแดง และใบมะกรูดเพิ่มความหอม ชิมรสชาติผัดพริกขิงหมูกรอบข้าวเป็นเม็ดร่วนเคี้ยวนุ่มได้รสชาติกลมกล่อมถึง เครื่องพริกแกงขิง ส่วนหมูกรอบชิ้นใหญ่เคี้ยวเต็มปากเต็มคำ
แกงส้มชะอมไข่
       และเมนูสุดท้ายที่นำเสนอมาคือ แกงส้มชะอมไข่ (120บาท) เป็นแกงส้มที่น้ำข้นมากๆ เพราะน้ำแกงส้มเข้มข้นไปด้วยเนื้อปลาช่อนาที่ต้มแล้วเอาแต่เนื้อมาโขลกกับ เครื่องแกงสูตรเด็ดของแม่ครัวทางร้านเอง จุดเด่นของแกงส้มถ้วยนี้อยู่ตรงที่เนื้อปลาช่อนนานั้นมีความหอมมันช่วยเพิ่ม รสชาติและความเข้มข้นให้กับน้ำแกงส้มได้ดี และทางร้านจะใส่ชะอมทอดมาด้วยกับกุ้ง ชิมแกงส้มซดน้ำร้อนๆ หอมกลิ่นเครื่องแกง และน้ำแกงข้นไปด้วยเนื้อปลาออกรสชาติเปรี้ยว หวานกลมกล่อมโดนใจ
dairy strawberry และsuper berry
       นั่นคือหลายเมนูจานเด็ดที่เราได้ลองลิ้มจนอิ่มแบบพุงกาง แต่ถ้าถามว่ายังมีเมนูอื่นๆ ที่น่ากินอีกไหม ขอบอกว่ายังมี อาทิ ปีกไก่ยัดไส้ (120บาท) ต้มยำขาหมู (120บาท) เส้นหมี่ผัดกระเพราไก่คั่วแห้ง (95บาท) เปรี้ยวหวานผลไม้ (120บาท) ไก่ตระกร้า (90บาท) ฯลฯ รวมถึงยังมีเครื่องดื่มอย่างสมูทตี้ส์หลากหลายรสแก้วละ 70 บาท อาทิ dairy strawberry, super berry เป็นต้น และไอศกรีมโฮมเมดเย็นๆ กินแล้วสดชื่นใจก็มีให้บริการ ให้ได้อิ่มเอมกันอย่างเต็มที่เมื่อมาที่ร้าน "seasons" แห่งนี้
อีกหนึ่งมุมนั่งน่ารักๆ